Sunday, 6 July 2025
ECONBIZ NEWS

'เบนซ์' ประกาศเลิกใช้ 'พริตตี้' ทุกงานแสดงรถยนต์ในไทย หันใช้ทีม Digital Guide คอยให้คำแนะนำแทน 

เมอร์เซเดส เบนซ์ ยืนยันเลิกใช้ พริตตี้ ทุกงานแสดงรถยนต์ในไทย และจะใช้ทีม ดิจิทัล ไกด์ คอยให้คำแนะนำแทน เพื่อสร้างค่านิยมใหม่ ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลาย และเท่าเทียม

รายงานจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ว่า บริษัทให้ความสำคัญกับความหลากหลาย (diversity) และความเท่าเทียมอย่างต่อเนื่อง จึงต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม โดยเริ่มจากการเปลี่ยนค่านิยม ที่อยู่คู่กับงานจัดแสดงรถยนต์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือวัฒนธรรมการใช้ “พรีเซนเตอร์” ที่ทุกคนรู้จักในนาม “พริตตี้”

การใช้ “พริตตี้” ช่วยโปรโมทรถยนต์ในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย จนอาจส่งผลต่อมุมมองของคนไทยที่มีต่อพริตตี้ และหลาย ๆ ครั้งก็ส่งผลกระทบกับคุณค่าของผู้หญิงและอาจนำไปสู่การกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อพวกเธอ

รมว.สุชาติ แจงเงื่อนไข ใครมีสิทธิกู้เงินกองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้าน รับดอกเบี้ย 0% 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แจงคุณสมบัติผู้มีสิทธิกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้าน พร้อมรับดอกเบี้ย 0% ในงวดที่ 1 -12  หลังมีผู้สนใจและสอบถามหลักเกณฑ์เข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยคุณสมบัติของผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน มีการดำเนินการร่วมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้านหรือมีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน มีสถานประกอบการที่สามารถติดต่อได้ ซึ่งมีได้ทั้งประเภทบุคคลและกลุ่มบุคคล 

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ และกลุ่มเปราะบางที่ต้องการทำงาน มีรายได้ และยังมีศักยภาพ แต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยกำชับกระทรวงแรงงานดูแลช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม ทั่วถึงเพื่อให้สามารถก้าวต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์โควิด – 19  ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 กรมการจัดหางานได้รับอนุมัติวงเงินกู้ยืม จำนวน 5,000,000 บาท โดยให้ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้รับงาน/กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน จากร้อยละ 3 ต่อปี ลดเหลือร้อยละ 0 ต่อปี งวดที่ 1-12 โดยสามารถยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 31 สิงหาคม 2565 ณ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด ในท้องที่ที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านได้จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้านของกรมการจัดหางานพร้อมให้บริการแก่ผู้จ้างงานที่ต้องการจะส่งงานให้กับผู้รับงานไปทำที่บ้าน ประชาชนทั่วไปที่ต้องการจะรับงานไปทำที่บ้าน และผู้รับงานไปทำที่บ้าน ซึ่งมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้กู้เงินและการชำระหนี้เงินกู้ ดังนี้

กรณีบุคคล วงเงินกู้ 1 - 50,000 บาท ชำระคืนภายใน 2 ปี มีคุณสมบัติดังนี้    
1. ต้องเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางาน
2. มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้านหรือ มีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน
3. มีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท 
4. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
5. ไม่เคยเป็นผู้ถูกดำเนินคดีหรืออยู่ในระหว่างดำเนินคดีเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกองทุน

กรณีกลุ่มบุคคล วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท ชำระคืนภายใน 2 ปี วงเงินกู้ 50,001 - 100,000 บาท ชำระคืนภายใน 4 ปี และวงเงินกู้ 100,001 - 300,000 บาท ชำระคืนภายใน 5 ปี โดยมีคุณสมบัติดังนี้
1. เป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียน (กลุ่มบุคคล) กับกรมการจัดหางาน
2. ต้องมีสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน
3. มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้านหรือ มีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน
4. มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท
5. ไม่เคยเป็นผู้ถูกดำเนินคดีหรืออยู่ในระหว่างดำเนินคดีเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกองทุน

