Tuesday, 8 July 2025
ECONBIZ NEWS

ไทยอันดับ 3 จ่ายเงินแบบเรียลไทม์ 9.7 พันล้านครั้ง ด้านรบ. โว ผลจากการขับเคลื่อนนโยบาย e-Payment

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจของ เอซีไอ เวิลด์ไวด์ (ACI Worldwide) ว่า ในปี 2564 ประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์จำนวน 9,700 ล้านครั้งในปี 2564 - ครองอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย (48.6 พันล้านครั้ง) และจีน (18.5 พันล้านครั้ง) ซึ่งการชำระเงินแบบเรียลไทม์นี้ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจคิดเป็น 2.08% ของ GDP – ซึ่งอยู่อันดับที่ 2 จาก 30 ประเทศ ขณะที่ใน ปี2563 และ 2562 ตัวเลขการทำธุรกรรมอยู่ที่ 5.24 พันล้านครั้ง และ 2.57 พันล้านครั้ง ตามลำดับ

การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประชาชนทุกช่วงวัยและผู้ประกอบการทุกขนาด อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของประเทศเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานโลก ทั้งนี้มาจากการขับเคลื่อนนโยบายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) นับตั้งแต่ปี 2558 ผ่านโครงการ อาทิ

ขนส่งทางราง เร่งสำรวจสถานีรถไฟภาคอีสาน ยกระดับมาตรฐาน 8 ด้าน สู่การเป็น ‘สถานีดีพร้อม’

กรมการขนส่งทางราง เดินหน้าตรวจประเมินสถานีรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ยกระดับสู่การเป็น ‘สถานีดีพร้อม’

เมื่อวันที่ (17 มิ.ย. 65) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงพื้นที่ตรวจประเมินความพร้อมของสถานีที่ให้บริการขนส่งทางรางในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วย สถานีนครราชสีมาหรือที่ชาวโคราชเรียกกันว่า ‘หัวรถไฟ’ ประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานีบุรีรัมย์ และสถานีศรีสะเกษ ซึ่งสถานีเหล่านี้เป็นสถานีที่เข้าร่วมเข้ากิจกรรม ‘สถานีดีพร้อม’ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการให้มีประสิทธิภาพมุ่งสู่มาตรฐานสากล ซึ่งจะมีการประเมินความพร้อมของสถานีตามมาตรฐานสากล 8 ด้าน ประกอบไปด้วย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการเชื่อมต่อ ด้านข้อมูลการเดินทางและประชาสัมพันธ์ ด้านความปลอดภัย ด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านการออกแบบตามหลัก Universal Design ด้านการให้บริการ และด้านสุนทรียภาพ 

จากการลงสำรวจสถานีนครราชสีมา สถานีแห่งนี้มีจุดเด่นตรงความสวยงามและมีกลิ่นไอของอาคารสมัยเก่า และได้มีการนำไม้หมอนมาประยุกต์ใช้ตกแต่งภายในสถานีทำให้ตัวสถานีดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้สถานีนี้ได้ให้ความสำคัญด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่และพนักงาน โดยจะมีการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มงานในทุกวัน ส่งผลให้การให้บริการโดดเด่น รวดเร็วและฉับไว รองรับผู้โดยสารในทุกกลุ่มและทุกประเภท ซึ่งสอดคล้องตามหลักเกณฑ์ด้านการให้บริการและด้านสุนทรียภาพ ที่นับว่าเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนและพัฒนาสถานีและองค์กรให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันสถานีกำลังถูกยกระดับเพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งของประเทศเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคายให้มีความทันสมัยและคล่องตัวมากขึ้นด้วย

