Monday, 20 May 2024
Hard News Team

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 กรณีพระสงฆ์ใช้เครื่องกิโยติน ตัดคอตัวเอง อ้างถวายเป็นพุทธบูชา ว่า...

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่มีพระสงฆ์ใช้เครื่องกิโยติน ตัดคอตัวเอง อ้างว่าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาว่า วันนี้ตนเห็นมีหลายลัทธิ ซึ่งองค์การเกี่ยวกับคณะสงฆ์ต่างๆ ก็จะเข้าไปดูแล รวมถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ด้วย

ขอให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้

แต่เรื่องแบบนี้ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องมีเหตุและผลในการจะเชื่อหรือกระทบอะไรก็แล้วแต่ อีกทั้งพฤติกรรมเลียนแบบเช่นนี้ ตนคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะทำ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ผู้นำจีน ‘สีจิ้น ผิง’ ประกาศเป้าหมายต่อไปจะสร้าง “มหัศจรรย์เศรษฐกิจเซินเจิ้น” ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหลายประเทศ และในห้าปีข้างหน้านี้จะมุ่งทุ่มเทให้กับโครงการใหญ่เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

เซินเจิ้น ซึ่งมีฉายาเป็น “ซิลิคอนวัลเลย์แห่งจีน” เป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในกว่างตง หรือกวางตุ้งซึ่งเป็นมณฑลยักษ์แห่งภาคใต้จีน จีดีพีเมืองเซินเจิ้นได้แซงหน้าฮ่องกง และสิงคโปร์ไปเมื่อสองปีที่แล้ว

ผู้นำจีนยังตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2025 เศรษฐกิจเซินเจิ้นจะมีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านล้านหยวน (611 พันล้านเหรียญสหรัฐ) สูงกว่าประเทศโปรตุเกส อิสราเอล และไอร์แลนด์ เป็นต้น สำหรับจีดีพีเซินเจิ้นปี 2020 ขยายตัวในอัตรา 3.1 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 2.77 ล้านล้านหยวน

เป็นที่ทราบกันดีในวงการที่ติดตามเรื่องจีนว่า ก่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศปลายทศวรรษที่ 1970 สมัยผู้นำเติ้งเสี่ยวผิงนั้นเซินเจิ้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆที่ล้าหลัง สีจิ้นผิงได้ประกาศในพิธีฉลองวาระครบรอบ 40 ปีการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสี่แห่งของประเทศ (จูไห่ ซั่นโถว (ซัวเถา) เซี่ยเหมิน และเซินเจิ้น) ในเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ว่าเซินเจิ้นเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และจะได้รับอำนาจการปกครองบริหารตัวเองสูงขึ้นเพื่อสร้าง “มหัศจรรย์อีกครั้ง”

ภายใต้แผนพัฒนาฯห้าปีของจีน (2021-2025) นี้ เซินเจิ้นตั้งเป้าหมายอีกว่าจะขึ้นมาเป็น “พลังขับเคลื่อนหลัก” ในการปฏิรูปของประเทศ พร้อมกับเป็นขุมพลังผลักดันการเจริญเติบโตและศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาคเกรทเตอร์เบย์แอเรีย (Greater Bay Area) ที่ประกอบด้วย 9 เมืองในมณฑลกว่างตง มาเก๊า และฮ่องกง โดยเงื่อนไขปัจจัยที่จะทำให้เซินเจิ้นบรรลุเป้าหมายนี้อยู่ที่กลุ่มบริษัทชั้นนำของโลก อย่าง เทนเซ็นต์ (Tencent Holdings) และหัวเหวย เทคโนโลยีส (Huawei Technologies)

หลิว กัวหง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่และการเงินของสถาบันการพัฒนาแห่งจีนในเมืองเซินเจิ้น ชี้ว่าความสำเร็จของเซินเจิ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะอานิสงส์จากเหล่าผู้เล่นในหลายภาคธุรกิจ โดยบริษัทชั้นนำในหลายอุตสาหกรรมของประเทศหลายๆรายที่อยู่ในเมืองเซินเจิ้นไล่เรียงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็มี China Vanke และ Poly Group, บริษัทเทนเซ็นต์แห่งภาคไอที, ผิงอัน อินชัวรันส์ แห่งภาคอุตสาหกรรมการประกันภัย, ภาคการผลิตก็มี หัวเว่ย, และยักษ์ใหญ่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD

จากการจัดอันดับของหูรุ่น รีพอร์ต (Hurun Report) ในปี 2020 กลุ่มบริษัทเอกชนในเซินเจิ้นที่ได้ขึ้นทำเนียบบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงสุด 500 รายของประเทศจีนนั้นมีจำนวนมากเป็นอันดับที่สาม ในจำนวนนี้สามรายติดอันดับบริษัทมูลค่าสูงสุดสิบอันดับ “ท็อปเทน” ขณะที่ 59 ราย ติดอันดับสูงสุด100 อันดับ ทั้งนี้จากข้อมูลอัปเดทเมื่อเดือน ต.ค.2020

ขณะที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทในเซินเจิ้นอยู่ในภาคไอที อสังหาฯ และการเงิน แผนพัฒนาห้าปีจีนยังมุ่งทุ่มเทให้กับโครงการยักษ์ใหญ่เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน

มาดูกลุ่มบริษัทชั้นนำที่เป็นเสมือน “ขุนพลใหญ่” ที่จะทำให้เซินเจิ้นบรรลุการเติบโตตามเป้าหมาย และมีบทบาทสำคัญในเกรทเตอร์เบย์ แอเรีย

 

Tencent Holdings

เทนเซ็นต์ ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ต มี Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) ที่ราว 6 ล้านล้านเหรียญฮ่องกง (จากข้อมูล ณ วันที่ 16 เม.ย. 2021) แซงหน้าอาลีบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และกลายเป็นบริษัทเอกชนจีนที่มูลค่าสูงที่สุดในปี 2020 จากการจัดอับดับโดยหูรุ่น

เทนเซ็นต์ เจ้าของแอปข้อความสั้น WeChat และมีหุ้นในบริษัทเกมหลายราย เป็นต้นนั้นติดอันดับที่ 197 ของทำเนียบ Fortune Global 500 List นอกจากนี้ บริษัทในเครือ คือ Tencent Music ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กตั้งแต่ปีเดือนธ.ค. 2018

โพนี่ หม่า ผู้ก่อตั้งเทนเซนต์ วัย 49 ปี มีสินทรัพย์สุทธิ 60.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล Forbes, อัปเดท 14 เม.ย.2021) แซงหน้าแจ๊ค หม่าแห่งอาลีบาบาผู้ร่ำรวยที่สุดในจีนเมื่อปี 2020 ปัจจัยที่ทำให้โพนี่ หม่า ขึ้นมารวยกว่าแจ๊ค หม่า มาจากความต้องการเกมมือถือที่พุ่งกระฉูดในช่วงล็อกดาวน์ควบคุมโควิด-19

 

Ping An Insurance

ผิงอัน ชื่อที่แปลว่า “ปลอดภัยและอยู่ดี” ให้บริการด้านประกันภัย การเงินและธนาคาร เป็นบริษัทประกันภัยใหญ่สุดของจีน มี Market Cap อยู่ที่ 1.65 ล้านล้านเหรียญฮ่องกง ติดอันดับที่ 21 ในทำเนียบ Fortune Global 500 List

 

Huawei Technologies

ก่อตั้งเมื่อปี 1987 โดยเหริน เจิ้งเฟย หัวเหวยทะยานขึ้นมาเป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกในภาคอุปกรณ์โทรคมนาคม และสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตาม เครือข่าย 5G ได้กลายเป็นชนวนศึกการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ผู้นำแดนพญาอินทรีปัดแข้งปัดขาหัวเหวยโดยจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐฯและยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆบอยคอตเครือข่าย 5G จีน

รายได้หัวเว่ยในปีที่แล้ว (2020) ขยายเพิ่มที่ 3.8 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 891.4 พันล้านหยวน ถือเป็นการขยายตัวที่เชื่องช้าที่สุดในรอบสิบปี นอกจากนี้อัตราขยายตัวในตลาดต่างแดนยังติดลบ โดยยอดขายร่วงไป 12.2 เปอร์เซ็นต์ทั่วยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ส่วนยอดขายในตลาดเอเชีย-แปซิฟิกก็ตก 8.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม กิจการหัวเหวยพึ่งพิงตลาดภายในประเทศเป็นหลักโดยมีสัดส่วนเป็น 65.6 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด

 

Shenzhen Mindray

บริษัทนี้มีฐานประกอบการในเซินเจิ้น เป็นผู้ให้บริการด้านอุปกรณ์การแพทย์และน้ำยาใสรายใหญ่สุดของจีน การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ความต้องการจากระบบติดตามคนผู้ป่วยและเครื่องช่วยหายใจพุ่งสูง Market Cap ของ Shenzhen Mindrayจึงดีดตัวสูงถึง 493 พันล้านหยวน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 เม.ย.2020) เป็นที่คาดว่าความต้องการจากระบบฯจะยังสูงต่อไปหลังจากที่โรคระบาดซาลงแล้วก็ตาม

