Wednesday, 3 July 2024
THE STATES TIMES TEAM

หลังจากความเห็นขององค์การยาแห่งยุโรป (อีเอ็มเอ) เกี่ยวกับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในเชิงบวกปรากฏขึ้นเมื่อวันก่อน ก็ดูจะช่วยคลายข้อกังวลให้ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ มาริโอ ดรากิ นายกรัฐมนตรีอิตาลีในวันอังคาร (16 มี.ค.) ได้เป็นอย่างมาก

โดยอีเอ็มเอ ได้แถลงยืนยันถึงความเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นในประโยชน์ของวัคซีนตัวดังกล่าวที่เหนือกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของมัน

“ถ้อยแถลงในเบื้องต้นในวันนี้จากอีเอ็มเอ ช่วยสร้างกำลังใจ” ถ้อยแถลงของทั้งคู่ที่เผยแพร่โดยสำนักนายกรัฐมนตรีของดรากิ หลังจากผู้นำทั้งสองชาติหารือกันทางโทรศัพท์

ถ้อยแถลงระบุต่อว่า ฝรั่งเศสและอิตาลีจะกลับมาเริ่มฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในทันที หากว่าได้ไฟเขียวจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของอียู ซึ่งคาดหมายว่าจะมีการแถลงการตัดสินใจในวันพฤหัสบดี (18 มี.ค.)

สำหรับในกรณีของอิตาลี การระงับใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้านั้น หมายความว่ามีการฉีดวัคซีนประชาชนชนน้อยลงราว ๆ 200,000 ภายในสัปดาห์นี้ จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวรัฐบาล แต่จากถ้อยแถลงของอีเอ็มเอส น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา จนช่วยให้โครงการฉีดวัคซีนคืนสู่ระดับปกติ

ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมนี และประเทศอื่นๆ หลายชาติในสหภาพยุโรป ได้ระงับใช้วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติอังกฤษ - สวีเดนแห่งนี้ ท่ามกลางความกังวลว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับเหตุเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

อย่างไรก็ตาม เอเมอร์ คุ้ก ผู้อำนวยการองค์การยาแห่งยุโรป ระบุในวันอังคาร (16 มี.ค.) ว่าทางหน่วยงานของเขา “ยังคงเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่าประโยชน์ของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในการป้องกันความเสี่ยงอาการรุนแรงถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียง”

ในขณะที่ได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแก่ประชาชนไปแล้วหลายล้านโดส พบว่ามีคนจำนวนเล็กน้อยเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันถึงขั้นเสียชีวิตหลังได้รับวัคซีน

ซึ่งมุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกและแอสตร้าเซนเนก้า ที่ระบุว่า “ณ เวลานี้ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของอาการเหล่านั้น” พร้อมเน้นว่าคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ “กำลังตรวจสอบอาการไม่พึงประสงค์ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับทุกวัคซีน”


ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000025533

สถานการณ์การชุมนุมในเมียนมากำลังยกระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้บุกเผาโรงงานจีนหลายแห่งในกรุงย่างกุ้ง และได้ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุมตอบโต้ จนวันเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 39 ศพ

ล่าสุดนาย “มาน วิน แคง ทาน” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากพรรค NLD ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมตัวของกองทัพเมียนมา ได้กล่าวบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "นี่คือช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของชาติและเป็นช่วงเวลาที่ใกล้รุ่งอรุณ"

ตอนนี้สมาชิกพรรค NLD คนอื่นๆที่หลบหนีการจับกุมตัวได้จัดตั้งกลุ่ม “รัฐบาลเงาหรือรัฐบาลใต้ดิน” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในนาม “คณะกรรมการตัวแทนของรัฐสภาเมียนมา (CPRH)” และแต่งตั้งให้นาย “มาน วิน แคง ทาน” ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

