Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

"ลุงบี้" พบหลานออนไลน์ ให้โอวาทเด็กตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ หมั่นฝึกฝนตนเอง ประพฤติตนเป็นคนดี ใฝ่คุณธรรม มีใจจิตอาสา ให้เตรียมพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่า ยึดพระบรมราโชวาทในหลวงเป็นรากฐานสร้างความสงบร่มเย็นให้ประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ของกองทัพบก ว่า ทางกองทัพบกจัดงานวันเด็กออนไลน์ภายใต้ชื่องาน “คิดดี Kid’s Day by ARMY 65” ตั้งแต่เวลา 8.00น.-12.00 น. ผ่านทาง Facebook เพจกรมกิจการพลเรือนทหารบก  มีกิจกรรมบันเทิง การแสดงต่างๆ  พร้อมสอดแทรกประวัติศาสตร์ นำเสนอภาพยนต์สารคดีสั้นในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดำรงยศร้อยเอกร่วมปฏิบัติปราบปรามคอมมิวนิสต์ที่บ้านหนองหมากแข้ง การจัดตั้งอุทยานราชภักดิ์ พร้อมตั้งเป็นคำถามให้เด็กๆ ตอบเข้ามาชิงรางวัลด้วย นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมพิเศษในการร่วมฟังโอวาท จาก พล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ได้บันทึกไว้จากห้อง Easy Room ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ชิงไอแพด แทบเล็ต พร้อมรางวัลอื่นอีกมากมาย  รวมไปถึงหมีขาวตัวใหญ่ ที่ตั้งอยู่ระหว่างให้โอวาท โดยคัดเลือกผู้ที่ตอบคำถามลำดับที่ 22 ซึ่งเป็นรุ่นเตรียมทหารของ พล.อ.ณรงค์พันธ์  เป็นผู้ได้รับรางวัลดังกล่าวไป 

ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้เริ่มต้นแนะนำตัวว่า ลุงชื่อว่า ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ หรือเรียกว่า “ลุงบี้” พร้อมกล่าวว่า  รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบกับหลานๆทุกคน  การจัดงานวันนี้นับเป็นปีที่2 แล้วที่ต้องจัดงานผ่านทางออนไลน์ เพราะเป็นช่วงโควิด19 เป็นที่น่าเสียดายที่หลานๆ ไม่ได้มาสัมผัสเรียนรู้ ถ่ายรูป กับยุทโธปกรณ์ต่างๆ เช่น รถถัง ยานเกราะล้อยาง เฮริคอปเตอร์ ปืนใหญ่ เช่นปี ต่างๆที่ผ่านมาแต่ก็ได้นำคลิปการปฏิบัติงานของกองทัพบกมาให้ชมแทน และ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ  รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้มอบคำขวัญ ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อคิดและคติเตือนใจให้เด็กและเยาวชนได้ความรู้ และคุณธรรม ด้วยจิตใจที่เสียสละเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ

ลุงบี้ กล่าวอีกว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้ก็เพื่อให้หลานๆ ทุกคนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมและสืบทอดความเป็นชาติไทย โดยผ่านการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้นำประชาชนในการสร้างชาติ สร้างประเทศนี้ขึ้นมา การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การกตัญญูกตเวทิตาต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสันทนาการสร้างความสนุกสนาน ความบันเทิง โดยหลานๆจะได้รับของขวัญ ซึ่งจะจัดส่งไปให้ถึงบ้านทุกคน 

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ ยกระดับและเตรียมพร้อม รพ.สนาม ศูนย์คัดกรองและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รับมือโควิด-19

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อม ปลัดกระทรวงกลาโหม  ได้ร่วมประชุมกับทุกเหล่าทัพ ตร.และ กอ.รมน.ผ่าน ระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อติดตามสถานการณ์และสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 หลังปีใหม่ ที่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนมากขึ้น

โดยรมช.กลาโหม ได้ย้ำสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ทุกเหล่าทัพ กอ.รมน.และตำรวจ โดยเฉพาะ กองกำลังป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท โดยยังคงตรึงกำลังคุมเข้มมาตรการเฝ้าตรวจ สกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองและสินค้าผิดกฎหมายทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นในต่อเนื่องเข้ามา  ขณะเดียวกันให้ดูแลช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบจากฝั่งเมียนมา โดยให้ควบคุมคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด

พร้อมกันนี้ ขอให้ติดตามสถานการณ์และสนับสนุนมาตรการควบคุม และการปรับระดับพื้นที่ในจว.ต่างๆของศบค.รับมือกับการแพร่ระบาดของโรคที่พบผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้น โดยให้ทุกเหล่าทัพยกระดับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด เตรียมความพร้อม รพ.หลัก รพ.สนาม และศูนย์คัดกรอง ที่สามารถปรับเป็นพื้นที่แยกกักตัวชุมชน (CI) และให้พร้อมแปรสภาพเป็น รพ.สนามได้หากจำเป็น  พร้อมทั้งเตรียมระบบการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแยกจากชุมชนออกสู่การรักษา และขอให้สนับสนุนจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ระดับพื้นที่ทั้งใน กทม.และจังหวัดต่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ของโรคที่มีแนวโน้มแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในวงกว้าง  

ลงดาบ ทหารเรือเมากร่างแอบอ้างเบื้องสูง ‘ปลัด กห.’ เซ็นปลดออกจากราชการแล้ว

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 มกราคม รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากกรณีคลิปเหตุการณ์ชายซึ่งอ้างตนว่าเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพเรือ มีลักษณะอาการมึนเมา และพูดจาข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในอำเภอสัตหีบ โดยล่าสุด ได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 14/2565 เรื่องให้ปลดนายทหารออกจากราชการ อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ. 2502 หมวด 1 ข้อ 4 (2) และข้อบังคับทหาร ที่ 11/1653 ลง 14 พ.ย. 82 ว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร มาตรา 4 ข้อ 2 และข้อ 12 กับคำสั่ง กห.(เฉพาะ) ที่ 281/60 ลง 27 พ.ค. 60

‘กองทัพเรือ’ ยืนยัน! ไม่เสนอของบประมาณซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 จะเน้นการพัฒนาซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ และดูแลสวัสดิการของกำลังพล แต่ยังยืนยันความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีการรายงานข่าวว่ากองทัพเรือ ไม่เสนอของบประมาณซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 ในปีงบประมาณ 2566 โดย โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่ากองทัพเรือ จะไม่เสนองบประมาณซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และที่ 3 ในวงเงิน 22,500 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้ กองทัพเรือ ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีหนี้ผูกพันเดิมค่อนข้างมาก กองทัพเรือจึงจำเป็นต้อง ใช้งบประมาณอย่างสมเหตุสมผล ต้องรักษาสมดุลของ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

โดย พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ มีนโยบายที่จะนำงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในส่วนของกองทัพเรือ ไปเน้นใช้ในการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจัดการด้านสวัสดิการของกำลังพล โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย อย่างไรก็ตามกองทัพเรือยังมีความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำ เพราะเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ที่เป็นหลักประกันอธิปไตยและความมั่นคงทางทะเลของไทย เพียงแต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม

 

สมุทรปราการ - ฟ้าลิขิต!! ‘พระครูแจ้’ จารึกประวัติศาสตร์!! รับมอบโฉนดวัด 200 ปี น้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ

ที่ภายในกุฎิเรือนรับรอง วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เปิดเรือนรับรองต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเซ็นรับมอบโฉนดที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทางวัดบางพลีใหญ่กลาง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นการผลักดันและการฟันฝ่าอุปสรรคของท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง และคณะเจ้าหน้าที่วัดบางพลีใหญ่กลาง ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ จนสามารถทำให้วัดบางพลีใหญ่กลางนั้น มีโฉนดที่ดินวัดได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยและนับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ร่วม 200 ปี ที่วัดบางพลีใหญ่กลางไม่เคยมีโฉนดที่ดินวัดมาก่อนเลย

โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นางเนตรทิพย์ เจริญวัย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ รับมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 185356 ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ ออกโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายที่ดิน ให้กับวัดบางพลีใหญ่กลาง เลขที่ 1 หมู่ที่ 8 ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ 2 งาน 12 เศษ 2 ส่วน 10 ตารางวา ออก ณ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2564

