
(17 มิ.ย. 68) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัญหาการแข่งรถในทางของกลุ่มวัยรุ่นหรือเยาวชน เป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนและความไม่ปลอดภัยแก่ประชาชนทั่วไปอย่างมาก การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย แต่ยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญจากเสียงดังและความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการกำชับเน้นย้ำให้ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ร่วมดูแลป้องกันและปราบปรามไม่ให้เกิดการกระทำความผิดดังกล่าวอย่างเข้มงวด หากพบจะมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่รวมกลุ่มแข่งรถในทาง ร้านรับแต่งรถ และผู้ปกครองยังต้องรับผิดด้วย
กรณีตัวอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพื้นที่ต่างๆ บูรณาการกำลังร่วมกับฝ่ายป้องกันปราบปรามในการกวดขันจับกุมมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าโมก ได้รับแจ้งเหตุวัยรุ่นรวมกลุ่มส่งเสียงดังและก่อความเดือดร้อนรำคาญบริเวณบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 1 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งทั้งสองกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดี โดยเชิญผู้กระทำผิดทั้งหมด และผู้ปกครองมาดำเนินการตามกฎหมายพร้อมทำทัณฑ์บน หากกระทำผิดซ้ำอีกผู้ปกครองจะมีความผิดตาม พ.ร.บ คุ้มครองเด็กและเยาวชนฯ โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 64 กำหนดไว้ชัดเจนว่า เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ หากปล่อยให้ผู้ที่ไม่มีใบขับขี่นำรถไปใช้ โดยระบุว่า “เจ้าของรถห้ามให้หรือยินยอมให้บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ใช้รถของตน” หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองควรตระหนักให้มาก
ส่วนผู้ที่จัด สนับสนุน หรือส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทาง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานจราจรฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับ 10,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับผู้ปกครองของผู้เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หากปล่อยปละละเลยให้กระทำผิด มีโทษเช่นเดียวกันกันกับผู้กระทำความผิดมาตรา 43 ทวิ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2542 มาตรา 26(3) และมาตรา 75 จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเฝ้าระวังพฤติกรรมกลุ่มวัยรุ่นและการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่เป็นชุมชนแน่นแฟ้น เป็นสิ่งสำคัญในการลดปัญหาอาชญากรรมและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ที่ทำงานเชิงรุกในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดดังกล่าวอย่างเข้มงวด

หากประชาชนพบพฤติกรรมต้องสงสัย หรือเหตุร้ายในพื้นที่ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอความช่วยเหลือด้านจราจรและความปลอดภัยได้ที่ สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง