Tuesday, 2 July 2024
NEWS FEED

'ลุงตู่' ขอวัยรุ่นอย่าใจร้อน! ฟุ้งผลงาน 7 ปี ถือว่าทำเร็วแล้ว

‘บิ๊กตู่’ ขอวัยรุ่นอย่าใจร้อน ฟุ้งผลงาน 6-7 ปี ที่ทำไว้ถือว่าเร็วแล้ว ภายใต้เงื่อนไขกฎหมาย และกระแสต่อต้าน

30 พ.ค. 2565 – เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะนักกีฬาอีสปอร์ตทีมชาติไทยที่ได้รับเหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม (Fifa online, ROV) และ นักกีฬาอีสปอร์ตที่ได้รับรางวัลแชมป์โลก (เกมส์ Free fire ทีม Attack All Around) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีด้วยใจจริง ยินดีที่ประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังมานานแล้ว และได้ให้แนวนโยบายในการสนับสนุนกีฬาประเภทดังกล่าว เพื่อให้พัฒนาบุคลากรของเราด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักกีฬาทุกคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญในอนาคตของประเทศไทยซึ่งถือเป็นคนรุ่นใหม่ จะเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยินดีกับทุกคนด้วยใจจริงและจะให้การสนับสนุนต่อไป เพื่อให้เกิดเป็นมูลค่าสร้างสรรค์ประเทศเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป เพราะเรามักมีรายได้ของประเทศจากสิ่งเดิมๆ ดังนั้นจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้ใหม่ นอกจากเรื่องของกีฬา การท่องเที่ยวของเราก็พัฒนาให้มีคุณภาพ พัฒนาสาธารณณูปโภคพื้นฐาน แต่ที่สำคัญคือการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ ซึ่งบางครั้งจำเป็นเราต้องเรียนรู้จากคนอื่นด้วย
 

‘หมอยง’ เคลียร์ชัดใครควรฉีดเข็ม 4 ส่วนวัยรุ่นให้รอดูสถานการณ์ก่อน

(30 พ.ค.65) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan หัวข้อ ‘โควิด 19 วัคซีนเข็มที่ 4’ ระบุว่า…

การให้วัคซีนครบ หมายถึง ให้เบื้องต้น 2 เข็ม และตามด้วยเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ระดับภูมิต้านทานจะขึ้นมาสูง แล้วก็ค่อยๆ ลดลงอีก ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ อยากให้ทุกคนได้รับอย่างน้อย 3 เข็ม

มีคำถามเข้ามามากโดยเฉพาะ เข็ม 4 

การให้เข็ม 4 จะเป็นการกระตุ้นให้ระดับภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นอีก ดังนั้นบุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 ที่มีอายุเกิน 60 ปี หรือถ้าอายุน้อย แต่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างน้อย 1 อย่าง หรือบุคคลที่เสี่ยงต่อการติดโรค บุคลากรทางการแพทย์ ทำงานอยู่ด่านหน้า ควรจะได้รับเข็ม 4 เพื่อให้ระดับภูมิต้านทานสูง และถ้าติดโรค ก็จะได้ลดความรุนแรงของโรคลง
 

‘รุ้ง’ ถาม คิดยังไงเรื่องยกเลิกมาตรา 112 ‘ชัชชาติ’ ตอบ อย่านำความโกรธแค้นเป็นตัวนำ

รุ้ง-ปนัสยา แกนนำม็อบราษฎรโพสต์ทวิตเตอร์ แจงที่ถามชัชชาติเรื่องยกเลิกมาตรา 112 ถามอย่างซื่อๆ แค่อยากรู้ว่าคิดยังไง ไม่คาดหวังคำตอบและไม่ได้โจมตีใคร ด้านชัชชาติบอกดีใจที่ได้เจอ ถามได้ทุกคำถาม

