Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

‘เอกนัฏ’ ส่ง!! ‘ทีมสุดซอย’ กำราบ โรงงานเหล็ก BNSS ในนิคมฯ เมืองชลฯ ลงดาบ 5 ข้อหาโทษหนัก จำคุก 10 ปี ตั้งสอบ จนท. ฐานปล่อยผีเหล็ก IF ระบาด

(10 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘ทีมสุดซอย’ พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตจากโรงงานนี้ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจังหวัดภูเก็ตว่า ซื้อเหล็กเส้นจากโมเดิร์นเทรดแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำไปสร้างอาคาร แต่เมื่อนำมาดัดโค้งงอปรากฎว่าเหล็กหัก จึงได้ประสานมายังทีมสุดซอยเพื่อตรวจสอบ 

“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตนำตัวอย่างเหล็กจากหน้างานบริเวณที่ก่อสร้าง ส่งมาตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบเหล็กที่ส่งมาตรวจทั้ง 10 ท่อนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ตกค่าโบรอนทั้งหมด“ นายเอกนัฏ กล่าว

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กข้ออ้อย มีอักษร BNS DB16 SD4oT IF กำกับ ซึ่งเป็นเหล็กที่ผลิตโดย บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนประกอบกิจการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ชนิดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กรูปพรรณ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ใช้เตาหลอมแบบ IF ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน ตรวจพบการกระทำความผิดหลายเรื่อง อาทิ ไม่ขออนุญาตแจ้งเดินเครื่องจักร ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EIA ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมที่เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานในส่วนของค่าโบรอน ซึ่งตรงกับผลการตรวจวิเคราะห์ล่าสุดโดยสถาบันเหล็กฯ ตามที่ประชาชนจังหวัดภูเก็ตร้องเรียนมา และยังมีกรณีลักลอบจำหน่ายกากอุตสาหกรรมด้วย

”โรงงานแห่งนี้มีพฤติกรรมทำผิดเป็นระบบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ลักลอบประกอบกิจการ ฝ่าฝืน กฎหมายหลายฉบับ จึงต้องจัดการให้เด็ดขาด” นางสาวฐิติภัสร์ ระบุ

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบเชิงลึกพบสัญญาว่าจ้างผลิตเหล็กของ บริษัท เวล เอสทาบลิช จำกัด ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเมื่อตรวจสอบจากเอกสารภายในบริษัท ประกอบคำบอกเล่าของพนักงานพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีการตั้งบริษัทเพื่อรับเป็นนายหน้าจัดหาวัตถุดิบและจำหน่ายเหล็ก ซึ่งในวันที่เข้าตรวจค้นยังพบพฤติกรรมต้องสงสัยของชาวจีนหลายคน ซึ่งในส่วนนี้ กขค. จะขยายผลและเร่งตรวจสอบโดยเร็วต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีกับบริษัทฯ 5 ข้อหา คือ 
1. ทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
2. ติดเครื่องหมาย มอก. บนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
3. จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ 
4. ทำลายเครื่องหมายและป้ายคำเตือนที่เจ้าพนักงานยึดอายัดของกลาง โทษคดีอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ  
5. เคลื่อนย้ายทำลายของกลางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ พร้อมสั่งให้บริษัทฯ รีบดำเนินการเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล็กที่จำหน่ายออกสู่ท้องตลาดกลับมาทั้งหมด และให้แจ้งรายละเอียดการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัทฯ ทั้งหมดภายใน 7 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้รับไปจำหน่ายและประชาชนทราบโดยเร็ว

“นอกจากนี้จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า เหตุใดถึงปล่อยให้บริษัทฯ แห่งนี้มีการฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องขอบคุณประชาชนที่เป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือในการร่วมกำจัดปัญหาโรงงานเถื่อนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้สิ้นซากไป” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

รองโฆษกฯ เผย!! ‘พีระพันธุ์’ เร่งรัดให้ดำเนินการ ‘ลดค่าไฟฟ้า’ อย่างเป็นรูปธรรม เน้น!! ไม่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่บริหารจัดการเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ ‘เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า’ ว่า รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ส่งเสียงสะท้อนในเชิงบวก ต่อการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะมาตรการลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้เร่งรัดการดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น 'ปีแห่งการลดค่าไฟฟ้า' โดยมีการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อปี 2566 ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย, ปี 2567 ทั้งปี ค่าไฟอยู่ที่ 4.17 บาทต่อหน่วย, ต้นปี 2568 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย ล่าสุด ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้ค่าไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2568 ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ถือเป็นการยืนยันว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี

รองโฆษกฯ ย้ำว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ไม่ใช่การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นการบริหารจัดการเชิงโครงสร้าง อาทิ การปรับลดค่า Ft และการเจรจาลดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกับภาคเอกชน โดยอาศัยต้นทุนด้านเทคโนโลยีที่ลดลง ในส่วนของราคาน้ำมัน รัฐบาลขอยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการแต่อย่างใด เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนลงในระดับที่เหมาะสม เพื่อชดเชยภาระภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดราคาน้ำมันลง 1 บาทต่อลิตร ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน

“รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงพลังงาน ลดภาระค่าครองชีพ และวางรากฐานความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนไทยทุกคน” นางสาวศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

สาวสั่ง ‘ทิชชู่เปียก’ แอปพลิเคชันดัง แกะกล่องมาได้ ‘ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด - ยาไอซ์ 2 กิโล’ รีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบ!! ด้าน ‘ขนส่งเอกชน’ ยัน!! ไม่รู้ มีหน้าที่ส่งอย่างเดียว

(10 พ.ค. 68) นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ นายอำเภอปะทิว ได้รับแจ้งจาก นายประเดิมชัย พัธการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่ามีลูกบ้านได้สั่งสินค้าจากกระดาษทิชชู่เปียกจากแอปพลิเคชันหนึ่ง แต่เมื่อเปิดกล่องพัสดุดู พบกระดาษฟอยล์ห่อเป็นก้อนลักษณะคล้ายห่อยาบ้า จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว

ที่เกิดเหตุพบ นายประเดิมชัย พร้อม นางเอ (นามสมมติ) ลูกบ้าน ยืนรอพร้อมกล่องพัสดุสีน้ำตาลวางอยู่บนพื้นหน้าบ้าน โดยกล่องพัสดุเป็นของบริษัทขนส่งเอกชนเจ้าหนึ่ง ลักษณะการบรรจุสินค้าทางบริษัท ได้นำกล่องจำนวน 2 กล่องมาสวมติดกัน

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยกกล่องออกจากกัน พบภายในมีกล่องสีดำคาดแดง ระบุเป็นลำโพงชื่อ BIG SOUND จำนวน 2 กล่อง และเมื่อยกขึ้นมาตรวจสอบพบบริเวณด้านหลังของลำโพงมีชุดเชื่อมต่อสายสัญญาณปิดหลอกไว้ จนมองเห็นกระดาษฟอยล์อย่างชัดเจน

เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ไขควงขันสกรูดึงฝาครอบลำโพงออก เมื่อภายในออกมาดูพบกระดาษฟอยล์ จึงนำออกมาพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าทั้งหมด 40,000 เม็ด ขณะที่ลำโพงอีกชิ้นออกพบ ยาไอซ์ บรรจุในห่อชาจีน วางเรียงอย่างดี 2 กิโล

นางเอ เล่าว่า ตนได้สั่งทิชชูเปียกยกลัง 10 แพ็ก ในราคา 169 บาท จากแอปพลิเคชันหนึ่ง วันนี้ช่วงบ่ายพนักงานส่งเอกชนนำพัสดุมาส่งให้ตน 1 กล่อง ก็เซ็นรับเรียบร้อย แต่ตนรู้สึกแปลก ๆ เพราะมันหนัก จึงได้เปิดกล่องดูหลังพนักงานส่งกลับไปแล้ว พบกล่องกระดาษบรรจุอยู่ภายใน จำนวน 2 กล่อง และภายในกล่องเป็นลำโพง

ทีแรกคิดว่าถูกหลอกให้ซื้อของถูก แต่เมื่อมาพิจารณาดูลำโพงบริเวณด้านหลังตู้แปลก ๆ ช่องสัญญาณเหมือนทำหลอกไว้ จึงให้แฟนมาดู จึงพบสิ่งผิดสังเกต เกรงว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงแจ้งทางผู้ใหญ่บ้านมาช่วยดู

