Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

‘ชายชาวสิงคโปร์’ ปักหลักเช่าคอนโดอยู่เชียงใหม่ บินไปทำงานสิงคโปร์อาทิตย์ละวันหลังสู้ค่าครองชีพไม่ไหว

ชายสิงคโปร์อยู่เชียงใหม่ บินไปทำงานสิงคโปร์อาทิตย์ละวัน เพราะค่าเครื่องบิน ค่ากินอยู่ รวมแล้วถูกกว่าค่าเช่าคอนโดที่สิงคโปร์

เวลาพูดถึงเมืองไทย หลายคนอาจจำว่า เป็นสวรรค์ของ Digital Nomad แต่ในความเป็นจริงคนเหล่านี้เริ่มย้ายไปที่อื่นที่ 'ค่าครองชีพถูกกว่าไทย' อย่างบาหลีแล้ว อย่างไรก็ดี ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่ชอบเมืองไทย เพราะอย่างน้อยเมืองที่ค่าครองชีพต่ำและเต็มไปด้วยสินค้าและบริการสำหรับชาวต่างชาติอย่างเชียงใหม่ ก็ยังดึงดูดต่างชาติอยู่ แต่อาจเป็นแบบที่ต่างออกไป

Shau Chun Chen อยู่สิงคโปร์มาตลอดชีวิต และทำงานที่ Google มาเกือบ 10 ปี เขาโดนเลย์ออฟในช่วงการเลย์ออฟครั้งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากช่วงต้นปี 2024 แม้ว่าเค้าจะทำงานและเก็บเงินลงทุนไว้ได้ราว 50 ล้านบาท แต่ด้วยค่าครองชีพสิงคโปร์และอายุ เงินเท่านี้ไม่พอกินไปตลอดชีวิตแน่นอน เค้าจึงต้องหาวิธีใหม่ในการจัดการชีวิต

เกิดไอเดียว่าจะทำงานพาร์ตไทม์ที่สิงคโปร์ และอาศัยอยู่ในที่ๆ ค่าครองชีพถูกกว่าในระดับที่เงินของการทำงานพาร์ตไทม์เพียงพอ และหาเงินออนไลน์ด้วยการเป็น YouTuber และเป็นโค้ชธุรกิจตามที่มีการว่าจ้าง แต่งานหลักคืออาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ที่รายได้ตกเดือนละ 50,000-100,000 บาท

เค้าเลยเลือกจะย้ายมาอยู่เชียงใหม่ เพราะรวมค่าเครื่องบินไปกลับสิงคโปร์กับค่าเช่าคอนโด ก็ยังถูกกว่าค่าเช่าคอนโดที่สิงคโปร์ เพราะค่าเช่าคอนโดที่นั่นตกประมาณ 60,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าอยู่เชียงใหม่ เช่าคอนโดใหม่เอี่ยมอยู่กับครอบครัวตก 12,000 บาทต่อเดือน ค่าเครื่องบินสายการบินโลว์คอสต์ไปสอนหนังสืออาทิตย์ละ 6,500 บาท เดือนละ 4 ครั้งก็ตก 26,000 บาท รวมค่าที่พักกับเครื่องบิน 38,000 บาท ค่าเดินทางของเค้ากับภรรยาในเชียงใหม่ 5,000 บาทต่อเดือน ส่วนค่าอาหารคิดกลมๆ ก็เริ่มที่ 7,000 บาท

ความน่าสนใจคือ Chen บอกว่าพวกชาวต่างชาติในเชียงใหม่ไม่ได้อยู่ในราคาถูกเท่าเค้า เพราะพวกนั้นเลือกซื้อสินค้าและบริการแบบ 'นำเข้า' ซึ่งรวม ๆ คือเชียงใหม่ไม่ได้ถูกกว่าที่อื่น แต่ถ้าจะใช้ชีวิตให้ย่อมเยาจริงๆ ต้องกินอยู่แบบคนท้องถิ่น ซึ่งเรียกว่าต้อง 'เรียนรู้วัฒนธรรม' ก็ไม่ผิด