โดยทางกลุ่ม CPRH ได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า “พวกเราต้องการสร้างประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ ซึ่งในขณะนี้ผู้นำของพวกเราได้เข้าพบกับตัวแทนขององค์กรติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาซึ่งมีอำนาจในการควบคุมพื้นที่ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพวกเขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนเราด้วย”

นาย “มาน วิน แคง ทาน” ยังกล่าวเสริมอีกว่า “นี่แหละคือความต้องการที่แท้จริงของพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการกดขี่ข่มเหงของระบอบเผด็จการมานานหลายทศวรรษ การปฏิวัติในครั้งนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน”

แต่ถึงอย่างนั้นรัฐบาลทหารเมียนมาก็ได้กล่าวว่า “กลุ่ม CPRH คือกลุ่มผิดกฎหมาย หากใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกตั้งข้อหากบฏและมีโทษถึงประหารชีวิต”


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=281752333510928&id=103491098003720

กลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน วอนรัฐบาลคลายล็อค จัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ หวังขอฝนตกต้องตามฤดูกาล แก้ภัยแล้ง พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ และท่องเที่ยวภาคอีสาน

นายพนม พรมประเสริฐ ประธานกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน เปิดเผยว่า ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของภาคอีสานของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นจากความเชื่อของชาวบ้านทางภาคอีสาน ที่เชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นการขอฝนจากพญาแถน ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล บุญบั้งไฟนิยมทำกันในเดือนหก ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้ ตั้งแต่โบราณ จนถึงปัจจุบัน ชาวอีสานมีความเชื่อว่า ถ้าปีใดไม่จัดงานบุญบั้งไฟ ฟ้าฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดความแห้งแล้งไม่มีน้ำทำนา แต่ถ้าปีใดจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ฟ้าฝนก็จะตกต้องตามฤดูกาล เกิดความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย

งานบุญบั้งไฟ จึงถือเป็นงานประเพณีประจำปีที่สำคัญจนเป็นมรดกและวัฒนธรรมของชาวอีสานจนถึงปัจจุบันนี้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2563 เกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 รัฐบาลได้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามมีการจัดงานประเพณีต่าง ๆ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานไม่สามารถดำเนินการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟได้ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าสาเหตุที่ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และเกิดฝนแล้งทำการเกษตรไม่ใด้ผล ก็เนื่องมาจากไม่ได้จุดบั้งไฟถวายพญาแถนขอฝน ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่เคยปฏิบัติมา

นายพนม พรมประเสริฐ ประธานกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน เปิดเผยต่อไปว่า เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟของภาคอีสานให้คงอยู่สืบไป ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วย นายวิริยะ อินพานิช ที่ปรึกษากลุ่ม และสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสานทุกจังหวัด ได้เดินทางไปที่กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพฯ และที่กระทรวงมหาดไทยเพื่อไปยื่นหนังสือขอให้รัฐบาล คลายล็อคผ่อนปรนการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟเพื่อขอฝน

โดยที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้เข้าพบกับ นายพิกิฏ ศรีชนะ เลขานุการ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม และมี นายสตวัน ฮ่มซ้าย ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการของกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟภาคอีสาน ซึ่ง เลขานุการ รมว.กระทรวงวัฒนธรรมได้รับทราบแล้ว และแจ้งว่า เรื่องการจัดบุญประเพณีบุญบั้งไฟนี้ ยังติดล็อคอยู่ที่ ศบค. กระทรวงวัฒนธรรมไม่สามารถอนุมัติได้ ซึ่งจะได้เสนอเรื่องนี้ให้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรมทราบ เพื่อจะได้เสนอเรื่องขอปลดล็อคเรื่องนี้ไปยัง ศบค.เพื่อพิจารณาอย่างเร่งด่วนต่อไป