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพร้อมตำรวจ นำยาบ้าและไอซ์ มาห้องสืบสวน สภ.ปะทิว พร้อมเชิญตัว นายวิทวัส อายุ 32 ปี พนักงานส่งพัสดุ และ นายพลาดิศัย อายุ 43 ปี ผู้จัดการสาขา มาสอบปากคำ ทราบว่าสินค้าดังกล่าวได้ส่งตรงมาจากต้นทางที่กรุงเทพฯ และจะส่งไปที่จุดกระจายสินค้า ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะสินค้าส่งมาให้ลูกค้าปลายทางที่ จ.ชุมพร ตนไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เพราะปลายทางมีหน้าที่ส่งอย่างเดียว ขอให้พัสดุนั้นถึงมือผู้รับตามใบสั่ง

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอรายชื่อผู้รับพัสดุจากบริษัททั้งหมดไว้ เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่เชื่อว่าหรืออาจมีพฤติกรรมที่ทางตำรวจมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อนำไปสู่การขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดรายนี้ต่อไป

‘เพื่อไทย’ ลั่น!! ‘กฎหมายกาสิโน’ ไม่ต้องทำ ‘ประชามติ’ ชี้!! สส. คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน

(10 พ.ค. 68) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ สส. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชนช่วงปิดสมัยประชุมสภาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร(เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)

และวันที่ 13 พ.ค. ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพูดคุยหรือไม่ ว่า คงไม่ได้คุยกัน เพราะเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องหลัง มีเวลาอีก 2 เดือน เป็นหน้าที่รัฐบาลชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ตอนนี้เห็นรัฐมนตรีหลายคนได้ชี้แจงไปแล้ว เชื่อมั่นว่า มีเวลาให้ศึกษาได้ทำความเข้าใจกันก่อน คงไม่ได้มีการพูดกันในช่วงนี้ ช่วงนี้เน้นเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ

เมื่อถามว่า ทางออกของความขัดแย้งควรจะมีการทำประชามติหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันนี้พูดถึงการทำประชามติก็ยังไม่เคยเห็นรัฐมนตรีท่านไหนพูดเรื่องประชามติ เวลากฎหมายประชามติเข้าไปก็อยู่อีกหลายเดือน กฎหมายประชามติยังไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นหากออกกฎหมายฉบับนี้ต่อไป ถ้ามีคนเรียกร้องว่าต้องทำประชามติทุกครั้ง แล้วเราจะออกกฎหมายได้หรือไม่ ตัว สส.คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน

“ฉะนั้น ต่อไปหากใครเสนอกฎหมายอะไร แล้วมีการเรียกร้องให้ทำประชามติ รอบละ 3,000 ล้านบาทไหวหรือไม่ เดือนนึงถ้าออกกฎหมาย 3 ฉบับ และทำประชามติทั้ง 3 ฉบับมันก็ไปไกลแล้ว เพราะฉะนั้น สส.คือตัวแทน ถ้ารัฐธรรมนูญทำประชามติอันนั้นเห็นด้วย แต่เรื่องอื่นให้อธิบายความกันก่อน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเมื่อเข้าใจแล้วเราค่อยมาว่ากัน ซึ่งมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน ก็ไม่เร่งด่วนอะไรเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำไป

แต่วันนี้ สส.พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ก็ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ทุกคนก็ต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร ไม่ใช่วิ่งไปตามกระแสอย่างเดียว ต้องพูดในข้อเท็จจริงก่อนถึงเวลานั้นจะเป็นอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกที วันนี้ต้องเอางบประมาณฯให้ผ่านก่อน เรื่องใหญ่” นายวิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘รัสเซีย’ อาวุธยุทโธปกรณ์หมด พ่ายศึก!! ‘ยูเครน’ คำพยากรณ์ที่ไม่อาจเป็นจริงของ ‘นายพลเสื้อส้ม’

