Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

‘ข้าวไทย’ เป็นสินค้าส่งออกของประเทศมายาวนาน แต่หากจะสืบย้อนกลับไป ว่าเมืองไทยเริ่มมีการพัฒนา ‘พันธุ์ข้าว’ อย่างจริงจังเมื่อไร เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2450 หรือวันนี้เมื่อ 114 ปีที่แล้วนี่เอง

ตามประวัติศาสตร์ ประเทศไทยมีการศึกสงครามมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมเวลากว่า 550 ปี จนเมื่อเข้าสู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ

โดยสินค้าส่งออกชนิดหนึ่งที่มีการค้าขายจนกลายเป็นของสำคัญ นั่นคือ ข้าว ทว่า ‘ข้าวไทย’ ในยุคสมัยดังกล่าว มีเมล็ดพันธุ์ที่ปะปนกันอยู่มากมาย ทั้งข้าวพันธ์ดีไปจนถึงพันธ์คุณภาพต่ำ ส่งผลให้มีราคาต่ำกว่าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน

ด้วยเหตุนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เมืองธัญบุรี (รังสิตในปัจจุบัน) มีชาวนาส่งข้าวเข้าประกวดถึง 324 ราย รวมข้าวได้ 165 พันธุ์ ซึ่งข้าวที่ได้รับรางวัลที่ 1 มีชื่อว่า ‘ข้าวปิ่นทอง’

จากการประกวดในครั้งนั้น ทำให้มีการจัดแบ่งพันธุ์ข้าวอย่างมีมาตรฐานยิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงมีการประกวดพันธุ์ข้าวเรื่อยมา โดยนอกจากจะเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปแล้ว ภายหลังยังมีการแจกจ่ายขยายพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี เพื่อให้ประชาชนได้นำไปปลูกต่อไป รวมทั้งยังได้ตั้งพันธุ์ข้าวมาตรฐานเอาไว้ด้วยกัน 8 พันธุ์ ได้แก่ พวงเงิน ขาวทดลอง ทองระย้าดำ จำปาซ้อน ปิ่นแก้ว บางพระ น้ำดอกไม้ และนางตานี ซึ่งต่อมายังได้มีพันธุ์ข้าวอื่น ๆ เกิดขึ้นจากสถานีพันธุ์ข้าว และวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน


ที่มา:

http://brrd.ricethailand.go.th/index.php/2016-07-15-05-29-43/136-2017-05-04-02-32-02

http://www.thairiceexporters.or.th/features/Thai%20rice%20center%20of%20modern%20rice%20varieties.htm

นักท่องเที่ยวบ่ย่านอากาศร้อนขึ้นบันได 1,049 ชั้น กราบนมัสการหลวงปู่ขาว และรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาภูพานคำขอนแก่น พร้อมชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ที่สวยงาม

นักท่องเที่ยวบ่ย่านอากาศร้อนขึ้นบันได 1,049 ชั้น กราบนมัสการหลวงปู่ขาวและรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาภูพานคำขอนแก่น พร้อมชมทิวทัศน์บนยอดเขาที่มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อนอุบลรัตน์ที่สวยงาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั้ง จ.ขอนแก่น และ จากจังหวัดใกล้เคียง ต่างพากันเดินทางมาที่วัดพระพุทธบาทภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่ขาวและรอยพระพุทธบาท เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวในช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยทุกคนต่างพากันเดินขึ้นบันไดที่สูงถึง 1,049 ขั้น เพื่อทดสอบกำลังร่างกาย แม้สภาพอากาศวันนี้จะร้อนจัดก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาไม่ขาดสาย

ซึ่งบนยอดเขาภูพานคำ ภายในวัดพระพุทธบาทภูพานคำนั้น มีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ตั้งตระหง่าน โดยภายใต้ฐานพระพุทธรูปเป็นพระอุโบสถสำหรับการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปทำบุญ ถวายสังฆทานและกราบสักการะพระพุทธรูปเพื่อขอพรและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ขณะเดียวกันนอกจากจะได้กราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์แล้ว หลายคนอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดเขาซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นเขื่อนอุบลรัตน์อย่างสวยงามอีกด้วย

สำหรับพระพุทธบาทภูพานคำตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาภูพานคำ อ.อุบลรัตน์ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองในมณฑป และ หลวงพ่อพระใหญ่ หรือพระพุทธอุตรมหามงคลอุบลรัตน์เป็นองค์พระคอนกรีต เสริมเหล็ก สีขาว อยู่บนฐานดอกบัวสีชมพู ความสูงขององค์พระ 14 เมตร โดยสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พศ. 2514 ปัจจุบันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวขอนแก่นให้ความเคารพนับถือและกราบขอพรทุกวัน

