Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

ปลัดฯ บุญชอบ ปลื้ม บ.บางจาก ดึงคนพิการเข้าทำงาน สร้างความมั่นคงทางอาชีพ

ปลัดกระทรวงแรงงาน ชื่นชม บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับคนพิการบรรจุเข้าทำงาน ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการให้มีความมั่นคงทางอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
 วันที่ 27 มกราคม 2565 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวแสดงความยินดีกับคนพิการจำนวน 10 คน ที่ได้รับการพิจารณาบรรจุให้เข้าทำงาน ณ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกล่าวว่า รัฐบาลโดยการนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม โดยการ ยกระดับคุณภาพชีวิตเพิ่มการจ้างงานสร้างรายได้ การสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนมุ่งเน้นประเด็นความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคมให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบาง โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินในการทำงานที่เชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

ซึ่งปัจจุบันภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับปรัชญาเรื่องความมั่นคงของมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาศักยภาพและการเสริมพลังของกลุ่มคนเหล่านี้ให้สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง ควบคู่ไปกับการเร่งพัฒนาและปรับปรุงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขอรับบริการทางสังคมและบริการอื่นที่ทางภาครัฐเป็นผู้จัดให้มีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคมเหล่านี้มากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่ทางสังคมให้กับภาคประชาสังคมและภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มคนเหล่านี้

ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมโดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ ถือเป็นกลุ่มคนที่กระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ช่วยเหลือ สนับสนุน สร้างโอกาสในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง ที่สำคัญคือต้องอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเท่าเทียมกับกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวันที่บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้สนองนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการให้มีความมั่นคงทางอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ด้วยการเปิดโอกาสให้คนพิการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

สมุทรปราการ - “ชัยพจน์ จรูญพงศ์” รองผู้ว่าสมุทรปราการ เปิดงาน พรรณไม้งามและสินค้าเกษตร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยพี่น้องประชาชน

นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธาน เปิดงานพรรณไม้งามและมหกรรมสินค้าเกษตรสร้างสรรค์ ณ ลานห้างสรรพสินค้าโลตัสศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายเจนเจษต์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมในพิธีเปิดงานในครั้งนี้ โดยมี นายมนตรี เรืองพันธ์ เกษตรจังหวัดสมุทรปราการ นายภูชนะ ชมพูมิ่ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวสุกานดา แสงวงศ์ พัฒนาการจังหวัดสมุทรปราการ นายสราวุธ จันไธสง ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าโลตัสศรีนครินทร์ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมในพิธี

ด้าน นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมส่งเสริมสินค้าทางการเกษตร และเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และได้ดำเนินการส่งเสริมการเกษตรตามศักยภาพของพื้นที่ (Zoning) โดยส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ลดต้นทุนการผลิตด้วยการลดใช้สารเคมี ทำการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ การพัฒนาและอนุรักษ์พืชเฉพาะถิ่นของจังหวัด 

ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นกลุ่มส่งเสริมอาชีพ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่นจำหน่ายเป็นรายได้ของครัวเรือนและชุมชน  อย่างไรก็ตาม ยังคงพบว่าสินค้าเกษตรที่ผ่านการรับรองมาตรฐานยังขาดการส่งเสริมด้านการตลาดและขาดการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต ผู้ค้าและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ รวมถึงผู้ประกอบอาชีพเพาะปลูก ไม้ดอก ไม้ประดับ ทางจังหวัดสมุทรปราการการจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดนำสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐาน ช่วยให้ผู้ผลิตได้พบกับผู้บริโภคโดยตรง เป็นการสร้างเครือข่ายและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรปลอดภัย ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป

GISTDA ใช้ดาวเทียมตรวจคราบน้ำมันรั่ว พบกระจายกลางอ่าวไทย ขนาด 2 เท่าเกาะเสม็ด

27 ม.ค. 65 - จากกรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565 นั้น

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ใช้ภาพจากดาวเทียม Sentinel-2 ของวันที่ 26 มกราคม 2565 เวลา 10.40 น. พบคราบน้ำมันลอยเป็นกลุ่มก้อนกลางอ่าวมาบตาพุด (กรอบสีเหลือง) คิดเป็นพื้นที่ 11.65 ตารางกิโลเมตร (7,280 ไร่) หรือกว่า 2 เท่าของเกาะเสม็ด ซึ่งคราบน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลของอำเภอเมืองระยอง ประมาณ 16.5 กิโลเมตร

‘สุชาติ’ โชว์จดหมายฉบับแรกจากพ่อ ส่งข้อความจากใจถึงลูกๆ ขณะขายแรงงานที่ซาอุ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า "ยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านกันครับ" 

จดหมายฉบับนี้ คือฉบับแรกที่พ่อของผม เขียนตอบกลับมาให้พี่สาว ระหว่างที่พ่อไปเป็นกรรมกรในซาอุดิอาระเบีย เมื่อ 37 ปีก่อน ถึงแม้บ้านเราจะไม่ร่ำรวย แต่ความรักที่พ่อมีต่อพวกเราทั้ง 4 คน (พี่สาว 2 คน น้อง สาว 1 คน) มันสามารถทดแทน และเติมเต็มทุกความขาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

พ่อผมเรียนจบ ป.4 ที่โรงเรียนวัดแจ้งเจริญดอน (โรงเรียนเดียวกับผม) พ่อจึงสามารถอ่านออกเขียนได้ และบรรยายความรู้สึกคิดถึงที่มีต่อพี่สาวและคนในครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง สำหรับ ด.ญ.โสภิต ชมกลิ่น หรือ "พี่โส" ที่พ่อจ่าหน้าซองถึง คือพี่สาวคนที่ 2 ของผม 

ในวัยเด็ก "พี่โส" ต้องไปอยู่กับครอบครัวของ "ลุงสม + ป้าบล" ตั้งแต่เล็กๆ แม่ยกให้เอาไปช่วยเลี้ยง เพราะตอนนั้นบ้านเราค่อนข้างมีภาระเยอะ ซึ่ง "พี่โส" ของผมคนนี้เรียนเก่งมากๆ สร้างความภาคภูมิใจให้พ่อตามรายละเอียดใน จม. ที่เขียนมาเลยครับ สุดท้ายพี่โส ก็เรียนจบ ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

กองทัพเรือ แถลงจัดตั้ง  "ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ "เร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง  คาดสถานการณ์คลี่คลาย ใน 5 วัน  หากถึงหาดแม่รำพึง ก็มีแผนรับมือได้

ที่ห้องโพธิ์สามต้น หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อมนางสาวพรพิมล เจริญส่ง  ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ  กรมควบคุมมลพิษ  นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล  ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า  และ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) เพื่อเร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลระยอง

พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) จะมีหน้าที่ในการอำนวยการกำกับการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้ง "ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 " (ศคปน.ทรภ.1) หรือ On Scene Commander เพื่อทำหน้าที่กำหนดแผน และยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน  ปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ  ตลอดจนอำนวยการประสานกับส่วนราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด 

ด้าน พล.ร.ต. วิฉณุ  ถูปาอ่าง  ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ เปิดเผยถึงการดำเนินการต่อไป สำหรับการดำเนินการต่อไปได้วางแผนการขจัดคราบน้ำมันในทะเล โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่   การขจัดกลุ่มคราบน้ำมันขนาดใหญ่ ดำเนินการโดยใช้ทุ่นลอบกัก แล้วใช้เครื่องดูดหรือ Skimmer ดูดคราบน้ำมันซึ่งถือว่าเป็นสารพิษอันตราย จากทะเลสู่ถังเก็บ แล้วนำส่งกรมอุตสาหกรรมเพื่อทำการทำลายต่อไป     