เที่ยวไทยฟื้นเร็ว!! ตัวเลขต่างชาติเที่ยวไทย 3 เดือนแรกกว่า 4 แสนคน คาดช่วงไตรมาส 2 เข้ามาอีก 3.4 แสนคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตลาดการท่องเที่ยวต่างประเทศ ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2565 ขยายตัวสูง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 444,039 คน ขยายตัว 2,101% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 34,173 ล้านบาท ขยายตัว 1,424% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการผ่อนคลายมาตรการขาเข้าประเทศของไทย ตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2564 ที่รัฐบาลกลับมาเปิดระบบการลงทะเบียนในระบบไทยแลนด์ พาส ผ่านรูปแบบเทสต์ แอนด์ โกอีกครั้ง หลังระงับไปในช่วงวันที่ 22 ธันวาคม - 31 มกราคม 2565 จากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงหลายชาติในยุโรปปรับยุทธศาสตร์ในการรับมือกับโควิด-19 และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น เหมือนหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกลดเวลากักตัวขากลับเข้าประเทศหลังมาเที่ยวไทย อาทิ ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และการเปิดเที่ยวบินใหม่เข้าไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยส่งเสริมบรรยากาศการเดินทางเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้คึกคักขึ้น

ทั้งนี้ ช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2565 คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 341,340 คน เพิ่มขึ้น 1,584% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 23,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 983% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564

“การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทย ในช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน 2565 คาดว่า จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 โดยมีสาเหตุหลักจากการปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าไทย อาทิ การแสดงผลตรวจเชื้อ จำนวนวันกักตัว การเปิดจังหวัดชายแดนนำร่องท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเที่ยวไทย” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ ประกาศผล!! 9 ‘ร้านอาหาร-ร้านยำ-ร้านตำ’ ผู้โชคดีคว้าทอง!! กิจกรรม ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’

‘แม่บุญล้ำ’ ปิดกล่องแคมเปญ ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ จับแจกทอง คืนกำไร ‘ร้านอาหาร-ร้านยำ-ร้านตำ’ ผู้สนับสนุนสินค้ามาโดยตลอด พร้อมเผยรายชื่อ 9 ร้านผู้โชคดี จาก 9 จังหวัด 

คุณพิไรรัตน์ บริหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาร้าแบรนด์ ‘แม่บุญล้ำ’ กล่าวถึงกิจกรรม ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ (แจกทอง) ว่า เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดล้ำ ที่ทางน้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ ที่จัดขึ้นเพื่อขอบคุณกลุ่มลูกค้าสาย ‘ร้านอาหาร-ร้านยำ-ร้านตำ’ ที่ให้การสนับสนุน ซื้อและใช้สินค้าน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรส ตราแม่บุญล้ำ เสมอมา

โดยรายละเอียดในการร่วมสนุกกิจกรรมดังกล่าว ผู้ที่ซื้อสินค้าแม่บุญล้ำ สูตรฝาแดง ขนาด 2 ลิตร ขั้นต่ำ 1 ลัง หรือ สูตรใด ขนาดใดก็ได้ ในมูลค่าขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป จะมีสิทธิ์ได้รับคูปอง 1 ใบ ขณะที่ผู้ซื้อสินค้าน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตราแม่บุญล้ำ สูตรใด ขนาดใดก็ได้ ทุก 2,500 บาท จะมีสิทธิ์ได้รับคูปอง 10 ใบ จากนั้นเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร หย่อนกล่องที่พนักงานขาย ลุ้นบัตรทองคำมูลค่า 25,000 บาทต่อจังหวัด (1 จังหวัด ต่อ 1 รางวัล) เฉพาะร้านอาหาร ร้านตำ ร้านยำ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี, อุบลราชธานี, เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต, กาฬสินธุ์ รวม 9 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว ได้รับความสนใจจากเจ้าของ ‘ร้านอาหาร-ร้านยำ-ร้านตำ’ อย่างมาก ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ได้ทำการสุ่มจับรางวัลผ่าน Live เมื่อ 31 มีนาคม 2565 ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยผู้โชคดีที่เข้าร่วมสนุกในกิจกรรม ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ (แจกทอง)’ และได้รางวัล ประกอบไปด้วย...