เมื่อวานนี้ (9 พ.ค. 68) สหพันธรัฐรัสเซียได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี วันแห่งชัยชนะเหนือนาซีเยอรมนีอย่างยิ่งใหญ่ ในคืนวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 (เป็นเวลาหลังเที่ยงคืน จึงเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม ตามเวลามอสโก) รัฐบาลโซเวียตได้ประกาศชัยชนะในเช้าวันที่ 9 พฤษภาคม 1945 หลังพิธีลงนามในการตกลงยอมจำนนของนาซีเยอรมนีต่อสหภาพโซเวียตในกรุงเบอร์ลินแล้ว รัฐบาลโซเวียตและรัสเซียในปัจจุบันได้จัดให้มีการจัดการสวนสนามทางทหารอย่างยิ่งใหญ่ ณ จัตุรัสแดงกลางเมืองในกรุงมอสโก เพื่อเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพแดง และรำลึกถึงเหล่าทหารผ่านศึกของกองทัพแดงในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ซึ่งทำให้พลเมืองของสหภาพโซเวียตทั้งทหารและพลเรือนเสียชีวิตไปราว 20ล้านคน แม้ว่าสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่สหพันธรัฐรัสเซียก็ยังคงยึดถือประเพณีปฏิบัติในการเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะเหนือนาซีเยอรมนีตามเดิมเป็นประจำทุกปีจวบจนทุกวันนี้

นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารของกองทัพรัสเซียต่อยูเครน หรือ 'สงครามรัสเซีย-ยูเครน' เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 หรือ 3 ปีมากแล้ว บรรดากองเชียร์ยูเครนหรือ 'ติ่งยูเครน' ต่างก็ปรามาสว่ากองทัพรัสเซียจะพบกับความพ่ายแพ้ในเวลาอันไม่ช้าอย่างแน่นอน ทั้งนี้เป็นเพราะกองทัพยูเครนได้รับการสนับสนุนทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ งบประมาณ และกำลังพล (ทหารรับจ้าง) จากชาติสมาชิก NATO ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาลแก่กองทัพยูเครนทำให้คลังอาวุธยุทโธปกรณ์สำรองของบรรดาประเทศยุโรปแทบหมดเกลี้ยงเลยทีเดียว ในขณะที่ 'ติ่งยูเครน' ทั้งไทยและเทศจำนวนมากต่างโพสต์บนโซเชียลด้วยความมั่นใจว่า “อาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียกำลังจะหมดลงในเวลาไม่นาน แล้วในที่สุดกองทัพรัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้” หนึ่งในนั้นได้แก่ นายพลเสื้อส้มนายหนึ่งซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้มาตลอด 3 ปี จนถึงวันนี้ที่ Volodymyr Zelenskyy ผู้นำยูเครนกำลังถูกประธานาธิบดี Trump กดดันให้เจรจาสงบศึกกับรัสเซียแล้ว

สหพันธรัฐรัสเซียเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในระดับ First Tier อันหมายถึงประเทศที่มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่สมบูรณ์แบบและครบวงจร สามารถพัฒนาองค์ความรู้ต่อยอดได้ถึงระดับสูงสุดมายาวนานนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน เช่นเดียวกับ สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหพันธรัฐรัสเซียเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และเป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานรายใหญ่ของประเทศใน โดยมีพนักงานในอุตสาหกรรมนี้ราว 3.8 ล้านคนทั่วประเทศ และคิดเป็น 20% ของงานการผลิตทั้งหมดในสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งในปี 2023 มีค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศทั้งหมดสูงถึง 7.5% ของ GDP 

ในปี 2014–18 รัสเซียครอง 21% ของยอดขายอาวุธทั่วโลก โดยตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 11% ในปี 2019–23 (ตามสถิติของ SIPRI) ในปี 2023 รัสเซียเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่เป็นอันดับสามเป็นครั้งแรก รองจากฝรั่งเศส การส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลง 53% ระหว่างปี 2014–18 และ 2019–23 จำนวนประเทศที่ซื้ออาวุธหลักจากรัสเซียลดลงจาก 31 ประเทศในปี 2019 ในปี 2023 ลดลงเหลือ 12 ประเทศ ในปี 2019–23 อาวุธยุทโธปกรณ์ส่งออกของรัสเซียราว 68% จากทั้งหมดถูกส่งไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียและโอเชียเนีย อินเดียเป็นผู้ซื้อราว 34% และจีนเป็นผู้ซื้อราว 21% 

