Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

ปัจจุบันโลกกำลังก้าวสู่ยุคยานยนต์แห่งอนาคตที่มีพลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่เทคโนโลยี ‘เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์’ จากค่ายมิตซูบิชิ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมน่าจับตามอง ที่สร้างระบบนิเวศน์ใหม่เชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าระว่างรถยนต์และบ้าน อย่างลงตัว

นายยอดชาย ซื่อวัฒนากุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักสื่อสารการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายค่ายได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รถ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ

นอกเหนือจากการเป็นรถยนต์เอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของโลก นั่นก็คือ การคิดค้นสิ่งที่ทำให้รถยนต์ เป็นได้มากกว่ารถยนต์

โดยทางมิตซูบิชิ ได้พัฒนาเทคโนโลยี ที่เรียกว่า “เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์” (mitsubishi dendo drive house) แล้วใส่เข้าไปกับตัวรถยนต์มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ทำให้รถยนต์สามารถช่วยเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัยได้

เทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ เป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานบ้านและรถยนต์ ช่วยในการผลิต เก็บ และแบ่งปันพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นการผสานการทำงานร่วมกันของรถยนต์มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี พร้อมกับเครื่องอัดและจ่ายประจุไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่สำรองกระแสไฟฟ้าในที่พักอาศัย

เริ่มต้นการเก็บพลังงานด้วยการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าผ่านแผงโซลาร์เซลล์ แล้วเก็บเข้าแบตเตอรี่สำรองภายในบ้าน หรือในแบตเตอรี่ของรถยนต์มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี

พลังงานเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ภายในบ้านอัตโนมัติด้วยเครื่องอัดและจ่ายประจุไฟฟ้า ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์จะใช้เป็นพลังงานหลักสำหรับใช้ในบ้าน

ส่วนพลังงานที่เก็บสะสมระหว่างวันและภายในรถยนต์ จะสามารถนำไปใช้ในช่วงเวลากลางคืน และกรณีไฟดับ สามารถใช้แบตเตอรี่จากในบ้าน และสามารถดึงพลังงานเพิ่มเติมจากรถยนต์ออกมาใช้ในช่วงเวลากลางคืนได้

และหากพิจารณาขนาดของแบตเตอรี่ของรถยนต์รุ่นดังกล่าว ที่มีพลังงานเพียงพอจ่ายกระแสไฟฟ้าจำเป็นให้กับบ้านได้ใน 1 วัน โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ผลิตกระแสไฟฟ้า และด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง รถจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอต่อการใช้งานภายในบ้านได้นานถึง 10 วัน (คำนวณโดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ตัวเลขสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามปริมาณการใช้ไฟที่ต่างกันไป ตามความเป็นจริง)

ชมรายละเอียดเทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์

.

สำหรับการชาร์จไฟแบตเตอรี่ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ทำได้สะดวกและง่ายดาย เพียงเสียบชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟที่บ้าน ซึ่งการชาร์จรูปแบบปกติให้กำลังไฟ 100% ในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือขับไปชาร์จ

ยังสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้บริการนอกสถานที่โดยการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO ให้กำลังไฟ 80% ในเวลาประมาณ 25 นาที หรือจะชาร์จโดยวิธีการกดปุ่ม Save/Charge ภายในรถ ก็สามารถชาร์จไฟได้ในเวลาประมาณ 40 - 45 นาที

สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์รุ่นใหม่ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยราคาเริ่มต้น 1,640,000 บาท

หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทม์สของลาว รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของลาวจะไม่ออกค่าใช้จ่ายในการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

โดยชาวลาวและชาวต่างชาติต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการตรวจโรคโควิด-19 หรือการรักษาเอง

รายงานข่าวระบุว่าไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการตรวจโรคโควิด-19 ในลาว นับตั้งแต่ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศในเดือนมีนาคม

าพยาบาลในสังกัดหน่วยงานรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของลาว จะเริ่มเก็บค่าใช้จ่ายในการตรวจหาโรคโควิด-19 ของประชาชนโดยทันที โดยมีราคาแตกต่างกันตามบุคคลแต่ละประเภท


ที่มา: Xinhuathai

เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พัฒนาโดยจีนได้ผ่านเกณฑ์วัดประสิทธิภาพที่ร้อยละ 50 ในการทดลองขั้นสุดท้ายในบราซิล