โดยมี เจ้าพนักงานสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี นางภาสิณีย์ ธรรมนิธิสิทธิ์ ผู้เขียนแผนที่ นางสาววนิดา รักษาการ ผู้ตรวจแผนที่ และนายอนุรัตน์ ล่องแดง หัวหน้าการ ซึ่งการมอบโฉนดที่ดินให้กับวัดบางพลีใหญ่กลาง ในครั้งนี้ มีนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ นายภูมินันท์ ขวัญเมือง นายโสภณ มหาบุญ ไวยาวัจกร วัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบโฉนดที่ดินวัดบางพลีใหญ่กลาง

 

ปราจีนบุรี-สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานปราจีนบุรีดันเครือข่ายจัดตั้งศูนย์ทดสอบช่างเครื่องปรับอากาศ

สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานปราจีนบุรี ร่วมกับอาชีวศึกษาพัฒนากำลังแรงงานรองรับภาคอุตสาหกรรม จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างเครื่องปรับอากาศภายในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 ณ วิทยาลัยการอาชีพปราจีนบุรี หวังสร้างแรงงานฝีมือป้อนตลาด  นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ขับเคลื่อนภารกิจด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน เป้าหมายพัฒนากำลังแรงงานในทุกๆด้าน ทั้งการพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพในหลักสูตรตามความต้องการของพื้นที่หรือชุมชน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ รวมถึงการประเมินและรับรองความรู้ความสามารถ จึงสั่งการให้สำนักงาน/สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ บูรณาการร่วมกับเครือข่ายพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ เพื่อดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้สามารถแข่งขันกับ นานาประเทศได้

‘เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี’ จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari"

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มกราคม 2565 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดแถลงข่าวการจัดโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari" โดยมี นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานเปิด และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมด้วย ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เนื่องจากมีมาตรการการปิดประเทศ ทำให้ภาคผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคประชาชนต้องอยู่ในสภาวะวิกฤตจากพิษเศรษฐกิจที่หยุดชะงักตัวลง ความหวังเดียวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือ การกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศด้วยกันเอง เนื่องจากรายได้หลักมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงมีแนวคิดที่จะฟื้นฟู ปรับปรุง และสร้างกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari” ขึ้น เพื่อสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งก่อให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว การซื้อสินค้า และบริการ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค เป็นการกระจายรายได้สู่ภาคประชาชน ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ต่อไป

ทภ.2 แจงกรณี กำลังพลหน่วยทหารจังหวัดขอนแก่น ติดเชื้อ โควิด สายพันธุ์เดลต้า

พล.ต.สมบัติ จินดาศรี โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าในหน่วยทหารที่ จังหวัดขอนแก่น เข้าสู่ระบบการรักษาและควบคุมโรคตามมาตรฐานกรณีการติดเชื้อในหน่วยทหาร จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเกิดขึ้นในค่ายมหาศักดิพลเสพ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น การติดเชื้อดังกล่าวเกิดขึ้นจากกำลังพลไปมีกิจกรรมนอกค่ายได้รับเชื้อ โควิด-19 ในช่วงส่งท้ายปีเก่าซึ่งหน่วยต้นสังกัดได้ทำการตรวจหาเชื้อเชิงรุก (RT -PCR) พบการติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า จำนวน 129 นาย ประกอบด้วย กำลังพล124 นาย, ครอบครัว 5 นาย ปัจจุบันผู้ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มสีเขียวส่วนใหญ่ไม่มีอาการ 

ทั้งนี้เนื่องจากกำลังพลมีร่างกายแข็งแรง และได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคนแล้ว จำนวน 2 เข็ม โดยได้มีมาตรการปีดค่าย จำกัดพื้นที่อย่างเคร่งครัด เป็นระยะเวลา 14 วันภายใต้การดูแลของ โรงพยาบาลค่ายศรีพัชรินทร และ
โรงพยาบาลชุมแพ 

‘อนุทิน’ ขอประชาชนยกการ์ดสูง แม้โอมิครอนไม่แรง แต่ ‘เดลตา’ ยังระบาด

7 มกราคม พ.ศ. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า ตอนนี้ ต้องค่อยๆ ยกระดับมาตรการ ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ หวังว่าจะไม่ต้องล็อกดาวน์กันอีกรอบ การระบาดที่เกิดขึ้น ผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่แสดงอาการ ไปจนถึงมีอาการน้อย ส่วนหนึ่งเพราะติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ที่ไม่รุนแรงไปกว่าเดลตา และคนไทยได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงแล้ว 