การคว่ำบาตรระหว่างประเทศหลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนในปี 2022 ไม่ได้ส่งผลในการต่อต้านการผลิตอาวุธของรัสเซีย การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการผลิตขีปนาวุธในปัจจุบันมากกว่าระดับก่อนสงคราม ปัจจุบัน รัสเซียผลิตกระสุนมากกว่าประเทศสมาชิก NATO ทั้งหมดรวมกัน ซึ่งคาดว่ามากกว่าชาติตะวันตกถึง 7 เท่า รัสเซียเพิ่มการผลิตรถถังในแต่ละปีมากขึ้นเป็นสองเท่าและผลิตปืนใหญ่และจรวดเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากจำนวนก่อนสงคราม ต้นทุนการผลิตของรัสเซียต่ำกว่าของประเทศคู่แข่งอย่างมาก โดยมีต้นทุนในการผลิตกระสุนปืนใหญ่ต่ำกว่ากระสุนปืนใหญ่ของนาโต้ประมาณ 10 เท่า ในปี 2024 รัสเซียผลิตกระสุนปืนใหญ่ได้ประมาณปีละ 3 ล้านนัด ซึ่งมากเป็นเกือบสามเท่าของปริมาณที่ผลิตได้จากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ตั้งแต่ปี 2023 อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซียยังผลิตยานเกราะและโดรนเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก ซึ่ง Alexander Mikheev CEO ของ Rosoboronexport รัฐวิสาหกิจส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์เพียงรายเดียวของสหพันธรัฐรัสเซียได้กล่าวว่า “นอกจากรัสเซียจะจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว ยังให้การสนับสนุนประเทศคู่ค้าให้มีขีดความสามารถในการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เองอีกด้วย”

การผลิตอาวุธที่ขยายตัวของรัสเซียมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ โดยมีการอุดหนุนจากรัฐบาลต่อผู้ผลิตอาวุธที่ไม่ทำกำไรอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศตะวันตกที่เป็นทุนนิยมซึ่งมีผู้ผลิตอาวุธที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลกำไรของผู้ถือหุ้นให้สูงสุด วันที่ 23 พฤศจิกายน 2024 Boris Pistorius รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเยอรมนี กล่าวว่าขณะนี้รัสเซียได้เปลี่ยนมาใช้ 'เศรษฐกิจสงคราม' อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และสามารถผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์และกระสุนได้เท่ากับที่สหภาพยุโรปผลิตได้ในหนึ่งปีภายในเวลาเพียงสามเดือน ในเดือนมกราคม 2025 Mark Rutte เลขาธิการองค์การ NATO ได้ประเมินเช่นเดียวกัน วันที่ 3 เมษายน 2025 พลเอก Christopher Cavoli ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ประจำยุโรปและผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังพันธมิตรในยุโรปได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า รัสเซียสามารถทดแทนการสูญเสียอุปกรณ์และอาวุธจำนวนมากในสนามรบด้วย 'อัตราที่ไม่เคยมีมาก่อน' อันเนื่องมาจากการขยายขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสงคราม ดังนั้น ความเป็นจริงที่ปรากฏจึงสร้างความผิดหวังให้กับ 'ติ่งยูเครน' เป็นอันมาก รวมทั้งการพยากรณ์ที่ไม่อาจเป็นจริงของนายพลเสื้อส้มที่ว่า “อาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียกำลังจะหมด แล้วกองทัพรัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้” นั้น จึงไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้เลย

‘คิม จองอึน’ ลั่น!! ‘โสมแดง’ ช่วยรัสเซีย รบยูเครน ชอบธรรมแล้ว ชี้!! เป็นการใช้สิทธิอธิปไตยช่วย ‘ประเทศพี่น้อง’ ของเกาหลีเหนือ

(10 พ.ค. 68) นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้กล่าวว่า การที่เกาหลีเหนือเข้ามามีส่วนร่วมกับกองทัพรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครนนั้นเป็นสิ่งที่ชอบธรรมแล้ว เพราะเป็นการใช้สิทธิอธิปไตยในการปกป้อง ‘ประเทศพี่น้อง’ ของเกาหลีเหนือ

ผู้นำคิมได้กล่าวไว้ว่า การที่เกาหลีเหนือมีส่วนร่วมในความขัดแย้งดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และอยู่ภายใต้สิทธิอธิปไตยของเกาหลีเหนือ ทหารกล้าของเกาหลีเหนือทุกนายที่เข้าร่วมในปฏิบัติการในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียถือเป็นฮีโร่และเป็นตัวแทนสูงสุดของชาติเรา

