Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

‘ราชกิจจาฯ’ ประกาศ ‘ทางพิเศษบูรพาวิถี-กาญจนาภิเษก’ วิ่งฟรี 7 วัน ช่วย ปชช. ลดค่าครองชีพ ลดมลพิษ จราจรคล่องตัวช่วงเทศกาลสงกรานต์

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.68) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงคมนาคม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระสำคัญเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 นี้ โดยเปิดให้ประชาชน ‘ขึ้นทางด่วนฟรี’ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดังนี้

1.ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้ สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2568

2.ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2568

ตามประกาศกระทรวงคมนาคมทั้ง 2 ฉบับ กำหนดการเปิดให้ขึ้นทางด่วนฟรี รวมระยะเวลา 7 วัน เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2568

เส้นทางที่เปิดให้ขึ้นทางด่วนฟรี
-ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้ สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อม ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี

-ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)

สำหรับการเปิดให้ขึ้นทางด่วนฟรี 2 เส้นทางดังกล่าว ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม ประเมินว่า จะช่วยสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นทำให้การจราจรมีความคล่องตัว ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งเป็นการลดการใช้พลังงานของประเทศ และลดมลพิษทางอากาศ 

โดยการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษเส้นทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คาดว่าจะมีปริมาณจราจรมาใช้ทางพิเศษประมาณ 2,377,669 คัน จะทำให้กทพ.ไม่ได้รับรายได้ประมาณ 86,128,889 บาท 

แต่จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจประเมินเป็นมูลค่าเงินประมาณ 153,424,348 บาท ประกอบด้วย

-มูลค่าจากการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถ 93,664,900 บาท 
-มูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง 59,759,448 บาท

‘ยูเน็กซ์ อีวี’ ทุ่ม 12,000 ล้านบาท ผุด!! ‘สถานีสับเปลี่ยนพลังงาน’ ในไทย เดินหน้า!! เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะ วาดฝัน!! เข้าตลาดหุ้น NASDAQ

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย. 68) นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ยูเน็กซ์ อีวี จำกัด (UNEX EV) ได้เปิดเผยว่า บริษัทได้นำเสนอแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่ (battery swap) รายแรกในประเทศไทย  โดยเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต เนื่องจากความนิยมใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ อีวี ในประเทศไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก

ทั้งนี้บริษัทได้ลงทุนมูล 12,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี จากนี้เพื่อนำเสนอแพลตฟอร์ม และสร้างอีโคซิสเต็ม การเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับอีวีสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ระบบขนส่งทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ

ยูเน็กซ์ อีวี จะเข้ามาช่วย แก้ปัญหาและจุดอ่อนสำคัญ (pain point) ของการใช้ยานยนต์อีวีให้ความสะดวกในการใช้งานโดยเฉพาะการใช้งานเชิงพาณิชย์ ที่ต้องใช้รถเป็นเวลานาน และระยะทางไกลในแต่ละวัน  แต่ต้องเสียเวลาในการชาร์จไฟ

ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะนำ ยูเน็กซ์ อีวี เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของอเมริกา ภายในระยะเวลา 2 ปีจากนี้ด้วย ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก

ล่าสุดบริษัทลงนามกับพันธมิตรหลายส่วนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ และการขยายการบริการอย่างยั่งยืนได้แก่ ทั้ง ผู้ผลิตรถยนต์โดยเริ่มจาก  บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อรองรับแพลตฟอร์มสับเปลี่ยนอัจฉริยะ และระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ กับรถยนต์ 2 รุ่นแรกพร้อมจำหน่ายได้แก่ MG EP และ MG MAXUS 7

สถานีสับเปลี่ยนพลังงาน โดยเตรียมขยายเครือข่ายการให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยเริ่มจากซัคโก้ ก่อนโดยจะเป็นการลงทุน 15-20 ล้านบาทต่อสถานี และแต่ละสถานีรองรับรถได้ 100 คัน/วัน โดยหากใช้บริการเต็มจะใช้เวลาคืนทุน ประมาณ 3 ปี – 3 ปีครึ่ง โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะมีไม่น้อยกว่า 1,000  สถานี

ส่วนสถาบันการเงิน อย่าง ซูมิโตโม ลิสซิ่ง เข้ามาสนับสนุนทางการเงิน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น สำหรับลูกค้า MG EP ลูกค้าสามารถเลือกเริ่มต้นผ่อนได้เพียง 550 บาท/วัน และวางเงินดาวน์ 0%

สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของยูเน็กซ์ อีวี นั้น นายพิทักษ์ กล่าวว่า  ตั้งเป้าว่ายังมีแผนเตรียมเข้าไปนำเสนอและเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ อีวี และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์และเรือขนาดเล็กภายใน 3 ปีนี้ เพื่อขยายเครือข่ายอัจฉริยะของสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ได้มากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

โดยจะเข้าไปทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มรถยนต์อีวีเชิงพาณิชย์ ในจ. ภูเก็ตก่อน จากนั้นจะขยายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

‘พีระพันธุ์’ มอบ ‘เลขา รมต.’ ตรวจสอบเครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะ ส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์จากชาวบ้าน พร้อมแนะพัฒนาด้านคุณภาพ-ความปลอดภัย

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย. 68) นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รับมอบหมายจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะ หลังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติขยะยโสธร ขอรับงบประมาณสนับสนุนในการซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะมาใช้ในพื้นที่

ก่อนการลงพื้นที่ในวันนี้ (5 เม.ย. 68) ได้มีการสั่งการให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธุรกิจพลังงาน พร้อมพลังงานจังหวัดลพบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะ ซึ่งใช้กระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) เป็นกระบวนการสลายตัวด้วยความร้อนที่ไม่สมบูรณ์ในสภาวะปราศจากออกซิเจนหรือมีออกซิเจนน้อยที่สุด อุณหภูมิที่เหมาะสมสําหรับพลาสติกอยู่ในช่วง 300-500 องศาเซลเซียส โดยความร้อนจะทําให้พันธะเคมีสลายตัว 

ส่วนที่เป็นองค์ประกอบคาร์บอนที่ระเหยได้จะกลายเป็นก๊าซเชื้อเพลิงและบางส่วนที่ถูกควบแน่นจะกลายเป็นของเหลวที่มีลักษณะคล้ายนํ้ามันเตา ซึ่งนํ้ามันดังกล่าวสามารถนําไปใช้ประโยซน์และต่อยอดในการใช้งานได้ เนื่องจากมีค่าความร้อนสูง จึงสามารถใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเพี่อผลิตความร้อนสำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ อีกทั้ง หากมีการปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน ก็จะมีคุณสมบัติเทียบเท่านํ้ามันเชื้อเพลิงสามารถใช้งานกับเครื่องยนต์ทางการเกษตรได้

ทั้งนี้ เครื่องดังกล่าวมีราคาประมาณ 25,000 บาท แต่เนื่องจากกระบวนการผลิตอาจจะเกิดสารปนเปื้อนซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของผู้ปฎิบัติงานในระยะยาว อีกทั้งตำแหน่งการจัดวางเครื่องมีความเสี่ยงที่อาจจจะเกิดการลุกไหม้ได้ รวมทั้งวัสดุที่ใช้ไม่เหมาะสม 

นอกจากนั้น น้ำมันที่ผลิตได้มีลักษณะเป็นยางเหนียวที่สามารถเกาะเคลือบบริเวณที่สัมผัสกับเครื่องยนต์ ถึงแม้จะมีการกลั่นเบื้องต้นแล้ว น้ำมันสามารถใช้ได้เฉพาะกับเครื่องยนต์การเกษตร กระทรวงพลังงานจึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงคุณภาพเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยกับเครื่องยนต์และผู้ใช้งาน

“หลังจากได้รับหนังสือจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแนวร่วมปฏิวัติขยะยโสธร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งปกติท่านให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน และคิดว่าเครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์ จึงไม่อยากให้สิ่งประดิษฐ์นี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ แค่ในอำเภอชัยบาดาล เพราะถ้าเครื่องกลั่นน้ำมันมีคุณภาพ นำไปใช้งานได้จริง ก็จะสามารถขยายผลไปสู่ระดับประเทศและระดับโลกได้ เพราะการนำขยะมาสร้างมูลค่า ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้อีกทาง ซึ่งการผลิตน้ำมันได้เองนี้ก็เป็นเป้าหมายสำคัญในการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน…