ผลการทดสอบนี้หมายความว่าวัคซีนดังกล่าวถือว่าสามารถใช้การได้ตามมาตรฐานของนักวิทยาศาสตร์สากลและสามารถนำไปใช้ได้จริง

วัคซีนตัวดังกล่าวซึ่งชื่อว่า ‘โคโรนาวัค’ (CoronaVac) ถูกพัฒนาโดย ‘ซิโนวัค ไบโอเทค’ (Sinovac Biotech) บริษัทชีวเวชภัณฑ์สัญชาติจีน โดยวัคซีนตัวนี้ได้เสร็จสิ้นการทดลองระยะที่ 3 ในบราซิล และกำลังถูกทดสอบในประเทศอื่นเช่นกัน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนหนึ่งกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อ 21 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า จีนเป็นประเทศชั้นนำของโลกในด้านการพัฒนาวัคซีนป้อนกันโควิด-19 โดยมีวัคซีนที่อยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 มากที่สุด

เจิ้งจงเหว่ย เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) และหัวหน้ากลุ่มพัฒนาวัคซีนระดับชาติ กล่าวโดยอ้างอิงสถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า เมื่อนับถึงวันที่ 2 ธันวาคม ในจีนมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและได้เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองทางคลินิกแล้วทั้งหมด 15 ตัว โดยในจำนวนนั้นมี 5 ตัวที่อยู่ระหว่างการทดลองระยะที่ 3


ที่มา: Xinhuathai

สร้างเซอร์ไพรส์รับวันคริสต์มาส เมื่อโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ นักร้องหนุ่มชื่อดัง คุกเข่าขอแฟนสาวผู้ประกาศข่าว ไบรท์ พิชญทัฬห์ แต่งงาน กลางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ หลังคบหากันมานานกว่า 9 ปี เผยคำพูดสุดหวาน ขอไบรท์ตื่นมาเจอผมคนแรกบ้าง

งานนี้ถือว่าสร้างสีสันสุดเซอร์ไพรส์ให้รายการเรื่องเล่าเช้านี้รวมทั้งผู้ชม เมื่อช่วงท้ายรายการ อยู่ ๆ ไก่ ภาษิต พิธีกรคู่ไบรท์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้พูดโยงเข้าคลิปรายการสกู๊ปพิเศษรับวันคริสต์มาสแบบที่ไบรท์ไม่ทันได้ตั้งตัว โดยในวิดีโอปรากฏคลิปโต๋ออกมาพูดถึงวันคริสต์มาสที่พิเศษที่สุดของตน คือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ที่ตนได้มารายการเรื่องเล่าเช้านี้และเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับไบรท์

จากนั้นหนุ่มโต๋ได้เดินเข้ามาในรายการ ก่อนเข้าไปนั่งข้าง ๆ ไบรท์ แฟนสาว และบอกเล่าความรู้สึกในใจว่า ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง หลายอย่างเปลี่ยนไปแต่สิ่งที่เรามีให้กันไม่เคยเปลี่ยน ขอบคุณไบรท์สำหรับทุกอย่าง ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นคนดีขึ้นในทุก ๆ วัน จากวันนี้ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร จะมีเราอยู่ข้างๆเสมอ จะมีเราสองคนอยู่คู่กันตลอดไป และเผยคำพูดขออนุญาตสุดหวานต่อทุกคนว่า

“ไบรท์ต้องตื่นตีสองรีบมาเจอพวกคุณทุกเช้าที่หน้าจอ จึงอยากมาขออนุญาตญาติผู้ใหญ่ทุกคน จากนี้ไปผมอยากให้ไบรท์ตื่นมาเจอผมคนแรก”

โต๋บอกว่าได้ขออนุญาตทางคุณแม่ของไบรท์แล้ว คุณแม่ได้ดูอยู่ที่โรงพยาบาล จากนั้นได้คุกเข่า สวมแหวนขอไบรท์แต่งงาน ท่ามกลางครอบครัวทั้งคุณแม่ของโต๋และพี่น้องที่ซุ่มทำเซอร์ไพร์สครั้งนี้ต่างก็ออกมาร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น

คริสต์มาสมาแย้วววว! รวมซานต้าสายแจก & แซนตี้สายเปย์

เหล่าคนดังในปี 2563 ที่ถูกรวบรวมและยกตำแหน่งให้เป็นซานต้าสายแจก แซนตี้สายเปย์ แจกทั้งโครงการ ความช่วยเหลือ และสิ่งของ ตลอดทั้งปีนี้จะมีใครบ้าง ไปดูเล้ย!