ในระยะยาว เค้าก็ยังคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอยู่บ้านเกิดที่สิงคโปร์ เพียงแต่เค้าอาจต้องรอเงินลงทุนให้โตขึ้นอีกเยอะ ๆ เพราะนี่คือประเทศที่ค่าครองชีพสูงระดับคนที่มีเงินทุน 50 ล้านบาทยังรู้สึกว่าตัวเองยังห่างไกลจากการมีอิสรภาพทางการเงิน

รัสเซียเดือด! ตะเพิด ‘แอมเนสตี้’ พ้นแผ่นดิน ชี้เป็นหอกข้างแคร่ของรัฐและความมั่นคง

(21 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์ สามสี รายงานว่า รัสเซียประกาศลั่นกลางแดนหมีขาว สั่งแบน 'แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล' ให้พ้นแผ่นดิน! ระบุชัดเป็น 'องค์กรไม่พึงปรารถนา' พร้อมห้ามตั้งสำนักงานหรือขยับเขยื้อนทำกิจกรรมใด ๆ ในประเทศโดยเด็ดขาด!

กระทรวงยุติธรรมรัสเซียเผยแบบไม่ไว้หน้า ว่าแอมเนสตี้ไม่ได้มาเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว แต่แอบแฝงเจตนา 'ปั่นป่วน-ยั่วยุ' สนับสนุนยูเครนในสงคราม พร้อมกล่าวหาแรงถึงขั้นว่าเป็น 'เครื่องมือของฝ่ายนีโอนาซี' ที่ตั้งใจซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้าย

ไม่ใช่แค่ห้ามอยู่ห้ามทำงานเท่านั้น แต่คนรัสเซียคนไหนเกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ก็เสี่ยงคุกสูงสุดถึง 5 ปี กลายเป็นการปิดฉากเสียงสะท้อนด้านสิทธิมนุษยชนแบบสิ้นเชิง!

แม้แอมเนสตี้จะเป็นองค์กรเก่าแก่ระดับโลก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1961 และเคยรณรงค์เพื่อสิทธิของผู้ถูกกดขี่ทั่วโลก แต่ในสายตารัสเซียวันนี้กลับถูกมองเป็น 'ภัยคุกคามความมั่นคง'

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียใช้ไม้แข็ง ก่อนหน้านี้ก็เคยซัด 'WWF' ให้เป็น 'ตัวแทนต่างชาติ' และถีบ 'Greenpeace' ออกจากประเทศไปแล้ว คราวนี้ถึงคิวแอมเนสตี้ที่โดนเล่นแรงกว่าทุกองค์กร!

โลกกำลังจับตามองว่า มาตรการเด็ดขาดนี้จะพารัสเซียห่างไกลจากความเข้าใจของประชาคมโลกไปอีกไกลแค่ไหน หรืออาจเป็นเพียงบทเริ่มต้นของการปิดปากสังคมให้เงียบกริบอย่างถาวร

‘คาซัคสถาน’ จัดคอนเสิร์ตกาล่าวัฒนธรรมครั้งแรกในไทย เชื่อมมิตรภาพผ่านศิลปะ ดนตรี และการเต้นรำพื้นบ้าน

เมื่อวันที่ (17 พ.ค.68) คอนเสิร์ตกาล่า 'Kazakhstan: Rhythm of the Steppe' จัดขึ้นอย่างอลังการ ณ หอประชุม Puey Ungphakorn Centenary Hall มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทยและคณะนักเต้นพื้นบ้าน 'Katyusha' ถือเป็นครั้งแรกที่วัฒนธรรมคาซัคสถานได้เผยแพร่ในรูปแบบคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย

ภายในงานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน รวมถึงคณะทูต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยมีการแสดงศิลปะพื้นเมืองจากนักเต้นเยาวชนกว่า 200 คน ถ่ายทอดผ่านเครื่องแต่งกายอันวิจิตรงดงาม ดนตรีสดด้วยเครื่องดอมบรา และท่วงท่าการเต้นที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งทุ่งหญ้าคาซัคสถานอย่างลึกซึ้ง

