Tuesday, 1 July 2025
LITE TEAM

‘กล้วยไม้ไทย’ มีความงดงาม และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในผู้ที่บุกเบิก และคว่ำหวอดอยู่ในแวดวงกล้วยไม้ไทยมายาวนาน นั่นคือ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยวันนี้เมื่อ 3 ปีก่อน เป็นวันที่นักวิชาการท่านนี้ได้เสียชีวิตลง...

ย้อนเวลากลับไป ศ.ระพี สาคริก ได้เข้าเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่เนื่องจากมีความสนใจในงานด้านการวิจัยทางการเกษตรเป็นเดิมทุน จึงเริ่มต้นงานวิจัยพันธุ์ข้าว พันธุ์ผัก และยาสูบ กระทั่งได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าด้าน ‘กล้วยไม้’ อย่างจริงจัง จึงอุทิศตนให้กับงานวิจัยกล้วยไม้มาโดยตลอด

ศ.ระพี ได้รับการยอมรับจากวงการกล้วยไม้ของโลกว่า เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องกล้วยไม้มากที่สุดคนหนึ่ง ยืนยันได้เป็นอย่างดีจากผลงานการค้นคว้าและส่งเสริมกล้วยไม้ ทั้งในด้านการปรับปรุงพันธุ์ ขยายพันธุ์ ตลอดจนด้านธุรกิจการส่งออก ทำให้ ‘กล้วยไม้ไทย’ กลายเป็นสินค้าส่งออกด้านเกษตรที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย

ศ.ระพี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานเหรียญดุษฎี เข็มศิลปวิทยา สาขาเกษตรศาสตร์ (พ.ศ. 2511) รวมทั้งได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ในปี พ.ศ. 2513 นอกจากนี้ยังเคยเป็นอธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนในบทบาทงานด้านการเมือง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว

ศ.ระพี สาคริก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ในวัย 95 ปี ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบ 3 ปีของการจากไป แต่ผลงานของนักวิชาการท่านนี้ก็ยังคงถูกยกย่อง ตลอดจนองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็ยังคงถูกถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังต่อไป จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย’


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki

วันแรกก็ฟาดกันมันส์ฝุดๆ!! สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระลอกใหม่ 10 รัฐมนตรี คู่ดาวเด่นของวันนี้ ขอยกให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี .. ลุงตู่ ปะทะ ลุงตู่ (ชื่อเล่นเหมือนกัน)

วันแรกก็ฟาดกันมันส์ฝุดๆ!! สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระลอกใหม่ 10 รัฐมนตรี คู่ดาวเด่นของวันนี้ ขอยกให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ลุงตู่ ปะทะ ลุงตู่ (ชื่อเล่นเหมือนกัน)                                             

ประเด็นร้อนที่เปิดฉากฉะ เอ้ย! เปิดฉากโต้กัน เป็นเรื่องการปราบปรามบ่อนการพนัน โดยเป็นทางหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้กล่าวหาทำนองว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์แต่งตั้งข้าราชการไปแสวงหาประโยชน์ สมคบคิดกับเจ้าของบ่อนการพนัน และหล่นประโยคโดนๆ ว่า...

“พล.อ. ประยุทธ์ เคยบอกว่า 100 นายกฯ ก็ปราบบ่อนไม่ได้ ซึ่งแค่บ่อนการพนันแค่นี้ก็หมดปัญญา ถึงกับพูดออกมาว่า 100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้”

ต่อมา เป็นทางนายกรัฐมนตรีขึ้นมาร่ายยาวโต้ตอบบ้าง แต่ไฮไลท์เผ็ด ๆ อยู่ที่ช่วงท้าย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โต้แย้งในเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวหาว่าตนพูดว่า ‘100 นายกฯ ก็แก้ปัญหาไม่ได้’ งานนี้เลยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา เปิดคลิปเสียงเมื่อครั้งที่ตนเองเคยให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ มีใจความว่า...

“ผมพูดว่า ไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ร้อยนายกฯ ก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครจะเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น”

เคลียร์ให้ฟังกันชัด ๆ พร้อมทิ้งท้ายแบบขิงๆ อีกด้วยว่า...อย่าบิดเบือน!!