“แต่ทั้งนี้ เพื่อให้เครื่องกลั่นน้ำมันจากขยะ มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน และที่สำคัญต้องมีความปลอดภัย จึงได้มอบหมายให้ดิฉันฯ ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เจ้าหน้าที่กรมธุรกิจพลังงาน และพลังงานจังหวัดลพบุรี ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้น เครื่องกลั่นน้ำมันดังกล่าวยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงเพื่อความปลอดภัย จึงได้มอบหมายให้ผู้แทน พพ. พิจารณาตรวจสอบเครื่องกลั่นน้ำมัน และให้ ธพ. ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันที่ได้จากเครื่อง คาดว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ และจะนำเรื่องเสนอท่านรัฐมนตรีต่อไป” นางสาวอรพินทร์ฯ กล่าว 

กองบัญชาการกองทัพไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติฯ จัดงาน 'วันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล' ประจำปี 2568

(4 เ.ม.ย.) ที่อาคารนิมมาณกลยุทธ ค่ายนิมมาณกลยุทธ กองพันทหารราบที่ 2กรมทหารราบที่ 12รักษาพระองค์ ตำบลแซร์ออ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พลเอก ศักดิ์สิทธิ์  แสงชนินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ  ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นประธานในงาน “วันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล” ประจำปี 2568 ของประเทศไทย  โดยมีผู้แทนจากส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รวมทั้งหน่วยงานต่างประเทศ เข้าร่วมงานด้วย อาทิ เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ ประจำประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.), องค์การความช่วยเหลือแห่งประชาชนชาวนอร์เวย์ สมาคมเก็บกู้ทุ่นระเบิดพลเรือนไทย  

สืบเนื่องจากสหประชาชาติ ตระหนักดีว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและสรรพาวุธระเบิดที่ตกค้างจากสงคราม ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก จึงมีมติกำหนดให้วันที่ 4 เมษายน ของทุกปี เป็น “วันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล” เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ได้ตื่นตัว ร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมของประเทศไทย 

ภายใต้ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย จึงได้จัดกิจกรรมฯ ครั้งนี้ขึ้น เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้ตื่นตัวและตระหนักรู้ถึงภัยอันตรายจากทุ่นระเบิด โดยมีกิจกรรมที่สำคัญได้แก่ การมอบหนังสือส่งมอบและประกาศรับรองพื้นที่ปลอดภัยให้กับจังหวัดสระแก้ว การมอบรางวัลการประกวดวาดภาพระบายสี การจัดบูธนิทรรศการเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากทุ่นระเบิด การแจ้งเตือนและให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของทุ่นระเบิด การจัดแสดงเครื่องมือและยุทธโปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน การมอบถุงยังชีพ ขาเทียม รถโยก และเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้พิการซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยทุ่นระเบิด การมอบโล่และใบประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมฯ รวมทั้งสาธิตการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 1 

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรม “วันรณรงค์การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดสากล” ดังกล่าว นอกจากเป็นการแสดงออกถึงการให้ความร่วมมือของประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะกระตุ้นเตือนให้ ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน ได้ตระหนักรู้ว่าปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและสรรพาวุธระเบิดที่ตกค้างจากสงครามยังคงส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนตามชายแดนและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งภาครัฐไม่ควรทอดทิ้งและต้องดูแลให้ผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดเหล่านี้ ได้รับความช่วยเหลือ  เท่าที่จำเป็นอย่างทั่วถึง อาทิ ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน การบริการทางการแพทย์ การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย  การสวัสดิการเบื้องต้น รวมทั้งการฝึกอาชีพ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

กองบัญชาการกองทัพไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติฯ พร้อมด้วยองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมที่เกี่ยวข้อง มีความมุ่งมั่นพร้อมที่จะดำเนินการในทุกด้านเพื่อทำให้พื้นที่อันตรายจากทุ่นระเบิดที่ตกค้างดังกล่าว กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย และส่งมอบคืนให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยจะดำเนินการสำรวจและเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลให้หมดไปจากประเทศไทยตามระยะเวลาที่กำหนดไว้โดยเร็ว

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 1 (ระดับผู้บริหาร) ครั้งที่ 1/2568

