Sunday, 29 June 2025
TheStatesTimes

‘ชัยวุฒิ’ รวมกลุ่ม ‘สหพรรค’ ปราศรัยเชียร์ ‘รองเอ็ด’ การันตี ‘พูดจริง ทำจริง ซื่อสัตย์’ เหมาะนั่งนายกอบจ. ตาก

(20 พ.ย.67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ลงพื้นที่ ช่วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร (รองเอ็ด)อดีต ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หาเสียงในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) พร้อมเปิดเวทีพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดตาก 

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขอการันตี คุณภาพ รองเอ็ด - พ.ต.ท. อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่ง เคยทำงาน ในฐานะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนทำงานกับตน เป็นคนพูดจริง ทำจริง มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ทุกครั้ง ที่พูดคุยกันก็จะพูดถึงพื้นที่จังหวัดตาก มีความเป็นห่วงและมีใจอยากพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง เห็นได้จากการ ผลักดันโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำแก้ภัยแล้ง ผลักดันงบประมาณทำถนนอุ้มผาง คลองลาน หรือโครงการเน็ตประชารัฐเพื่อคนบนดอย  

“เหตุผลที่พวกเรามารวมกันในวันนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนจังหวัดตากให้ทันสมัย ให้มีอนาคต ให้ลูกหลานบ้านเราผมขอโอกาส ให้ รองเอ็ด เบอร์2 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร คนพันธุ์ตากด้วยครับ”

ขณะที่ รองเอ็ด – พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 กล่าวว่า ในฐานะคนพันธุ์ตาก มีความตั้งใจที่จะมาเปลี่ยนแปลงจังหวัดตากให้ดีขึ้น ยกระดับให้เป็นเมืองหลัก ไม่ใช่เมืองรอง ซึ่งมีโครงการที่จะดำเนินการ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริม Event ขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ รถเข็น ล้อเลื่อน แผงลอย ค่าเช่าที่ ต้องเป็นธรรม พร้อมจะจัดตั้งอบจ. ส่วนแยกแม่สอด พร้อมกับพัฒนา โรงเรียน อบจ. ยกระดับ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการตลาดชนเผ่า MOU ท้องถิ่น เครื่องจักรยืมใช้ฟรี กู้ภัยทันที จัดหาแหล่งน้ำ คนตากต้องไม่ขาดน้ำ สร้างอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่น ตากน่าพัก น่าเที่ยว ส่งเสริมกีฬา ปั้นทีมฟุตบอลตาก เป็นต้น                           

สำหรับบรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัย เป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากประชาชน ชาวจังหวัดตาก ที่อยากเปลี่ยน โดยมีการรวมตัวกันของกลุ่มการเมืองต่างขั้ว สลับกันขึ้นปราศรัยพบปะประชาชน นอกจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีนายรัชต์พงศ์ สร้อยสุวรรณ  สส. พรรคประชาชน นายประสงค์ นามเสถียร อดีตผู้สมัครสส.เขต1ตาก พรรคพลังประชารัฐ คุณนายเบียร์ สวนป่าตากา แกนนำยุทธศาสตร์อดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยเขต 1 นายชาติชาย ขวัญวารี อดีตผู้ช่วยผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อชาติ เขต 2 อี๊ด เมืองตาก อดีตแกนนำคนเสื้อแดงตาก ทั้งหมดเรียกว่า 'สหพรรค' เพื่อ ร่วมใจสนับสนุน 'รองเอ็ด' พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครนายก อบจ.ตาก เบอร์ 2 ซึ่งการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตากจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

พอใจในเซ็กส์-เสพติดความโรแมนติก ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ รั้งท้าย

(20 พ.ย. 67) IPSOS หน่วยงานวิจัยของฝรั่งเศสออกมาเปิดเผยที่เกี่ยวข้องกับความรักความสัมพันธ์ใน 3 ด้าน จากการสำรวจประชากรกลุ่มตัวอย่างจำนวน 24,269 ราย ที่ไม่เกิน 75 ปี ใน 31 ประเทศ โดยด้านแรกเป็นการประเมินความพึงพอใจในความโรแมนติกและเซ็กส์ โดยพบว่า ชาวอินเดียร้อยละ 76% พอใจในชีวิตเซ็กส์และชอบความโรแมนติกของคู่รักของตัวเอง ตามด้วยเม็กซิโก 76% จีน 75% และประเทศไทยในอันดับ 4 ที่ 75% 