วันนี้เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยถูกยกให้เป็น ‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปี พ.ศ. 2175 ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175 นั่นเอง

สมเด็จพระนารายณ์ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา โดยทรงขึ้นครองราชย์เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 12 พ.ศ. 2199 ในขณะที่มีพระชนมายุ 25 พรรษา

ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมให้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านการค้าขาย ทรงติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยพระองค์ทรงปรับปรุงพระคลังสินค้า โปรดเกล้าฯ ให้ต่อเรือกำปั่นหลวง เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ นอกจากนี้ยังทรงจัดคณะทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีถึงประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่มีความรอบรู้และปราดเปรื่อง ตลอดจนทรงมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วง โดยครั้งหนึ่งฝรั่งเศสได้ส่งคณะทูตนำโดย เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ มาเข้าเฝ้าเพื่อทูลขอให้พระองค์ทรงเข้ารีต แต่พระองค์ทรงปฏิเสธด้วยพระปรีชาสามารถไปว่า

"การที่ผู้ใดจะนับถือศาสนาใดนั้น ย่อมแล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์จะบันดาลให้เป็นไป ถ้าคริสตศาสนาเป็นศาสนาดีจริงแล้ว และเห็นว่าพระองค์สมควรที่จะเข้าเป็นคริสตศาสนิกแล้ว สักวันหนึ่งพระองค์จะถูกดลใจให้เข้ารีตจนได้"

นอกจากนี้พระองค์ยังได้ให้เสรีภาพแก่ราษฎร ที่จะนับถือคริสตศาสนาได้ตามความเลื่อมใสของตน เรื่องนี้ทำให้เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ พอใจเป็นอย่างยิ่ง

วันนี้ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ‘สมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ จึงสมควรเป็นอย่างยิ่งในการเทิดพระเกียรติและระลึกถึงพระปรีชาสามารถ ตลอดจนพระอัจฉริยภาพอันเปี่ยมล้นของพระองค์


ที่มา: https://www.lib.ru.ac.th/journal/feb/feb16-Narai.html

พีค of the week EP.6

ข่าวพีค ๆ มาอีกแล้วจ้า! วนกลับมาเจอกันตอนต้นสัปดาห์ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีเหตุบ้านการเมืองร้อน ๆ เกิดขึ้นหลายเรื่องราว มาทั้งเรื่องการฟ้องร้อง การถูกถอดถอน การยุติบทบาท และไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ‘ม็อบตีหม้อ’ งานนี้พกหม้อมาจากบ้าน

ทั้งหม้อเล็ก หม้อใหญ่ หม้อบุบ หม้อดำ พกอาวุธ เอ้ย! พกอุปกรณ์มาซะขนาดนี้ เราเลยขอตั้งชื่ออีพีนี้เพิ่มเติมด้วยว่า ‘พีคแบบหนังจีน’ ตามไปดูว่าจะมีเรื่องอะไรได้จากคลิปนี้กันเลย Let’s go!!

.

เปิดข้อมูลน่ารู้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด

โหมโรง! ศึกใหญ่พรุ่งนี้ ไม่ใช่แมทซ์ฟุตยอล หรือเกมกีฬาที่ไหน แต่เป็น ‘ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ’ กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง และเป็นที่จับตาว่า การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีประเด็นที่ร้อนแรงอยู่หลายเรื่อง งานนี้ถึงขั้นวิปรัฐบาลต้องจัดติวซ้อมเข้มอภิปราย หรือเรียกว่า ‘เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน’ กันอย่างแข็งขัน

เอาเป็นว่า ก่อนที่พรุ่งนี้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ จะเปิดฉากขึ้น เรารวบรวมข้อมูลน่ารู้ เกี่ยวกับศึกรัฐบาล vs ฝ่ายค้าน หนล่าสุดนี้ มาให้ทราบกันเสียก่อน วอร์มเครื่องก่อนฉะ เอ้ย! เปิดศึกดวลประเด็นกันในวันพรุ่งนี้!