นายพนม พรมประเสริฐ เปิดเผยด้วยว่า ในปัจจุบันปัญหาโรคไวรัสโควิด -19 ได้คลี่คลายลงระดับหนึ่ง ประกอบกับวิธีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ มีการจัดงานกลางแจ้ง สภาพอากาศที่ร้อนมีอากาศถ่ายเท มีการเว้นระยะห่าง อยู่ในตัวอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเที่ยวชมประเพณีบุญบั้งไฟ จะเป็นประชาชนในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ไม่มีความเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และทางหมู่บ้าน ชุมชนที่จะจัดงานบุญบั้งไฟ ยังมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ,รพ.สต., อสม. เป็นผู้คัดกรองการเข้างานอย่างเข้มงวด

การจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ยังถือว่าเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของคนในท้องถิ่น เกิดความสมัครสมานสามัคคีของคนในหมู่บ้าน ชุมชน และสืบทอดแก่เยาวชนคนรุ่นหลังต่อไป มาตรการกระตุ้นเศฐกิจรากหญ้าและชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงานในกระบวนการผลิตบั้งไฟ เช่น งานตัดไม้เผาถ่าน งานตัดไม้ทำหางบั้งไฟ งานผสมดินปืน งานจ้างไปจุดบั้งไฟ เป็นต้น เป็นการกระตุ้นเศฐกิจรากหญ้าในวงกว้าง เช่น เกิดการค้าขายของคนในชุมชน เช่น ร้านค้าอาหาร ต่าง ๆ ไก่ย่าง ส้มตำ อาหารตามสั่ง เกิดการซื้อขายสินค้าทางการเกษตรที่มีในพื้นที่ ที่ปลูกเองและมีตามธรรมชาติ

ดังนั้น ประชาชนในเขตพื้นที่ภาคอีสาน พวกตนจึงขอวอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รมต.และคณะรัฐมนตรี รวมถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขอได้โปรดพิจารณาคลายล็อคผ่อนปรนการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณีบุญบั้งไฟในเดือนหก ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน - 24 กรกฎาคม 2564 ที่จะถึงนี้ด้วย


ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าว จ.ศรีสะเกษ

‘รมว.วธ." เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ งดสาดน้ำ-ปะแป้ง-ปาร์ตี้โฟม ทุกกรณี ปิดถนนข้าวสารได้ แต่ อนุญาตเฉพาะประเพณีไทย การตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่

เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ชุดเล็กเมื่อวันที่ 17 มี.ค.จะมีการเสนอกรอบการผ่อนปรนให้จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยวันนี้กระทรวงวัฒนธรรมจะมีการประชุมคณะกรรมการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับประเพณีสงกรานต์ ซึ่งจะมีแนวปฏิบัติที่ได้หารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว

โดยจะอนุญาตให้มีการจัดสงกรานต์ได้ตามประเพณี เน้นแก่นแท้ของประเพณี เช่น การตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ส่วนกิจกรรมที่เป็นการละเล่นโดยเฉพาะการสาดน้ำและการปะะแป้งจะให้งดเว้นไปก่อน เนื่องจากยังมีความกังวลจากหลายส่วน รวมถึงกรณีเกิดคลัสเตอร์ใหม่ด้วย ทำให้กังวลว่าหากมีการสาดน้ำจะเกิดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ โดยจะเสนอให้ ศบค. ชุดใหญ่พิจารณา 19 มี.ค. นี้

นายอิทธิพล กล่าวว่า "กรณีที่เป็นสถานที่เอกชน ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด กรณีถนนข้าวสารสามารถปิดถนนได้ แต่ต้องงดสาดน้ำ ส่วนสรงน้ำพระ ขบวนแห่ต่าง ๆ ขอให้ดูตามความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบประเพณีของแต่ละจังหวัด ที่ต้องดูจำนวนคนในขบวนแห่ต่าง ๆ ด้วย

