‘ดร.ปิติ’ ดึงสติคนไทยปมชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่หลงเหลี่ยมกลุ่มอำนาจในกรุงเทพและพนมเปญ
รศ. ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กต่อกรณีกัมพูชาส่งหนังสือถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
1. คนไทยควรทำจิตใจให้เข้มแข็ง เข้าใจสภาพความเป็นจริงก่อนว่า ชายแดนไทย-กัมพูชา ยาว 798 กิโลเมตร มีความขัดแย้งกัน 4 จุด ดังนั้นอย่าให้ประเด็นขัดแย้ง 4 จุดกลายเป็นความเกลียดชังระหว่างคนไทยและคนเขมร และปัญหาจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาของคนในพื้นที่ แต่เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มอำนาจการเมืองในกรุงเทพและพนมเปญ เราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างมีสติ เพราะในความเป็นจริง คนไทยและคนกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีเกื้อกูลซึ่งกันและกันมาตลอดประวัติศาสตร์ เราเรียนรู้จากเขา เอามาพัฒนา เขาเรียนรู้จากเรา เอาไปปรับใช้ ทั้งสองรัฐถึงพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นพันปี
2. คนไทยต้องศึกษาข้อมูลให้มาก เอกสารที่สมควรต้องอ่านและทำความเข้าใจด้วยตนเอง อย่าให้ใครมาชี้นำได้คือ MOU2543, MOU2544 (เอกสาร 2 ฉบับนี้ยาวรวมกันไม่ถึง 8 หน้ากระดาษ), คำตัดสินกรณีเขาพระวิหาร (ทั้ง 2 รอบ) แผนที่ 1:200000 ระวางดงรัก, และ แผนที่ 1:50000 L7017 (ของเก่า) และ L7018 (ของใหม่)
3. เป้าหมายสำคัญที่สุดของไทยและกัมพูชา คือ การสร้างชายแดนให้เป็นจุดเชื่อมโยงแห่งโอกาส โอกาสการค้า โอกาสการลงทุน โอกาสการเข้าถึงทรัพยากร โอกาสการเข้าถึงตลาด โอกาสพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน โอกาสสร้างความมั่งคั่งให้คนในพื้นที่ โอกาสพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกัน โอกาสเชื่อมโยงระบบ Logistics ฯลฯ อย่าละทิ้งโอกาสเพราะนักการเมืองชั่วๆ ที่เมืองหลวงที่มีผลประโยชน์ร่วมกันของเครือญาติครอบครัว แต่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของชาติทั้งสองมาทำให้เราเสียโอกาส ดังนั้นชายแดน 798 กิโลเมตรต้องเดินหน้าหา solution ที่ยั่งยืนร่วมกัน ถ้าแผนที่มีปัญหาก็ใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการจัดทำแผนที่ร่วมกัน Delimitation และเริ่มต้น Demarcation กันใหม่ทั้งหมด โดยยึดเอาประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นหลัก แล้วจริงๆ แผนที่ที่มีปัญหาก็มีไม่กี่ตำแหน่งในระวางเดียว ที่เหลือก็ต้องยึดหลักการสากล ซึ่งก็คือ สันปันน้ำ
4. ไทยต้องตั้งศูนย์เฉพาะกิจของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นายกฯ รองนายกฯ กลาโหม ต่างประเทศ คลัง คมนาคม DE มหาดไทย ยุติธรรม กองบัญชาการกองทัพไทย และเลขาธิการ สมช) เป็นเสมือน War room ติดตามสถานการณ์ วางยุทธศาสตร์ยุทธวิธี และสื่อสารเชิงกลยุทธ์จากจุดเดียวให้ทั้งประชาชนไทย และประชาคมโลกเข้าใจถูกต้องตรงกัน แถลงแบบช่วงการระบาดโควิดเลยในทุกวาระที่มีความตึงเครียด โดยแถลง 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และขแมร์ ผ่านช่องทางที่เป็นทางการ และห้ามคนที่ไม่รู้เรื่อง คนที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ออกมาพูด เพื่อป้องกันความสับสน
5. ไทยต้องยืนยันเป็นเอกสารอย่างชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ICJ แสดงหลักฐานที่มีทั้งหมดที่เราปฏิเสธอำนาจ ICJ ในทุกวาระ