>> กรุงเทพมหานคร
1. คุณปิยวัชร สอนสุภาพ ร้านส้มตำ-ยำแซ่บ

รายชื่อสำรอง กรุงเทพมหานคร
1. คุณวรรณชัย แสงพล ร้านลาบยโส โอเค
2. คุณรัชดาวัลย์ เคนใบ ร้านครัวแม่สมใจ แซ่บอินเตอร์
3. คุณยุภารัตน์ สุขเสน ร้านป้าเพชร

>> นครราชสีมา
1. คุณแสงดาว เพประโดน ร้านป้าเช้า

รายชื่อสำรอง นครราชสีมา
1. คุณบุญสร้าง คูตระกูล ร้านต้น-ต่อ
2. คุณนงนุช วงษ์ลา ร้านส้มตำล้านสอง
3. คุณนงรักษ์ แข็งขัน ร้านด้องแด้ง

>> ขอนแก่น
1. คุณพิมพ์ชนา สุพัฒนาเศรษฐกุล ร้านร่มพุทราไก่ย่าง

รายชื่อสำรอง ขอนแก่น
1. คุณนัยนา สิทธิ์สงคราม ร้านนัยนา ตำแหลก
2. คุณวาสนา ไชยวารี ร้านวาสนาไก่ย่าง
3. คุณบังอร ไชยศรี ร้านหมูไก่ย่างวิเชียร์

'ไบเดน' เดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ พร้อมยึดทรัพย์ลูกสาวปูตินที่ถือครองในสหรัฐฯ

ไบเดนคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ยึดทรัพย์ลูกสาวปูติน ชี้สงครามอาจลากยาว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคการเงิน ภายใต้การกระทำที่เขาระบุว่าจะเป็นการลงโทษระยะยาวต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังจากภาพของการสังหารพลเรือนยูเครนอย่างโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น

ไบเดนกล่าวว่า รัสเซียล้มเหลวในสงครามครั้งแรก หลังจากที่กองกำลังของรัสเซียต้องถอนกลับจากกรุงเคียฟ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ และสงครามอาจดำเนินการต่อไปอีกนาน แต่สหรัฐฯ จะยืนหยัดร่วมกับยูเครนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ โดยเราจะยับยั้งความสามารถในการเติบโตของรัสเซียในอีกหลายปีข้างหน้า

สหรัฐฯ ได้ประกาศห้ามการทำธุรกรรมกับธนาคารซึ่งใหญ่ที่สุดสองแห่งของรัสเซีย คือธนาคาร Sberbank และ Alfa Bank ผ่านระบบการเงินของสหรัฐฯ และห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำธุรกิจกับธนาคารทั้งสองแห่งนี้

'การบินไทย' ปลื้ม!! ทั่วโลกคลายล็อกลุ้นทำกำไรปีหน้า พร้อมเตรียมเปิดไฟลต์บินไปซาอุฯ กลางปีนี้

“การบินไทย” ปลื้ม! หลายประเทศผ่อนมาตรการเดินทาง แผนเปิดเส้นทางบินผลตอบรับดี เคบินแฟกเตอร์เส้นทางยุโรปเดือนเมษาฯ นี้พุ่งแตะ 75% รายได้ขยับชัดเจน ปีนี้ “ยุโรป-ออสเตรเลีย-อินเดีย” เป็นตลาดสร้างรายได้หลัก ล่าสุดจ่อเปิดบินสู่ซาอุฯ มิ.ย.-ก.ค.นี้ คาดกลับมาทำกำไรจากการดำเนินงานได้ในปี’ 66

นายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่หลาย ๆ ประเทศในทุกภูมิภาคทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศทุกสายการบินระดมเครื่องบินกลับมาให้บริการกันอีกครั้ง

โดยในตารางบินฤดูร้อนปี 2565 นี้ (27 มีนาคม - 29 ตุลาคม 2565) สายการบินไทยให้บริการเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารจำนวน 34 เส้นทางบินทั่วโลก ทั้งยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ประกอบด้วย 

1.) เส้นทางสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ลอนดอน-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ซิดนีย์-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-โคเปนเฮเกน-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-สตอกโฮล์ม-กรุงเทพฯ (27 มีนาคม - 30 เมษายน 2565)

2.) เส้นทางยุโรปและออสเตรเลีย จำนวน 10 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางไป-กลับกรุงเทพฯ สู่ลอนดอน, ปารีส, ซูริก, บรัสเซลส์, แฟรงก์เฟิร์ต, มิวนิก, โคเปนเฮเกน, สตอกโฮล์ม และเมลเบิร์น

และ 3.) เส้นทางเอเชีย จำนวน 19 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางไป-กลับจากกรุงเทพฯ สู่โตเกียว (นาริตะ), โตเกียว (ฮาเนดะ), นาโกยา, โอซากา, มะนิลา, โซล, ไทเป, ฮ่องกง, สิงคโปร์, จาการ์ตา, กัวลาลัมเปอร์, ธากา, เจนไน, เบงกาลูรู, นิวเดลี, มุมไบ, ละฮอร์, อิสลามาบัด และการาจี

