Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

‘เจือ ราชสีห์’ แจ้งข่าวดีโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา หลังกรมทางหลวงชนบท บรรจุค่าจ้างปรึกษาฯ ในงบปี 69

‘เจือ ราชสีห์’ แจ้งข่าวดีชาวสงขลา หลังกรมทางหลวงชนบท บรรจุค่าจ้างปรึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา - อ.สิงหนคร จ.สงขลา จำนวน 9 ล้านบาท ไว้ในร่างงบประมาณ ปี 2569  

(18 มิ.ย.68) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แจ้งข่าวดีกับพี่น้องชาวสงขลา วันนี้!! กรมทางหลวงชนบทได้เสนอรับการจัดสรรงบประมาณ โครงการศึกษาความเหมาะสมสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ได้บรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 9,000,000 บาท เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา - อ.สิงหนคร จ.สงขลา เพื่อเข้าสู่การพิจารณางบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 105 วัน 

ทั้งนี้ หากงบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎร สามารถเริ่มดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้พี่น้องชาวจังหวัดสงขลาได้ติดตามและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ด้วย 

สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาฯ ดังกล่าวที่นายเจือ ราชสีห์ ได้หารือในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อสำรวจความเหมาะสมเบื้องต้นด้วยตัวเอง และจังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงาน โดยได้มีการสอบถามความต้องการของชาวสงขลา ประกอบกับนายเจือ ราชสีห์ ได้จัดส่งรายชื่อพี่น้องชาวสงขลา ผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเดิมนั้นต้องใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฟากที่ให้บริการโดย อบจ.สงขลา ที่บางครั้งประสบปัญหาความล่าช้า แพเสียกะทันหัน ทำให้ต้องรอคิวเป็นเวลานาน ส่งผลกระทบทั้งเรื่องของการเรียนและการทำงานและผู้สนับสนุนให้มีการก่อสร้างสะพานฯ จำนวนกว่า 4 หมื่นรายชื่อเพื่อเป็นเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อแก้ปัญหาการสัญจร และหวังเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ทางการท่องเที่ยว”

ลำปาง – ตร.ลำปาง แถลงจับยาบ้า 198,000 เม็ด ซุกซ่อนในถังแก๊สท้ายรถยนต์ รวบผู้ต้องหา 2 ราย ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดข้ามจังหวัด

(18 มิ.ย.68) เวลา 14.00 น. ณ ที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง (แห่งใหม่) พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กอ.รมน. และฝ่ายปกครอง ร่วมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ยึดยาบ้าของกลางจำนวนกว่า 198,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย ขยายผลเครือข่ายขนยาเสพติดจากภาคเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อ Toyota Vios สีดำ ทะเบียน งร 7926 เชียงใหม่ เดินทางจาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เส้นทางเลี่ยงด่านผ่าน อ.เถิน และ อ.แม่พริก คาดว่าใช้ลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ภาคกลาง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก และ สภ.เถิน ร่วมกันสกัดจับบริเวณถนนหมายเลข 106 พบผู้ต้องหา 2 ราย คือ นางเอ(นามสมมุติ) อายุ 42 ปี และ นางบี (นามสมมุต) อายุ 51 ปี ชาวอำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ แสดงอาการพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำรถเข้าตรวจสอบที่อุโมงค์เอ็กซ์เรย์ด่านตรวจแม่พริก พบซุกซ่อนยาบ้าจำนวน 99 มัด (เม็ดสีส้ม ประทับอักษร WY) รวม 198,000 เม็ด ในถังแก๊ส LPG ด้านท้ายรถ การจับกุมในครั้งนี้ เป็นผลจากการบูรณาการของหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และสำนักงาน ป.ป.ส. ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เน้นการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่ชั้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน 

ร่วมสอดส่องดูแลบุคคลใกล้ชิด หรือแจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน 1599, 191 Line@: inthanon1 (ผบช.ภ.5) หรือผ่านแอปพลิเคชัน Police I lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สมุทรปราการ-กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ จัดฝึกอบรมอาชีพให้ความรู้ประชาชนในชุมชนได้มีอาชีพ

(18 มิ.ย.68) เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ โดยกองสวัสดิการสังคม จัดโครงการฝึกอบรมกลุ่มอาชีพในเขตตำบลแพรกษาใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 18 - 20 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกองสวัสดิการสังคม 

โดยมี นางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรีฯ ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดโครงการ ฝึกอบรมกลุ่มอาชีพในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาใหม่ พร้อมด้วย นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกเทศมนตรีฯ นางสาวฎายิน สำราญฤทธิ์ รองปลัดเทศบาล นางอาภรณ์ ฤทัยหรรษา ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม นางสาวเจริญขวัญ เกตุเพชร พัฒนาการอำเภอเมืองสมุทรปราการ และ นางสาวนันทิญา สุขคุ้ม นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ ตลอดจนคณะสมาชิกสภาเทศบาล และกลุ่มประชาชนผู้เข้าร่วมอบรมฝึกอาชีพ ทั้ง 7 ตำบลเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