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังได้ร่วมแสดงระบำพื้นเมืองไทย สร้างภาพสะท้อนแห่งมิตรภาพและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศอย่างงดงาม เอกอัครราชทูตอาร์มัน อีเซตอฟ ได้กล่าวว่าค่ำคืนนี้เป็นการสานสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนด้วยภาษาศิลปะอันไร้พรมแดน

จุดเด่นของคอนเสิร์ตยังรวมถึงการแสดงชุด 'อัคกู', 'อารูลา' และ 'คารา จอร์กา' จากคณะ 'Katyusha' ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดวัฒนธรรมคาซัคสถานในไทยมายาวนานกว่า 15 ปี ปัจจุบันมีเยาวชนไทยกว่า 500 คนร่วมเรียนรู้การเต้นพื้นเมือง โดยเฉพาะชุดและเครื่องประดับที่ตัดเย็บอย่างประณีตตามขนบชาติพันธุ์วิทยา เป็นอีกหนึ่งสะพานวัฒนธรรมที่งดงามยิ่งระหว่างสองชาติ

(สุรินทร์)ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยม สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25

เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.68) ที่ มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ผศ.สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะฯ ได้ประกอบพิธีวางพวงมาลาเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและความเสียสละ ของ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน ณ บริเวณอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน 

จากนั้นลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  โดยมี คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 และคณะฯ ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมมอบสิ่งของให้เด็ก ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ค่ายวีรวัฒน์โยธิน 

จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับ คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 และคณะฯ ณ ห้องประชุม 2 กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฎิบัติงานของสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 ในห้วงที่ผ่านมา


 

ฉะเชิงเทรา-'รองบ่วง' ประธานเปิดงาน การบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ 'เศรษฐกิจ EEC กับ  ทรัมป์ อเมริกันเฟิร์ส'

เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.68)  #ดร.รัฐสภา นพเกตุ #รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดงาน การบรรยายพิเศษในหัวข้อ 'เศรษฐกิจ EEC กับ ทรัมป์ อเมริกันเฟิร์ส' ภายใต้สถาบันสร้างชาติ (NBI) จัดตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ในการพัฒนาภาวะการนำ ภาวะการบริหาร และภาวะคุณธรรม ให้กับผู้บริหารในภาครัฐ ภาคเอกชน

ณ หอประชุมสมภพภูติโยธิน โรงไฟฟ้าบางปะกง ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยการบรรยายในครั้งนี้ มี #ศาสตราจารย์ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ #ประธานสภาการสร้างชาติและประธานหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อสรรสร้างชาติภาคตะวันออก EEC เป็นผู้บรรยายพิเศษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเข้าร่วมรับฟัง และองค์กร เพื่อนำองค์ความรู้ปรับใช้กับการพัฒนางานในองค์กร จังหวัด และภูมิภาคตะวันออก ต่อไป

มอสโกเหน็บแรง!! คว่ำบาตร 16 รอบที่ผ่านมา ‘ยุโรปเจ็บเอง’ แฉเศรษฐกิจ EU เติบโตต่ำ…แค่ 0.9% หลังตัดพลังงานรัสเซีย

(21 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย นางมาเรีย ซัคคาโรว่า แถลงสื่อ รัสเซียไม่คาดหวังความสมเหตุผลจากยูเครนอยู่แล้ว เพียงหวังว่า พวกเขา(แก๊งเซเลนสกี้) จะเห็นแก่ความอยู่รอดของคนในประเทศยูเครน

เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร ครั้งที่ 17 ของอียู ที่กำลังถูกพิจารณา เธอแถลงตอบว่าการคว่ำบาตรรัสเซียของอียูนั้น กระทบภาคประชาสังคม และเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของคนในยุโรปมากกว่าที่จะกระทบรัสเซีย (โดยดูจาก 16 ครั้งที่ผ่านมา)