ซานต้าตู่


มาในปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แจกโครงการคนละครึ่งให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของรัฐบาล มีประชาชนและร้านค้าให้ความสนใจกันทั่วประเทศ สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน เงินสะพัดในชุมชน เจ้าของร้านค้าต่างก็มีรายได้เพิ่มขึ้น

ซานต้าบิณฑ์ บันลือฤทธิ์

ซานต้าดารา อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เห็นได้บ่อย ๆ จากการช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เดินหน้าช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนมาอย่างยาวนาน ใครเจ็บป่วยลำบากก็จะบุกป่าฝ่าดงไปช่วยถึงที่

แซนตี้มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ 

ปีนี้ได้ทำหน้าที่แซนตี้ดำเนินกิจกรรม ครัวมาดาม ช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติโควิด เริ่มต้นออกปฏิบัติภารกิจแจกข้าวกล่องและถุงยังชีพรวมกว่า 20,000 ชุด ครอบคลุมพื้นที่รอบกรุงเทพฯ 

แซนตี้บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี


ดาราหญิงสายช่วยเหลือ ประธานองค์กรทำดี คอยให้ความช่วยเหลือเด็กและสตรีทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังได้ทำการแพ็คของ ถุงยังชีพตระเวนแจกประชาชนช่วงสถานการณ์โควิด-19 

แซนตี้ทราย เจริญปุระ

ท่อน้ำเลี้ยงที่คอยสนับสนุนม็อบประชาธิปไตย ขวัญใจเด็กไทยยุคใหม่ เพราะช่วยจัดหาโรงครัวใหญ่ สนับสนุนอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ พัดลม รถสุขา เครื่องเขียน ให้กับเด็กๆที่มาชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา 

ซานต้าโตโน่ ภาคิน

ซานต้าของเหล่าสัตว์ทะเล เพราะเปิดต้นปี 63 มาหนุ่มโตโน่ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในโครงการ ONE MAN & THE SEA หนึ่งคนว่าย หลายคนช่วย หาเงินสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลและรพ.ริมชายฝั่ง แต่เนื่องจากการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โครงการต้องหยุดชะงักไปก่อน 

ซานต้าเปิ้ล นาคร

ในช่วงเดือนต.ค. ปี 63 ที่ผ่านมานี้ได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในอ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ทำให้ครอบครัวใจบุญของ เปิ้ล นาคร ต้องนำทีมภรรยาและลูกออกตระเวนขี่เจ็ทสกีมอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

แซนตี้พิมรี่พาย

เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจชาวเน็ตที่มาแรงอย่างมากในปี 63 เพราะเคยลำบากมาก่อน ทำให้พิมรี่พายออกให้การช่วยเหลือผู้อื่นแบบไม่คิดอะไรเยอะ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่สร้างภาพ ส่งผลให้ผู้ชมเทใจให้พิมรี่พายไปเต็มๆ เพราะทั้งออกตระเวนช่วยเหลือผู้คนที่พบเจอโดยบังเอิญ เหมารถกับข้าวตระเวนแจกรอบหมู่บ้าน อุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดยกแผง ตระเวนแจกจักรยานแก่คนยากไร้ มอบเงินช่วยเหลือ รวมถึงรับดูแลผู้ป่วย 

เป็นยังไงกันบ้างคะกับเหล่าซานต้าแซนตี้ที่เรายกมาพูดถึง ถูกใจใครกันบ้าง บุคคลเหล่านี้ถือเป็นสีสันของการให้ในปี 2563  แต่ยังมีอีกหลายคนที่ออกมาให้ความช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงเทศกาลนี้นะคะ~

 

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ย้ำการระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ เกิดจากภาครัฐหละหลวม แนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งจัดการเจ้าหน้าที่รัฐต้นตอทำโควิดระบาด

หลังการอภิปรายญัตติด่วนด้วยวาจาต่อกรณีการระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่พร้อมคำแนะนำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับทัศนคติตัวเอง ที่เอาแต่โทษคนอื่นไม่เคยรับผิดชอบใดๆแล้ว