พลเรือโท อาภา  ชพานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 1 (ระดับผู้บริหาร) ครั้งที่ 1 ปีงบประมาณ 68 ณ โรงแรม แคนทารี เบย์ ศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานตามแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ ภายใต้นโยบายและแผนความมั่นคงที่ 17 การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ ปีงบประมาณ 68 รวมถึงรับทราบปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้องในการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบด้วยหน่วยงานระดับนโยบาย (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) และ จังหวัดต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อประสานความร่วมมือ และบูรณาการในการแก้ไขปัญหาร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ทร.โดย สอ.รฝ.เร่งขนย้ายเตียงสนามเข้าสนับสนุน เหตุแผ่นดินไหว ตึกถล่ม กรุงเทพมหานคร

(4 เม.ย.68) เวลา 18.00 น. กองทัพเรือ โดยหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดกำลังพลลำเลียงเตียงสนาม จำนวน 60 เตียง เข้าทำการสนับสนุนในส่วนของ กองทัพเรือ เพื่อเป็นที่พักเพิ่มเติมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และญาติผู้สูญหาย จากเหตุการณ์อาคารถล่ม ในพื้นที่เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 

ซึ่งก่อนหน้านี้ สอ.รฝ. ได้จัดส่งชุดค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (USAR TEAM) เป็นกำลังพล และยุทธโธปกรณ์ ร่วมกับส่วนภาคพื้น (Ground Control) เข้าค้นหาผู้ประสบภัยบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เข้าร่วมค้นหาและ สนับสนุนชุดเคลื่อนย้ายเคสดำ เพศชาย 1 นาย  สนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางบริเวณช่องทางสำหรับการเข้าค้นหาผู้ประสบภัย และสนับสนุนภารกิจในการส่องกล้อง เพื่อค้นหาผู้ประสบภัย เมื่อ 29 มี.ค.68 หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ตึกถล่มกรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิตและติดอยู่ภายในจำนวนมาก

บทสนทนานักศึกษานานาชาติ ม.ฟูตั้น มหาลัยดังของจีน ประเทศใครโดนภาษีเท่าไร จากนโยบายภาษีตอบโต้ของ ‘ทรัมป์’

(4 เม.ย. 68) นายสรวง สิทธิสมาน อดีตนายกสมาคมนักเรียนไทย-จีน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า บทสนทนาคาบเรียนเช้าวันพฤหัสบดี ตลกดี

คลาสนี้มีเพื่อนต่างชาติจากหลายประเทศ ทั้งรัสเซีย เกาหลี อินเดีย มาเลเซีย และผมที่เป็นคนไทย ส่วนอาจารย์เป็นคนจีน

ผมถึงห้องเรียนคนแรก ก่อนเวลาเรียนประมาณ 15 นาที พอเพื่อนคนอื่นมาถึงห้องเรียน ก็เริ่มทักทาย และชี้หน้าถามกันประมาณว่า….

“เฮ้ยมึง! ประเทศมึงโดนกี่เปอร์เซ็นต์นะ ?”

คนเวียดนาม : “มึงงง ประเทศกูโดน 46%”

คนเกาหลี : “โห หนักจัดดด ของกูโดนแค่ 25% เอง”

ผม : “เห็นข่าวอยู่ แต่ยังไม่ได้ดูเลยว่าไทยโดนเท่าไหร่”

อาจารย์ : “ไทยโดน 36% ถือว่าสูงอยู่นะ”

ผม : “我的天…”

อาจารย์ : “อาเซียนโดนหนักเลย ลาว กัมพูชา เวียดนาม โดนเกือบ 50% กันหมด”

หลังจากนั้นก็นั่งบ่นกัน อาจารย์เลยอาศัยจังหวะนี้ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น Tariffs กันประมาณ 20 นาที และเปิดวิดีโอทรัมป์ถือจอใหญ่ที่แสดงลิสต์ของประเทศที่โดนภาษี reaction ของทุกคนคือเฮฮา ตลกกับคำพูด และลีลาของผู้นำ US แต่ก็บ่น ๆ กันประมาณว่า “อะไรวะเนี่ย” 🤣

จากนั้นพอเลิกเรียนก็พากันไปกินข้าวกลางวัน นั่งเปิดวิดีโอของ Ryan กับ Tony ที่เป็นคนจีนที่ชอบเลียนแบบลีลาการพูดของทรัมป์และนั่งขำกันพักใหญ่

เป็นบทสนทนาตอนเช้าที่ตลกดี

อาจารย์ - ลูกศิษย์ ‘วิศวะบางมด’ ลงพื้นที่รอบมหาวิทยาลัย ผนึกกำลังนำวิชาชีพรับใช้สังคม พร้อมเรียนรู้งานจากสถานการณ์จริง

เมื่อวันที่ (3 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก Faculty of Engineering,KMUTT ของ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โพสต์ข้อความว่า...