“จากการคว่ำบาตรพลังงานจากรัสเซีย ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยของยุโรป มีเพียง 0.9%” เธอแถลงว่ารัสเซีย พร้อมร่วมโต๊ะเจรจา เพื่อหาสันติภาพแก่ ยูเครน-รัสเซีย แต่ต้องขจัดต้นเหตุของความขัดแย้งเสียก่อน และรัสเซียจะไม่ยอมเจรจาภายใต้คำขู่ใด ๆ

อนึ่งมีข่าวจากวอชิงตันโพสต์ในช่วงเดียวกัน ทรัมป์มีแผนขับไล่ผู้อพยพยูเครนที่เข้ามาสหรัฐ จำนวนราว 2 แสนรายออกนอกประเทศ โดยจะใช้เงินจาก กองทุนเงินกู้ที่ให้ยูเครนราว 250 ล้านเหรียญโดยรวมกับเงินล่อใจ จำนวน 1,000 เหรียญให้แก่คนยูเครนที่สมัครใจออกนอกสหรัฐด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ ทรัมป์เสนอทางเลือกหากไม่อยากกลับไปรับใช้ชาติ ด้วยการเสนอส่งผู้อพยพไปประเทศที่สาม อาทิ เฮติ, อัฟกานิสถาน, ลิเบีย, ซีเรีย, ซูดานและเยเมน (ทุกประเทศที่กล่าวมาล้วนเสี่ยงลูกหลงสงครามกลางเมืองเกือบทั้งสิ้น)

‘โอ๋-ฐิติภัสร์‘ ลุยตรวจ บ.ลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ พบเป็นลักษณะโรงงานศูนย์เหรียญ เร่งส่งกลับประเทศต้นทาง

(21 พ.ค.68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า …ประเทศไทยคุ้มมั้ย???

ทีมสุดซอย ร่วมกับ กรมศุลกากร และมูลนิธิบูรณะนิเวศ ร่วมเปิดตู้สินค้านำเข้าจากอเมริกาที่ท่าเรือแหลมฉบัง สำแดงเป็นเศษอลูมิเนียม แต่เครือข่ายมูลนิธิบูรณะนิเวศที่ต่างประเทศ แจ้งว่ามีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

กรมศุลกากรสกัดกั้น และเปิดตู้สินค้าจำนวน 6 ตู้ พบเป็นเศษอลูมิเนียมปนเปื้อนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 118 ตัน จัดเป็นของเสียอันตรายห้ามนำเข้าเป็นอันขาด 

กรมโรงงานอุตสาหกรรมแจ้งให้ผลักดันกลับประเทศต้นทางภายใน 30 วัน 

กรมศุลกากรดำเนินคดีบริษัท เอ็ม เอช ซี กรุ๊ป ฟรีโซน จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าข้อหาลักลอบนำเข้าของเสียวัตถุอันตราย

ทีมสุดซอย ร่วมกับ กรมศุลกากรตรวจสอบบริษัท เอ็ม เอช ซี กรุ๊ป ฟรีโซน จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

ภายในพื้นที่มีโกดังจำนวน 4 หลัง และกำลังก่อสร้างอีก 2 โกดัง แต่ละโกดังแบ่งพื้นที่สำหรับทำคลังสินค้าและโรงงาน

สอบถามผู้ดูแลแจ้งว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลอดอากรจึงให้บริการเป็นพื้นที่ลักษณะคลังพักสินค้าจากจีน เพื่อรอส่งต่อไปอเมริกา

บางครั้งก็พักสินค้าให้กับมณฑลหนึ่งของจีน เพื่อรอส่งต่อไปยังอีกมณฑลหนึ่งของจีน เพราะถ้าทำแบบนี้ภาษีจะถูกกว่า