ล่าสุด วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกบทความเสนอแนะสิ่งที่นายกรัฐมนตรี ควรจะต้องเร่งดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊ค Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศรโดยระบุว่า เบื้องต้นต้องยอมรับว่า การแพร่ระบาดในครั้งนี้ เกิดจากความหละหลวม และการปล่อยปละละเลย ให้มีการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายของแรงงานต่างชาติผ่านช่องทางทางธรรมชาติ

โดยมีประชาชนแจ้งเบาะแสมากมายว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์ หรือไถสินบนจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทำเป็นขบวนการ อาจมีทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'ทหาร' ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมตามแนวชายแดน

ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรต้องตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนให้ชัดว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และข้าราชการคนใด ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างชาติเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายบ้าง

ท่าทีกล่าวโทษไปที่ข้าราชการผู้ปฏิบัติงาน และเพ่งโทษไปที่ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน โดยปกป้องทหารอย่างออกนอกหน้า รวมทั้งการไปถามขู่ผู้ว่าราชการ จ.สมุทรสาคร ว่าปล่อยปละให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายที่ จ.สมุทรสาคร ได้อย่างไร เป็นการถามคำถามที่ไร้วุฒิภาวะอย่างมาก เพราะ จ.สมุทรสาคร นั้นเป็นปลายทางของปัญหา

คำถามนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ควรต้องไปถามกองทัพ ที่มีหน้าที่ดูแลแนวชายแดนมากกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องขบวนการลักลอบนำเอาแรงงานต่างชาติเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย นี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ เพราะคือ ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งแม้แต่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าชุดทำคดีโรฮีนจา ที่มีการจับกุมทหาร 4 นาย สุดท้ายยังต้องขอลี้ภัยเสียเอง เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะปล่อยให้เรื่องเงียบไปไม่ได้

ประการต่อมา เชื่อว่าทั้งแรงงานต่างชาติเข้ามาผิดกฎหมายและแรงงานข้ามชาติที่เคยถูกกฎหมายแต่หมดอายุและไม่อาจข้ามพรมแดนกลับไปยังประเทศของตนเองได้ มีจำนวนหลายแสนคน ซึ่งต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้มาตรการมุ่งให้ความสำคัญกับการควบคุมการระบาดเป็นสำคัญ

กลับประกาศที่จะกวาดล้างแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายเหล่านี้ เมื่อเวลา 9.00 น. ของวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2563 ส่งผลให้ แรงงานต่างชาติผิดกฎหมายต่างพากันหลบหนีออกจากพื้นที่ จ.สมุทรสาคร บางส่วนก็ถูกนายจ้างลอยแพ พาไปทิ้งตามต่างจังหวัดต่างๆ เนื่องจากนายจ้างกลัวความผิด ทำให้การระบาดกระจายตัวออกจากพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โชคดีที่ในช่วงบ่ายในวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กลับลำ ประกาศยอมให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายชั่วคราว จึงทำให้การหลบหนีแบบผึ้งแตกรังของแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ชะลอตัวลง

แต่ปัญหานี้คงเป็นฝุ่นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซุกเอาไว้ใต้พรมมายาวนาน จึงยังไม่ได้ตัดสินใจในประเด็นนี้ โดยรีรอว่าต้องเอาไปผ่าน ครม. ก่อนซึ่งก็จะยิ่งทอดเวลาไปอีกกว่าสัปดาห์ ตราบใดที่มีรัฐบาลนี้ยังประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ก็ยังเสี่ยงที่จะมีแรงงานต่างชาติที่ผิดกฎหมายหลบหนีออกจากพื้นที่ไปเรื่อยๆ ทำให้เสี่ยงมากที่จะทำให้การระบาดแพร่กระจายออกไปอีกในวงกว้าง ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะล่าช้าทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้

นายวิโรจน์ ยังตำหนิรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อีกว่า ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เดือน มีนาคม พ.ศ.2563 แทนที่จะใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ในการวางระบบ เตรียมความพร้อม ในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม แต่ในทางปฏิบัติกลับเอาอำนาจไปใช้คุกคามประชาชนที่มาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ขณะที่การเตรียมการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 มีแต่ความล่าช้า และไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม

ที่ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจได้ ไม่ว่า การจัดเตรียมสถานกักกันโรคในพื้นที่ระดับจังหวัด (Local Quarantine) และการส่งเสริมให้มีสถานกักกันโรคโดยองค์กร (Organizational Quarantine) ก็ยังไม่เพียงพอต่อการกักกันโรคของแรงงานต่างชาติที่เข้าประเทศมาทำงาน นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการกักกันโรคก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยสูงในระดับ 20,000 บาทต่อคน ทำให้การจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหัวละ 6,500 บาท มีแรงจูงใจมาก

รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ควรต้องเร่งจัดให้มีสถานกักกันโรคให้เพียงพอ และเร่งออกมาตรการในการอุดหนุน เพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการกักกันโรคมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง ซึ่งเป็นโมเดลที่ไต้หวันทำได้สำเร็จ และได้ผลมาแล้ว ถ้ายังคงปล่อยปละละเลยก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอีก จากแรงงานต่างชาติในภาคบริการ และภาคเกษตร

นอกจากนี้ นายวิโรจน์ ยังระบุถึงความไม่พร้อมในอีกหลายด้าน เช่นโรงเรียนที่ไม่มีงบประมาณเพื่อจัดหาจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการป้องกันโรคระบาดได้อย่างเพียงพอ ด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ได้เตรียมวัคซีนไว้เพียงพอสำหรับประชาชนเพียงแค่ 13 ล้านคน เท่านั้น อีกเรื่องที่รัฐบาลนี้ตายน้ำตื้น

และไม่ควรจะให้เกิดขึ้นอีก ก็คือ การจัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีความพร้อม เช่น หน้ากาก N95 ชุด PPE และ Face Shield เป็นต้น ไม่ควรปล่อยให้มีเหตุการณ์ที่ รพ.นครท่าฉลอม ต้องออกมาขอรับบริจาคจากประชาชน เกิดขึ้นอีก

"สำหรับมาตรการการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ทางพรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งแก้ไข มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย ที่ไม่เคยมีสินเชื่อกับทางธนาคารมาก่อน สามารถเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้ และควรขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระจาก 2 ปี เป็น 5 ปี เป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถอยู่รอด

และรักษาระดับการจ้างงานได้ ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโควิด-19 และในกรณีที่รัฐบาลมีความจำเป็นต้องล็อคดาวน์จริง ๆ สิ่งที่พรรคก้าวไกลเรียกร้องก็คือ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดเตรียมมาตรการเยียวยาให้พร้อมกว่าที่ผ่านมา ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมีการลงทะเบียนซ้ำ มีจุดแจกจ่ายอาหารสำหรับประชาชนให้ทั่วถึง เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน สิ้นหวัง อย่างที่เคยประสบมา"

สุดท้าย นายวิโรจน์ ระบุว่า รัฐบาลต้องเลิกโทษ และผลักภาระให้ประชาชนรับผิดชอบตัวเอง ไม่เหมารวมโทษไปที่ประชาชนทั้งหมด เพื่อให้ตัวเองลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบอะไร รัฐบาลที่ดีมีหน้าที่ต้องถอดบทเรียน จากปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อมากำหนดนโยบาย วางมาตรการ และกลไกต่างๆ ในการป้องกันและแก้ปัญหา

สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทบทวนตัวเอง ก็คือ จากกรณีสนามมวยลุมพินี กรณีคณะ VIP ลูกทูต และทหารอียิปต์ ที่ จ.ระยอง กรณีโรงแรม 1G1 ที่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน จนถึงกรณีตลาดแพปลา ที่ จ.สมุทรสาคร รัฐบาลได้ถอดบทเรียนอะไรบ้าง ได้ทำอะไรเป็นรูปธรรมไปแล้วบ้าง ถ้ายังไม่ได้ทำอะไร ก็ควรต้องรีบทำ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาจะเกือบปีแล้ว จะมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โทษประชาชนไปเรื่อย ๆ ปลูกผักชีแก้ผ้าเอาหน้ารอดแบบนี้ไปวัน ๆ แบบนี้ไม่ได้

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (25 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 81 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 5,910 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 21 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,130 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,713 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 81 ราย เป็นคนไทย 6 ราย สัญชาติรัสเซีย 2 ราย เยอรมัน 1 ราย