(30 พ.ค.65) จากกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในงานตลาด (นัด) ราษฎร ที่สวนครูองุ่น ซอยทองหล่อ 3 เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ตอบคำถามที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าม็อบราษฎร ถึงประเด็นการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งนายชัชชาติตอบว่า ต้องมีความละมุนละม่อม โดยเริ่มจากการไม่เอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แม้จะอดทนตั้งแต่ปฏิวัติมา แต่ต้องมียุทธศาสตร์ในการเดิน การแก้แค้นจะดีที่สุดเมื่อตอนที่มันเย็นแล้ว อย่าไปเอาความโกรธความแค้นมาทำ เชื่อว่ามียุทธศาสตร์ในการเดิน แล้วเวลาก็อยู่ข้างพวกเรา

‘เซเลนสกี’ เยือนแนวหน้าครั้งแรกนับแต่เกิดสงคราม พร้อมไล่ออก ผบ.ความมั่นคงฐานไม่ปกป้องเมือง

เมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เดินทางเยือนภาคตะวันออกของประเทศ ที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียรุกราน ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบเมืองสำคัญต่างๆ ในภูมิภาคดอนบาส

หลังจากเดินทางเยือนเมืองคาร์คิฟ เซเลนสกีแถลงว่าเขาได้ไล่ออกผู้บัญชาการความมั่นคงของเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ ในการตำหนิต่อหน้าสาธารณะอย่างที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก

เซเลนสกี ระบุว่า ผู้บัญชาการความมั่นคงท้องถิ่นรายนี้ถูกปลด "โทษฐานที่ไม่ทำงานเพื่อปกป้องเมืองตั้งแต่วันแรก ๆ ของการเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ และคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น"

แม้ประธานาธิบดีไม่ได้เอ่ยชื่อเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว แต่สื่อมวลชนยูเครนระบุว่า บุคคลรายนั้นคือนายโรมัน ดูดิน หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง SBU ประจำแคว้นคาร์คิฟ

ก่อนหน้านี้ สำนักงานของเซเลนสกี โพสต์วิดีโอหนึ่งลงบนเทเลแกรม เป็นภาพประธานาธิบดีสวมเสื้อเกราะกันกระสุน ระหว่างเดินตรวจสอบอาคารต่างๆ ที่ถูกทำลายในเมืองคาร์คิฟ และพื้นที่โดยรอบ

ในขณะที่สงครามทำลายพื้นที่อันกว้างขวางในประเทศของเขา ประธานาธิบดียูเครนรายนี้มีกำหนดพูดคุยกับพวกผู้นำสหภาพยุโรปผ่านวิดีโอลิงก์ ในบรัสเซลล์ ในวันจันทร์ (30 พ.ค.) ในขณะที่อียูกำลังหาทางผ่าทางตันคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย

นับตั้งแต่ล้มเหลวการยึดกรุงเคียฟในช่วงต้นๆ ของสงคราม และจากนั้นก็ล่าถอยออกจากพื้นที่คาร์คิฟ รัสเซียเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน
 

'พงศ์พรหม' ชี้!! ดราม่าเลขไทย 'จะเก็บหรือจะใช้' ก็อย่ายืมแว่นตาและมาตรวัดตะวันตกมาตัดสิน

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวถึงประเด็นดราม่าการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้เลขไทยในเอกสารทางราชการว่า เมื่อซัก 10 กว่าปีที่แล้ว ในขณะที่จีนเริ่มส่งแสงเติบโตอย่างรวดเร็ว ผมไปอ่าน article นึงของนิตยสารที่มีอิทธิพลของ “ตะวันตก” ในหัวข้อว่า “ทำไมภาษาจีนจึงจะไม่มีวันที่จะเป็นภาษาสากลได้?”