‘พุทธิพงษ์’ โพสต์ภาพกราบพ่อ แม่ พร้อมระบายผ่านข้อความ ระบุ หมดแรง หมดใจ หมดศรัทธา แต่ย้ำว่าไม่เสียใจในสิ่งที่ทำด้วยสติ ความคิดและศรัทธา

#หมดแรงหมดใจหมดศรัทธา

#พุทธิพงษ์โพสต์ภาพกราบพ่อแม่

#พ้อสิ่งที่ทำมันไร้ค่าไร้ราคาสิ้นดี

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความ ว่า

“หมดแรง หมดใจ หมดศรัทธา เพราะสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ไร้ราคาสิ้นดี?...”

ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ผู้แทนของประชาชนด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธา วันนี้คงได้เวลากลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว ลูกๆ...ขอบคุณในทุกๆกำลังใจที่มีให้ผมมาโดยตลอด จากนี้จะมีโอกาสได้ทบทวนตัวเอง มองไปข้างหน้า ไม่เสียใจในสิ่งที่ได้ทำ เพราะเราทำด้วยสติ ความคิดและศรัทธา เราจะทำหน้าที่ประชาชนที่ดีต่อไปด้วยความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ภูมิใจที่สุดที่ได้อยู่บนแผ่นดินไทยของพระองค์

#เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน


ที่มา : เพจ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ https://www.facebook.com/BeePunnakanta/photos/pcb.2092035407594733/2092035354261405

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน

(28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

ผู้ติดเชื้อวันนี้ 70

เสียชีวิตสะสม 83

ผู้ติดเชื้อสะสม 25,951

หายป่วยแล้ว 25,128

อาเซียน

ประเทศบรูไน 186

ประเทศกัมพูชา 805

ประเทศอินโดนีเซีย 1.33 ล้าน

ประเทศลาว 45

ประเทศมาเลเซีย 2.98 แสน

ประเทศพม่า 1.42 แสน

ประเทศฟิลิปปินส์ 5.74 แสน

ประเทศสิงคโปร์ 59,925

ประเทศเวียดนาม 2,432

สร้างรายได้จากแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ‘ปิดทองหลังพระ’ ช่วยเพิ่มรายได้ชุมชน 426 ล้าน เล็งขยายเพิ่มอีก 9 จังหวัดพื้นที่ต้นแบบในปีนี้

สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้แก้ปัญหาชุมชนในท้องถิ่น ในพื้นที่ 12 จังหวัด ช่วยสร้างรายได้เพิ่ม 426 ล้าน เล็งขยายเพิ่มอีก 9 จังหวัดในปีนี้

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยผลดำเนินงานของปิดทองฯ ในปี 63 ว่า ปิดทองฯ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ โดยเฉพาะหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ช่วยแก้ปัญหาให้กับชุมชนในท้องถิ่น ในพื้นที่ดำเนินการ 12 จังหวัด สามารถเพิ่มพื้นที่รับประโยชน์จากน้ำ 33,171 ไร่ ให้กับเกษตรกร 14,260 ครัวเรือน เพื่อทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ช่วยสร้างรายได้รวม 426 ล้านบาท

“รายได้เหล่านี้มาจากการส่งเสริมอาชีพ การปลูกพืชหมุนเวียนตลอดปีและการท่องเที่ยววิถีท้องถิ่นของพื้นที่ต้นแบบ 69 ล้านบาท โครงการทุเรียนคุณภาพสามจังหวัดชายแดนใต้ 140 ล้านบาท และรายได้ที่เป็นผลจากการพัฒนาแหล่งน้ำและส่งเสริมอาชีพจากโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานจากปัญหาโควิด-19 อีก 217 ล้านบาท”

สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ร่วมถึงปัญหาภัยแล้ง ปิดทองฯ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการทำงาน ด้วยการดำเนินงานโครงการจ้างงานคนจากปัญหาโควิด-19 เริ่มจาก 3 จังหวัดภาคอีสาน คือกาฬสินธุ์ ขอนแก่น และ อุดรธานี 107 โครงการ จ้างงานคนว่างงาน 369 คน ทำให้มีรายได้ระหว่างว่างงาน และได้เรียนรู้แนวพระราชดำริในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ เพิ่มทางเลือกการประกอบอาชีพ

โดยชุมชนยังได้รับประโยชน์จากแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น 23.7 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ 30,900 ไร่ คำนวณแล้วคนในพื้นที่ 5,320 ครัวเรือน จะมีรายได้เพิ่มขึ้นรวม 217 ล้านบาทและปัจจุบันนี้ได้ขยายผลดำเนินการออกไปอีก 9 จังหวัดพื้นที่ต้นแบบรวม 543 โครงการ

เปิดศูนย์ One Stop Service เราชนะ คลัง - มหาดไทยผสานช่วยกลุ่มเปราะบางลงทะเบียน เล็งขยายเวลาลงทะเบียนหากยังมีผู้ตกหล่นจำนวนมาก

‘บิ๊กตู่’ ย้ำมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด19 ต้องครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ด้านคลัง-มหาดไทยจับมือเปิด One Stop Service เราชนะ อำนวยความสะดวกผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เผยหากพบผู้ตกหล่นจำนวนมาก อาจพิจารณาขยายเวลาลงทะเบียน

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มให้มากที่สุด

หลายหน่วยงานได้ปรับรูปแบบการดำเนินมาตรการต่างๆ ให้รับกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของโครงการเราชนะ นอกจากการขยายเวลาการลงทะเบียนตามโครงการสำหรับกลุ่มประชาชนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนไปจนถึงวันที่ 5 มี.ค. จากเดิม 25 ก.พ. 2564 แล้ว กระทรวงการคลังได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เปิดศูนย์อำนวยความสะดวก One Stop Service โครงการเราชนะแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ในพื้นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ รวมถึงหน่วยรับลงทะเบียนของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์อำนวยความสะดวกนี้จะให้บริการทุกเรื่องของโครงการเราชนะตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการร่วมโครงการแบบครบจบ ณ จุดเดียว

น.ส. ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุด วันเดียวกันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้ลงพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของจุดบริการ One Stop Service โครงการเราชนะ ได้แก่จุดบริการ ณ ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ และที่ว่าการอำเภอขุขันธ์ รวมทั้งได้ตรวจเยี่ยมสถานคุ้มรองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ เพื่อรับทราบถึงปัญหา ข้อจำกัด การเข้าถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งในครั้งนี้ธนาคารกรุงไทยได้เข้ามาอำนวยความสะดวกรับลงทะเบียนเพื่อร่วมโครงการเราชนะให้แก่กลุ่มคนไร้ที่พึ่ง ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ด้วย

“จากการลงพื้นที่ของ รมว.คลัง ได้พบประเด็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการลงทะเบียนของกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนจำนวนมากไม่ทราบข้อมูลว่าสามารถลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน ณ สาขาธนาคารของรัฐได้ จึงได้ใช้สมาร์ทโฟนของลูกหลานลงทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิ์ก่อน อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะทำให้มีปัญหาการยืนยันตัวตน และไม่สะดวกในการใช้จ่ายเนื่องจากโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับเจ้าของสิทธิ์ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดความสะดวก หากประชาชนที่ได้ลงทะเบียนด้วยโทรศัพท์ลูกหลานและได้รับสิทธิ์แล้วยังไม่ได้ยืนยันสิทธิ์ ให้ดำเนินการกดยกเลิกสิทธิ์ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือหากไม่สะดวกก็ให้นำบัตรประชาชนไปให้เจ้าหน้าที่ ณ One Stop Service โครงการเราชนะ ณ ที่ว่าการอำเภอ ดำเนินการให้ เมื่อแก้ไขแล้วก็สามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชนต่อไป ส่วนประชาชนที่ยังไม่ลงทะเบียนก็สามารถใช้บริการ One Stop Service โครงการเราชนะ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำทุกขั้นตอน

ซึ่ง รมว. คลังได้ขอบคุณกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. ออมสิน และเจ้าหน้าที่ทุกๆ คนที่ร่วมเป็นกลไกขับเคลื่อนให้โครงการนี้ได้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด พร้อมระบุว่าจะพิจารณาข้อมูลอีกครั้งหากยังเหลือผู้ตกหล่นจากการลงทะเบียนอีกมากก็อาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาการลงทะเบียนออกไปจากเดิมภายในวันที่ 5 มี.ค. 2564” น.ส. ไตรศุลี กล่าว

เริ่มฉีดวัคซีนโควิดจังหวัดเป้าหมาย ประเดิมสมุทรสาครนำร่องจังหวัดแรก ‘เสี่ยหนู’ ลงพื้นที่ให้กำลังใจย้ำคนไทยได้ฉีดฟรี

‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล ลงพื้นที่สมุทรสาคร ตรวจเยี่ยมฉีดวัคซีนโควิดพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย นำร่องแห่งแรก พร้อมย้ำคนไทยจะต้องได้ฉีดวัคซีนฟรีทุกคน

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมคณะ ลงพื้นที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) และการฉีดวัคซีนเข็มแรกของจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกของจังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ยังมีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายนำร่องในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร อาทิ เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารจังหวัด ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ตัวแทนผู้ประกอบการ ผู้แทนแม่ค้าในตลาด ฝ่ายปกครอง คณะกรรมการโรคติดต่อ ผู้มีโรคประจำตัว และ ผู้แทนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 159 คน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขภายหลังจากที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้วนั้น ก็ได้มาสังเกตการณ์และให้กำลังใจผู้ที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งถือว่าเป็นชุดแรก หรือชุดนำร่องในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย โดยทางจังหวัดสมุทรสาครมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการให้บริการวัคซีน เพื่อทำให้มั่นใจว่าเราสามารถควบคุม การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19ได้ วัคซีนที่ได้นำมาฉีดให้กับจังหวัดสมุทรสาครในล็อตแรกนี้ เป็นวัคซีนยี่ห้อซิโนแวค ผลิตในประเทศจีน เป็นวัคซีนที่มาเป็นล็อตแรกจำนวน 200,000 โดส ซึ่งแม้จะเกิดวิกฤติที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่วิกฤติของจังหวัดสมุทรสาคร ก็นับเป็นโอกาสและเหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศไทยต้องรีบจัดหาวัคซีนซิโนแวคจากจีนเข้ามา เพื่อรองรับสถานการณ์ เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคในขั้นต้น โดยหลังจากนี้ในเดือนมีนาคมก็จะมีวัคซีนซิโนแวคเข้ามาอีก 8 แสนโดส และในเดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส ส่วนวัคซีนแอสตราเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทย ตามที่ได้รับรายงานทราบว่า ขั้นตอนหรือกระบวนการผลิตเป็นไปตามที่คาดหมายทุกประการ และมีบางประเด็นที่ดีกว่าการคาดหมาย

นายอนุทินฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการระบาดของเชื้อโควิด 19 ในจังหวัดสมุทรสาครนั้น ทำให้เห็นถึงศักยภาพและความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุข ที่ทุกคนได้พยายามร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหาในทุกรูปแบบ และฝ่าฝันวิกฤตินี้ไปให้ได้ จนกระทั่งปัจจุบันจะเป็นได้ว่า การแก้ปัญหาที่เราดำเนินการมานั้นถูกทางและเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง อีกทั้งข่าวดีที่หลายคนรอฟังก็คือ อาการของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ขณะนี้ต้องเรียกว่าหายจากอาการเจ็บป่วยแล้ว คงเหลือเรื่องของการฟื้นฟูสภาพร่างกายเท่านั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ในประเทศไทยนั้นไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน ถ้าเป็นประชากรคนไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย หากสถานบริการหรือโรงพยาบาลใดทั้งของรัฐและเอกชน เรียกเก็บเงินจากการฉีดวัคซีนนี้ ก็ขอให้รีบแจ้งทางผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ หรือสาธารณสุขจังหวัดให้ได้รับทราบ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายทันที

ทางด้าน นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในครั้งนี้ความรู้สึกที่ได้ฉีดวัคซีนนั้นเหมือนฉีดวัคซีนปกติทั่วๆไปไม่มีความเจ็บปวดอะไร โดยระบบการฉีดวัคซีนนั้นจะมีขั้นตอนของสาธารณสุขที่กำหนดไว้ทั้งการลงทะเบียน มีการเซ็นยินยอม การรับใบนัดในการฉีดครั้งต่อไปเนื่องจากว่าวัคซีนนี้ต้องฉีด 2 เข็ม มีระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งความเชื่อมั่นสำหรับวัคซีนนั้น วัคซีนถือว่าเป็นอีกหนึ่งในการที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาโควิด-19ได้ ดังนั้นพี่น้องประชาชนจงเชื่อมั่นว่าวัคซีน-19 ตัวนี้ เป็นที่รัฐบาลต้องการฉีดให้ฟรีกับคนไทยทุกๆคน ดังนั้นอยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนขอให้มั่นใจได้ว่า เราฉีดวัคซีนตัวนี้แล้วน่าจะช่วยในเรื่องการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี และก็อยากจะฝากไปถึงท่านวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ขอให้ท่านแข็งแรงโดยเร็ววัน

โดยสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วในเขตจังหวัดสมุทรสาคร จำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดน้อยลงและวัคซีนก็มาถึงจังหวัดสมุทรสาคร แล้วทั้งหมด 70,000 โดส ซึ่งจะฉีดได้ทั้งหมด 35,000 คน ในชุดแรกและชุดต่อไปก็จะตามมา จึงขอให้ท่านผู้ว่าฯสบายใจได้ เพราะทุกอย่างในสมุทรสาครนั้นควบคุมสถานการณ์ได้ดี และหวังว่าท่านคงจะหายกลับมาไวๆ และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดสมุทรสาครที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่น่ารักของพี่น้องประชาชนในเขตจังหวัดต่อไป


ชูชาต แดพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร

เลี่ยงได้เลี่ยงไปก่อน ตำรวจแนะเลี่ยงเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ - ถ.วิภาวดีฯ ขาออก หลังม็อบนัดบุกบ้านพัก ‘บิ๊กตู่’ บ่ายวันนี้

บช.น. แนะนำหลีกเลี่ยงเส้นทาง บริเวณอนุสาวรียชัยสมรภูมิ ถึงกรมทหาราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ หลังมีผู้ชุมนุมนัดรวมตัวกัน อาจส่งผลกระทบการจราจรในเส้นทางดังกล่าว

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.จร. ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ กรณีวันที่ 28 ก.พ.2564 ตามที่ปรากฏทางสื่อโซเชียลมีเดีย ได้มีประกาศนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมฯ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังกรมทหาราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป นั้น

เนื่องด้วยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น มีประชาชนใช้ในการสัญจรเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณรถที่ใช้ทางจึงมีจำนวนมาก เพื่อความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งข้อมูลข่าวสารด้านการจราจร โดยขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าเสร็จสิ้นการชุมนุม ดังนี้

1. เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบและควรหลีกเลี่ยง

    1.1) ถ.พญาไท บริเวณแยกพญาไท – อนุสาวรีย์ชัยฯ

    1.2) ถ.พหลโยธิน บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ - แยกสะพานควาย

    1.3) ถ.ดินแดง บริเวณแยกดินแดง - อนุสาวรีย์ชัยฯ

    1.4) ถ.ราชวิถีบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ - แยกตึกชัย

    1.5) ถ.วิภาวดีฯ (ช่องคู่ขนาน) บริเวณหน้า รพ.ทหารผ่านศึก - สโมสร ทบ.

    1.6) ซ.พหลโยธิน 2 เฉพาะสะพานข้ามทางต่างระดับ

2. เส้นทางที่แนะนำให้ประชาชนไปใช้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านการจราจร

    2.1) ถ.ศรีอยุธยา 2.7) ถ.ประดิพัทธ์

    2.2) ถ.เพชรบุรี 2.8) ถ.กำแพงเพชร

    2.3) ถ.จตุรทิศ 2.9) ถ.กำแพงเพชร 2

    2.4) ถ.พระราม 6 2.10) ทางยกระดับอุตราภิมุข

    2.5) ถ.วิภาวดีฯ (ช่องทางด่วน) 2.11) ทางพิเศษศรีรัช

    2.6) ถ.สุทธิสารวินิจฉัย 2.12) ทางพิเศษเฉลิมมหานคร

จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนการเดินทาง และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ทั้งนี้ บช.น. ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในภาพรวม เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หากต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางแอพพลิเคชั่น M – Help Me และ ทางเว็บไซต์ WWW.TRAFFICPOLICE.GO.TH

เนื้อโคขุนราคาดี ธ.ก.ส. อัดสินเชื่อ 5 หมื่นล้าน ดอกแค่ 0.01% ต่อปี หนุนเกษตรกรรวมกลุ่มเลี้ยงโคขุน

ธ.ก.ส. ร่วมกรมปศุสัตว์ หนุนเกษตรกรรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมการเลี้ยงโคขุน พร้อมสนับสนุนความรู้คู่เงินทุนหมุนเวียนผ่านสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก 0.01% ต่อปี หรือล้านละ 100 บาท

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนสินเชื่อส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โคเนื้อ กระบือ แพะเนื้อ และไก่พื้นเมือง โดยสนับสนุนสินเชื่อตามโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย เป็นเพื่อเป็นค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี หรือล้านละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันกู้

โดยตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปคิดอัตราดอกเบี้ยตามเกณฑ์ปกติของธนาคาร กำหนดชำระคืนเงินกู้กรณีค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ไม่เกิน 12 เดือน (พิเศษไม่เกิน 18 เดือน) กรณีค่าลงทุน ไม่เกิน 15 ปี (พิเศษไม่เกิน 20 ปี) นับแต่วันที่กู้ ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2565 วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท

ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 104 แห่ง และ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อไปแล้วกว่า 417 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวข้องได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ปศุสัตว์อำเภอ หรือ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ของท่าน

"ปัจจุบัน ธ.ก.ส. เล็งเห็นว่าโคเนื้อได้รับความนิยมในการบริโภค อีกทั้งมีราคาขายที่สูงขึ้นกว่าในอดีต จึงได้มีการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงโคขุนเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาชีพและรายได้ที่เพิ่มขึ้น"

สัญญาณเศรษฐกิจฟื้น ‘สุริยะ’เผยเริ่มต้นปี 64 ดัชนีอุตฯ ปรับขึ้น 6.03% ส่วนส่งออกสินค้าอุตฯขยายตัวสูงสุดรอบ 29 เดือน

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. 64 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ธ.ค. 63 ร้อยละ 6.03 ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหักทองและรายการพิเศษในเดือน ม.ค.64 ขยายตัวร้อยละ 8.22 ขยายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สูงที่สุดในรอบ 29 เดือน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมกราคม 2564 ดัชนีเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 101.82 และอัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 66.41 ทำให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนแรกของปี 2564 กลับมามีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากความเชื่อมั่นในการจัดหาและบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ที่ล็อตแรกได้จัดส่งถึงประเทศไทยแล้วเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.64) และจะเริ่มฉีดเข็มแรกโดยเร็วที่สุดตามแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราชนะ และโครงการเรารักกันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2564 หดตัวร้อยละ 2.80 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2563 ส่งผลต่อเนื่องมายังเดือนมกราคม 2564 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอย รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศลดลง ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวในระยะสั้น

นายทองชัยกล่าวต่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการกระจายวัคซีนโควิค-19 ทั้งในและต่างประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จำนวนการแพร่ระบาดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องรวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามามีแนวโน้มที่ดีขึ้นอีกทั้งรัฐบาลได้ผ่อนคลายกิจกรรมในพื้นที่ควบคุม อาทิเช่น ร้านอาหารเปิดบริการได้ตามปกติ สถานบันเทิง ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถาบันกวดวิชา และสถานที่ออกกำลังกาย

เป็นต้น สำหรับในมุมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหลายประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการผลิตและการบริโภค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหักทองและรายการพิเศษเดือนมกราคม 2564 ขยายตัวร้อยละ 8.22 โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือน ที่ 2 และเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 29 เดือน ซึ่งจากที่กล่าวมาสะท้อนให้เห็นสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ

อุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนมกราคม 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนได้แก่

เม็ดพลาสติก ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.86 จากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้น เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อีกทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่หลายสถานประกอบการมีนโยบายให้พนักงาน work from home ประกอบกับการลดการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ จึงส่งผลให้กลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ ถุงอาหาร ขวด และเครื่องใช้ในครัวเรือนขยายตัวมากกว่าปีก่อน

เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.44 จากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ สถานการณ์ราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากจีนมีการนำเข้าสินค้าเหล็กเพิ่มสูงขึ้นมากจนเกิดภาวะขาดแคลนสินค้า (Short Supply) ผู้ผลิตจึงเร่งผลิตเพื่อขายทำกำไรในช่วงนี้

เฟอร์นิเจอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.63 จากเฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้เป็นหลัก จากการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา รวมถึงสามารถกลับมาส่งสินค้าได้ตามปกติหลังมีปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในช่วงก่อนหน้า

อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.21 จากอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปและอาหารปลาเป็นหลัก โดยเพิ่มขึ้นจากการผลิตอาหารแมวเพื่อส่งออกไปสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกาเลิกการผลิตและหันมาสั่งซื้อสินค้าจากไทยเพื่อจำหน่ายแทน

คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.74 จาก สินค้า Printer เป็นหลัก ซึ่งผู้ผลิตได้รับคำสั่งซื้อต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากผู้ผลิตจากอินโดนีเซีย จีน และฟิลิปปินส์ ไม่สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ รวมถึงความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการทำงาน work from home


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top