15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 ครบรอบ 67 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จเปิด ‘ตึกวชริราลงกรณธาราบำบัด’ ร.พ.พระมงกุฏเกล้า อาคารที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วย และต่อสู้กับสภาวะโรคโปลิโอระบาดในขณะนั้น

แม้ในวันนี้เรากำลังต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดของโควิด -19 แต่เมื่อย้อนไปในอดีตแล้ว ประเทศไทยเคยผ่านสถานการณ์การระบาดของโรคภัยต่าง ๆ มาไม่น้อย เหมือนเมื่อครั้งหนึ่ง ที่ประสบกับภาวะโรคโปลิโอระบาด แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงเล็งเห็นถึงปัญเหล่าของพสกนิกร จึงมีพระราชดำริให้จัดการแก้ไข และขจัดโรคนี้ให้หมดไป

เรื่องราวของโรคโปลิโอระบาดในเมืองไทย เกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2495 ขณะนั้นเมืองไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคโปลิโอ หรือโรคไขสันหลังอักเสบ เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ ตลอดจนเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ในการรักษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดซื้อเครื่องช่วยหายใจจากต่างประเทศ จำนวน 3 เครื่องให้กับผู้ป่วย รวมถึงพระราชทานเงินจัดตั้ง ‘กองทุนโปลิโอสงเคราะห์’ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคนี้ให้หายเป็นปกติ

ต่อมาทรงมีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปที่ตึกรังสี รพ.พระมงกุฏเกล้า และได้ทอดพระเนตรกิจการของกองรังสีกรรมและแผนกกายภาพบำบัด ซึ่งรวมถึงงาน ‘ธาราบำบัด’ ที่เป็นหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโปลิโอ โดยเป็นการใช้น้ำช่วยพยุงร่างกายระหว่างการบริหารและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

หลังจากนั้นจึงทรงพระราชทานทรัพย์จำนวน 250,000 บาท จากกองทุนโปลิโอสงเคราะห์ เพื่อเป็นค่าเครื่องเวชภัณฑ์ และโปรดให้ก่อสร้าง ‘ตึกวชิราลงกรณธาราบำบัด’ โดยพระราชทานพระนามของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (พระยศในณะนั้น) เป็นชื่ออาคาร ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยโรคนี้

อาคารวชิราลงกรณธาราบำบัด สร้างแล้วเสร็จในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496 ต่อมาในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระยศในขณะนั้น) และพระบาทสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (พระยศในขณะนั้น) ได้เสด็จฯ ทรงเปิด ตึกวชิราลงกรณธาราบำบัด ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อย่างเป็นทางการ

เวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันนี้ ปัจจุบันแทบไม่มีรายงานผู้ป่วยด้วยโรคโปลิโออีกแล้ว โดยเมื่อปี พ.ศ. 2557 องค์การอนามัยโลกประกาศว่าโรคโปลิโอถูกกำจัดหมดไปจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ไม่พบผู้ป่วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงห่วงใยและใส่พระทัยในการขจัดปัญหาการระบาดในครั้งนั้น

14 กุมภา วันแห่งความรักเทปูน เติมความรักความเมตตา ที่วัดศรีกบินทร์

วันที่ 14 กพ.64 ที่ วัดศรีกบินทร์ ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จัดกิจกรรมวันแห่งความรัก เทปูน เติมความรักเพื่อให้คู่รักและครอบครัวร่วมกิจกรรมทำบุญเป็นหมู่คณะ เพื่อเสริมสร้างบารมีแก่ตัวเองและครอบครัว ภายใต้คำขวัญของวัด เชิญเทปูน เติมความรัก 14 กพ.นี้ หลังจากทางวัดบอกข่าวต่อกันไปมีผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมายังวัดศรีกบินทร์ 30 คน บางคนมาร่วมถวายปัจจัยแก่ทางวัดบางคนนำอาหารและเครื่องดื่มมาถวาย รวมถึงคนที่อยู่ช่วยวัด เทปูน เติมความรักในวันที่ 14 กพ.เป็นวันแห่งความรัก ร่วมกันทำบุญเพื่อสะสมบุญใหญ่ที่ได้ร่วมเทปูนช่วยทางวัด