นายสุวรรธนะกล่าวว่า เส้นทางที่ได้รับการตอบรับเร็วและดีที่สุดในขณะนี้คือ เส้นทางยุโรป โดยในเดือนเมษายนนี้พบว่ามีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร หรือ (cabin factor) เพิ่มขึ้นเป็น 70-75% เพิ่มขึ้นจากประมาณ 40-50% เมื่อเดือนมีนาคม และประมาณ 20% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

เช่นเดียวเส้นทางบินสู่ออสเตรเลียที่ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 40-50% ในเดือนเมษายนนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 10-15% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ขณะที่เส้นทางสู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียนั้น ผลการตอบรับในด้านจำนวนผู้โดยสารยังช้า เนื่องจากหลายประเทศที่ประกาศยกเลิกมาตรการการเดินทางเข้าประเทศส่วนใหญ่ยังเปิดแบบมีเงื่อนไข และในหลายประเทศยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก อาทิ ญี่ปุ่น ยังไม่เปิด, ฮ่องกงและไต้หวัน ยังรอมาตรการจากจีน ขณะที่จีนยังต้องรอประเมินอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นต้น

“ขณะนี้เส้นทางในภูมิภาคเอเชีย ส่วนใหญ่เรายังต้องพึ่งพาเรื่องของการขนส่งสินค้า หรือคาร์โก้เป็นหลัก เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารยังมีจำนวนน้อย แต่เราก็มีความจำเป็นต้องเปิดให้บริการ ตลาดหลักที่เราพึ่งพาได้ในปีนี้น่ายังคงเป็นเส้นทางยุโรป และออสเตรเลียเป็นหลัก” นายสุวรรธนะกล่าวและว่า

ขณะเดียวกันยังพบว่าหลังจากที่ประเทศอินเดียประกาศเปิดประเทศแล้ว เส้นทางสู่อินเดียก็เป็นตลาดที่ได้รับการตอบรับที่ดี และน่าจะเป็นตลาดที่คาดหวังได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การบินไทยยังมีแผนเปิดเส้นทางใหม่สู่ 2 เมืองหลักของซาอุดีอาระเบีย คือ เจดดาห์ และกรุงริยาด เพื่อรองรับนโยบายฟื้นความสัมพันธ์กว่า 30 ปีของรัฐบาลไทย-ซาอุดีอาระเบีย โดยคาดว่าน่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565 นี้ (หลังเทศกาลรอมฎอน)

นายสุวรรธนะกล่าวด้วยว่า คาดหวังว่านับจากนี้เป็นต้นไป ประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลไทยยกเลิกการตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และยกเลิก Thailand Pass ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้

สุวรรณภูมิเริ่มฟื้น!! ผู้โดยสารต่างชาติพุ่ง 1.1 หมื่นคนต่อวัน รับอานิสงส์ยกเลิกตรวจ RT-PCR ต้นทาง

ทอท. เปิดตัวเลขผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 65.97% ระหว่างประเทศพุ่ง 1 หมื่นคนต่อวัน หลังยกเลิกตรวจ RT-PCR ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 พร้อมเปิดอาคารเทียบเครื่องบิน C เพิ่มพื้นที่รองรับผู้โดยสารเพิ่ม

6 เม.ย. 65 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจาก ศบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 11,623 คน 

ทั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่มีจำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเฉลี่ยวันละ 7,003 คน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 65.97% ในส่วนของเที่ยวบินขาเข้าระหว่างประเทศมีจำนวนเฉลี่ยวันละ 141 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 137 เที่ยวบิน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.92 % และคาดว่าจากนี้ไปจะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการผู้โดยสาร ทสภ. ที่เพิ่มมากขึ้นให้ได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ทสภ. จึงได้เปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบิน C ซึ่งเป็นอาคารที่รองรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่  1 เมษายน ที่ผ่านมา จากเดิมที่เปิดให้บริการเฉพาะที่อาคารเทียบเครื่องบิน E, F และ G 

นอกจากนี้ ทสภ. ยังได้เปิดให้บริการจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ โซน 1 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร หลังจากปิดปรับปรุงในช่วงการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 โดยจุดตรวจหนังสือเดินทางที่มีการปรับปรุงใหม่นี้ จะมีการปรับเปลี่ยนโฉมเคาน์เตอร์ให้ดูสวยงาม ทันสมัย มีการปรับผังพื้นที่การติดตั้งเคาน์เตอร์ใหม่ ทำให้มีจำนวนเคาน์เตอร์ให้บริการเพิ่มมากขึ้นเป็น 56 เคาน์เตอร์ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม 3,450 คนต่อชั่วโมง เป็น 4,080 คน ต่อชั่วโมง  