ผู้นำคิมกล่าวอีกว่า ทางการเกาหลีเหนือไม่ลังเลที่จะใช้กองทัพ หากสหรัฐยังคงมีการยั่วยุทางทหารต่อรัสเซีย ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเพิ่งออกมายอมรับในช่วงปลายเดือนเมษายน ว่าได้ส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย และอาวุธไปยังรัสเซียเพื่อช่วยเหลือการทำสงครามกับยูเครน ท่ามกลางการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย ภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมที่ผู้นำคิมและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ลงนามไปเมื่อปี 2024

รัชกาลที่ ๓ : เจ้าสัวแห่งสยาม ผู้กู้เศรษฐกิจด้วยการค้าเสรี | THE STATES TIMES Story EP.16

ในห้วงเวลาที่สยามเพิ่งตั้งตัวได้ไม่เต็มที่...
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๓ ทรงปรับเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล เปิดการค้าเสรี ยกเลิกผูกขาด สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเตรียมสยามให้พร้อมเผชิญการล่าอาณานิคม

พระองค์ทรงได้รับการขนานนามว่า “เจ้าสัว” ด้วยพระปรีชาที่ผลักดันการค้าขายไปสู่ความรุ่งเรืองที่สุดในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีทั้งสนธิสัญญาเบอร์นี รายได้จากการค้าเสรี และนโยบายที่เปิดโอกาสให้สยามพัฒนาตัวเองโดยไม่ตกเป็นอาณานิคม

เรื่องเล่าอ่านเพลิน ๆ ที่จะทำให้คุณมองเห็น 'หัวใจเศรษฐกิจสยาม' ผ่านสายตาของกษัตริย์นักพัฒนา

รัชกาลที่ ๓ : เจ้าสัวแห่งสยาม ผู้กู้เศรษฐกิจด้วยการค้าเสรี | THE STATES TIMES Story EP.16

ในห้วงเวลาที่สยามเพิ่งตั้งตัวได้ไม่เต็มที่...
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๓ ทรงปรับเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล เปิดการค้าเสรี ยกเลิกผูกขาด สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเตรียมสยามให้พร้อมเผชิญการล่าอาณานิคม

พระองค์ทรงได้รับการขนานนามว่า “เจ้าสัว” ด้วยพระปรีชาที่ผลักดันการค้าขายไปสู่ความรุ่งเรืองที่สุดในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีทั้งสนธิสัญญาเบอร์นี รายได้จากการค้าเสรี และนโยบายที่เปิดโอกาสให้สยามพัฒนาตัวเองโดยไม่ตกเป็นอาณานิคม

เรื่องเล่าอ่านเพลิน ๆ ที่จะทำให้คุณมองเห็น 'หัวใจเศรษฐกิจสยาม' ผ่านสายตาของกษัตริย์นักพัฒนา

พระผู้ซื่อตรงกลางพายุการเมือง สมเด็จฯ ศรี วัดระฆัง | THE STATES TIMES Story EP.166

ท่ามกลางความวุ่นวายในปลายกรุงธนบุรี...
พระอาจารย์ศรี วัดบางหว้าใหญ่ ถูกผลักตกต่ำเพราะยึดมั่นในพระธรรม แต่ด้วยความสัตย์ซื่อและความรู้แท้จริง ในที่สุดพระองค์ได้รับการเชิดชูคืนศักดิ์ เป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และกลายเป็นกำลังหลักสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

เรื่องราวแห่งการทนทุกข์ ความศรัทธา และชัยชนะของธรรมะ ที่ไม่ได้ไหว้กันเพราะ "ตัวบุคคล" แต่ไหว้ใน "ความสูงส่งของเพศบรรพชิต"

พระผู้ซื่อตรงกลางพายุการเมือง สมเด็จฯ ศรี วัดระฆัง | THE STATES TIMES Story EP.166

ท่ามกลางความวุ่นวายในปลายกรุงธนบุรี...
พระอาจารย์ศรี วัดบางหว้าใหญ่ ถูกผลักตกต่ำเพราะยึดมั่นในพระธรรม แต่ด้วยความสัตย์ซื่อและความรู้แท้จริง ในที่สุดพระองค์ได้รับการเชิดชูคืนศักดิ์ เป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และกลายเป็นกำลังหลักสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

เรื่องราวแห่งการทนทุกข์ ความศรัทธา และชัยชนะของธรรมะ ที่ไม่ได้ไหว้กันเพราะ "ตัวบุคคล" แต่ไหว้ใน "ความสูงส่งของเพศบรรพชิต"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top