ส่วนเรื่องปาร์ตี้โฟมหรือกิจกรรมในสถานบันเทิงก็ต้องงดงการสาดน้ำ งดการเล่นน้ำด้วย ปีนี้ยังต้องขอให้เว้นไปก่อน เนื่องจากว่าวิเคราะห์แล้วมีความเสี่ยงเรื่องของการมีของเหลวเข้าสู่ร่างกาย เช่นเดียวกับงานวันไหล จ.ชลบุรี ที่มีการละเล่นพื้นบ้านและมีการสาดน้ำ ชัดเจนว่า ต้องงดการสาดน้ำ งดการปะแป้ง งดปืนฉีดน้ำ เช่นกัน"

สายเขียวต้องไม่พลาด 7 เมนูรสแซ่บผสมใบกัญชา สูตรเด็ดเฉพาะที่ร้าน ยำสามก๊กขอนแก่น เท่านั้น ยันคิดค้นเมนูตรงตามหลักการแพทย์ ย้ำ 1 คน กินได้แค่ 8 ใบเท่านั้น เผยเปิดมา 1 เดือน ลูกค้าตรึม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบร้านอาหารแห่งหนึ่งที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่รักสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ที่ขณะนี้รัฐบาลได้ปลดล็อคให้กับผู้ปลูกได้อย่างถูกกฎหมายทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ต่างนำใบกัญชาที่จัดซื้อมาอย่างถูกต้องนำมาประกอบอาหารด้วยเมนูต่างๆกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น

เช่นเดียวกันกับร้านยำสามก๊ก ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 395 บ.โนนม่วง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ด้านหลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ร้านได้นำใบกัญชาสดมาประกอบอาหารเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า โดยที่ในขณะนี้ได้มีการคิดสูตรเมนูกัญชาได้ทั้งหมด 7 เมนู และเครื่องดื่มอีก 3 รายการ ในราคาที่ไม่แพงอีกด้วย

นายกอบชัย สีหาราช อายุ 25 ปี เจ้าของร้านยำสามก๊ก สาขาขอนแก่น กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าขณะนี้กระแสการรับประทานกัญชาโดยเฉพาะใบสดนั้นเริ่มมีอย่างแพร่หลายมากขึ้น ตามที่รัฐบาลได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างถูกกฎหมายทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการเริ่มนำใบกัญชามาเป็นส่วนผสมของอาหาร ทีมพ่อครัวของร้านจึงต้องคิดค้นสูตรและแนวทางการเข้าถึงความต้องการของลูกค้าด้วยการคิดค้นสูตรอาหารขึ้นมาได้ทั้งหมด 7 รายการมาเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการรับประทานกัญชา ประกอบด้วย

ยำใบกัญชาทอดกรอบ จานละ 150 บาท ซึ่งมีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ,กุ้งดองใบกัญชาน้ำปลากวน จานละ 180 บาท ซึ่งมีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ กุ้ง 6 ตัว, กุ้งดองใบกัญชาซีอิ๊วเกาหลี จานละ 20 บาท มีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ กุ้ง 6 ตัว, ตำลาวใบกัญชาสด จานละ 150 บาท มีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ, ใบกัญชาทอดกรอบ จานละ 150 บาท มีส่วนผสมของใบกัญชา 3 ใบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษของทางร้าน, กุ้งพันแซลมอนใบกัญชา จานละ 250 บาท มีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ และปีกไก่หมักใบกัญชาย่างจานละ 150 บาท มีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ

ขณะเดียวกัน ยังคงมีการคิดค้นเมนูเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา ประกอบด้วย ชามะลิฮาเฮ แก้วละ 95 บาทมีส่วนผสมของใบกัญชา 2 ใบ,น้ำผึ้งมะนาวเฮ แก้วละ 95 บาท มีส่วนผสมของกัญชา 2 ใบและชาเขียวฮาเฮ มีส่วนผสมของกัญชา 2 ใบ