สิ่งที่อ่านในวันนั้น คือการใช้ “แว่นตา และมาตรวัด” ตะวันตกมาวัดภาษาจีน เช่นบอกว่าภาษาจีนระบุความเป็นเพศต่างๆมากไปเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษ

รวมถึง font ที่มีความปรับเปลี่ยนมากไป ในแต่ละตัวเมื่อเทียบกับ font ภาษาอังกฤษเช่นกัน

ทุกอย่างเอามาเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษหมด

แต่ในวันนี้ภาษาจีนกำลังก้าวใกล้การเป็นภาษาสากลแล้ว

ตรงข้ามกับที่สื่อตะวันตกเคยพยายามจะ discredit 

เหมือนกับ article หลายๆ article ที่ชมเศรษฐกิจจีน แต่ก็สบประมาทว่าจีนจะโตได้ไม่ไกลเช่นกัน วันนี้ก็เห็นกันแล้วว่าจีนเป็น super power ไปแล้ว

ดราม่าเรื่องเลขไทยในหลายวันที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่เกิดจากมุมมอง “แว่นตา และมาตรวัดตะวันตก” ทั้งสิ้น

เหมือนนักวิชาการยุคหนึ่งที่จบอเมริกาแล้วแนะนำว่า

“ให้ถมคลอง เพื่อสร้างถนน”

แทนที่จะเก็บคลอง แล้วสร้างถนนให้อยู่กับคลองได้แบบในฮอลแลนด์
 

นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานเปิดโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ประจําปี 2565

(27 พ.ค.65) คุณปัญญดาว ธูปะเตมีย์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ประจําปี 2565 ณ กองกําลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 สนามบินบ่อทอง อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยมี พลอากาศโท วรกฤต มุขศรี ประธานชุมนุมนายเรืออากาศ รุ่นที่ 31, พลอากาศโท ชัยนาท ผลกิจ เจ้ากรมกิจการพลเรือน, นาวาอากาศเอก ภราดร คุ้มทรัพย์ ประธานมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ, พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้, นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายเศรษฐ์  อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี, นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ, นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหารายได้และผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย, พลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา, รศ.สุภัทรา โกไศยกานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และนาวาอากาศเอก จักรกฤษณ์  กลิ่นสาหร่าย ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 นายเสริมศักดิ์วงศ์ชัยประธานชมรมพัฒนาสัมสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพอากาศ (พสบ.ทอ) และ (พสบ.ทอ.11-16) นาย เชาวริน ชาญสายชล นายปกรณ์สิน ทิพยจันทร์นางสาวพรรณวิภา ศุภธนพัฒน์ รองประธาน พสบ.ทบ28 นายธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคมเข้าร่วมพิธี

สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ ได้ดำเนินโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ ชุมนุมนายเรืออากาศรุ่นที่ 31 และภาคีเครือข่าย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 60 ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 6 ของโครงการ โดยมีเจตนารมย์ในการสร้างภูมิคุ้มกันของแผ่นดิน ถือเป็นภารกิจที่สำคัญของภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ...

1. การสร้างคน คือ แกนนำคนพิการ แกนนำนิสิตนักศึกษาเพื่อช่วยเหลือคนพิการ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ 
2. การสร้างสวัสดิการสังคม สำหรับคนพิการ ทำให้คนพิการมีความมั่นคงด้านความเป็นอยู่ เข้าถึงระบบสวัสดิการของรัฐได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม 
3. การสร้างชุมชน ทำให้ทุกคนในชุมชนตระหนักและเข้าใจในเรื่องความพิการและคนพิการ

โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้เกิดรูปแบบเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาศักยภาพคนพิการจากกลุ่มแกนนำ นิสิตนักศึกษาในสถานศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นกลไกร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่สามารถปฏิบัติได้จริง รวมถึงการขยายฐานให้ครอบคลุมและมากยิ่งขึ้น การพัฒนารูปแบบระบบสวัสดิการสังคมในชุมชนที่เป็น “ต้นแบบ” ในพื้นที่นำร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ที่สามารถเชื่อมโยงส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรของคนพิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพ

สำหรับผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมานั้น สามารถพัฒนารูปแบบการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรมและเหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่ จนปัจจุบันเกิดการสานพลังจากภาคีเครือข่ายด้านต่างๆ เข้ามาร่วมพัฒนาโครงการเพื่อสร้างแรงผลักดันทำให้เกิดนโยบายในเชิงปฏิบัติจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่ความยั่งยืนได้ 

กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือสำหรับผู้พิการ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมมูลค่า 1,000,000 บาท อาทิ รถโชเล่ย์ จำนวน 10 คัน, รถวีลแชร์ จำนวน 100 คัน, ถุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 300 ถุง, เตียงผู้ป่วย, Alternating Bubble Mattress, ข้าวสาร จำนวน 300 ถุง, Walker โครงอลูมิเนียม, ตู้ยาแสตนเลส, เครื่องมือช่าง มูลนิธิ อนันตา โดยประธาน คุณจันทรา ธนาวุฒิวศิ บริษัท อัลติเมท โลจิสติคส์ จำกัด โดย วิชัย ธนาวุฒิวซิน บริจาค เตียงผู้ป่วย รถเข็น และ ที่นอนลม และอื่นๆ รวมถึงการเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับผู้พิการที่เข้าร่วมกิจกรรม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วอน!! ผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดขับขี่อย่างระมัดระวังหน้าสถานศึกษา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดเอื้อเฟื้อแก่นักเรียน นักศึกษา ที่ใช้ทางข้ามหน้าโรงเรียนและสถานศึกษา และใช้ความระมัดระวังในทางข้ามเสมอ 

(27 พ.ค. 65) พล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า  พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.22 ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้าม ส่วนบทลงโทษที่ไม่หยุดให้คนข้าม บริเวณทางข้าม หรือบริเวณที่มีสัญญาณไฟจราจรแสดงสัญลักษณ์ให้คนข้ามถนนได้ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ถ้าการไม่หยุดรถให้คนข้ามทำให้เกิดเหตุการณ์ เฉี่ยวชน จนทำให้ผู้เดินเท้าเกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่จะมีความผิด  และได้รับโทษตามกฎหมายอื่นอีก นอกเหนือจากความผิด พ.ร.บ.จราจร ดังกล่าว

รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา เป็นเวลาเปิดเรียนของนักเรียนทุกช่วงชั้น  รวมถึงวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ จะทยอยเปิดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ ส่งผลให้การจราจรหนาแน่น  โดยเฉพาะบริเวณหน้าโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ที่แม้จะมีทางข้ามที่ชัดเจนและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร  รวมถึงอาสาจราจร ที่มีทั้งครู อาจารย์ และนักเรียนที่ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจรและดูแลความปลอดภัย  เช่น มีการถือธงโบกแสดงสัญลักษณ์ว่ามีคนกำลังใช้ทางข้าม  เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในบริเวณทางข้าม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อไม่นานมานี้

เวทีเช็กเสียง ยกระดับคว่ำบาตร เกมหยั่งเสียงจาก ‘สหรัฐฯ’ แม้รู้ว่า ‘จีน-รัสเซีย’ ต้อง Veto ป้องโสมแดง

เมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ‘จีน’ และ ‘รัสเซีย’ ได้ขอใช้สิทธิ์ในการเป็นสมาชิกถาวร Veto ญัตติของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้องค์การสหประชาชาติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จากการที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปเมื่อเร็วๆ นี้

กรณีเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลถึง 3 ลูก ทางด้านชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พ.ค.65) ไล่หลัง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เพิ่งจบภารกิจการเยือนญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 วันอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น ทางสหรัฐฯ มองว่าเป็นการท้าทายอย่างชัดเจน จนเป็นเหตุให้รัฐบาลวอชิงตัน ต้องชงญัตติเพิ่มระดับการคว่ำบาตรโสมแดงเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันสำหรับประชาชนเกาหลีเหนือจาก 4 ล้าน ให้เหลือแค่ 3 ล้านบาร์เรลอีกด้วย