ปัจจุบันพยายามให้มีจุดวอล์ก อิน มากที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน เพราะทราบกันดีว่า วัคซีนช่วยป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิต ส่วนการรักษาผู้ป่วย เรานำประสบการณ์มาปรับใช้ หากไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยมาก เรามีระบบกักตัวที่บ้าน และในชุมชน มีแพทย์คอยดูแลอาการผ่านระบบการสื่อสารทางไกล หากมีอาการปานกลาง ให้เข้าสู่ระบบของโรงพยาบาลสนาม แต่หากป่วยหนัก ก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ที่มีเครื่องมือพร้อม ทุกอย่างให้เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์  

‘ประกันสังคม’ เร่งประชุมหารือผ่านระบบ Zoom ร่วมกับสถานพยาบาล รับมือโอมิครอน!! เตรียมพร้อมจัดระบบบริการทางการแพทย์ดูแลผู้ประกันตนติดเชื้อโควิด อย่างเต็มที่ และทันท่วงที

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านระบบ Zoom ร่วมกับผู้แทนและบุคลากรทางการแพทย์ของสถานพยาบาลประกันสังคมจำนวนกว่า 50 แห่ง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม 

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรโน 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่กำลังระบาดทั่วโลกในขณะนี้ ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ไอมิครอนแล้วกว่า 2 พันราย ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องลูกจ้าง ผู้ประกันตน จึงกำชับให้สำนักงานประกันสังคม เตรียมแผนรับมือต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น เพื่อรองรับผู้ประกันตนที่ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น

โดยในวันนี้ สำนักงานประกันสังคม ได้จัดให้มีการประชุมผ่านระบบ vdo Conference โดยคำนึงถึงความปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 หารือร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ได้รับการดูแล และรักษาได้ทันที โดยมีประเด็นการประชุมฯ พร้อมแผนมาตรการรองรับร่วมกับสถานพยาบาล ในด้านการใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนกรณีการติดโควิด-19 ให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาล และสถานพยาบาลใกล้ที่พักอาศัยทุกแห่ง กรณีที่สถานพยาบาลตามสิทธิฯ และสถานพยาบาลที่รับรักษา ไม่สามารถให้การรักษาได้หรือเกินศักยภาพในการรักษา จะทำการส่งตัวผู้ประกันตนไปรักษากับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า กรณีที่ผู้ประกันตนไม่สามารถเข้ารักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิได้ เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด หรือต่างพื้นที่ สามารถเข้ารักษาได้ในสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ ผู้ประกันตนจะได้รับการดูแลรักษา ในสถานพยาบาล, โรงพยาบาลสนาม, Hospitel, Community Isolation, Home Isolation ตามแนวทางและระบบบริการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ด้านการเตรียมความพร้อมให้สถานพยาบาลในระบบประกันสังคม มีแผนรองรับการรักษาผู้ประกันตน โดยจัดหาเตียงให้เพียงพอต่อสถานการณ์การเพิ่มจำนวนของผู้ประกันตนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่อาจจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยให้สถานพยาบาลจัดเตรียมสถานที่รองรับผู้ป่วยที่อาการแสดงน้อย หรือไม่แสดงอาการ (สีเขียว) เข้ารับการรักษา ในระบบ Hospitel และ Home Isolation ซึ่งในปัจจุบันมี สถานพยาบาลในระบบประกันสังคม มี Hospitel จำนวนทั้งสิ้น 12,856 เตียง และจำนวนเตียงว่างคงเหลือ 3,230 เตียง (ข้อมูล ณ วันที่ 5 มกราคม 2565) อีกทั้งสำนักงานประกันสังคม ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกับ สปสช. ในการดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีแสดงอาการเล็กน้อย (สีเขียว) และประสงค์เข้ารักษาในระบบ Home Isolation โดยผู้ประกันตนสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