บ้านสวนธน พุทธบูชา 47
⚙️คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี #วิศวะบางมด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารหลังเหตุแผ่นดินไหว

ทีมคณาจารย์และนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. #ทีมวิศวกรมดอาสา มจธ. และพันธมิตร ได้เร่งดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารความมั่นคงของอาคาร

ทีมตรวจสอบ นำโดย:
1. รศ. ดร.ชัยณรงค์ อธิสกุล
2. ดร.กสาน จันทร์โต
3. ณัฐวัฒน์ มหาสุวรรณชัย (พาสเวิร์ด)
4. รวิวาร เอกอินทุมาศ (เกรส)
5. โฆษิต จริยาทัศน์กร (หนึ่ง)
6. ธิปก กิจกอบสิน (หนึ่ง)
7. พัฒนา อุ่นยิ่งเจริญ (นิค)
8. กฤษณ์ เอื้อสุนทรพานิช (กิต)
9. Leangheng Chea (Heng)
10. สหัสวรรษ วัยนิพิฐพงษ์ (เชน)
11. ปองชัย ศรีแสงทอง (เปา)

วิศวกรอาสา จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. #วิศวะบางมด 
ตรวจสอบในเขตรอบมหาวิทยาลัย
สอบถามรายละเอียดและติดต่อทีมได้ที่:
• 02-470-9016 / 061-357-4755

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. โทร 02-470-9017
Faculty of Engineering, KMUTT
Website: https://eng.kmutt.ac.th/
Instagram: https://www.instagram.com/engineeringkmutt/
Facebook: https://www.facebook.com/eng.kmutt
TikTok: https://www.tiktok.com/@engineeringkmutt

พพ. แจงภารกิจคืนพื้นที่เกาะร้อยไร่สำเร็จ – ไร้ผู้บุกรุกแล้ว เร่งเดินหน้าฟื้นฟู พร้อมปิดพื้นที่ทางเข้าถาวรกันบุกรุกซ้ำ

พพ.แจงภารกิจคืนพื้นที่เกาะร้อยไร่สำเร็จ! ไม่มีผู้บุกรุกเหลืออยู่ในพื้นที่อีกต่อไป  ประกาศปิดพื้นที่เด็ดขาด ห้ามบุกรุกซ้ำ เดินหน้าฟื้นฟูเขื่อนคิรีธารสู่การจัดการน้ำและพลังงานอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ (3 เม.ย. 68) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะทำงานติดตามการบุกรุกพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร ณ ห้องประชุมตากสิน ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อหารือสถานการณ์การคืนพื้นที่ 'เกาะร้อยไร่' และแนวทางควบคุมการใช้พื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำอย่างเข้มงวด และภายหลังการประชุม ดร.หิมาลัยพร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพจริงทั้งทางบกและทางน้ำ ณ เขื่อนคิรีธารและเกาะร้อยไร่ พร้อมดำเนินการ 'ปิดพื้นที่ทางเข้าเกาะร้อยไร่ถาวร' เพื่อไม่ให้มีการกลับเข้าบุกรุกซ้ำ

ดร.หิมาลัยให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังครบกำหนด 30 วันที่ให้โอกาสแก่ผู้บุกรุกตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้ไม่มีผู้บุกรุกหลงเหลืออยู่ในพื้นที่เกาะร้อยไร่อีกต่อไป โดยราษฎรที่เคยใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ดำเนินการรื้อถอนระบบน้ำและสิ่งปลูกสร้างออกทั้งหมด เหลือเพียงต้นทุเรียนและต้นกล้วยบางส่วนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการต่อ “เราให้โอกาสแล้ว ให้เวลาแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาต้องเดินหน้า หากใครยังฝ่าฝืน จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก ขอประกาศว่า พื้นที่เกาะร้อยไร่ถือเป็นเขตควบคุม ห้ามเข้ายึดครองหรือใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกต่อไป” 

พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้อยู่ภายใต้กฎหมาย และเคารพพื้นที่ของทางราชการ “เราต้องการให้การจัดการทรัพยากรน้ำและพลังงานของประเทศดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ ขอความกรุณาอย่าบุกรุกพื้นที่ของรัฐ เพราะหากยังมีผู้ฝ่าฝืน พพ. ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ”

ด้าน นายนันทนิษฎ์ วงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.ได้ติดตั้งป้ายห้ามเข้าพื้นที่ในบริเวณที่ยึดคืนอย่างชัดเจน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบร่วมกับชุมชนทั้งทางบกและทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเตรียมใช้โดรนบินสำรวจและกำหนดมาตรการตรวจการประจำเดือนเพื่อเฝ้าระวังการบุกรุกซ้ำอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนพื้นที่อื่นภายในเขตโครงการ พบว่ายังมีการบุกรุกบนเกาะต่าง ๆ จำนวน 7 เกาะ รวมพื้นที่กว่า 164 ไร่ และบริเวณป่าสงวนอื่น ๆ อีกกว่า 225 ไร่ โดยได้ติดประกาศขอคืนพื้นที่ใหม่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 20 เมษายน 2568 หากยังไม่มีการออกจากพื้นที่ พพ. จะดำเนินการแจ้งกรมป่าไม้เพื่อดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด  

สำหรับกรณีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) จำนวน 48 ไร่ 31 ตารางวา ครอบคลุม 54 แปลง พพ.ได้ส่งหนังสือถึง ส.ป.ก. เพื่อขอให้เพิกถอนสิทธิในแปลงที่ทับซ้อน และจัดทำแนวเขตใหม่โดยเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการรังวัดกันเขตแล้ว 44 แปลง

นอกจากนี้ พพ. ยังอยู่ระหว่างแผนพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่เขื่อนคิรีธาร อาทิ การปรับปรุงสวนสาธารณะพื้นที่ 27 ไร่ การออกแบบภูมิทัศน์บริเวณพลับพลาที่ประทับ พร้อมขอจัดงบประมาณปี 2570 จัดทำรั้วรอบเขื่อน เสริมคันดิน และถนนภายในพื้นที่โครงการ ระยะปี 2571–2574 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำและการผลิตไฟฟ้า

เปิดรับสมัครแล้ว! DAD NIDA รุ่นที่ 10 หลักสูตรพัฒนาผู้นำยุคใหม่ ตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพด้านบริหาร - สร้างคอนเนคชันทางธุรกิจ

(4 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘DAD NIDA’ เพจประชาสัมพันธ์หลักสูตร Development Administrator in Digital Era (DAD) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนสมัครเรียนโครงการ DAD NIDA รุ่นที่ 10 ระบุว่า…

ถ้าคุณกำลังมองหาหลักสูตรผู้บริหารที่ช่วยยกระดับศักยภาพและเครือข่าย DAD NIDA รุ่นที่ 10 คือคำตอบ เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ การันตีคุณภาพโดย NIDA

Key Highlights ที่คุณไม่ควรพลาด  
New Activities
Speed Networking – ขยายคอนเนคชันทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว
DAD Executive Networking Night – สร้างเครือข่ายกับผู้บริหารระดับแนวหน้า
Executive Learning Circles (elcs) – แลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์แบบเข้มข้น
DAD Site Visit – เรียนรู้จากองค์กรชั้นนำผ่านการเยี่ยมชมสถานที่จริง

New Curriculum องค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาผู้นำยุคใหม่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ อัปเดตเทรนด์ดิจิทัลสำคัญ พัฒนา soft skill ด้านภาวะผู้นำในยุคดิจิทัล

หลักสูตรนี้เหมาะกับใคร
ภาคเอกชน – ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ ข้าราชการและองค์กรภาครัฐ – ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการทูต ข้าราชการตำรวจ นายทหาร และผู้บริหารในองค์กรภาครัฐ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสื่อและสังคม – สื่อมวลชน ศิลปิน ดารา พิธีกร ผู้บริหารภาคประชาสังคม มูลนิธิ ngos สมาคม ก้าวสู่การเป็นผู้นำยุคดิจิทัลกับหลักสูตร Development Administrator in Digital Era (DAD) ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนา

ผู้บริหารและผู้นำแห่งอนาคต  
สมัครได้แล้ววันนี้ - 30 เมษายน 2568
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.dadnida.com
ลงทะเบียน https://forms.gle/roAqiV7U1p4oCdSa9
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 092-728-6722


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top