ภายหลังจากการลงพื้นที่สถานีนครราชสีมาแล้วนั้น ถัดมา ขร. ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานีบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถานีที่มีความสำคัญต่อการขยายตัวและเศรษฐกิจของชุมชนตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2498 จวบจนปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตพื้นที่บุรีรัมย์มีความทุรกันดารและเป็นเมืองเล็ก เมื่อการมาถึงของทางรถไฟทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในเรื่องเศรษฐกิจของชุมชน โดยชาวบุรีรัมย์สามารถนำพืชผลทางการเกษตรขึ้นรถไฟมาค้าขายในตัวเมืองและบริเวณด้านหลังสถานี และปัจจุบันการค้าขายบริเวณสถานีของชาวบุรีรัมย์ยังคงเป็นจุดเด่นดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการรถไฟ อาทิ ตลาดรีบวายที่ชาวบุรีรัมย์จะมาจับจ่ายซื้อผัก ผลไม้และของดีที่ถูกหาบเร่ขึ้นขบวนรถไฟท้องถิ่นมาขายในช่วงเช้าบริเวณด้านหน้าสถานี ประมาณ 10 นาที ก่อนจะนำสินค้าไปขายยังที่อื่นต่อไป นับว่าเป็นจุดเด่นของสถานีที่ให้ความสำคัญในด้านโครงสร้างพื้นฐานของตัวสถานีที่ช่วยส่งเสริมการค้าขายและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ชนบท

รับ 'เยียวยา' ลูกค้าซื้อดีลคูปองร้านแซลมอนที่ปิดกะทันหัน งัด 'การตลาดทันใจ' โชว์คูปองไว้ รับฟรีเครื่องดื่มรีฟิวทั้งโต๊ะ

เฟซบุ๊กเพจ 'ข้าน้อยขอชาบู' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

📣นารายณ์พิซเซอเรีย x ข้าน้อยขอชาบู ขอเยียวยาลูกค้าทุกท่านที่ซื้อคูปองร้านปลาแซลมอนที่ปิดกะทันหัน รับฟรี!!! เครื่องดื่มรีฟิวทั้งโต๊ะ ตั้งแต่วันที่ 19-24  มิ.ย 2565 เท่านั้น

เงื่อนไขการรับสิทธิ์...
1.แสดงคูปองให้กับพนักงาน
2.Check in+กด like เพจ ก่อนรับสิทธิ์
3.แสดงคูปองร้านปลาส้มอย่างน้อย 1 ท่าน สามารถรับสิทธิ์เครื่องดื่มรีฟิวฟรีได้ทั้งโต๊ะ
4.ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่ 19-24 มิถุนายน  2565 
5.ทางร้านขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ชี้แจงข้อเท็จจริง หลัง 'กรณ์' เปิดประเด็น “คนไทยโดนปล้น ค่ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 เท่า”

กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงประเด็นคุณกรณ์ จาติกวณิช “คนไทยโดนปล้น ค่ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 เท่า”



ตามที่ คุณกรณ์ จาติกวณิช ได้นำเสนอประเด็น “คนไทยโดนปล้น ค่ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 เท่า” ผ่านสื่อมวลชนหลายแห่ง มาตั้งแต่วันที่ (12 มิ.ย.65) โดยมีประเด็นหลักคือ ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 10 เท่า จาก 0.87-0.88 บาท/ลิตร ในเดือนมิถุนายนปี 2563 และ ปี 2564 เพิ่มเป็น 8.56 บาท/ลิตร ในเดือนมิถุนายน ปี 2565 พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน 3 แนวทาง
1. กำหนดเพดานการกลั่น 
2. เก็บภาษีลาภลอย (windfall tax) 
3. จริงจังกับมาตรการประหยัดการใช้พลังงาน



ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) (กลุ่มฯ โรงกลั่นฯ) ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ 

