Tuesday, 2 July 2024
NEWS FEED

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ๑๙ (ศบค.) โดยมี พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และเสนาธิการทหารอากาศ เข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

การประชุมฯ ในครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่สําคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ดังนี้...

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นําเสนอการจัดการฝึกร่วมกองทัพไทย ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นการฝึกร่วม ตามแผนป้องกันประเทศ โดยบูรณาการการอํานวยการยุทธร่วม ด้วยการใช้กําลังทหารขนาดใหญ่ของกองทัพไทย รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพและพลเรือน อันเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยให้มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ รวมถึง รักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชน

กองทัพบก ได้รายงานผลการปฏิบัติงานที่สําคัญให้ที่ประชุมได้รับทราบ จํานวน ๒ เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ ๑ การจัดการฝึกทหารใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตั้งแต่ กรรมวิธีการรับทหารใหม่ การเคลื่อนย้ายจนถึงหน่วยฝึกทหารใหม่ การกักตัวครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึก และทหารใหม่ ภายใต้มาตรการ Bubble & Sealed และ เรื่องที่ ๒ การปฏิบัติภารกิจของอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ๑๔๕ (ฮ.ท.๑๔๕) ในการลําเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกในพื้นที่ และทีมแพทย์สกายดอกเตอร์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งสามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วยอาการ วิกฤตให้รอดชีวิต ได้รับการตอบรับจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดียิ่ง

กองทัพเรือ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับสงครามอาวุธที่มีอานุภาพ ทําลายล้างสูง ได้แก่ อาวุธเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ (คชรน.) ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านองค์บุคคล ระดับ นานาชาติ ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี โดยผลงานสําคัญที่ผ่านมา ได้แก่ การสนับสนุนความปลอดภัยของนักดําน้ํา โดยการตรวจสอบปริมาณก๊าซพิษและก๊าชออกซิเจนในภารกิจค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงเพื่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า การนําขีดความสามารถด้านการป้องกันอาวุธชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ณ อาคารรับรองสัตหีบ ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ และการนําเครื่องตรวจวิเคราะห์สารพิษ เทคโนโลยีสูงมาตรวจการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อม และสามารถรายงานผลได้อย่างแม่นยํา รวดเร็ว แบบ Real Time

กองทัพอากาศ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจ และการลาดตระเวน (ISR) โดยการพัฒนาระบบงานและคุณภาพบุคลากร การพัฒนาด้านยุทโธปกรณ์ การจัดหา อากาศยานไร้คนขับ (Dominator) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ GEOINT PORTAL เพื่อพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจและการลาดตระเวนสู่การมีข้อมูลและการข่าวที่มีคุณภาพ (Superior ISR)

สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้นําเสนอระบบ Biometrics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสําหรับการเก็บข้อมูล คัดกรอง และสืบค้นอัตลักษณ์บุคคลในการเข้า-ออกประเทศทั้ง ด่านตรวจทางน้ํา ด่านตรวจทางบก และด่านตรวจ ทางอากาศ ซึ่งมีจํานวน ๑,๘๔๓ จุด ทั่วประเทศ โดยเป็นการใช้ข้อมูลจากลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้าในการ ยืนยันตัวตนที่มีความแม่นยํา มีประสิทธิภาพสูง มีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ทําให้กระบวนการสืบค้น ข้อมูลเพื่อนําไปสู่การจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และแม่นยํามากขึ้น

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันจันทร์ ที่ 30 ต.ค.65 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นในการประชุม เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

คนไทยเตรียมตัว!! จ่ายตังค์เพิ่ม กกพ.จ่อขึ้นค่าไฟปลาย ก.ค.นี้

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ประชุม กกพ. มีแนวโน้มที่จะเห็นชอบให้ขึ้นค่าไฟฟ้ารอบใหม่ จากเดิมอยู่ที่หน่วยละ 4 บาท เนื่องจากวิกฤตพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จากความยึดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณในอ่าวไทย ที่ลดเหลือเพียง 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตเดิม จากปัญหาช่วงรอยต่อผู้รับสัมปทานใหม่ ทั้งหมดส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องขึ้นค่าไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียง หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า ให้มาลงทะเบียนกับการไฟฟ้าใกล้บ้าน แล้วจะได้รับการดูแล ไม่ถูกตัดไฟ 