สำหรับในส่วนของการขจัดกลุ่มคราบน้ำมันที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ที่เป็นอันตรายต่อชายฝั่งและพื้นที่เปราะบาง ดำเนินการโดยใช้ทุ่นล้อมเบี่ยงทิศการเคลื่อนที่ให้ออกห่างจุดเปราะบางไปสู่ทะเลเปิด แล้วทำการล้อมดักและดูดไปทำลายตามกระบวนการต่อไป
      
สำหรับแผนการขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง ได้จัดแผนการดำเนินการแบ่งเป็น 2 ลักษณะ โดยแยกเป็นพื้นที่ชายฝั่งในทะเล ได้ประสานกับทางจังหวัด ในการใช้ทุ่นล้อมกันขึ้นฝั่ง ไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นสู่ชายฝั่งซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก   พื้นที่ชายฝั่งบนบก บริเวณที่เป็นหินจะใช้การฉีดน้ำให้คราบน้ำมันรวมตัวกัน แล้วตักเก็บไปทำลายบริเวณที่เป็นหาดทรายจะใช้รถแบ็คโฮลตักคราบน้ำมันที่ปะปนกับทรายแล้วนำไปทำลาย ทั้งนี้การปฏิบัติของ เจ้าหน้าที่จะต้องสวมชุดป้องกันและสามารถปฏิบัติงานได้เพียง 4 ชั่วโมง ต่อวันเท่านั้น เนื่องจากสารพิษจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน

นายพิทักษ์ กล่าวว่า เราได้ระงับการรั่วไหล ปิดวาล์วได้หมด  พร้อมเฝ้าระวัง มลพิษ ที่ค่อนข้างมีปริมาณมาก จึงยกระดับให้กองทัพเรือ เป็นหน่วยบัญชาการเหตุการณ์  เร่งด่วน คือ การเฝ้าระวังการเคลื่อนไหว ดูทิศทางการเคลื่อนที่ และคลื่นลม ว่าจะไปทางใด และปริมาณ ที่ลงทะเล แพร่กระจายมากน้อยแค่ไหน 

ด้านนางสาวพรพิมล เปิดเผย ถึงแนวทางของกรมควบคุมมลพิษ คือ  1 ตรวจสอบค่าน้ำทะเล  2 ให้อนุญาต สำหรับปริมาณการใช้สารขจัดคราบน้ำมัน โดยสารดิสเพอร์แซนท์ โดยครั้งนี้ใช้ใน อัตรา 1:10  และ 3 จัดทำแผนฟื้นฟู 

ดร.พรศรี   เปิดเผยถึงความกังวล ของคราบน้ำมัน ที่จะส่งผลทรัพยากรใต้ทะเล ที่มี แนวปาการัง 150 ไร่ และย่าทะเล 300 ไร่ พร้อมยืนยันว่า จะมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้น ทั้งการดำเนินการ และทรัพยากร ที่เสียหาย และในระยยาว จะมีการตั้งกองทุนฟื้นฟู ทรัพยากร   

เมื่อถามว่า ส่วนตัวเลขการรั่วไหลน้ำมับดิบ ที่บริษัทแจ้งว่า กว่า 4 แสนลิตร และรมต.ทรัพย์ ระบุเพียง 2 หมื่นลิตร ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร  นายพิทักษ์ ระบุว่า เป็นหารประเมินการณ์ ว่า 4 แสนลิตร เพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ รับมือสถานการณ์  ขณะที่พลเรือตรี วิษณุ ระบุ วิศวกร ของบริษัท แจ้งล่าสุด มีน้ำมั่น 20-50 ตัน  ต่างจากครั้งแรก ที่แจ้งไว้ และระบุ ยังมีน้ำมัน คงเหลือ 5.3 ตัน   ขณะที่โฆษกกองทัพเรือ  ระบุว่า ดูสภาพจริง ลดลงเยอะ   เบา กว่าที่เราคาดการณ์ไว้ แต่ยังไม่รู้ตัวเลขแน่ชัด  แต่จากใช้เครื่องบิน บินสำรวจ  ลากตระเวนด้วยสายตา  คาดว่า ตัวเลข 2 หมื่นลิตร  น่าจะใกล้เคียงกับข้อเท็จจริง 

“พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวเสริม ว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า ทางบริษัท คงไม่มีเจตนาปกปิดปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล เพราะยิ่งปิด จะยิ่งสร้างความเสียหาย ขอให้มั่นใจ จากกองทัพเรือ 

เฉลยแล้ว คลิปไวรัล เด็กแบกกระเป๋าไม่ไหว ที่แท้ข้างใน ‘ไม่ใช่หนังสือเรียน’ 

เฉลยแล้ว คลิปเด็กนักเรียนแบกกระเป๋าไม่ไหว จนล้มหงายหลังเงิบ สรุปข้างในไม่ใช่หนังสือเรียน แต่เป็นนมโรงเรียน 1 ลัง ครูแจงกระเป๋าเรียนไม่หนักอย่างแน่นอน เผยน้องเป็นเด็กแข็งแรง ช่วยพ่อแม่ทำงาน ยกของหนักๆ ได้สบาย

จากกรณีมีผู้โพสต์คลิปเด็กนักเรียนหญิงหิ้วกระเป๋าหนักบริเวณริมถนนใกล้โรงเรียน โดยพยายามแบกกระเป๋าเป้ใส่หลัง แต่ด้วยน้ำหนักของกระเป๋าที่ดูจะมากกว่าน้ำหนักตัว ทำให้แบกแล้วล้มหงายหลังเงิบ จนมีการแชร์ต่อวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างนั้น โดยชาวโซเชียลเสียงแตกถามถ้าระบบการศึกษาดี น้องคงไม่ต้องแบกหนักขนาดนี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้ลงไปในพื้นที่ ม.2 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล พบว่า เด็กหญิงคนดังกล่าว อายุ 7 ขวบ เป็นนักเรียนชั้น ป.1 ซึ่งบ้านน้องอยู่ห่างจากโรงเรียน ประมาณ 1 กิโลเมตร

นางสาวสุชาดา แม่ของเด็ก เล่าให้ฟังว่า ความจริงแล้วกระเป๋าที่หนักไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นนมโรงเรียน 1 ลัง ประมาณ 36 กล่อง ซึ่งจริงๆ แล้ว โรงเรียน เรียนแค่ครึ่งวัน ในกระเป๋ามีสมุดหนังสือแค่ 4 เล่ม ซึ่งกระเป๋าเบามาก น้องเป็นเด็กแข็งแรง จึงนำนมใส่กระเป๋าแล้วพากลับ

“ปกติตนจะขี่รถไปรับตอนเที่ยงทุกวัน แต่เมื่อวานพอไปรับ ปรากฏว่าไม่มีน้อง ครูเองก็ตกใจไม่คิดว่าน้องจะเดินกลับเอง เพราะปกติวันที่แจกนม ผู้ปกครองจะเข้ามารับเองเพราะหนัก พอตนขี่รถออกจากโรงเรียน ก็เห็นน้องนั่งรออยู่บริเวณที่ออกกำลังกายเพราะหมดแรง”

ขณะที่เด็กหญิงคนดังกล่าว บอกว่า พอได้นม ตนก็เอาใส่ในกระเป๋าทั้งลัง เพราะพื้นที่ในกระเป๋ายังว่าง แต่เมื่อเดินออกจากโรงเรียนรู้สึกหนัก จึงพยายามแบกใส่หลังแต่ทำไม่ได้

‘บิ๊กตู่’ พบนักศึกษาไทยในซาอุฯ ฝากให้ตั้งใจเรียน กลับมาพัฒนาประเทศ

เพจ นักศึกษาไทย ณ กรุงรียาด โพสต์ภาพบรรยากาศพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พบปะ และมอบของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากประเทศไทย ให้แก่พี่น้องชุมชนคนไทย และนักศึกษาไทย ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงรียาด

พร้อมระบุถึง ข้อความส่วนหนึ่งจากคำกล่าวโอวาทของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ท่านได้มาเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ตามคำเชิญของมกุฎราชกุมาร มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า 

"...ดีใจที่วันนี้ (25 มกราคม 2565) ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ สำหรับวันแห่งประวัติศาสตร์ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศให้กลับมาปกติเหมือนครั้งในอดีต..."