 

BYD

ผู้ผลิตรถยนต์จีนรายนี้ได้รับการสนับสนุนจากอภิมหาเศรษฐีแห่งสหรัฐฯวอร์เร็น บัฟเฟตต์ตั้งแต่ปี 2008 BYD เริ่มกิจการด้วยการผลิตแบตเตอรี่ในปี 1995 จนกลายเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่สุดในจีน ข้อมูลเมื่อปลายปี 2020 ระบุว่า BYD ครองสัดส่วนตลาด 12.9 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน และข้อมูลอัปเดทในวันที่ 16 เม.ย. ระบุ Market Cap เท่ากับ 548 พันล้านเหรียญฮ่องกง

ในปีโรคระบาด รายงานกำไรสุทธิดีดตัวขึ้น 162 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 4.23 พันล้านหยวน BYD ได้หันมาผลิตหน้ากากอนามัยโดยข้อมูลในเดือนพ.ค.ปีที่แล้วระบุว่าผลิตได้ถึงวันละ 50 ล้านชิ้น

ด้วยผลกระทบจากโควิด-19 ยอดขายรถ BYD ตกลงไป 11 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 130,970 ยูนิตในปีที่แล้ว ในเดือนนี้ BYD ออกรถสองโมเดลโดยตั้งราคาระหว่าง 129,800 หยวน และ 166,800 หยวน เพื่อดึงดูดลูกค้ารายได้ปานกลางและรายได้ต่ำกว่า

ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9640000037158


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘สรยุทธ’ คืนจอ ช่อง 3 เริ่มพฤษภาคมนี้ ผนึกกำลัง 5 พิธีกรข่าว จัดทัพครอบครัวข่าว 3 ลุยสู้ศึกทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง New Media และ Old Media

หลังจากช่อง 3 ได้แต่งตั้ง ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายข่าว เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายสรยุทธได้เข้าร่วมวางแผนปรับเพิ่มศักยภาพรายการข่าวของสถานี โดยนำเสนอจุดเด่นของแต่ละรายการข่าวที่ช่อง 3 มีพิธีกรข่าว ซึ่งมีเอกลักษณ์การนำเสนอโดดเด่นแตกต่างกัน นำเสนอให้ผู้ชมเห็นว่า นอกจากข่าวสารและความคืบหน้าที่แตกต่างกันแล้ว แต่ละช่วงเวลา ผู้ชมยังสามารถติดตามข่าวสารและความคืบหน้าในรสชาติที่แตกต่างกัน และเหมาะสมกับผู้ชมในแต่ละช่วงเวลาจนเป็นที่มาของการเปิดตัวโฆษณา “ครอบครัวข่าว 3... 5 พิธีกรข่าว 5 คาแรคเตอร์ 5 การนำเสนอ” ที่คุณสรยุทธได้เข้ามาควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน และได้เริ่มปรากฏให้เห็นทางหน้าจอแล้ว

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเปิดตัวโฆษณา "5 พิธีกรข่าว" ในครั้งนี้ว่า “ช่อง 3 มีบุคลากรด้านข่าวที่ได้รับการยอมรับกันอย่างสูง แต่ละท่านมีความแข็งแกร่งในวิธีการนำเสนอข่าวที่แตกต่างกัน เท่าที่เห็นมีเฉพาะที่ช่อง 3 เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้ถูกนำเสนอให้เห็นภาพรวมว่าเรามีพิธีกรข่าวที่โดดเด่นเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการในทุกรูปแบบการนำเสนอแต่ละด้านผมยินดีที่นอกจากคุณสรยุทธจะกลับมาทำรายการเรื่องเล่าเช้านี้และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์แล้ว คุณสรยุทธยังมาเติมเต็มให้คำว่า “ครอบครัวข่าว 3” เด่นชัดมากยิ่งขึ้น จากนี้ไปทุกรายการข่าวจะนำเสนอตามความถนัดเฉพาะและศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ และผู้ชมจะได้ประโยชน์และความสนุกสนานจากความหลากหลายของการเสนอข่าวของเราอย่างแน่นอน”