“ก่อนที่ลูกค้าจะสั่งอาหารในเมนูกัญชานั้นทางร้านจะนำคู่มือทางการแพทย์ที่แนะนำคำเตือนและข้อห้ามให้กับลูกค้าให้อ่าน เพราะ 1 คนสามารถรับประทานใบกัญชาได้เพียงไม่เกิน 8 ใบเท่านั้น ดังนั้นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ร้านให้ความสำคัญและหากพบว่าลูกค้าต้องการรับประทานเมนูกัญชาแต่ขัดต่อข้อห้ามของแพทย์ร้านจะไม่จำหน่ายให้เด็ดขาด

เนื่องจากใบกัญชานั้นร้านซื้อมาจากวิสาหกิจชุมชนในเขต จ.อุดรธานี ซึ่งมีการซื้อ - ขาย อย่างถูกต้องและทุกเมนูนั้นมีการระบุสัดส่วนและการใช้ใบกัญชาอย่างชัดเจน ทั้งนี้หลังจากเปิดร้านสาขาขอนแก่นมาได้ประมาณ 1 เดือน และเพิ่งจะบรรจุเมนูกัญชามาได้ไม่นานนักก็พบว่าเมนูกัญชาเป็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ลูกค้าเข้ามาสอบถามถึงการจำหน่ายและเมนูที่สามารถรับประทานได้และแวะเยนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการสั่งใบกัญชาที่เป็นไปตามกฎหมายทำให้การบริหารจัดการวัตถุดิบจึงจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะใบกัญชานั้นสามารถตัดได้ 3 เดือนต่อรอบเท่านั้น”

เจ้าของร้านยำสามก๊กสาขาขอนแก่น กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองและแฟนสาวเปิดร้านส้มตำ ที่ จ.อุดรธานี ต่อมาเมนูยำใส่น้ำปลาร้า เริ่มเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมจึงได้คิดค้นสูตรน้ำยำปลาร้าขึ้นมา ลองผิดลองถูก จนกระทั่งเป็นที่ถูกปากและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ประกอบกับการเลือกวัตถุดิบ ที่ใหม่ สด สะอาดและจำหน่ายในราคาไม่แพง ทำให้วันนี้ร้านยำสามก๊กเปิดให้บริการที่ จ.อุดรธานี แล้ว 3 สาขา และล่าสุดคือที่ จ.ขอนแก่น เป็นสาขาที่ 4 ของร้าน

ซึ่งเมนูยำนั้นมีให้บริการรวมกว่า 50 เมนู แต่เมนูกัญชานั้นร้านเพิ่งจำนำเข้ามาบรรจุขายเนื่องจากการตลาดในขณะนี้กระแสของกัญชามาแรง จึงให้ทีมพ่อครัวทำการคิดค้นเมนูกัญชาขึ้นมา และติดต่อการซื้อวัตถุดิบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อได้ใบกัญชาสดมาแล้ว จึงเข้าสู่ขั้นตอนของการปรุงอาหารจนในที่สุดได้เมนูเด็ดของร้าน 7 รายการและเมนูเครื่องดื่มอีก 3 รายการที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าอย่างมาก

สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังวางอุบาย “บิดเบือนข้อมูล” เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของสปุตนิก วี (Sputnik V) วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พัฒนาโดยรัสเซีย

รายงานข่าวเมื่อวันศุกร์ (12 มี.ค.) อ้างอิงแหล่งข่าวจากทำเนียบเครมลิน ระบุว่า แคมเปญบิดเบือนข้อมูลเป็นฝีมือองค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาลและสื่อมวลชนในตะวันตก มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของวัคซีนจากรัสเซีย ด้วยการสร้างข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความด้อยประสิทธิภาพและอันตรายต่อชีวิต

อนึ่ง รัสเซียได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว 3 ตัว ได้แก่ สปุตนิก วี (Sputnik V) เอพิวัคโคโรนา (EpiVacCorona) และโควิแวค (CoviVac)

ทั้งนี้ ประชาชนในรัสเซียได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสมากกว่า 2 ล้านคน และได้รับวัคซีนโดสแรกอีก 2 ล้านคน นับตั้งแต่เริ่มต้นการฉีดวัคซีนขนานใหญ่เมื่อต้นเดือนธันวาคมจนถึงวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/559409