"...จากการพูดคุยหารือกันในวันนี้ มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน..."

“เฉลิมชัย”เผยส่งออกผลไม้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เฉพาะทุเรียนทะลุแสนล้าน เผยปีนี้ผลผลิตเพิ่มกว่า 5 แสนตัน มอบ“อลงกรณ์”รับผิดชอบชุดเฉพาะกิจผนึกทีมผลไม้ภาคตะวันออกรับมือฤดูผลไม้ล่วงหน้า พร้อมลุยหนองคายเร่งรถไฟจีน-ลาวขนสินค้าเกษตร 27 ม.ค.นี้

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)กล่าววันนี้(26ม.ค)ถึงผลดำเนินงานบริหารจัดการผลไม้ปี2564และปี2565ว่า ในปี 2564 สามารถส่งออกผลไม้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เฉพาะทุเรียนขายทะลุหนึ่งแสนล้านบาทเป็นครั้งแรกแม้เผชิญปัญหาการขนส่งโลจิสติกส์จากค่าระวางที่สูงขึ้น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และการปิดด่านหลายครั้งจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

ความสำเร็จดังกล่าวมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งชาวสวนผลไม้ ผู้ประกอบการภาคเอกชนและภาครัฐที่ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคในปีที่ผ่านมาและสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศชาติจากการส่งออกทำสถิตินิวไฮโดย11เดือน(ม.ค.-พ.ย.)ของปี 2564ส่งออกผลไม้7ชนิดได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่และมะม่วงจำนวน1,992,751ตันคิดเป็นมูลค่า 165,624ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40.75% เทียบกับปี 2563ที่ส่งออก1,718,228ตันมูลค่า 117,673ล้านบาท สำหรับทุเรียนส่งออก 903,700ตัน คิดเป็นปริมาณเพิ่มขึ้น38.29% คิดเป็นมูลค่า115,459ล้านบาทเติบโต59.11%เทียบกับปี2563ส่งออก653,476ตันมูลค่า72,566ล้านบาท โดยฤดูกาลผลิตปี2565จะมีผลผลิตออกมา5,200,009ตันเพิ่ม11.39%หรือเพิ่มกว่า5แสนตันเทียบกับปี2563ที่มีปริมาณ4,668,435ตันซึ่งเป็นตัวเลขจากกรมศุลกากร

ดร.เฉลิมชัยกล่าวต่อไปว่า เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือผลไม้ที่จะเริ่มต้นฤดูในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้จึงมอบนโยบายให้ฟรุ้ทบอร์ดกำหนดมาตรการล่วงหน้าโดยมอบหมายนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ

ทางด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบกล่าวว่า คณะทำงานฯได้กำหนด5มาตรการ21โครงการสำหรับบริหารผลไม้ในภาวะวิกฤติเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการจัดทำแผนและโครงการต่างๆ

และเมื่อวันเสาร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาได้จัดการประชุมทางไกลกับสมาคมทุเรียนไทย ตัวแทนแปลงใหญ่ทุเรียนจังหวัดระยอง สมาพันธ์ชาวสวนทุเรียน สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย สถาบันทุเรียนไทย หอการค้าจังหวัดจันทบุรี สมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่ ตัวแทนเกษตรกรและผู้ประกอบการภาคตะวันออก นายชรัตน์ เนรัญชรและนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ.ระยอง สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ สำนักงานวิจัยและพัฒนาการการเกษตรเขตที่6 อธิบดีกรมวิขาการเกษตร เกษตรและสหกรณ์จังหวัดระยอง เกษตรและสหกรณ์จังหวัดจันทบุรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด หน่วยงานEECและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมรองรับผลไม้ภาคตะวันออกโดยมีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างมาก เช่นข้อเสนอให้เร่งจัดทำมาตรฐานzero covid ทุเรียนที่มีงานวิจัยรองรับโดยกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ชัดเจนและสื่อสารกับจีนเพื่อสร้างความมั่นใจกับจีนและประเทศลูกค้าอื่นๆ การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ(Traceability)