นายสุรินทร์ กล่าวด้วยว่า “ในระยะต่อไป ช่อง 3 จะออกอากาศรายการข่าวในทุกแพลตฟอร์ม นอกเหนือจากหน้าจอช่อง 3 เราไม่คิดว่าจะมุ่งให้ความสำคัญเฉพาะไปในสื่อทางหนึ่งทางใด ไม่ว่าจะเป็น New Media หรือ Old Media แต่ช่อง 3 จะอยู่ในทุกสื่อ ทั้งสื่อออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ แม้กระทั่งสื่อวิทยุ ที่ยังมีผู้ชมจำนวนหนึ่งชอบฟังวิทยุ ตัวอย่างรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ก็มีผู้ฟังประจำจำนวนมากจนสร้างรายได้หล่อเลี้ยงธุรกิจได้ ไม่ว่าผู้ชมของเราจะอยู่ในแพลตฟอร์มไหน สื่อใหม่หรือสื่อเก่า ช่อง 3 จะอยู่กับผู้ชมเสมอ และแต่ละสื่อจะส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน” นี่เป็นที่มาของ “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ช่อง 3 อยู่กับคุณ”

นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ปรึกษาฝ่ายข่าวช่อง 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า “ช่อง 3 มีทรัพยากรด้านข่าวที่แข็งแรงอยู่แล้ว เราเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีพิธีกรข่าวที่มีบุคลิกไม่เหมือนกันเลย ไม่นับประสบการณ์ของแต่ละคน ลักษณะแบบนี้มีเฉพาะที่ช่อง 3 เท่านั้น”

“คุณกิตติ ข่าวสามมิติ มีบุคลิก จริงจัง ลุ่มลึก หาตัวจับยาก คุณไก่ ภาษิต เรื่องเด่นเย็นนี้ เป็นผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ พูดจากระฉับกระเฉงฉับไว นำเสนอแบบจัดจ้าน คุณหนุ่ม กรรชัย เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เกาะติดเคสดราม่า และเอามาขยี้ ไม่มีใครสู้เขาได้ คุณเอ ดนยกฤต ขันข่าวเช้าตรู่ ข่าวก่อนสว่างไม่มีอะไรดีไปกว่าลีลาคุยข่าวชาวบ้านแบบลูกทุ่ง ส่วนผม เรื่องเล่าเช้านี้ ข่าวเข้มข้นยามเช้า ทุกข่าวที่เกี่ยวกับคนดูแต่เข้าใจง่ายๆ เข้าถึงทุกคน นี่คือความแตกต่างที่ผมว่าลงตัว”

นายสรยุทธ กล่าวด้วยว่า การเริ่มโปรโมทแค่ 5 คน เป็นเพียงการเริ่มต้น ถ้าเรารวม ผู้ประกาศหลายสิบคนที่เรามีอยู่ ภาพมันจะไม่ชัด เราจะดึงจุดเด่นให้เห็นเป็นชุด เราไม่ได้มีแค่ 5 คนนี้ เรายังมีของดีอีกมาก และเราจะมีบอร์ดข่าวส่งต่อการนำเสนอกันในแต่ละรายการและแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งจะทยอยนำเสนอต่อไป เป้าหมายของช่อง 3 เราอยากเป็นอันดับ 1 ในทุกแพลตฟอร์มข่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้เสียชีวิตในไทยเพิ่มขึ้น 4 ราย ยอดติดเชื้อ 1,443 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
 

JP Morgan ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกอัดงบหนุน 'ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก' กว่า 1.5 แสนล้านบาท จบปัญหาด้านเงิน ๆ ทอง ๆ ของลีกพลิกโลก

ข่าวใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลช่วงนี้น่าจะหนีไม่พ้นการที่ 12 สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ร่วมกันจัดตั้ง European Super League ท่ามกลางการคัดค้านเต็มที่จากทั้งสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) และสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศ รวมถึงพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วย

สำหรับ 12 สโมสร ที่ยืนยันว่าจะเข้าร่วมกับโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่นี้ ประกอบไปด้วย...

6 ทีมจากอังกฤษ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล

3 ทีมจากอิตาลี ได้แก่ ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน

3 ทีมจากสเปน ได้แก่ เรอัล มาดริด, แอตเลติโก้ มาดริด และ บาร์เซโลน่า

อย่างไรก็ตาม มีคำถามอยู่ว่า ใครจะเป็นผู้สนับสนุนเม็ดเงินเพื่อจัดตั้งลีกดังกล่าว?

คำตอบเผยแล้ว โดยตัวละครลับที่จะมาหนุนลีกนี้ คือ JP Morgan ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ได้ออกมาประกาศให้เงินสนับสนุนหรือเป็นสปอนเซอร์หลักด้านการเงินให้การแข่งขันนี้เกิดขึ้นได้ ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 4 พันล้านยูโร หรือ 1.5 แสนล้านบาท

แน่นอนว่าปัญหาของการจัดลีกนี้ จะไม่ใช่เรื่องของเงินอีกต่อไป!!