โดยทางวัดศรีกบินทร์กำลังก่อสร้างพระอุโบสถทางวัดสร้างมาได้ระดับหนึ่งแล้วตามกำลังศรัทธาของญาติโยมที่ถวายปัจจัยเพื่อสมทบทุนสร้างพระอุโบสถภายในวัด พระในวัดลงมือทำร่วมกับลูกศิษย์ วันนี้เป็นการร่วมทำบุญร่วมกันเป็นหมู่คณะเพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว พระครูกิตติ วรานุกูล เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลย่านรี เขต.2 กล่าวว่า วันนี้ลูกศิษย์ได้จัดกิจกรรมทำบุญในวันแห่งความรักเพื่อเป็นการเสริมสร้างความรักความเมตตาในครอบครัว และความรักต่อสังคมจึงได้จัดกิจกรรม เทปูน เติมความรักขึ้นอุโบสถหลังนี้หากสร้างเสร็จพระสงฆ์จะได้ใช้ในกิจวัตรสวดมนต์ไหว้พระในโอกาสต่อไป

วัดนี้ยังไม่มีโบสถ์พระจะใช้ศาลาไม้เป็นที่สวดมนต์ไหว้พระประกอบกิจของสงฆ์สำคัญสำคัญๆในวัด นส.มยุรี หลอมทอง หนึ่งในผู้ที่ปฏิบัติธรรมที่วัดประจำกล่าวว่า วันนี้ตนและเพื่อนๆมาร่วมเทปูนกับทางวัด เพื่อสะสมผลบุญให้ตัวเองวันหยุดก็จะมาปฎิบัติธรรมที่วัดนี้ทุกครั้ง เจ้าอาวาสเป็นพระนักวิปัสสนาเคร่งครัดรูปหนึ่ง...



ภาพ/ข่าว ลักขณา สีนายกอง ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี

‘เพลงรัก’ เพลงไหน? ที่เหมาะกับผู้นำ นักการเมือง และนักการม็อบกันบ้าง?

สวัสดีวันแห่งความรัก ว่าแต่วาเลนไทน์ปีนี้ อาจจะต้องแสดงความรักต่อกันแบบ ‘รักษาระยะห่าง’ นิสนึง เนื่องจากพี่โควิดยังวนเวียนรอบตัวเราอยู่เลย ดังนั้น จะกอด จะหอม จะแสดงความเลิฟต่อกันแบบไหน พึงใส่ใจเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะจ๊ะ เอาเป็นว่า เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศวันเลิฟ ๆ แบบนี้ The States Times ขอมอบเพลงรักให้ ว่าแต่ให้ใคร? อันนี้ลองไปดู!

เริ่มต้นที่ คุณเอ๋ - ปารีณา ไกรคุปต์ มีข่าวกำลังจะถูกถอดถอนจากการเป็นสส. เนื่องจากมีประเด็นความผิดเรื่องบุกรุกที่ดิน งานนี้เลยขอบมอบเพลง ‘ผิดไปแล้ว’ ของศิลปิน มาช่า วัฒนพานิช ให้คุณเอ๋ไปฟัง ความว่า ‘ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยัน ว่าฉันตั้งใจ เอ้ย! ไม่ได้ตั้งใจ โอ๊เย...’

.

.

มาต่อกันที่ ท่านอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมต.สาธารณสุข โต้โผสำคัญเรื่องปลดล็อกกัญชา ล่าสุดมีข่าวจะให้ปลูกได้บ้านละ 6 ต้น เอ้า! งั้นขอมอบเพลงนี้ให้คุณหมอหนูไปเลย ‘ฉันจะพาเธอลอย ล่องไปในอวกาศ มีแต่เธอ มีแต่เธอ..’ ล่องลอยยยย The Toys ก็มาจ้า!

.

.

อีก 2 คนที่อยากมอบเพลงรักให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ เพนกวิน-พริษฐ์ และ ทนายอานนท์ ล่าสุดถูกจับกุมในคดี ม.112 งานนี้พลพรรคสายสามนิ้วออกมาฮึ่มๆ เดี๋ยวมีปะทะ! โชคดีได้รับการปล่อยตัวไปเรียบร้อย เอาเป็นว่า โปรดใจเย็นๆ มอบเพลงรักเก่าๆ เพลงนี้ให้ไปฟังกันก่อน ‘กักขังฉันเถิด กักขังไป ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า...’ มอบเพลงจำเลยรักให้สองจำเลยเลิฟไปเรยยย์

.

.

