‘สุริยะ’ จี้ สมอ. คุมเข้มสินค้า 43 รายการ เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต ให้เร่งประกาศเป็นสินค้าควบคุม ทั้งไฟฟ้า ยานยนต์ เคมี วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ภายในปีนี้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันจากที่เป็นอยู่ให้สูงขึ้น เพื่อให้สามารถดึงความสนใจของนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทยได้
ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายที่ภาคอุตสาหกรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ และในการผลักดันการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมนอกเหนือจากการส่งเสริมการลงทุนโดยปกติ ซึ่งมาตรฐานก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่มีความสำคัญต่อ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกได้
“ผมได้เร่งรัดให้ สมอ. เร่งดำเนินการกำหนดมาตรฐานเพื่อให้ทันกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ตลอดจนคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เข้มงวด และควบคุมสินค้าที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยให้เร่งประกาศเป็นสินค้าควบคุมด้วย” นายสุริยะฯ กล่าว
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ได้ขออนุมัติบอร์ด สมอ. กำหนดมาตรฐานสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 361 เรื่อง ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve จำนวน 117 เรื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve จำนวน 60 เรื่อง เช่น หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร กลุ่มอุตสาหกรรมเชิงนโยบายและอื่นๆ จำนวน 113 เรื่อง ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เกษตรแปรรูป พลาสติก ยาง สมุนไพร นวัตกรรม เป็นต้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์พื้นฐานตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม จำนวน 71 เรื่อง ได้แก่ เครื่องกล เหล็ก คอนกรีต วัสดุก่อสร้าง และโภคภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ไตรมาส 2 สมอ. กำหนดมาตรฐานแล้วทั้งสิ้นกว่า 250 เรื่อง และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมด ภายในไตรมาสที่ 4 อย่างแน่นอน
“ขณะนี้ สมอ. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำมาตรฐานใหม่ที่จะประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกทั้งหมด 43 รายการ เช่น ยางหล่อดอกซ้ำ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสี หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว ถุงมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ชนิดใช้ครั้งเดียว กระดาษสัมผัสอาหาร ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค เครื่องฟอกอากาศ ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร เก้าอี้นวดไฟฟ้า และเครื่องเล่นสนาม ได้แก่ ชิงช้า กระดานลื่น ม้าหมุน อุปกรณ์โยก เป็นต้น และนำมาตรฐานเดิมมาทบทวนและเสนอบังคับต่อเนื่องอีกจำนวน 21 รายการ เช่น
มาตรฐานในกลุ่มสีย้อมสังเคราะห์ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกล เตารีดไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ เครื่องดับเพลิง และแบตเตอรี่มือถือ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2564 นี้ จึงขอแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่จะทำสินค้าดังกล่าว ให้เตรียมตัวดำเนินการตามมาตรฐาน ทั้งที่ทำในประเทศ และนำเข้า เพราะท่านจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำหรือนำเข้า พร้อมทั้งให้เตรียมตัวยื่นขอใบอนุญาตก่อนวันที่มาตรฐานแต่ละรายการจะมีผลบังคับใช้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดต่อได้ที่ สมอ. หรือจะยื่นขอ มอก. ออนไลน์ผ่านระบบ E-license ได้ที่ https://itisi.go.th/e-license/ ตลอด 24 ชั่วโมง” เลขาธิการ สมอ. กล่าว