แต่ตอนนี้ความเห็นของแฟนบอลกำลังแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนว่าจะ ‘สนับสนุน’ ให้ทีมเหล่านี้แยกตัวออกมาจัดลีกกันเอง หรือฝ่ายที่ ‘ต่อต้าน’ และอยากให้ทุกอย่างกำลังเป็นเหมือนระบบปัจจุบัน

เลือกฝ่ายไหนดี?

ที่มา: https://www.facebook.com/108586193028066/posts/751542252065787/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘บิ๊กตู่’ ลั่น ไม่ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกภาคเอกชน ย้ำทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนและปลอดภัย สั่งลากคอเจ้าของสถานบันเทิงดำเนินคดี ต้นตอทำเชื้อโควิดแพร่ระบาด เตรียมหารือหามาตราการเยียวยาประชาชนเพิ่มเติม พร้อม ‘ขอโทษ’ บางครั้งพูดผิดบ้างถูกบ้าง

เมื่อเวลา 12.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนทางเลือกได้ ว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหารือแนวทางกับทางโรงพยาบาลเอกชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้นำเข้าวัคซีนเข้ามาเพิ่มขึ้น

แต่ทั้งนี้ การนำเข้าของเอกชนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทางผู้ผลิตวัคซีนของต่างประเทศก็จะต้องขออนุญาตรัฐบาลเช่นกัน ยืนยันรัฐบาลไม่ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างปลอดภัย เพราะบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะไม่รับผิดชอบหากเกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียง

สำหรับ ตัวยา “ฟาวิพิราเวียร์" ที่มีการค้นพบว่าสามารถต้านโควิด-19 นั้น ทางรัฐบาลจะมีการจัดหาเพิ่มขึ้นอีก 3.5 ล้านเม็ด ภายในเดือนมิถุนายนและยืนยันว่าขณะนี้ตัวยายังพอเพียงในการรักษา

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า จะดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อ โควิด-19 อย่างเต็มที่ ส่วนการลงโทษ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดนั้น ยืนยัน ไม่ได้นิ่งนอนใจและให้มีการตรวจสอบหาเจ้าของสถานบันเทิงที่แท้จริง เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ส่วนมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะหารือทีมเศรษฐกิจว่าจะใช้งบประมาณตรงไหน เพื่อมาช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง ยืนยันรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาด้านงบประมาณแต่ต้องจัดสรรว่าจะใช้งบฯ จากที่ใด ซึ่งโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลดำเนินการนั้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ‘เราชนะ’ ‘ม.33 เรารักกัน’ จะดำเนินการต่อไป ส่วนโครงการอื่นจะมีการพิจารณาอีกครั้งและจะได้คำตอบในเร็ว ๆ นี้

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวขอโทษ ที่บางครั้งพูดข้อมูลในบางเรื่องผิดพลาดไปบ้าง โดยระบุว่าตนเองนั้นเป็นคนคิดเร็ว พูดเร็ว อาจจะพูดผิดบ้างถูกบ้าง บางครั้งก็ลืมใส่การันต์ ขอให้ทุกคนเข้าใจ สิ่งใดไม่ดีก็ขอโทษและอะไรที่ดีก็ขอให้ร่วมมือ ยืนยันยึดหลักการจะทำให้ประเทศดีขึ้นและเดินหน้าแก้ไขปัญหา นายกไม่เคยเป็นอื่นและพร้อมทำทุกอย่างให้ประเทศไทยและประชาชนคนไทยดีขึ้น


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เจ้าแม่นาคี ‘แต้ว ณฐพร’ โชคช่วย? แชร์ 5 สูตรเด็ดสู้โควิด เสี่ยงทุกรอบ รอดทุกรอบ ฝากทุกคนดูแลสุขภาพ

ไม่รู้ว่าบุญบาปแต่อย่างใด? แต่ที่แน่ “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” ถือว่าเป็นบุคคลที่รอดโควิด-19 ในทุก ๆ รอบที่เกิดการระบาด เพราะไม่ว่าจะใกล้ชิดกับกลุ่มความเสี่ยงสูงแค่ไหน แต่ “เจ้าแม่นาคี” อย่าง “สาวแต้ว” ก็สามารถรอด ปลอดภัย สุขภาพดีสมบูรณ์เรื่อยมา ล่าสุดเจ้าตัวได้โชว์ผลการตรวจรอบที่ 3 หลังจากการกักตัวครบ 14 วัน ก็ยังไม่พบเชื้อ