ประเด็นที่ 1 ข้อมูลที่คุณกรณ์นำเสนอเป็นการเลือกข้อมูลบางส่วนขึ้นมา เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด โดยค่าการกลั่นที่คุณกรณ์ยกมานั้น ไม่ใช่ค่าการกลั่นที่โรงกลั่นได้รับ (Market GRM) และยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่เลือกมาเป็นฐานในการเปรียบเทียบ เป็นข้อมูลในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 (2563-2564) ซึ่งค่าการกลั่นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมาก ๆ  เมื่อนำมาเปรียบเทียบ จะทำให้เข้าใจผิดว่าค่าการกลั่นในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมากผิดปกติ หากนำข้อมูลค่าการกลั่นที่โรงกลั่นได้รับจริง ในช่วงสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ในปี 2561-2562 มาเปรียบเทียบ พบว่า ค่าการกลั่นที่โรงกลั่นได้รับในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 สูงขึ้นเพียงประมาณ 0.47 บาทต่อลิตร จากช่วงสถานการณ์ปกติเท่านั้น ซึ่งไม่ได้สูงถึง 10 เท่าและสูงถึง 8 บาทต่อลิตร อย่างที่กล่าวอ้าง (ตามตารางด้านล่าง)

EA เจ๋ง!! โรงงานผลิตแบตฯ 'อมิตา' เนื้อหอม!! กลุ่มทุนมาเลเซียสนใจ 'แนวทางธุรกิจ-นวัตกรรม'



กลุ่มนักลงทุนชาวมาเลเซีย เยี่ยมชม บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA



เมื่อ (18 มิ.ย.65) ที่ผ่านมา บริษัทอมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ท่าน Datuk Seri Mohd Redzuan (ดา-ทุก-เซ-รี-โม้ด-เรด-ซวน) และกลุ่มนักลงทุนชาวมาเลเซีย ให้ความสนใจแนวทางและนวัตกรรมตลอดจนเทคโนโลยีของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) พร้อมเยี่ยมชมกิจการของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด โดยมีนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ



นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เป็นบริษัทพลังงานของคนไทยที่เริ่มต้นจากธุรกิจไบโอดีเซล และขยายสุ่ธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งบริษัทเล็งเห็นถึงประโยชน์ของพลังงานสะอาดที่มีประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ ลดการนําเข้า เชื้อเพลิง และด้านสิ่งแวดล้อมที่ลดปัญหามลพิษ และลดภาวะโลกร้อน  ประกอบกับการเปลี่ยนผ่านในเทคโนโลยียานยนต์แบบเดิมที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้า



 

'แบงก์ชาติ' เผยสถานะทุนสำรองระหว่างประเทศ ไทยรั้งอันดับที่ 12 ของโลก สูงกว่าสหรัฐฯ 2 ลำดับ

ธนาคารแห่งประเทศไทย เผย ฐานะของทุนสำรองระหว่างประเทศ 15 อันดับแรก ดังนี้...

1.) จีน 33.73 แสนล้านเหรียญ
2.) ญี่ปุ่น 13.22 แสนล้านเหรียญ
3.) สวิสเซอร์แลนด์ 10.65 แสนล้านเหรียญ
4.) รัสเซีย 6.30 แสนล้านเหรียญ
5.) อินเดีย 6.07 แสนล้านเหรียญ
6.) ฮ่องกง 4.82 แสนล้านเหรียญ
7.) เกาหลีใต้ 4.57 แสนล้านเหรียญ
8.) ซาอุดีอาระเบีย 4.51 แสนล้านเหรียญ
9.) สิงคโปร์ 3.81 แสนล้านเหรียญ
10.) บราซิล 3.58 แสนล้านเหรียญ
11.) เยอรมนี 3.08 แสนล้านเหรียญ
12.) ไทย 3.08 แสนล้านเหรียญ
13.) ฝรั่งเศส 2.51แสนล้านเหรียญ
14.) สหรัฐอเมริกา 2.48 แสนล้านเหรียญ
15.) อิตาลี 2.35 แสนล้านเหรียญ

'กระทรวงเกษตรฯ' จับมือสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูง

'กระทรวงเกษตรฯ' จับมือสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูง ตั้งเป้าขึ้นแท่นประเทศผู้ส่งออกอาหารท็อปเทนของโลกตอบโจทย์ความมั่นคงด้านอาหารและเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะได้ร่วมประชุมหารือความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสถาบันอาหาร ณ ห้องประชุม 1 อาคาร A สถาบันอาหาร ในวันนี้ (15 มิ.ย.) โดยมี นางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสถาบันอาหาร นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นางสาวรพีพร สุทาธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ นายพงศ์ไท ไทโยธิน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมด้วย โดยมีประเด็นหารือ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สำคัญดังนี้...