คู่นี้ก็มีกรณี ‘รถไฟฟ้าแพงนะจ๊ะเธอ’ ท่านอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. กับ ท่านศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมต.คมนาคม ล่าสุดประกาศชะลอการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าไปเรียบร้อย แต่ผลสรุปที่เป็นสุดท้ายจริง ๆ ยังต้องรอหารือ ว่าจะเอายังไง จะถูกลงได้ไหมจ๊ะ หรือจะแพงนะจ๊ะต่อไป ‘ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง เลือกเดินบนรางสักราง เอ้ย! เลือกเดินบนทางสักทางได้ม๊ายยย’

.

.

มาถึงท่านนี้ ช่วงนี้มีประเด็นเดือดตลอด ๆ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไลฟ์สดเรื่องวัคซีนไปร่วม ๆ 30 นาที แต่ผลกระทบจัดว่าหนัก หน่วง และนานแน่นอนนะจ๊ะ งานนี้วัคซีนเป็นเหตุ ทางเราเลยขอจัดเพลงนี้ ‘ฉีดยาให้ฉันตายไปเถอะหมอ นี่คือคำขอร้องของคนไข้...’ มอบให้คุณเอก ณ วัคซีนไลฟ์สดไปเลยจ้า!

.

.

มาถึงคนนี้ที่มีแควน ๆ เอ้ย! แฟน ๆ บ่นคิดถึง ตามประสาคนไกลบ้าน เผลอแผลบเดียว ไกลบ้านมาร่วม ๆ สิบปีแล้ว สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร วาไลนเทน์นี้ทางเราก็ไม่มีอะไรจะมอบให้ นอกจากเพลงซึ้ง ๆ ช้า ๆ เพลงนี้เคยดังในยุค 90 คุณทักษิณคุ้นหูแน่นอน ‘ฉันมาไกล มาไกลเหลือเกิน ฉันเดินทางมาไกลแสนไกล...’ เดินทางไกลต่อไปนะครับทั่น!

.

.

ปิดท้ายที่ลุงตู่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วงนี้คงเหนื่อยไม่เบา เพราะปัญหานู่นนี่นั่น ตบเท้ามาให้ท่านนายกฯ ได้แก้ไขแบบนันสต็อปกันเลยทีเดียว มอบเพลงนี้เป็นกำลังใจในวาเลนไทน์นี้ ‘รักเธอประเทศไทย เสียใครไม่เท่าเสียเธอ จะยอมให้ใครมาทำร้ายเธอเป็นไปได้ไง แม้ตายก็ต้องยอม...’

.

.

อ่านถึงตรงนี้ (ถ้าคุณยังตามมาอ่านจนจบนะจ๊ะ) รักชอบเพลงไหน อยากฟังกันยาว ๆ คลิ๊กไปฟังกันได้เลย ฟังเพลินๆ ในวันวาเลนไทน์ มันก็โอเคไปอีกแบบนะจ๊ะ แถมจะอินมาก ๆ ด้วย ถ้าฟังไป แล้วนึกถึงใบหน้าพวกทั่น ๆ ไป แฮ่!!

‘วันแห่งความรัก’ อีกหนึ่งวันสำคัญที่คู่รักทุกคู่ เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือคนในครอบครัว จะมอบความรัก ความปรารถนาดีให้แก่กัน โดยวันนี้มีที่มาตั้งแต่ ค.ศ. 496 หรือเมื่อ 1,525 ปีมาแล้ว

ประวัติศาสตร์ของ ‘วันวาเลนไทน์’ เริ่มมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมัน โดยมีเรื่องเล่ากันว่า เคยมีนักบุญนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส เป็นนักบุญที่คอยจัดพิธีแต่งงานให้กับคู่รักมากมาย แต่กลับกลายเป็นความผิดรุนแรง เนื่องจากในยุคนั้นทางการมีคำสั่งห้ามบุรุษเพศแต่งงาน เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่ยอมออกไปร่วมรบกับกองทัพ