บางโกดังขออนุญาตจัดตั้งเป็นโรงงานผลิตอลูมิเนียมระบายความร้อนทีวี บางโรงงานฉีดพลาสติกขึ้นรูปบานพับ บางโรงงานบดย่อยและรีดแผ่นยางส่งออก แต่เครื่องจักร วัสดุ อลูมิเนียม เม็ดพลาสติก ยางนำเข้าจากจีน ทำเสร็จแล้วรอส่งประเทศจีนหรืออเมริกา หรือส่งให้โรงงานอื่นที่อยู่ในเขตปลอดอากรเช่นกัน ลักษณะการประกอบกิจการศูนย์เหรียญ!!! อาจจะเพราะด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศไทยมียอดการส่งออกสูง

กระทรวงอุตสาหกรรม รมว. เอกนัฏ สั่งให้จัดการอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ เพราะถือเป็นโรคร้ายกัดกินระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมภายในประเทศ

ทีมสุดซอยร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบโรงงานภายในพื้นที่ทั้งหมด 4 โรงงาน มีใบอนุญาตโรงงาน 3 ใบ 3 โกดัง ออกเมื่อช่วงต้นปี 2567 พบมีการขยายเครื่องจักรเกินโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 2 โรงงานและพบมีการตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 2 โรงงาน  เจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดและดำเนินคดีตาม พรบ.โรงงาน

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมศุลกากรที่ตรวจสอบโรงงานในพื้นที่ปลอดอากร (Free Zone) ร่วมกัน หลังจากนี้จะมีความร่วมมือในการตรวจสอบในพื้นที่อื่น ๆ และจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเสนอไปยังผู้บริหารกระทรวง ที่อาจจะต้องทบทวนมาตรการ การกำกับดูแล รวมถึงการอนุญาตให้ตั้งโรงงานในพื้นที่ปลอดอากรด้วยค่ะ

#โอ๋สุดซอย #ทีมสุดซอย #ปฏิรูปอุตสาหกรรม

ความหมาย ’วันทยหัตถ์’ ของปธน.ซูบียันโต ต่อในหลวง สะท้อนมิตรภาพและเกียรติยศของผู้เคยผ่านการเป็นทหาร

เพจเฟซบุ๊ก ‘ทหารหลังกองพัน‘ ได้โพสต์ข้อความถึงภาพการทำวันทยหัตถ์ ระหว่างในหลวง และประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ว่า อีกหนึ่งภาพแห่งความประทับใจ ที่หลาย ๆ คนคงได้เห็น ในโอกาสที่นายปราโบโว  ซูบียันโต (Mr. Prabowo Subianto) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

และได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 

ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีภาพการทำวันทยหัตถ์ ในการพบปะระหว่าง ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กับ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนประธานาธิบดีอินโดนีเซียจะเดินทางกลับ จึงได้ทำวันทยหัตถ์กับในหลวง ซึ่งในหลวงก็ได้ทรงทำวันทยหัตถ์ตอบรับ 

การทำวันทยหัตถ์ (salute) ระหว่างกัน จะเป็นการแสดง มารยาททางทหารและการทูต โดยขึ้นอยู่กับบริบท ดังนี้

ลักษณะของการทำวันทยหัตถ์ระหว่างผู้นำ
• ไม่ใช่การวันทยหัตถ์แบบทหารทั่วไป (เช่น ทหารทำต่อผู้บังคับบัญชา) แต่เป็นการแสดง 'เกียรติสูงสุด' ตามมารยาทระหว่างประเทศ

• กรณีถ้าประธานาธิบดีอินโดนีเซียเคยเป็นทหาร (เช่น ปราโบโว ซูบียันโต) ก็อาจ แสดงความเคารพในรูปแบบทหาร 

• ส่วนในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงเป็นจอมทัพไทย ทรง รับวันทยหัตถ์ ด้วยการพยักหน้า หรือวันทยหัตถ์ตอบในกรณีสมควร

อย่างไรก็ดี ธรรมเนียมของผู้นำทหารระหว่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของมารยาททางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ ซึ่งมีแบบแผนที่ชัดเจน เพื่อแสดง ความเคารพ เกียรติยศ และมิตรภาพระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อผู้นำทหาร หรือผู้นำประเทศที่มีพื้นฐานจากกองทัพ พบกันอย่างเป็นทางการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top