ที่มา: https://mgronline.com/uptodate/detail/9650000051278

ครม. ประกาศให้ ‘12 สิงหาคม’ เป็น ‘วันผ้าไทยแห่งชาติ’ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’

ครม.เห็นชอบประกาศให้ “12 สิงหาคม” เป็น “วันผ้าไทยแห่งชาติ” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระพันปีหลวง 12 ส.ค. 2565 รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบสานผ้าไทย

วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ วันที่"12 สิงหาคม" ของทุกปี เป็น วันผ้าไทยแห่งชาติ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2565 รัฐบาลมีนโยบายจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกถึงความจงรักภักดี 

โดยจัดโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ที่สอดคล้องกับโครงการต่างๆ ของพระองค์ พร้อมทั้งให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการและพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ เพื่อให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ได้ศึกษาหาความรู้จากโครงการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนา สร้างความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกให้กับประชาชนชาวไทย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบสานผ้าไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลประกาศให้วันที่ "12 สิงหาคม" ของทุกปี เป็น วันผ้าไทยแห่งชาติ เพื่อรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีพระวิริยอุตสาหะ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการส่งเสริมเรื่อง “ผ้าไทย” เป็นที่ประจักษ์มายาวนาน จากสิ่งทอท้องถิ่นที่สูญหายไป ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติ สืบสานและต่อยอดมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยโดยภาครัฐ เอกชนและประชาชนบูรณาการร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทย

อีกทั้งทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ สืบสานมรดกภูมิปัญญาผ้าไทยจากรุ่นสู่รุ่นนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดและยกระดับผ้าไทยไปสู่เวทีโลก ขณะเดียวกันชุมชน ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมผ้าไทยได้รับการสนับสนุนให้เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นทั้งระดับฐานรากและระดับชาติอย่างยั่งยืน และประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในการนำทุนทางวัฒนธรรมด้านผ้าไทยมาเพิ่มคุณค่าและมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์

‘อรรถวิชช์’ เสนอใช้งบปีสุดท้าย ฟื้น ‘โฉนดชุมชน’ เสริมทางเลือกให้ ‘โครงการบ้านมั่นคง’ ริมคลอง

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...วันนี้ผมกับพี่ สมนึก จันทร์เฉิด พรรคกล้า หลักสี่ มีโอกาส เข้ารับฟังปัญหาประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ โดยพบว่าบางชุมชน ไม่พร้อมเข้าโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ เพราะรับภาระค่าสร้างบ้านสร้างใหม่ ที่ต้องผ่อนราว 4 แสนบาท ยาว 20 ปี ไม่ไหว

ทางชาวบ้านยินดีรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำคลองสาธารณะ โดยพร้อมจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ เก็บเงินกันเองเพื่อซ่อมแซมบ้าน และพัฒนาพื้นที่ส่วนกลาง ถังส้วม บ่อบำบัด ต่างๆ แต่ขอไม่รื้อปลูกใหม่ทั้งหลังได้หรือไม่ ซึ่งจะทำให้เงินผ่อนถูกลงถึง 1ใน 4 ของโครงการบ้านมั่นคงในปัจจุบัน

ทั้งสายคลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว มีหลายประเภท ส่วนที่ยังอยู่ในวัยทำงาน ก็สามารถรื้อบ้านทั้งหลัง สร้างใหม่ได้ ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง แต่ส่วนที่พ้นวัยทำงานประจำแล้ว ให้ผ่อนแบบบ้านใหม่ทั้งหลัง เค้าไม่ไหว แต่เค้าพร้อมจะปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน และพัฒนาพื้นที่ส่วนกลาง บ่อส้วม บ่อบำบัด จ่ายค่าเช่าแก่กรมธนารักษ์ แบบนี้เค้ารับไหว ซึ่งมันก็คือโครงการ ‘โฉนดชุมชน’ ที่ ปชป.เคยหาเสียงไว้ และเคยทำจริงแล้ว 1 โครงการในเขตกทม.ยุคนายกอภิสิทธิ์

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ นำประชาชนชาวตรังร่วมปลูกจิตสำนึก "จิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรติ" ณ จังหวัดตรัง ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 65 เวลา 15.00 น.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ประธานในพิธีนำประชาชนชาวจังหวัดตรังเข้าร่วมในโครงการ "จิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรติ" เพื่อระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 