คณะสัตวแพทย์ - แพทยศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือทำโครงการวิจัย ‘ฝึกน้องหมาดมกลิ่นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ’ คาดอนาคตอาจต่อยอดฝึกสุนัขเพื่อตรวจโรคอื่น ๆ

ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยฯ เผยว่า สุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่นดีกว่าคนถึง 50 เท่า จึงคิดนำศักยภาพนี้มาใช้ โดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ซึ่งทางคณะวิจัยเลือกมาฝึกและทดสอบในโครงการนี้จำนวน 6 ตัว เนื่องจากสายพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกยาว มีประสาทสัมผัสรับรู้กลิ่นที่ไวและดี อุปนิสัยเป็นมิตรและฝึกง่าย

โดยจากการทดสอบสุนัขฝูงนี้มีความแม่นยำในการพบผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการสูงถึง 94.8% เทียบเคียงกับประเทศอื่นๆ ที่มีการวิจัยใช้สุนัขตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ อาทิ ฟินแลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย เป็นต้น

ส่วนกระบวนการคือ ทีมวิจัยจะเก็บตัวอย่างเหงื่อของผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นสารคัดหลั่งที่มีการยืนยันแล้วว่าไม่มีการเจือปนของเชื้อไวรัส โดยเราจะซับเหงื่อบริเวณใต้รักแร้ด้วยสำลีและถุงเท้า เก็บไว้ในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพ แล้วนำสำลีและถุงเท้าดังกล่าวมาใส่กระป๋องให้สุนัขดมกลิ่น เมื่อสุนัขได้กลิ่นก็จะนั่งลงทันที เพื่อบอกว่าคนๆ นี้ติดเชื้อแม้จะไม่แสดงอาการ

ซึ่งกระบวนการทดสอบทั้งหมดปลอดภัยต่อทั้งตัวสุนัขและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง โดยคณะวิจัยใช้ตัวอย่างจากเหงื่อของผู้ติดเชื้อโควิด-19 และให้สุนัขดมกลิ่นในระยะห่าง อีกทั้งเครื่องมือต่างๆ ก็ปลอดเชื้อ โดยระยะเวลาการดำเนินการวิจัยชิ้นนี้ทั้งสิ้น 6 เดือน แบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกใช้เวลา 2 เดือน เป็นการทดสอบความสามารถและฝึกสุนัขในการแยกแยะกลิ่นผู้ติดเชื้อได้อย่างแม่นยำ ว่องไว

และแน่นอน โดยมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 และบริษัท พี คิว เอ แอสโซซิเอท จำกัด ร่วมสนับสนุนการเตรียมตัวและฝึกสุนัข ถัดมาคือการทดลองปฏิบัติจริงที่สนามบิน ท่าเรือ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และฝึกสุนัขให้ดมกลิ่นจากเท้าของคน ส่วนในระยะที่สาม เป็นการวิจัยต่อยอดเครื่องมือคัดกรองรูปแบบใหม่ เช่น เซ็นเซอร์เพื่อบ่งชี้ผู้เข้าข่ายติดเชื้อ

โดยโครงการนี้นับเป็นต้นแบบในการฝึกสุนัขเพื่องานทางการแพทย์ชุดแรกของประเทศไทย โดยในอนาคตจะมีการต่อยอดฝึกสุนัขเพื่อตรวจโรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึมเศร้า มาลาเรีย และโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย

‘แต้ว - แพนเค้ก’ เตรียมปะทะบทบาทข้ามค่าย ผ่านโปรเจกต์ Special Workshop for Film จาก Six Characters in Search of an Author ของ ‘หม่อมน้อย’

เมื่อพูดถึงนางเอกเบอร์ต้น ๆ แห่งยุคนี้ ที่ฝากผลงานผ่านจอให้คนไทยได้ดูกันมาหลายต่อหลายเรื่อง คงไม่มีใครไม่รู้จักสาว ‘แต้ว - ณฐพร เตมีรักษ์’ และ ‘แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ ’ ที่ยืนหนึ่งในเรื่องฝีไม้ลายมือด้านการแสดง จนคว้าใจคนดูมานักต่อนัก

ล่าสุดอินสตราแกรมแอคเคาท์ @actingclass_hmom ได้โพสต์ภาพประวัติศาสตร์ โดยมีภาพประชันบทบาทของสองนางเอกสาว ‘แต้ว ณฐพร’ และ ‘แพนเค้ก เขมนิจ’ ซึ่งเรียกได้ว่าไม่เคยมีใครเห็นทั้งสองสาวเคยร่วมงานกันมาก่อน พร้อมแคปชั่นว่า…

‘ครั้งแรก’ และ ‘ครั้งเดียว’ ในประวัติการณ์วงการแสดง...ที่ ‘แต้ว ณฐพร’ ประชันบทบาทการแสดงกับ ‘แพนเค้ก เขมนิจ’ อย่างเข้มข้น...ใน Special Workshop for Film จาก Six Characters in Search of an Author

ลำหรับ Workshop for Film จาก Six Characters in Search of an Author เป็นโปรเจกต์ของ ‘หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล’ หรือ ‘หม่อมน้อย’ ซึ่งคงต้องตามดูว่าจะนำเสนออกมาในรูปแบบผลงานใด โดยนอกจากจะมีแม่เหล็กอย่างสองสาว ‘แต้ว’ จากช่องน้อยสี และสาว ‘แพนเค้ก’ จากทรูโฟร์ยู นางเอกตัวท็อปของประเทศไทยแล้ว ก็ยังมีนักแสดงมากฝีมือ เข้าร่วมโปรเจกต์นี้กันอีกหลายคน

น่าติดตามมว้ากกกก...

รัฐบาลจีนต้องการให้บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ขายธุรกิจสื่อบางแห่ง ซึ่งรวมถึงหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ เนื่องจากรัฐบาลกังวลว่า อาลีบาบาจะมีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนภายในประเทศ

สื่อต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ในการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา รัฐบาลจีนไม่พอใจที่อาลีบาบาครอบครองธุรกิจสื่อ โดยกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของอาลีบาบาต่อโซเชียลมีเดียในจีน

วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้อาลีบาบาลดการถือครองสินทรัพย์ในธุรกิจสื่อ หลังจากนายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบาได้ถูกรัฐบาลจีนเพ่งเล็งตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และบริษัทแอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจฟินเทคในเครือของอาลีบาบา

รายงานระบุว่า นายหม่าและอาลีบาบาได้ก่อตั้งธุรกิจสื่อขนาดเล็กอย่างเงียบ ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนสยายปีกเข้าสู่สื่อออนไลน์, หนังสือพิมพ์, บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย และธุรกิจโฆษณา ขณะเดียวกันอาลีบาบายังได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท Weibo ซึ่งให้บริการคล้ายทวิตเตอร์ รวมถึงเซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชั้นนำในฮ่องกง

การที่นายหม่าถูกรัฐบาลจีนเพ่งเล็งนั้น เป็นผลมาจากการที่เขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์ระบบกำกับกฎระเบียบทางการเงินของจีนเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2563 จนทำให้แอนท์ กรุ๊ปโดนสั่งระงับการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่เดิมตั้งเป้าหมายไว้สูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่บริษัทฟินเทครายใหญ่แห่งนี้จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้


ที่มา :

https://www.infoquest.co.th/2021/71500

https://www.wsj.com/articles/beijing-asks-alibaba-to-shed-its-media-assets-11615809999

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-03-15/china-asks-alibaba-to-sell-media-assets-amid-rising-clampdown