สหรัฐฯ ได้อ้างเหตุผลว่า เกาหลีเหนือได้ละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับสภาความมั่นคงในปี 2017 ว่าจะระงับการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ทว่ารัฐบาลเปียงยางกลับรื้อฟื้นแผนการทดสอบขีปนาวุธขึ้นมาใหม่ และอ้างว่าสามารถพัฒนาได้ถึงขั้นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปได้แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ฟาก จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ ก็ได้จับมือกับรัสเซีย ใช้สิทธิ์สมาชิกถาวรของสภาความมั่นคง คัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ โดยมองว่าข้อตกลงร่วมเรื่องการคว่ำบาตรตามหลักการแบบเดิมก็เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร หรือตั้งให้เป็นข้อบังคับที่มีผลกับทุกประเทศในสหประชาชาติเพียงเพื่อต้องการเล่นงานเกาหลีเหนือ 

สหรัฐฯ คว่ำต่อ!! แม้ ‘รัสเซีย’ เปิดท่าเรือทะเลดำ ให้เรือต่างชาติเข้าออกได้อย่างปลอดภัย

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ‘สัญญา’ จะเปิดเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัยเพื่อให้เรือต่างชาติออกจากท่าเรือทะเลดำ และเปิดเส้นทางเดินเรือแยกอีกต่างหาก เพื่อเปิดทางให้เรือออกจากท่าเมืองมารีอูโปล โดยแล่นจากท่าเรือในทะเลอาซอฟ (Azov) ไปยังทะเลดำ

โดยสำนักข่าว ‘อินเทอร์แฟกซ์’ ได้รายงานตามการอ้างอิงถ้อยคำของ ‘พันเอก มิคาอิล มิซินต์เซฟ’ ซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ควบคุมการป้องกันประเทศของรัสเซีย ซึ่งระบุว่า ขณะนี้เรือต่างประเทศ 70 ลำจาก 16 ประเทศ อยู่ที่ท่าเรือ 6 แห่งในทะเลดำ รวมถึงโอเดสซา เคอร์ซัน และมิโคไลฟ โดยเส้นทางเหล่านี้จะเปิดให้บริการทุกวัน

WHO ซูฮก!! ยกไทยพิชิตโควิดยอดเยี่ยม ขอนำแนวทางไปปรับในระดับสากล

‘บิ๊กตู่’ ชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ไทย 2 ท่าน ขึ้นรับรางวัลจาก WHO ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 พร้อมขอบคุณทีมไทยแลนด์แสดงศักยภาพด้านสาธารณสุขไทยเป็นที่ยอมรับระดับโลก 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทย 2 ท่าน ที่ได้รับรางวัลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกอบด้วย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในรางวัล Dr LEE Jong-wook Memorial Prize for Public Health และนพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ในรางวัล Sasakawa Health Prize สำหรับพิธีมอบรางวัลได้จัดขึ้นในวันเดียวกันนี้ (27 พ.ค.) ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75  ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งในส่วนของ ศ.นพ.ประกิต ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัลด้วยตนเอง นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จึงเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทน 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 2 ท่าน ได้รับการยกย่องจาก WHO เนื่องด้วยเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการสาธารณสุข โดย ศ.นพ.ประกิต วาธีสาธกกิจ ได้ทำงานภาคประชาสังคมในการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มีผลงานเชิงประจักษ์เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข เป็นจักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคจอประสาทตา ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาตาบอดในประเทศไทย โดยเฉพาะภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา โดยพัฒนาวิธีการคัดกรอง ริเริ่มโครงการสำคัญๆ กระทั่งจำนวนผู้ป่วยที่ตาบอดอันเนื่องมาจากภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตาลดลงอย่างมาก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top