ขณะที่การสำรวจความพึงพอใจในด้านการรู้สึกรักหรือถูกรัก พบว่า ประเทศโคลอมเบียมากสุดที่ 86% ตามด้วย เปรู 86% อินเดีย 84% เนเธอร์แลนด์ 82% เม็กซิโก 81% ส่วนประเทศไทยอยู่ที่ 80%

และการสำรวจความพึงพอใจในด้านความสัมพันธ์กับคู่ชีวิตหรือคู่สมรส ประเทศไทยมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 92% ตามด้วย เนเธอร์แลนด์ 91% อินโดนีเซีย เปรู มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ได้คะแนนเท่ากันที่ 88% 

ทั้งนี้ จากการจัดอันดับผลสำรวจทั้ง 3 ด้านพบว่า เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น อยู่ในอันดับรั้งท้ายของการสำรวจ โดยผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่นเพียง 37% เท่านั้นที่ได้รับความพึงพอใจในเรื่องเซ็กส์และความรัก  ขณะที่ชาวเกาหลีใต้ก็ไม่พอใจในเรื่องเซ็กส์และความรักน้อยเช่นเดียวกัน โดยความพึงพอใจในเรื่องเซ็กส์เป็นอันดับสองเพียง 45%

เช่นเดียวกับเมื่อถามว่าพวกเขารู้สึก "ได้รับความรัก" ในชีวิตมากเพียงใด ชาวญี่ปุ่น 51% ตอบว่ารู้สึกเช่นนั้น ซึ่งถือเป็นอันดับต่ำที่สุด โดยอยู่อันดับรองลงมาเล็กน้อยจากชาวเกาหลีใต้ 

ผลสำรวจนี้สะท้อนสภาพสังคมของทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ที่กำลังเผชิญภาวะประชากรหดตัวเนื่องจากอัตราการเกิดที่น้อยลงในทั้งสองชาติ  ซึ่ง IPSOS ระบุถึงหนึ่งในเหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นมีอันดับความไม่พอใจดังกล่าวในระดับต่ำเป็นเพราะ "บุคลิกภาพของคนญี่ปุ่นที่ไม่เก่งในการแสดงอารมณ์และทัศนคติเมื่อเป็นเรื่องของความรัก" 

26 พฤศจิกายน 2518 ในหลวงร. 9 พระราชินี เสด็จฯ ม.รามคำแหง เปิดพระบรมราชานุสาวรีย์และพระราชทานปริญญาบัตรรุ่นแรก

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงรุ่นแรก ณ บริเวณหน้าสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งถือเป็นวันสำคัญในการก่อตั้งมหาวิทยาลัย

การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่ประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่บัณฑิต และยังได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่บัณฑิตในตอนหนึ่งว่า:

"...มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้ผู้ปรารถนาความรู้เข้ามาศึกษาค้นคว้าได้อย่างกว้างขวางและอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานแล้วสามารถเพิ่มพูนความสามารถทางวิชาการ เพื่อนำไปพัฒนางานและยกระดับหน้าที่การงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมผู้ศึกษาให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมือง"

ด้วยเหตุนี้ วันที่ 26 พฤศจิกายนของทุกปีจึงถือเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหงอย่างเป็นทางการ

ขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมทางรถไฟ สร้างตู้ขนส่งโดยเฉพาะ มั่นใจปลอดภัยไม่ระเบิด

(20 พ.ย.67) บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด ได้ดำเนินการทดลองขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าปริมาณมากครั้งแรกของประเทศเมื่อวันอังคาร (19 พ.ย.) โดยรถไฟบรรทุกแบตเตอรี่ลิเธียม จำนวน 3 ขบวน เดินทางออกจากเทศบาลนครฉงชิ่ง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) และมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

รายงานระบุว่าจีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของโลก และนี่เป็นก้าวสำคัญของการขนส่งแบตเตอรี่ยานยนต์ ซึ่งจัดเป็นสินค้าอันตรายและเดิมทีขนส่งทางทะเลหรือทางถนนเท่านั้น โดยการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงตรงที่อาจเกิดไฟลุกไหม้หรือระเบิดหากถูกเขย่ากระแทก