หลังคนบอกเพราะบุญกรรมที่ทำมา นั่นก็ส่วนนึง แต่การที่ "เสี่ยงทุกรอบ รอดทุกรอบ" นั้นนอกจากบุญที่ทำมาแล้ว นางเอกสาวยังเผย 5 ข้อสำคัญในการปฏิบัติตัวให้รอดพ้นจากโรคระบาดโรคนี้แบบไม่มีกั๊กอีกด้วย

“3rd time in a row of 14 days quarantine”

“ถึงจะกักตัวครบแล้ว แต่ก็ประมาทไม่ได้เด็ดขาดเพราะเชื้อโรคอยู่รอบตัว...รอบตัวจริงๆ ค่ะ ยิ่งตอนนี้อยู่ในช่วงที่ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทุกวัน ยิ่งต้องมีสติและระมัดระวังในการใช้ชีวิตเป็นพิเศษค่ะ

หลายคนถาม...ว่าแต้วดูแลตัวเองยังไงให้ปลอดภัย เสี่ยงทุกรอบ รอดทุกรอบ แต้วเลยขออนุญาตแชร์ ประสบการณ์การดูแลตัวเองของแต้วเผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ”

1.) พยายามไม่เอามือมาสัมผัสหน้าตัวเองค่ะ เพราะเราคงเลี่ยงที่จะใช้มือหยิบจับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งเชื้อ COVID-19 เป็นเชื้อโรคที่สะสมและติดได้ง่ายบนผิวสัมผัส มากกว่าการไอจามกันตรง ๆ ในอากาศ (แต่ก็ไม่ใช่จะติดจากการฟุ้งในอากาศไม่ได้เลย) และพยายามล้างมือให้เป็นนิสัยทุกครั้งที่นึกได้เลยค่ะ

2.) อีกหนึ่งสิ่งสำคัญมาก ๆ คือ ไม่ใช่แค่ใส่มาสก์นะคะ แต่เราต้องรักษาสุขอนามัยให้มาสก์สะอาดอยู่ตลอดด้วย เพราะมาสก์ควรเป็นสิ่งที่ป้องกันเราจากเชื้อโรคภายนอก แต่ถ้าเราไม่รักษาความสะอาดให้ดี มาสก์จะกลายเป็นตัวพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายที่สุดเลยค่ะ

เลือกใช้มาสก์แบบมีสายคล้องเพื่อความสะดวก หมดกังวลที่จะต้องถอดเข้าออกและหาที่เก็บ

ถ้าเป็นมาส์ปกติ อย่าวางมาสก์ไว้บนโต๊ะ หาที่เก็บเป็นถุงหรือกระดาษทิชชู่ที่สามารถป้องกันมาสก์สัมผัสกับพื้นผิวภายนอก

ถ้าต้องไปในที่ชุมชน ที่ทำงาน โดยเฉพาะโรงพยาบาล ให้เลือกใช้มาสก์แบบใช้แล้วทิ้ง อย่าใช้มือสัมผัสแมสทั้งด้านนอก-ใน เวลาถอดเข้าออกให้จับที่สายรัดเกี่ยวหูทุกครั้ง ถ้าต้องขยับมาสก์ก็ขยับจากด้านข้าง

3.) การพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ก็ควรใช้ในปริมาณที่จะทำความสะอาดมือได้ทั่วไม่ต่างจากตอนล้างมือ อย่าแค่พ่น 1-2 ครั้ง แต่ต้องถูให้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อให้ทั่วด้วยนะคะ

4.) พยายามรักษาระยะห่างของตัวเองกับผู้อื่น โดยไม่ต้องให้ใครมาบอก แต้วหมายถึงกับทุกคนจริง ๆ โดยเฉพาะกับครอบครัว คนสนิทที่เรามักจะประมาทได้ง่าย ให้จินตนาการเสมอว่า ทุกคนอาจเป็นพาหะของเชื้อโรค ไม่ใช่ให้วิตกนะคะ แต่เพื่อเป็นการเตือนให้ตัวเองมีสติมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเองค่ะ

5.) รักษาภูมิคุ้มกันของตัวเองจากภายในให้ดีอยู่เสมอ จากการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่จะส่งเสริมให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดี และการพักผ่อนให้เพียงพอ ข้อนี้สำคัญมากๆๆๆ เพราะถือเป็นด่านสุดท้ายที่เราจะป้องกันตัวจากเชื้อโรคได้ ข้อนี้ต้องอาศัยวินัยและความสม่ำเสมอ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าในเวลานี้มันคุ้มค่าจริง ๆ

ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ และปลอดภัยจากโรคภัยทุก ๆ อย่างนะคะ”

ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000037243


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อยากได้ แต่ของส่งไม่ทัน! ‘อนุทิน’ เผย สธ.ติดต่อสารพัดผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 หวังนำเข้าทันเดือนพฤษภาคม 64 แต่ติดปัญหาผู้ผลิตส่งไม่ทัน ย้ำ เดินหน้าลุยฉีดวงกว้างเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันยารักษายังมีเพียงพอ

20 เมษายน พ.ศ.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกับบริษัทไฟเซอร์แล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องการจัดส่งที่ยังไม่ทันกับความต้องการของไทย ที่ผ่านมา คุยไว้หลายบริษัท และติดปัญหาเดียวกันหมด จะมีแต่ของซิโนแวคที่สามารถจัดหามาได้

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของไทย คือการให้บริการประชาชนในวงกว้างภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ โดยวัคซีนของแอสตราเซนนิกา ภายในอาทิตย์นี้ ทาง อย. จะขึ้นทะเบียนอนุมัติไซต์การผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นขั้นตอนทางเอกสาร ที่ผ่านมา การผลิตวัคซีนของไทย ได้มาตรฐานดีมาก คิดว่าทุกอย่างสามารถดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนแผนปัจจุบัน ภายในอาทิตย์นี้ จะฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ครบ 100%

เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องจำนวนยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกัน นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ได้รับรายงานมา ยังมีจำนวนเพียงพอ และตนได้สั่งการให้จัดหาเข้ามาเรื่อย ๆ ยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องมีสต็อกอย่างน้อย 5 แสนเม็ด ถึง 1 ล้านเม็ด ส่วนสถานที่รองรับผู้ป่วย มีนโยบายว่า ผู้ติดเชื้อ ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ เราต้องทำทุกทาง เพื่อรักษาชีวิตประชาชน มีความเป็นห่วงเรื่องข่าวสารที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นประเด็นที่สังคมสนใจ ขอให้ประชาชนรับข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข ควบคู่กัน เพื่อตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งอื่น เพราะทางกระทรวงฯ อธิบายตามข้อเท็จจริง โดยผู้ที่ทำงานจริง เข้าใจสถานการณ์จริง

ก่อนหน้านี้ มีหมอจากจังหวัดภาคเหนือ ออกมากล่าวว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่พอ ก็ต้องให้ส่วนกลางชี้แจงว่ามีเพียงพอ จนเข้าใจ ซึ่งคุณหมอได้ออกมาทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว

ส่วนสถานการณ์ การระบาด และมีความกังวลว่า จะมีผู้ป่วยอาการรุนแรงมากขึ้น แล้วเตียงจะพอหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ตอนนี้ ได้เตรียมเตียงไอซียูไว้รองรับแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาจะเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนในต่างจังหวัดมีผู้ป่วยไม่มากก็จะไม่เป็นปัญหา เพราะมีการบริหารจัดการที่กระจายอำนาจไป ซึ่งมีทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล มีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. บูรณาการกันทำงาน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อย. เตือน! อย่าซื้อชุดตรวจโควิด มาตรวจเอง เสี่ยงแปลผลผิด กลายเป็นผู้แพร่เชื้อไม่รู้ตัว

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้เสนอให้รัฐบาลจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเอง (Self- test) เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจเชื้อได้ด้วยตนเอง เหมือนในประเทศอังกฤษ พร้อมเสนอให้ผู้ป่วยที่อาการไม่หนักรักษาตัวที่บ้านได้นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า ชุดตรวจโควิด-19 โดยการหาเชื้อจากโปรตีนดังกล่าว เรียกว่า Rapid Ag test มีลักษณะเป็นแถบตรวจ ให้หยดน้ำยาที่มีเนื้อเยื่อจากการแยงจมูก (swab) ชุดทดสอบนี้หากตรวจในช่วงแรกหลังรับเชื้อ หรือเลยช่วง 7-10 วันหลังมีอาการ อาจให้ผลลบปลอม จนนำไปสู่การแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้

ดังนั้น การแปลผลต้องอาศัยความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ซึ่งต่างจากการตรวจหาเชื้อจากสารพันธุกรรมด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR ที่สามารถตรวจพบเชื้อได้แม้มีปริมาณเชื้อไม่มาก นอกจากนี้ยังมีการตรวจหาสารพันธุกรรมด้วยวิธีอื่น ได้แก่ RT-LAMP ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว เช่น COXY-AMP ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางห้องปฏิบัติการในการตรวจ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง

รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า การใช้ชุดตรวจมาตรวจเอง มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ขั้นตอนและเทคนิคในการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก หากเก็บไม่ถูกวิธีจะเสี่ยงต่อการแปลผลที่คลาดเคลื่อนและให้ผลลบปลอมได้ หากผู้ใช้แปลผลไม่ถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงการกระจายการติดเชื้อในวงกว้าง ประสิทธิภาพของชุดตรวจด้วยตัวเอง มีความแม่นยำน้อยกว่าวิธีมาตรฐาน RT-PCR ที่ตรวจโดยห้องปฏิบัติการโดยตรง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดผลลบปลอมที่สูงกว่า และถึงแม้ว่าผลทดสอบจะปรากฏผลลบ ยังจำเป็นต้องประเมินอาการและปัจจัยอื่นร่วมด้วย ซึ่งต้องอาศัยการให้คำแนะนำโดยบุคลากรทางการแพทย์ ที่สำคัญหากพบผลบวกต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่สามารถกักตัวที่บ้าน เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที และป้องกันกรณีไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสม อาจแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่การแพร่ระบาดรอบใหม่

ปัจจุบัน อย. ได้อนุญาตน้ำยาที่ใช้ในการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก มีความแม่นยำมากที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ โดยจำนวนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ได้รับอนุญาตแล้ว มีมากกว่า 80 ผลิตภัณฑ์ จากหลากหลายบริษัท เพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีมากกว่า 270 แห่งทั่วประเทศ


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ ! การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงนามในสัญญาจ้าง ‘วีริศ อัมระปาล’ นั่งแท่น ผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ เดินหน้าสานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล

นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. จัดพิธีลงนามสัญญาจ้างผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ ในวันที่ 20 เม.ย. 64 หลังคณะกรรมการสรรหามีมติเป็นเอกฉันท์เลือก นายวีริศ อัมระปาล ขึ้นเป็นผู้ว่าการ กนอ. ซึ่งภายหลังการเจรจาเรื่องค่าตอบแทนและสัญญาจ้างแล้ว ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2564 เห็นชอบแต่งตั้ง นายวีริศ อัมระปาล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. คนใหม่ ทั้งนี้ นายวีริศฯ จะเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ตามเงื่อนไขและสัญญาจ้างที่มีต่อ กนอ. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการสำคัญต่างๆ ที่เตรียมส่งมอบให้กับผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่สานต่อ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ที่กนอ.ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล ประกอบด้วย

1.) โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม smart park โดยการดำเนินงานขั้นต่อไปคือการก่อสร้างโครงการและเปิดดำเนินการภายในปี 2567 และดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้

2.) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งในการดำเนินงานขั้นต่อไปคือการกำกับดูแลภาคเอกชนคู่สัญญา งานขุดลอกและถมทะเล งานก่อสร้างท่าเรือก๊าซ รวมทั้งการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ช่วงที่ 2 ซึ่งก็คือการคัดเลือกเอกชนและประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อลงนามในสัญญาร่วมทุนโครงการ

3.) การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน คือ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว และการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ที่ต้องมีมาตรการส่งเสริมการจองเช่า/ซื้อที่ดิน เพื่อกระตุ้นยอดขาย/เช่าในพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่ง รวมทั้งการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ระยะที่ 2

และ 4.) การพัฒนานิคมและท่าเรืออุตสาหกรรมเข้าสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart Eco) ที่การดำเนินงานขั้นต่อไป คือ การจัดทำแผนแม่บทที่จะดำเนินการให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และการที่นิคมอุตสาหกรรมต้องได้รับรองการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับ Eco-Champion Eco-Excellence และ Eco-World Class เพิ่มขึ้นอย่างน้อยจำนวน 36 นิคมฯ เข้าสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ภายในปี 2565

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐมุ่งส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำเทคโนโลยีเครือข่ายอัจฉริยะ 5G มาประยุกต์ใช้ตามแผนพัฒนาการบริหารและการดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรม ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. ทั้ง 14 แห่ง โดยตั้งเป้าให้ทุกนิคมอุตสาหกรรมก้าวสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัตินิคมอุตสาหกรรม และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย และสร้างประโยชน์ให้กับภาคเศรษฐกิจในระยะยาวได้


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top