โคตรตำนานมวยโลก ‘มาร์วิน แฮกเลอร์’ เสียชีวิต ด้านคู่ปรับตลอดกาล คาด ‘ไอ้โล้นซ่า’ ดับหลังเจอผลข้างเคียงวัคซีนแอสตราเซเนก้า

โคตรตำนานมวยโลก ‘มาร์วิน แฮกเลอร์’ เสียชีวิต ด้านคู่ปรับตลอดกาล คาด ‘ไอ้โล้นซ่า’ ดับหลังเจอผลข้างเคียงวัคซีนแอสตราเซเนก้า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ‘มาร์วิน แฮกเลอร์’ เจ้าของแชมป์โลกมิดเดิลเวต 3 สถาบันหลักชาวสหรัฐอเมริกา ได้เสียชีวิตในวัย 66 ปี

โดย แฮกเลอร์ ถือเป็นยอดมวยที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก ด้วยผลงานการเป็นเจ้าของแชมป์โลก 3 สถาบันหลัก ระหว่างปี ค.ศ. 1980 - ค.ศ.1987 และจัดเป็น 1 ใน 4 ยอดนักชกรุ่นกลางแห่งทศวรรษที่ 80 ร่วมรุ่นกับ ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด, โธมัส เฮิร์นส์ และ โรเบร์โต ดูรัน

สำหรับ แฮกเลอร์ เป็นนักมวยที่ถนัดซ้ายก็จริง ทว่าเจ้าตัวจัดเป็นนักชกที่มีความหนักหน่วงทั้งกำปั้นซ้ายและขวา พร้อมเอกลักษณ์คือ ศีรษะที่โล้นจนแฟนมวยชาวไทยให้ฉายาว่า ‘เจ้าโล้นซ่า’

ทั้งนี้ ยอดมวยรายนี้มีผลงานการชก 67 ไฟต์ ชนะ 62 ไฟต์ (ชนะน็อก 52 ไฟต์) แพ้ 3 ไฟต์ และเสมอ 2 ไฟต์

หลังแขวนนวม แฮกเลอร์ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอิตาลี เปิดร้านขายอาหารอิตาเลียน และหันไปเป็นนักแสดงประกอบตามภาพยนตร์อิตาลี พร้อมกับได้เปลี่ยนชื่อจริงของตัวเองเป็น มาร์เวลัส มาร์วิน แฮกเลอร์ ตามชื่อที่ใช้เรียกในสมัยที่ยังชกมวยอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ‘โธมัส เฮิร์นส’ เจ้าของฉายา ‘เดอะ ฮิตแมน’ อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นมิดเดิลเวต และอดีตคู่ปรับของ ‘เจ้าโล้นซ่า’ ที่ร่วมสร้างไฟต์สุดคลาสสิกกับแฮกเลอร์ เมื่อปี 1985 ได้แสดงความเห็น โดยเชื่อว่าอดีตเพื่อนร่วมสังเวียน จากไปหลังมีอาการแพ้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19

‘เดอะ ฮิตแมน’ ได้โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว หลังกำปั้นวัย 66 ปี เข้าโรงพยาบาลว่า “ขอเป็นกำลังใจให้กับเดอะคิง นักสู้ตัวจริง และครอบครัว...เขา (แฮกเลอร์) เข้าห้องไอซียู เพื่อต่อสู้กับผลข้างเคียงของวัคซีน เขาจะไม่เป็นไร แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือมองแง่บวกและอวยพรให้เขาสำหรับการรักษา”

มีการเปิดเผยว่า แฮกเลอร์ ได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า เข็มแรกแล้วมีอาการแพ้ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มประเทศยุโรปได้มีการระงับการฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ชั่วคราว โดยมีรายงานพบว่ามีผู้ป่วยบางรายเกิดลิ่มเลือดหลังฉีดเข็มแรก


ที่มา:

https://mgronline.com/sport/detail/9640000024547

https://mgronline.com/sport/detail/9640000024698


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top