การหารือกับจีนในการขนส่งบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาวโดยการปิดตู้ที่ประเทศลาว และ ส่งไปคุนหมิงเลยโดยไม่ต้องแวะตรวจที่ด่านโมฮ่านเพื่อให้สามารถส่งทุเรียนและผลไม้เศรษฐกิจอื่นๆทางรางได้ตั้งแต่เดือน มีนาคมปีนี้ ตลอดจนข้อเสนอให้ประชุมหารือกับประเทศจีน ลาวและเวียดนามเพื่อตกลงมาตรการร่วมกันเรื่อง protocol ในการเปิด-ปิดด่านชายแดนต่างๆรวมทั้งข้อเสนอให้ด่านมีGreen Lane สำหรับผลไม้ไทยเป็นการเฉพาะรวมทั้งปัญหาการทำGAPที่ชาวสวนต้องจ่ายมากขึ้นว่าจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไรเมื่อใดรวมทั้งข้อพิจารณาเรื่องการเยียวยาชาวสวนลำไยในฤดูกาลที่ผ่านมา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน มอบอาชีพ “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืนแก่ครัวเรือนยากจนจังหวัดน่าน 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ เป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดน่าน จำนวน 18 ครัวเรือน  คิดเป็นมูลค่า จำนวน 316,450 บาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย  

โดยมี นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน   และนายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นายวิทยา จงประสาธน์สุข ประธานคณะกรรมการพ่อค้าน่านโรงเรียนซินจง จ.น่าน ร่วมในพิธี  ณ  บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองน่าน  จังหวัดน่าน

ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พะเยา เชียงราย และน่าน แล้วรวม 10 จังหวัด 146 ครัวเรือน มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพทั้งสิ้น จำนวน 2,197,380 บาท (สองล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันสามร้อยแปดสิบบาทถ้วน)

การดำเนินการ “โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยฝ่ายสังคมสงเคราะห์  จะจัดทีมลงพื้นที่ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมให้ความรู้ ทักษะ และมีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดหาอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจน เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ตลอดจนสร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2563 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 500 ครัวเรือน งบประมาณดำเนินงานทั้งสิ้น 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) 

รู้จักอาชีพที่ซาอุฯ ห้ามคนต่างชาติทำ

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้เดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำประเทศคนแรกในรอบ 32 ปี ที่เดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เป้าหมายหลักคือการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ตกต่ำมายาวนาน ขณะที่มีการคาดหมายว่า การไปเยือนในครั้งนี้ จะมีข่าวดีสำหรับแรงงานไทย ที่จะมีโอกาสเดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง 

ทว่า ก่อนจะไปลุ้นว่า ซาอุดีอาระเบียจะเปิดรับแรงงานจากไทยหรือไม่นั้น เราไปดู ‘19 อาชีพสงวน’ สำหรับชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ไม่อนุญาตให้คนต่างชาติทำ กันดีกว่า

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ได้เผยแพร่ 19 ตำแหน่งงาน ที่อนุญาตให้แรงงานชายหญิงชาวซาอุดีอาระเบียเท่านั้น ได้แก่

1.) ผู้จัดการบริหารทรัพยากรบุคคล (Executive HR manager)
2.) ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR manager)
3.) ผู้จัดการด้านแรงงาน (Labor affairs manager)
4.) ผู้จัดการด้านธุรการ (Staff relations manager)
5.) ผู้เชี่ยวชาญงานธุรการ (Staff relations specialist)
6.) พนักงานเสมียนธุรการ (Staff relations clerk)
7.) พนักงานรับสมัครงาน (Recruitment clerk)
8.) พนักงานกิจการบุคคล (Staff affairs clerk)
9.) เสมียนควบคุมการเข้าร่วมประชุม (Attendance control clerk)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top