จากความผิดนี้เอง ทำให้วาเลนไทน์ต้องถูกจองจำ แต่แล้วเขาก็เกิดไปตกหลุมรัก จูเลีย ลูกสาวของผู้คุมขังเข้า ความรักของทั้งคู่งอกงามผ่านลูกกรงขัง แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป จากความผิดของวาเลนไทน์ ทำให้เขาได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต คืนก่อนหน้านั้นเอง เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย ลงท้ายว่า ‘From Valentine’ เป็นสัญลักษณ์ของความรักอันชั่วนิรันดร์ ซึ่งภายหลังการเสียชีวิต ศพของเขาได้ถูกนำไปเก็บเอาไว้ในโบสถ์ ณ กรุงโรม เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270

ด้วยความรัก ความเมตตา และความกล้าหาญ เวลาผ่านมานับร้อยปี เรื่องเล่าของนักบุญคนนี้ ทำให้มีคนยกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของความรัก โดยตั้งชื่อวันนี้ว่า วันวาเลนไทน์

แม้จะเป็นวันสากลที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก แต่กิจกรรมในวันวาเลนไทน์ของแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันไปในเชิงสัญลักษณ์ บางที่มอบดอกไม้แสดงความรัก บางแห่งมอบช็อคโกแลตบอกความในใจ และอีกมากมาย แต่โดยรวมแล้ว วันนี้ถือเป็นวันที่ทุกคนมอบความรัก ความปรารถนาดีให้แก่กัน ไม่เฉพาะแค่คู่รัก แต่ยังหมายรวมถึงคนโสด พี่น้อง พ่อแม่ และสมาชิกในครอบครัวด้วยนั่นเอง


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C

วันนี้เป็นวันสำคัญที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ เมื่อ ‘ประเทศสยาม’ (ชื่อเดิมประเทศไทย) ต้องเสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ให้กับประเทศฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ทั้งนี้เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินเมืองจันทบุรี และต้องการให้ทหารฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากพื้นที่

วันนี้เป็นวันสำคัญที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ เมื่อ ‘ประเทศสยาม’ (ชื่อเดิมประเทศไทย) ต้องเสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ให้กับประเทศฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ทั้งนี้เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินเมืองจันทบุรี และต้องการให้ทหารฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากพื้นดังกล่าว

โดยหากสืบย้อนกลับไป ตามหน้าบันทึกทางประวัติศาสตร์ การถูกคุกคามของนักล่าอาณานิคมจากตะวันตกนั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่มีทวีความรุนแรงมากขึ้น ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยในเวลานั้น เป็นทั้งประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส ที่แผ่อิทธิพลเข้ามา

การเสียดินแดนให้กับฝรั่งเศสเริ่มต้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2430 เมื่อฝรั่งเศสเข้าครอบครองดินแดนสิบสองจุไทย จากนั้นใน ปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสก็รุกคืบมาทางเขตฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง จนเป็นที่มาของการปะทะกันของเรือรบไทยกับฝรั่งเศส นำไปสู่ความเสียหายและการถูกปิดอ่าว ทางการไทยไม่อยากให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จึงจำยอมต้องเสียดินแดนในส่วนดังกล่าวกว่า 140,000 ตารางกิโลเมตรไป พร้อมทำสนธิสัญญาต่อกัน

กระทั่งเวลาผ่านไป ฝรั่งเศสกลับไปยอมคืนพื้นที่เมืองจันทบุรี ที่ยึดเอาไว้เป็นประกันตามที่ตกลงกันในสัญญา โดยทำการยึดเอาไว้นานกว่า 10 ปี จนเมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. 2446 ฝรั่งเศสประกาศจะยอมถอนทหารออกไปจากจันทบุรี หากไทยยอมยกพื้นที่ดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง และทางใต้ตรงข้ามเมืองปากเซ ให้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

และแล้วในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ไทยก็ยอมยกพื้นที่ดังกล่าวให้กับฝรั่งเศส เพื่อรักษาเมืองจันทบุรี และยุติปัญหาสัญญากับทางฝรั่งเศสลง

แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศสยามจะถูกคุกคามจากนักล่าอาณานิคมตะวันตกอย่างหนัก แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย ตลอดจนขุนนาง ข้าราชการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกมากมาย ก็ทำให้การสูญเสียในครั้งนั้น เป็นไปโดยน้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อยังคงรักษาอธิปไตยแห่งความเป็น ‘สยามประเทศ’ เอาไว้อย่างดีที่สุด


ที่มา: http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=4&chap=9&page=t4-9-infodetail03.html


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top