ลุ้นพาณิชย์เคาะมาตรการดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์ใหม่ทั้งระบบ

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และคณะกรรมการนโยบายอาหาร เพื่อบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้งระบบใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อการเลี้ยงสัตว์ และผลกระทบต่อสินค้าบริโภคของประชาชนให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยรวมและภาคธุรกิจในขณะนี้

ทั้งนี้ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ การดูแลราคาสินค้าและบริการภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้กำกับดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิด เห็นได้ชัดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ราคายังคงทรงตัว และมีการปรับลดลงตามโปรโมชันของแต่ละห้าง และที่สำคัญ กระทรวงพาณิชย์ยังคงขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าและกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้า 18 หมวดสินค้าที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตให้ตรึงราคาเอาไว้ก่อน

ขณะที่ผลกระทบจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาหนทางลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในทุกมิติ พร้อมทั้งให้ทีมกระทรวงพาณิชย์ประชุมหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หาแนวทางลดต้นทุนในการผลิต เพื่อสร้างสมดุลให้กับทุกภาคส่วนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

‘สุริยะ’ ปลื้มยอดจอง EV ในมอเตอร์โชว์สูง สั่งหนุนเต็มสูบ ดันไทยเป็นฮับผลิต EV

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปลื้มกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมาแรง ดันยอดจองภายในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 รวมทั้งสิ้น 3,000 คัน สั่งเร่งเครื่องสนับสนุนเต็มสูบ หวังดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 หรือ งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่ปิดฉากลงไปเมื่อ 3 เมษายนที่ผ่านมา มียอดจองรถยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 33,936 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 13.6% โดยเป็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ารวมประมาณ 3,000 คัน คิดเป็น 10% โดยส่วนหนึ่งมาจากมาตรการของภาครัฐที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่แนะนำในช่วงงาน รวมถึงแคมเปญกระตุ้นยอดขายของค่ายรถ ขณะที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในมาตรฐานด้านความปลอดภัยของการจัดงานทำให้มีตัวเลขผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,578,898 คน

นอกจากนี้ การจัดงานปีนี้มีบริษัทผู้ประกอบกิจการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1.09 ล้านล้านบาท หรือ 6.4% ของ GDP ของประเทศ ในปี 64 ประเทศไทยผลิตรถยนต์รวม 1.7 ล้านคัน และคาดว่าปี 65 ประเทศไทยจะผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นรวม 1.8 ล้านคัน

นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของภูมิภาค โดยกำหนดเป้าหมายในปี 68 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศรวม 225,000 คันต่อปี คิดเป็น 10% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด และในปี 73 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศรวม 725,000 คันต่อปี คิดเป็น 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ภายในปี 73 สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท และสร้างความต้องการแรงงานยานยนต์สมัยใหม่ประมาณ 30,000 อัตราต่อปี

มาคาเลียส เอาใจสายบุฟเฟต์ซีฟู้ด จับมือ 5 ร้านดัง จัดโปรเด็ดเริ่ม 599/คน

“มาคาเลียส” (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว จับมือ 5 ร้านบุฟเฟต์ซีฟู้ดรอบกรุง จัดโปรเด็ดเพียง 599 บาท/ท่าน รีบจองก่อนหมด

“มาคาเลียส” (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย จับมือ 5 ร้านบุฟเฟต์ซีฟู้ดสุดพรีเมียมรอบกรุง “Baiyoke Sky Buffet” ประตูน้ำ “Seafresh Buffet” พระราม 3 “BNP Cuisine” รามอินทรา “White Orchid Cruise” ท่าเรือ Asiatique และ “Meridian Cruise” Iconsiam โซนสุขสยาม จัดโปรโมชั่นเด็ดฉลองซัมเมอร์ ขนวัตถุดิบสดๆ จากทะเล ทั้ง กุ้งลายเสือ หอยนางรม ปูทะเล ปลาแซลมอน และอีกมากมาย มาเสิร์ฟในราคาสุดว้าว เริ่มต้น 599/ท่าน อยู่ใกล้จุดไหนแวะไปจุกกันได้เลย เปิดจองวอเชอร์วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าสินค้าจะหมด

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ www.makalius.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 821 5215, 085 355 4449 หรือ Line Official @makalius
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top