นอกจากนี้ ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โดยนางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกฯ และ นางสาวเจริญขวัญ เกตุเพชร พัฒนาการอำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยมี นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกฯ และคณะเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม

อย่างไรก็ตาม การจัดโครงการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ทักษะด้านอาชีพ สร้างโอกาสและทางเลือกให้แก่ประชาชน ที่สนใจในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาใหม่ เสริมสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว และให้กลุ่มผู้สูงอายุใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย โดยการฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารกองสวัสดิการสังคม

อัยการย้ำเมาแล้วขับริบรถหวังลดความสูญเสีย เผยชลบุรีแชมป์ประเทศไทย

เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.68) ที่ห้องเยอร์บีร่า 2 ชั้น 3 อาคารล็อบบี้ โรงแรมทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ มูลนิธิเมาไม่ขับร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด จัดแถลงข่าวแนวทางใหม่ฟ้องคดีเมาแล้วขับ เสนอศาลริบรถ โดยมีนายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด, นายโกเมท ทองภิญโญชัย อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ, นายวรวุฒิ วัฒนอุตภานนท์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ, ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุดและนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมในการแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของอัยการทั่วประเทศ 

นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าอัยการถือเป็นทนายของแผ่นดิน มีหน้าที่ในการฟ้องผู้กระทำความผิดเพื่อขอให้ศาลลงโทษเพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข บทบาทหน้าที่ของอัยการจึงเป็นที่พึ่งของประชาชนในการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม

คดีเมาแล้วขับที่ผ่านมาอัยการได้ทำหน้าที่ฟ้องร้องผู้กระทำความผิดต่อศาลทั่วประเทศมีสถิติสูงมาก ปีพ.ศ.2567 มีคดีที่ฟ้องต่อศาล 101,864 คดี 10 อันดับคดีเมาแล้วขับสูงสุด ได้แก่ 1.จังหวัดชลบุรี 12,346 2.กรุงเทพฯ 11,673 3.จังหวัดนครราชสีมา 7,066 4.จังหวัดอุบลราชธานี 6,038 5.จังหวัดสมุทปราการ 5,557 6.จังหวัดเชียงใหม่ 5,153 7.จังหวัดสุรินทร์ 3,225 8.จังหวัดอุดรธานี 2,696 9.จังหวัดขอนแก่น 2,639 10.จังหวัดระยอง 2,218

ทั้งนี้พฤติกรรมเมาแล้วขับปัจจุบันสังคมมองว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ตนในฐานะรองอัยการสูงสุดปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือที่ อส 0007(ปผ)/ว 197 เรื่องแนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีผู้ขับรถขณะเมาสุราแล้วทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น ไปถึงรองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการอัยการ อธิบดีอัยการ อธิบดีอัยการภาค อัยการพิเศษฝ้าย เลขานุการอัยการสูงสุด เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ อัยการจังหวัด ผู้อำนวยการสถาบัน เลขาธิการสำนักงาน อัยการสูงสุด และผู้อำนวยการสำนักงาน โดยให้พนักงานอัยการพิจารณาว่าพฤติการณ์ในการขับรถขณะเมาสุราของผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีมีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงถึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) ด้วยหรือไม่ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดดังกล่าวด้วย และยังมิได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา และในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝปผ.) 0018/ว 380 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 ตามที่อ้างถึงด้วย

รองอัยการสูงสุด ยังเปิดเผยต่อไปอีกว่าแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ตนเชื่อว่าจะช่วยลดพฤติกรรมเมาแล้วขับได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบันประชาชนมีทางเลือกในการที่จะไม่เสี่ยงกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเมาไม่ขับได้หลายทางเลือก โดยเลือกใช้บริการรถสาธารณะก็จะปลอดภัยทั้งกับตนเองและไม่ก่อผลกระทบกับผู้อื่นบนท้องถนน เนื่องจากพฤติกรรมการเมาแล้วขับก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก 

ทางด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่าขอขอบคุณท่านอัยการสูงสุดที่เห็นความสำคัญของปัญหาเมาแล้วขับ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละ 5 แสนล้านบาท ทุกๆปีจะมีคนไทยเสียชีวิต 17,000 – 20,000 คน เป็นอย่างต่ำ ย้อนหลังไป 10 ปี พ.ศ.2556 – 2566 คนไทยเสียชีวิตรวม 2 แสนคนทั่วประเทศ เท่ากับประชากรจังหวัดเล็กๆจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยสูญหายไปหมดทั้งจังหวัดเลย แนวทางที่ทางสำนักงานอัยการสูงสุดออกมาเรื่องการเสนอขอให้ศาลริบรถคนเมาแล้วขับที่ก่อให้เกิดความเสียหายในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์บนท้องถนนตนเชื่อว่าจะทำให้คนที่คิดจะเมาแล้วขับต้องคิดหนัก เพราะการถูกริบรถที่ก่อเหตุจะส่งผลกระทบกับวิถีขีวิตของบุคคลนั้น ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ในฐานะที่ตนทำงานรณรงค์สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมากว่า 30 ปี ขอสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศถ้าไม่อยากถูกริบรถก็อย่าเมาแล้วขับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top