เจี่ยผิง รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน สาขาเฉิงตู จำกัด กล่าวว่าการทดลองเดินรถครั้งนี้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์แบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมโดยเฉพาะ โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวผลิตจากวัสดุไม่ติดไฟ พร้อมติดตั้งเครื่องตรวจจับควัน อุณหภูมิ และอุปกรณ์ระบายอากาศไว้ด้วย

เจี่ยชี้ว่าการขนส่งทางรางจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่การส่งออกแบตเตอรี่ลิเธียมของจีน เนื่องจากสามารถขนส่งได้มากกว่าการขนส่งทางบกและรวดเร็วกว่าการขนส่งทางทะเล

บริษัท คอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน แสดงความยินดีกับการทดลองเดินรถครั้งนี้ โดยหลิวเจี๋ย ฝ่ายห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ของบริษัทฯ กล่าวว่าการทดลองขนส่งทางรางถือเป็นการรับรองประสิทธิภาพความปลอดภัยของแบตเตอรี่ลิเธียมภายในประเทศเพิ่มเติม

หลิวทิ้งท้ายว่าการขนส่งทางรางเปิดช่องทางใหม่อันมีประสิทธิภาพในการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียม และจะกระตุ้นการส่งออกด้วยต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงและประสิทธิภาพทางโลจิสติกส์ที่พัฒนาดีขึ้น

27 พฤศจิกายน 2461 รัชกาลที่ 6 ทรงประกาศตั้ง 'กรมสาธารณสุข' ต่อมายกระดับเป็น ‘กระทรวงสาธารณสุข’ และถือเป็นวันสาธารณสุขแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รวมหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กองบัญชาการ, กองสุขศึกษา, กองสาธารณสุข, กองยาเสพติดให้โทษ, กองโอสถศาลารัฐบาล และกองบุราภิบาล เข้าด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อเป็น ‘กรมสาธารณสุข’ ซึ่งในเวลานั้นมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก ถือเป็นการใช้คำว่า 'สาธารณสุข' เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย จึงได้กำหนดให้วันที่ 27 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็น ‘วันสาธารณสุขแห่งชาติ’ เพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งกรมสาธารณสุข

ก่อนหน้านี้ในสมัยรัชกาลที่ 5 กิจการทางการแพทย์ในประเทศไทยยังคงแบ่งออกเป็นหลายหน่วยงาน เช่น กองบัญชาการ กองสุขศึกษา กองสาธารณสุข กองยาเสพติดให้โทษ กองโอสถศาลารัฐบาล และกองบุราภิบาล โดยในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวงมหาดไทยได้มีความประสงค์ที่จะปรับปรุงกิจการด้านการแพทย์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อจากกรมประชาภิบาลเป็นกรมสาธารณสุข และทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นชัยนาทนเรนทร ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมมหาวิทยาลัย เป็นอธิบดีคนแรกของกรมสาธารณสุข

ต่อมาในปี พ.ศ. 2485 กรมสาธารณสุขได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกระทรวงสาธารณสุข จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งทางราชการยังได้กำหนดให้วันที่ 27 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันสาธารณสุขแห่งชาติ

ปักกิ่งเผย 'เผิงต้าซุ่น' ผู้นำโกก้าง อยู่ในจีน แต่มารักษาอาการป่วย

(20 พ.ย.67) จีนเปิดเผยว่า นายเผิง ต้าซุ่น ผู้นำกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือกองกำลังโกก้าง หนึ่งในกลุ่มกบฏสำคัญในเมียนมา ได้เดินทางมายังประเทศจีนเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ หลังจากมีรายงานข่าวจากเมียนมาว่า เขาถูกทางการจีนจับกุมตัวแล้ว

โดยระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน นายหลิน เจียน ได้ถูกถามถึงรายงานการจับกุมตัวนายเผิง โดยเขาตอบว่า ก่อนหน้านี้นายเผิงได้ยื่นคำร้องขอเดินทางมาจีนเพื่อรับการรักษา และตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวและฟื้นฟูสุขภาพ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาการหรือที่อยู่ของนายเผิง