เดินทางมาจากต่างประเทศ จากสหรัฐอเมริกา 3 ราย ,รัสเซีย 2 ราย ,สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,เมียนมา 1 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้ติดเชื้อในประเทศ (อยู่ระหว่างการสอบสวน)จำนวน 37 ราย จาก เกี่ยวเนื่อง cluster จังหวัดสมุทรสาคร 26 ราย รอสอบสวน 11 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 35 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 363 ราย รักษาหายแล้ว 354 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.93 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.64 แสน เสียชีวิต 20,589 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1 แสน ราย รักษาหายแล้ว 81,099 ราย เสียชีวิต 446 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.2แสน ราย รักษาหายแล้ว 99,927 ราย เสียชีวิต 2,532 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.66 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.3 แสน ราย เสียชีวิต 9,055 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,495 ราย รักษาหายแล้ว 58,332 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,432 ราย รักษาหายแล้ว1,281 ราย เสียชีวิต 35 ราย

Munz ปาก : ร้านก๋วยจั๊บมัลลิกา

เมื่อคืนใครไปปาร์ตี้คริสต์มาสกันเต็มคราบบ้าง ตื่นเช้าวันนี้ถ้ามีอาการมึนๆ ตึ้บ ๆ แนะนำให้ซดเมนูร้อน ๆ ก๋วยจั๊บไหมล่ะ! คอลัมน์ Munz ปาก สัปดาห์นี้ขอแนะนำ ร้านก๋วยจั๊บมัลลิกา อันที่จริง ร้านนี้เขาขายโจ้กเป็นหลัก แต่ของดีอีกอย่างก็คือ ก๋วยจั๊บน้ำข้น

ก๋วยจั๊บของที่นี่ เขาใช้วัตถุดิบคุณภาพล้วนๆ ทั้งตับ หมูสามชั้น เลือดหมู เต้าหู้ ไข่ต้ม หนังหมู เรียกว่าเครื่องแน่นได้ใจ ของทุกอย่างก็สด ใหม่ ส่วนน้ำซุปก็เข้มข้น เคี่ยวกันอย่างนานข้ามคืน ราคาต่อชาม 50 บาท พิเศษ 60 บาท ร้านตั้งริมถนนปากทางลาดพร้าวซอย 1 เปิดตั้งแต่ 11.00-22.00 น. ตามไปกินกันให้หายมึนหัวกันได้เลยจ้า!!

.

รายงานฉบับล่าสุดจากธนาคารโลกระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนฟื้นตัวสู่ภาวะปกติเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ควบคุมโรคระบาดอันมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนเชิงนโยบายที่แข็งแกร่ง และการส่งออกที่ยืดหยุ่นของจีน

จากรายงานดังกล่าวได้ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะเติบโตร้อยละ 2 ในปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.9 ในปี 2021

อย่างไรก็ตามสภาพการณ์ภายนอก (จีน) จะยังคงเป็นเรื่องท้าทายและไม่แน่นอนสูง โดยในรายงานระบุว่า พ้องกับความเห็นจากที่ประชุมทางเศรษฐกิจของจีนเมื่อ 18 ธันวาคม ที่ชี้ว่าจีนยังคงเผชิญความไม่แน่นอนจากภายนอกท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังไม่อยู่ในระดับมั่นคง

ยิ่งไปกว่านั้น ในรายงานยังได้แนะนำให้ประคับประคองความไม่แน่นอนในระยะใกล้ด้วยการปรับใช้กรอบนโยบายอันยืดหยุ่น เพื่อรักษาฝีก้าวการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งของจีนและของโลกให้เหมาะสมกัน

โดยการออกนโยบายก่อนเวลาอันควรและการจำกัดควบคุมมากเกินไป อาจจะบั่นทอนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รายงานระบุ นอกจากนโยบายการเงินที่ยืดหยุ่นและเน้นการสนับสนุนแล้ว จีนควรใช้พื้นที่การคลังเพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลง พร้อมรับรองความราบรื่นของการหมุนเวียนอุปสงค์จากภาครัฐสู่เอกชน

รายงานยังเรียกร้องจีนปรับเปลี่ยนเป้าหมายการคลังจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิมเป็นการใช้จ่ายทางสังคมและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อให้เกิดการเติบโตที่ครอบคลุมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่าเดิม


ที่มา: Xinhuathai

Zeed Ep.2 : ของสุด Zeed แห่งปี

The States Times เพิ่งปล่อยสกู๊ป Zeed ซี้ดแห่งปีไป EP. แรก วันนี้ขอปล่อย EP.2 รวมบรรดา ‘ของสุดซี้ด’ แห่งปี ในรอบปีที่ผ่านมา มีของ Zeeddd ซี้ด อะไรกันบ้าง ไปดูกัน!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top