6. ไทยต้องแสดงหลักฐานว่าเรามีกลไกในการจัดการชายแดนและระงับข้อพิพาทอยู่แล้วระหว่าง 2 ประเทศ นั่นคือ MOU2543 ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ ฝ่ายกัมพูชาทำเสียมารยาท เพราะทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพการประชุม JBC ตาม MOU2543 อยู่แท้ๆ แต่กัมพูชากลับดำเนินการละเมิดข้อ 8 ของ MOU2543 เสียเองโดยการนำเรื่องขึ้นสู่ ICJ ทั้งที่ MOU2543 ข้อ 8 บัญญัติว่า "ข้อ 8 (การเจรจา) ให้ระงับข้อพิพาทใดๆ ที่เกิดจากการตีความหรือการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้โดยสันติวิธีด้วยการปรึกษาหารือและการเจรจา"
7. ไทยต้องแสดงหลักฐานทั้งคำให้การ ภาพถ่าย บันทึกต่างๆ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเขมร ย้ำว่าต้องทำเอกสารและแถลงเป็นภาษาเขมรด้วย ของการละเมิด MOU2543 ข้อ 5 ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยละเมิดมาแล้วกว่า 400 ครั้งในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา MOU2543 ข้อ 5 บัญญัติว่า "ข้อ 5 (ข้อตกลงห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมพื้นที่ชายแดน) เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล หน่วยงานของรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านั้นจะงดเว้นการดำเนินการใดๆที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เว้นแต่จะเป็นการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมเพื่อประโยชน์ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
8. Soft power ให้ทุนการศึกษา ให้เด็กนักเรียนที่เก่งที่สุดในทุกระดับจากกัมพูชามาเรียนหนังสือในไทย (ให้เงินเดือน ให้ค่าที่อยู่ ให้ค่ารักษาพยาบาล ให้ค่าเทอม ซึ่งเงินทั้งหมดก็ตกอยู่ในประเทศไทย เพราะเขาเข้ามากินมาอยู่ในไทย), สนับสนุนงานวิจัยร่วมไทย-กัมพูชาในมิติที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน, ให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลชาวกัมพูชาที่ข้ามแดนมา, ส่งกองทัพออกไปเก็บกู้วัตถุระเบิด, ทำให้การจ้างแรงงานกัมพูชาสะดวกและถูกกฎหมาย, ให้การสนับสนุน NGOs/CSOs กัมพูชาที่ทำงานด้านการพัฒนาและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ส่งเสริมให้เอกชนไทยไปลงทุนในกัมพูชา เพื่อให้เขาเห็นว่า การเป็น Friend of Thailand ดีกว่าที่เขาจะเกลียดประเทศไทย ศัตรูของเขาไม่ใช่คนไทย แต่เป็นระบบการเมืองที่มีปัญหา
9. ตัดกระแสไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต สำหรับกิจการที่ใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตจากไทยในปริมาณมากๆ เพราะส่วนใหญ่คือ กิจกรรมการพนันและ scam center, fraud factory ห้ามบุคคลที่จะเดินทางออกไปเล่นการพนันไม่ให้ข้ามพรมแดน (สังเกตจากคนพวกนี้จะมีนายหน้าของบ่อนดำเนินการเรื่อง border pass) เพราะบ่อนและ scam center เป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ในขณะที่หากเป็นกิจกรรมปกติ ค้าขาย ข้ามแดนเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน ให้อำนวยความสะดวกตามปกติ เพื่อไม่ให้ประชาขนเดือดร้อน รวมทั้งให้กองทัพและ ตชด. ลาดตระเวนให้พื้นที่ช่องทางธรรมชาติให้มีความถี่สูงขึ้น
10. กระทรวงการต่างประเทศต้องเรียกให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาชี้แจง และรับนโยบายของฝ่ายไทย รวมทั้งกำหนดว่า หากมีปัญหาอีก คงต้องดำเนินการจากเบาไปหาหนักในสัดส่วนที่เหมาะสม