โดยภายในงานมี ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายเอกชน ข้าราชการ นักเรียนนักศึกษา ตลอดจนประชาชนจิตอาสา รวมกันกว่า 2500 คน เข้าร่วมโครงการอย่างพร้อมเพรียง ณ พื้นที่หาดปากเมง หมู่ 4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กิจกรรมจิตอาสารักษ์ป่าชายเลนหาดปากเมงเฉลิมพระเกียรตินี้ ทางสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สมาคมชาวตรัง จัดโครงการดังกล่าวเพื่อระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระราชบิดา ผสานร่วมกับแนวคิดเรื่องจิตอาสา ประกอบกับวันที่ 3 มิถุนายน 2565 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ 

‘ชาวสหรัฐฯ’ ร้อง!! ขอไบเดน “ทำอะไรสักอย่าง” หลังพบปี 65 โศกนาฏกรรมกราดยิงพุ่งกว่า 200 ครั้ง

ประชาชนในเมืองอูวัลเด (Uvalde) รัฐเท็กซัส ตะโกนร้องขอให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แก้ปัญหาความรุนแรงด้านปืน ระหว่างที่ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเดินทางเยือน ไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต 21 คน รวมถึงเด็กประถม 19 คน จากเหตุกราดยิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริเวณจุดไว้อาลัยหน้าโรงเรียนประถมร็อบบ์ สถานที่เกิดเหตุ ที่มือปืนวัย 18 ปี บุกกราดยิงใส่เด็กนักเรียนด้วยปืนไรเฟิล AR-15 โดยไบเดนชมภาพเหล่าผู้เสียชีวิต และวางพวงมาลาด้วยท่าทีสำรวม และอย่างเงียบๆ

สำหรับตัว ไบเดน เอง เคยสูญเสียบุตรชายไปด้วยโรคมะเร็งในวันเดียวกัน เมื่อ 7 ปีก่อน และสูญเสียภรรยาคนแรกและทารกหญิง จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงเป็นคุณพ่อที่เคยผ่านการสูญเสียยิ่งใหญ่มา และภาพจากสื่อแสดงให้เห็นไบเดนเหมือนปาดน้ำตา ระหว่างดูภาพเด็กๆ ที่เสียชีวิตด้วย

ฉะนั้นเมื่อฝูงชนได้ตะโกนออกมาว่า “ทำอะไรบางอย่าง” ผู้นำสหรัฐฯ จึงตอบกลับไปทันทีว่า “เราจะทำ เราจะทำ” ก่อนที่ไบเดนจะเดินทางไปพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับมือเหตุกราดยิง

สำหรับเหตุกราดยิงในโรงเรียนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ของสหรัฐฯ นับตั้งแต่การกราดยิงที่โรงเรียนประถมศึกษา ‘แซนดี ฮุก’ ในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งคร่าชีวิตนักเรียน 20 ราย และครู 6 ราย เมื่อปี 2555 และกระตุ้นให้ทุกฝ่ายในสหรัฐออกมาเรียกร้องการปฏิรูปกฎหมายปืนอีกครั้ง เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ สหรัฐฯ เผชิญกับเหตุกราดยิงมามากกว่า 200 ครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตาม สมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ( เอ็นอาร์เอ ) ซึ่งเป็นล็อบบี้ยิสต์อาวุธปืนใหญ่ที่สุด และทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกา เดินหน้าวิจารณ์การปฏิรูปกฎหมายปืน เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยยืนยันว่า การตรวจสอบประวัติของผู้ใช้งาน จะเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดอาชญากรรมได้มากกว่า

‘ไทยภักดี’ ซัดก๊วนปลุกยกเลิกเลขไทย ที่แท้กลุ่มเดียวกับรื้อมาตรา 112

(30 พ.ค.65) นายปฏิยุทธ ทองประจง กรรมการบริหารพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... 

แค่ผมโพสต์ว่า ตอนเด็กผมโคตรภูมิใจมาก เมื่อเขียนเลขไทยได้ แต่ก็แปลกใจที่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาบูลลี่ผม

แคปโพสต์บางโพสต์ที่ผมโพสต์ มีเลขอารบิก คือ นโยบายไทยภักดี ลดค่าครองชีพประชาชน ผลิตปุ๋ยยูเรีย 750 บาท ไฟฟ้าชุมชน 2.50บาท ก๊าซหุงต้มกิโลกรัมละ 7 บาท อินเทอร์เน็ตเดือนละ 49 บาท เอามาเป็นประเด็นบูลลี่ผม

เอาจริง ๆ นะครับ เราเกิดเป็นคนไทย เราก็รักอะไรที่เป็นไทย เลขไทย ภาษาไทย ใครๆ ก็รัก ส่วนเลขอารบิก อะไรที่ไม่เป็นทางการเราก็นำมาใช้สลับกับเลขไทยเป็นปกติ

เอาประเด็นยกเลิกเลขไทย ยกเลิกภาษาไทย มาเป็นประเด็นเพื่อสร้างความแตกแยก และเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนไทยรู้ทัน อย่าคิดทำครับ

ยกเลิก มาตรา ๑ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ยกเลิก ม.๑๑๒ ยกเลิกผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ล้วนแล้วเป็น กลุ่มคนกลุ่มเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.thaipost.net/x-cite-news/151448/?fbclid=IwAR0M1oih2sNaPPL6DW7BcWY_WF-1DvCYFQkeejhe7-7K3wMaHdE7iddYn78

“อนุทิน” เผย “อุ๊งอิ๊ง”ลุยอีสานใต้ ไม่แปลก ชี้ นับถอยหลังลต. ต้องเร่งหาเสียง เชื่อสุดท้ายปชช. ตัดสินที่นโยบาย

 เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 30 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขณะนี้เหลือเวลาอีก 9-10 เดือน เป็นเวลาเหมาะสมที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องทางการเมืองต้องเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง สร้างความนิยมต่อประชาชน อย่าไปมองว่าเป็นพื้นที่ของคนนู้นคนนี้ เพราะเป็นพื้นที่ของประชาชน จึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน หากใครมีโอกาสและมีเวลาก็ต้องเร่งลงพื้นที่เพื่อชี้แจงและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพื่อที่จะให้เลือกกลับมาเป็นตัวแทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า  การที่น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ จะปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องมองเป็นนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง แต่ละพรรคก็มีดี ส่วนคนที่จะตัดสินใจคือประชาชน ดังนั้นทุกพรรคต้องเร่งสร้างนโยบายที่ประชาชนเห็นแล้วว่าจับต้องได้ พูดแล้วทำ

จุรินทร์ ลั่น เช็คเสียงแล้ว มั่นใจ พรบ.งบฯฉลุย แจง จัดทำงบฯมีข้อจำกัด ผลกระทบจากหลายวิกฤต

เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจ้องล้ม พระราชบัญญัติงบประมาณปี 2566  ว่า จนถึงขณะนี้ตนยังคิดในแง่ดีว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณจะผ่านได้ เพราะรัฐบาลยังมีเสียงข้างมากอยู่ เท่าที่ตรวจสอบเสียงสนับสนุนรัฐบาลยังมีอยู่ ส่วนกรณีที่มีการติงกันว่า การจัดทำงบประมาณปี 2566 ครั้งนี้ทำให้ไม่สามารถจะกู้เพิ่มได้อีก ตนคิดว่าการจัดทำงบประมาณไม่ว่ารัฐบาลไหน ต้องจัดตามสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจ

และแต่ละช่วงสถานการณ์ของประเทศมีความแตกต่างกัน เช่น 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการจัดทำงบประมาณในปีนี้ที่ต้องยอมรับว่า ทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย เราเจอภาวะวิกฤตหลายวิกฤตซ้อนกัน ทั้ง วิกฤติ โควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจในภาพรวม และสงครามรัสเซียยูเครน ทั้งหมดล้วนมีผลกระทบ และนำมาสู่การจัดทำงบประมาณในปีนี้ มันจะเหมือนกันทุกปีไม่ได้ ตนเชื่อว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างดีที่สุดในการจัดทำงบประมาณ ทุกคนอยากเข้าไปแก้ปัญหาได้มากกว่านี้ แต่ภาวะข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ ทำให้ทำได้ตามข้อจำกัดที่มีอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าฝ่ายค้านเล่นการเมืองมากเกินไปหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นหน้าที่แต่ละฝ่าย และฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบถือว่าปกติ รัฐบาลก็ชี้แจง เชื่อว่านายกฯและรัฐมนตรีทุกคนพร้อมชี้แจง 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top