(1) โครงการอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยพัฒนาต่อยอดโครงการโปรตีนทางเลือกใหม่ (Alternative proteins) จากพืชและแมลงเช่นถั่วเขียว เห็ด สาหร่าย ผำ และแมลง 
(2)โครงการส่งเสริม Start Up เกษตร และ SMEs เกษตรเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 
(3) โครงการมหานครผลไม้และการพัฒนาอุตสาหกรรมผลไม้ 
(4) โครงการ Eastern Thailand Food Valley 
(5) โครงการพัฒนาสินค้าประมงขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น 
(6)การพัฒนาสินค้าฮาลาล ซึ่งมีตลาดกว่า 2 พันล้านคน เป็นต้น

โดยการหารือความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสถาบันอาหาร ครั้งนี้เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าเกษตรอาหาร สู่เกษตรมูลค่าสูง โดยเน้นการนำองค์ความรู้ และงานวิจัยในส่วนต่างๆที่มี มาใช้ในการแปรรูป การวิจัยตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์สินค้าเกษตรอาหารให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

Shopee กระอัก!! ขาดทุนหนักต่อเนื่อง เล็งปลดคน ShopeePay - ShopeeFood ในไทยกว่าครึ่ง

วันที่ 13 มิถุนายน 2565 เว็บไซต์ Dealstreetasia รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า ‘ช้อปปี้’ (Shopee) ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในสิงคโปร์ ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย

สำหรับประเทศไทยนั้น แหล่งข่าวของ Dealstreetasia ระบุว่าจะมีการปลดพนักงานในส่วนของ ShopeePay และ ShopeeFood มากถึง 50% ทั้งนี้ พนักงานของ Shopee ที่ถูกปลดทั้งหมดจะได้รับการแจ้งผ่านทางอีเมล

Dealstreetasia ยังระบุอีกว่าการปลดพนักงานจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกประกาศภายในการประชุม Town Hall ระหว่างประเทศของบริษัทฯ ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดที่ชัดเจนจากคณะผู้บริหารว่าเหตุใดจึงต้องปลดพนักงานจำนวนมากขนาดนี้

คริปโตระเนระนาด ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ป่วนหนัก หลังเงินเฟ้อพุ่ง และประธานเฟดกำลังจะคุมไม่อยู่

(14 มิ.ย.65) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นักเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตลาดพันธบัตรสหรัฐปั่นป่วนหนัก!!!

ไม่ใช่ตลาดหุ้น ตลาดคริปโตเท่านั้นที่ระเนระนาด ตลาดพันธบัตรก็ถูกกระทบหนักเช่นกัน ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 3 วัน ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ 2 ปี เพิ่มขึ้น +0.58% สูงสุดในรอบ 14 ปี เป็น 3.354% รับกับดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐในอายุอื่น ๆ ที่พุ่งขึ้นเช่นกัน นำมาซึ่งความเสียหายกับผู้ที่ได้ลงทุนในกองพันธบัตรสหรัฐต่าง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้นเช่น 2 ปี ได้เริ่มพุ่งไปอยู่ระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยระยะยาว 10 ปี 30 ปี ทำให้เริ่มเข้าสู่ภาวะ Inverted Yield Curve เป็นรอบที่สองของปี สะท้อนสัญญาณว่าจะมี Recession ในอนาคต 12-24 เดือนข้างหน้า

ภาวะเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคิดว่า เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปจัดการปัญหาระยะสั้น และนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ซบเซาหรือถดถอย (Recession) จนท้ายสุดเฟดต้องลงดอกเบี้ยมาในระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง

ทั้งหมดนี้ เป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ ที่ออกมาว่า เงินเฟ้อที่คิดกันว่าผ่านจุดสูงสุดแล้ว ยังสามารถสูงขึ้นได้อีก Inflation is alive and well ดื้อยา กว่าที่คิด ซึ่งมีนัยยะต่อไปกับการประชุมของเฟดในคืนวันอังคารและคืนวันพุธ ว่า กรรมการจะตัดสินใจอย่างไร

แต่ที่แน่ ๆ สูตรยาโดยรวมจะต้องแรงขึ้น โดยตลาดคิดว่า จะต้องเพิ่มไปอีกอย่างน้อย .50% จากแนวทางเดิมที่ท่านประธานเฟดเคยประกาศไว้เมื่อการประชุมครั้งที่แล้ว เพียงแค่ว่าจะเป็นแบบ ทำเลย หรือ Front Load คือ ขึ้น +0.75% ในรอบนี้เลย หรือ ค่อยเป็นค่อยไป คือ ยังขึ้น +0.5% ในรอบนี้ และประกาศว่าจะขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีไปอีก 3-4 ครั้ง ปรับเพิ่มจากแนวทางเดิม ที่เหลืออยู่อีก 1-2 ครั้งเท่านั้น

รมว.คลัง เล็งออกมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม เน้นคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด - ค่าน้ำมันแพง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจในปัจจุบัน ว่า รัฐบาลจะไม่เน้นการดำเนินงานในลักษณะของการเหวี่ยงแหเหมือนเช่นที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินโครงการคนละครึ่ง, เราไม่ทิ้งกัน และโครงการอื่น ๆ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่จะเน้นการดำเนินมาตรการในลักษณะการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

“เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (10 มิ.ย.) กระทรวงการคลังได้รับโจทย์จากรัฐบาล ผ่านมาทางรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถึงการหาแนวทางในการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิดฯและราคาน้ำมันแพง โดยเฉพาะกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ คนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และอาชีพอื่น ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ส่วนจะเป็นมาตรการใดนั้น กระทรวงการคลังจะไปหารือถึงแนวทางที่เหมาะสมต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็มีข้อจำกัดในเรื่องเงินงบประมาณที่จำเป็นจะต้องจัดทำในลักษณะของงบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ท่ามกลางกระแสความไม่เห็นด้วยของหลายฝ่าย 

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องจัดทำงบประมาณขาดดุลเนื่องจากมีภาระรายจ่ายประจำในรูปของเงินเดือนและเงินสวัสดิการแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่รัฐบาลก็ได้ปรับเพิ่มงบประมาณเงินทุนในปีหน้าที่ค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 20 เนื่องจากมองเห็นโอกาสทางด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นายอาคมยอมรับว่า เงินกู้ส่วนที่เหลือจากโครงการเงินกู้ครั้งก่อน มีไม่เพียงพอต่อการจะนำไปใช้ในการดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม การจะกู้เงินก้อนใหม่นั้น รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากกรอบวงเงินกู้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังได้ขยายเพดานสัดส่วนเงินกู้เอาไว้เป็นร้อยละ 70 ของจีดีพี แต่บนข้อเท็จจริงนั้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่น ๆ ประกอบกันไป โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะที่มีอยู่สูงมากและเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ 

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการขยายฐานภาษีไปยังกลุ่มคนและกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบภาษีอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์ (e-Business) และสร้างรายได้ในระดับที่น่าพอใจ คาดว่าจะเป็นอีกช่องทางรายได้ของรัฐที่จะเข้ามาชดเชยรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่วนความคืบหน้าในการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นายอาคม ยอมรับว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังโดยกรมสรรรพากรได้ดำเนินการจนใกล้จะแล้วเสร็จและเตรียมจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีคงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย

อนึ่ง แนวทางที่กรมสรรพากรได้จัดทำเอาไว้สำหรับการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีมูลค่าตั้งแต่  1 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะจัดเก็บภาษีในที่อัตราร้อยละ 0.1


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top