นอกจากนี้ยังมี โครงการ Factory Sandbox ในการตรวจ รักษา ควบคุม ดูแลในสถานประกอบการเพื่อการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมุ่งเน้นไปที่โรงงานภาคการผลิตส่งออกขนาดใหญ่ คือ ตรวจ : ดำเนินการตรวจคัดกรองด้วย RT – PCR 100% เพื่อแยกคนป่วยไปรักษาทันทีและดำเนินการตรวจSelf – ATK ทุกสัปดาห์ รักษา : ให้โรงงานจัดให้มีสถานรักษาพยาบาลขึ้นสถานแยกกัก (Factory Isolation : FAI, และ Hospitel สำหรับผู้ป่วยสีเขียว โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองและห้องผู้ป่วยวิกฤต สำหรับผู้ป่วยสีแดง ดูแล : ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แรงงานโดยเน้นกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง คนท้องออกใบรับรอง “โรงงานสีฟ้า” เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน ควบคุม : ให้นายจ้างและแรงงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค ในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and seal) และมาตรการด้านสาธารณสุข (DMHTT) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์การจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ค่าตรวจคัดกรองโรค COVID-19 กรณีตรวจคัดกรองใน รพ. /ตรวจคัดกรองนอก รพ.โดยหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. โดยผู้ประกันตนคนไทยเบิกเงินจาก สปสช. ผู้ประกันตนคนต่างชาติ เบิกเงินจาก สำนักงานประกันสังคม กรณีตรวจคัดกรองเชิงรุกในสถานประกอบการ ตามโครงการของสำนักงานประกันสังคมโครงการ Factory Sandbox เพื่อค้นหาผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยงในสถานประกอบการซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและมีการแพร่ระบาดและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อ เบิกเงินจากสำนักงานประกันสังคม สำหรับค่าใช้จ่าย ในการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐบาล มีอาการเล็กน้อย (สีเขียว) ค่าห้องรวมค่าอาหารจ่ายตามจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อวัน ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จ่ายตามจริงไม่เกิน 300 บาทต่อวัน มีอาการปานกลาง (สีเหลือง) ค่าห้องรวมค่าอาหารจ่ายตามจริงไม่เกิน 3,000 บาทต่อวัน ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จ่ายตามจริงไม่เกิน 740 บาทต่อวัน มีอาการรุนแรง (สีแดง) ค่าห้องรวมค่าอาหารจ่ายตามจริงไม่เกิน 7,500 บาทต่อวัน ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จ่ายตามจริงไม่เกิน 740 บาทต่อวัน

กรณีมีอาการเล็กน้อย(สีเขียว) ดูแลรักษาโรงพยาบาลสนาม Hospitel Hotel Isolation ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 จ่ายแบบเหมาจ่ายในอัตรา 1,000 บาท ต่อวัน ไม่เกิน 10 วัน และค่าอุปกรณ์ในการดูแลติดตามสัญญาณชีพ 500 บาทต่อวัน ค่าชุด PPE จ่ายตามจริงไม่เกิน 150 บาทต่อราย ดูแลรักษาแบบ Home Isolation และการแยกกักในชุมชน Community Isolation ค่าดูแลให้บริการผู้ป่วย สำหรับค่าติดตามประเมินอาการ ให้คำปรึกษา ค่ายาพื้นฐาน จ่ายแบบเหมาจ่ายไม่รวมค่าอาหาร 3 มื้อในอัตรา 600 บาทต่อวัน /รวมค่าอาหาร 3 มื้อ ในอัตรา 1,000 บาท ต่อวัน ไม่เกิน 10 วัน กรณีรักษาในสถานพยาบาลเอกชนจ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ตามราคากลางประกาศกระทรวงสาธารณสุข สำหรับค่ารถรับส่งผู้ป่วย กรณีจำเป็นต้องส่งต่อภายในจังหวัดเดียวกัน จ่ายตามจริง ไม่เกิน 500 บาท กรณีต่างท้องที่จังหวัดอื่น จ่ายเบื้องต้น 500 บาท และจ่ายเพิ่มกิโลเมตรละ 4 บาท ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อยานพาหนะ ไม่เกิน 1,400 บาทต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสำหรับบุคลากรที่จัดการศพผู้เสียชีวิตด้วยโรค โควิด-19 เหมาจ่าย 2,600 บาทต่อราย

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top