สำหรับ MNDAA ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยกลุ่มชนกลุ่มน้อยโกก้างในรัฐฉาน และเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่ทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวดำเนินมานานเกือบ 20 ปี ก่อนที่การปะทะในโกก้างเมื่อปี 2552 จะทำให้ข้อตกลงหยุดยิงพังทลาย

ในการปะทะครั้งนั้น MNDAA ถูกผลักดันออกจากเมืองเล่าก์ก่าย และทำให้ มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารในปัจจุบันได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้บัญชาการส่วนภูมิภาค แต่ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว MNDAA สามารถกลับบมายึดเมืองเล่าก์ก่ายกลับคืนมาได้สำเร็จ หลังจากทหารรัฐบาลมากกว่า 2,000 นายยอมจำนน

หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน กองทัพ MNDAA ยังสามารถยึดเมืองล่าเสี้ยวได้สำเร็จ ซึ่งห่างจากเขตปกครองตนเองโกก้างประมาณ 100 กม. แต่การยึดเมืองล่าเสี้ยวนี้กลับทำให้จีนเริ่มแสดงความกังวล เนื่องจากมีความกลัวว่าอิทธิพลจากชาติทิศตะวันตกอาจแทรกซึมเข้ามาเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมา และการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นอาจนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลทหาร

หลังจากเหตุการณ์การยึดเมืองล่าเสี้ยว จีนได้ตัดการให้บริการน้ำและอินเทอร์เน็ตแก่เขตปกครองตนเองโกก้าง ซึ่งติดกับมณฑลยูนนานของจีน

ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวจับกุม นายเจสัน ทาวเวอร์ จากสถาบันสันติภาพในสหรัฐฯ ระบุว่า การที่จีนจับกุมตัวนายเผิงอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรักษาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้าน โดยจีนหวังว่าจะสามารถเจรจาให้ MNDAA สละเมืองล่าเสี้ยวเพื่อยุติความขัดแย้ง

กรมธุรกิจพลังงาน ลงนามร่วม กพพ. -กฟน.-กฟภ. ผสานกำลังกำกับดูแลสถานีชาร์จไฟฟ้ารถอีวี

กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จับมือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ร่วมกันกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของการประกอบกิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

(20 พ.ย. 67) นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน พร้อมด้วยนายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นางสาวภัทรา สุวรรณเดช รองผู้ว่าการธุรกิจ การไฟฟ้านครหลวง และนายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding : MOU) เรื่อง การกำหนดกรอบระยะเวลาในการปฏิบัติงานการอนุมัติอนุญาต และจัดทำมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าของสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ภายในเขตสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารบี ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

นายสราวุธ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอนุมัติ อนุญาต ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของการประกอบกิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ที่ติดตั้งภายในเขตสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน 

ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทางหน่วยงานทั้ง 4 จะทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวกับการขออนุมัติอนุญาต และจัดทำมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าฯ เพื่อใช้เป็นข้อกำหนดในการอนุมัติ อนุญาต ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถใช้งานสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ที่ติดตั้งภายในเขตสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ได้อย่างมั่นใจ มีความปลอดภัย และยังเป็นการดำเนินการตามนโยบาย 30@30 ตามมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ในการส่งเสริมให้เกิดการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในประเทศ

‘พีระพันธุ์’ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา รับฟังปัญหาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ

‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรีและรมว. พลังงาน พร้อม ‘เจือ ราชสีห์’ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา รับฟังปัญหากำจัดและแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า

เมื่อวันที่ (18 พ.ย. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา นายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายปรีชา สุขเกษม และคณะได้เดินทางมารับฟังและดูโรงงานกำจัดและแปรรูปขยะเป็นไฟฟ้า บริษัท จีเดค จำกัด ซึ่งได้สัมปทานจากเทศบาลนครหาดใหญ่ และตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานสั่งหยุดดำเนินงานเมื่อเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดปัญหามาอย่างต่อเนื่อง 

“ทางออกของปัญหาเรื่องนี้คือการให้เทศบาลนครหาดใหญ่สั่งเลิกสัญญากับทางบริษัท จีเดด จำกัดซึ่งเป็นคู่สัญญาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญาเพื่อที่จะให้รายใหม่เข้ามาดำเนินการจัดการขยะร่วมกับเทศบาลต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว

กองทัพเรือ และ Top Radio 93.5 ต้อนรับกลุ่มเด็กพิการซ้ำซ้อน อบอุ่น

(20 พ.ย. 67) ที่บริเวณบ้านรับรองหาดน้ำใส ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันอังคารที่ 19 พ.ย.ศกนี้ พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมคณะประกอบด้วย พล.ร.ท.ธันยกร เสนาลักษณ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทหารเรือ และ พล.ร.ต.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ได้ไปร่วมให้การต้อนรับ “กลุ่มเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน” จาก “โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา” รวมทั้งผู้อำนวยการและครูผู้ดูแลเด็ก ๆ จำนวน 91 คน ซึ่งเดินทางมาจากสถานที่ตั้งใน กทม.และมาพำนักที่บ้านรับรองริมหาดน้ำใส ซึ่งอยู่พื้นที่รับผิดชอบของ “หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ” กองเรือยุทธการ หรือ หน่วยซีล หรือมนุษย์กบของราชนาวีไทย (Navy Seal) ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย.67 รวม 3 วัน 2 คืนภายใต้โครงการ “พาน้องตาบอดพิการซ้ำซ้อนเที่ยวทะเล” ประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งเป็นกิจกรรมปันน้ำใจให้ผู้ด้อยโอกาสในสังคมที่ได้รับการสร้างสรรค์ของคณะผู้จัดรายการวิทยุ TOP RADIO จากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 93.5 ม.ฮ. ได้แก่ ดี.เจ.เทวี แย้มสรวล, ดี.เจ.นฤทธิ์ พันธุเมธา และ ดี.เจ.มธุรส โอสถานนท์ ได้ร่วมกันดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 10 ปีแล้ว

พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีพร้อมกับแสดงความขอบคุณคณะผู้จัดรายการวิทยุฯ ที่เลือกบ้านพักรับรองหาดน้ำใสเป็นแหล่งพำนักเพื่อเรียนรู้และสร้างประสบการณ์แก่เด็ก ๆ ผู้ด้อยโอกาส โดยบรรดาครูได้ปฏิบัติหน้าที่และคลุกคลีอยู่กับเด็กอย่างใกล้ชิด ได้ผ่อนคลายจากภาระหน้าที่ควบคู่ไปพร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้ทหารเรือ ได้มีส่วนร่วมในการปันน้ำใจให้แก่กลุ่มเด็ก ๆ ผู้พิการซ้ำซ้อนและครูผู้เสียสละในครั้งนี้ด้วย
โดยกองทัพเรือ ได้สำรองห้องพักที่บ้านรับรองหาดน้ำใสไว้ตลอด 3 วัน 2 คืน โดยได้จัดอาหารเย็นไว้ต้อนรับดูแลในวันแรก พร้อมกับจัดวงดนตรีไปขับกล่อมด้วย ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พล.ร.ท.ธันยกร เสนาลักษณ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ได้ลงไปร่วมดูแลหนูน้อยที่กำลังสนุกสนานบันเทิงกับการได้สัมผัสบรรยากาศในการเล่นน้ำทะเล ซึ่งนอกจากจะมีบรรดาครูพี่เลี้ยงลงไปดูแลแล้ว ยังได้จัด “มนุษย์กบ” ลงไปประจำในทะเล เพื่อดูแลโดยมิให้คลาดสายตาตลอดเวลา ทั้งนี้ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ประจักษ์อย่างใกล้ชิดในความน่าสงสาร-น่าเห็นใจของบรรดาเด็ก ๆ ผู้พิการซ้ำซ้อน และดีใจมากที่มีส่วนช่วยสร้างความสุขสนุกสนานให้พวกเขาตอนเล่นน้ำทะเลที่หาดน้ำใส แถมยังมีโอกาสได้ร่วมต้อนรับดูแล ถึง 3 วัน 2 คืนอีกด้วย ต้องขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณกลุ่มผู้จัดรายการวิทยุ TOP RADIO และทีมงานที่ร่วมโครงการ ขอเป็นกำลังใจให้เดินหน้าทำโครงการดี ๆ อย่างนี้ต่อไป ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่ากองทัพเรือพร้อมให้การส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มใจต่อไป อนึ่ง โครงการ “พาน้องตาบอดพิการซ้ำซ้อนเที่ยวทะเล” ได้จัดต่อเนื่องมากว่า 10 ปีแล้ว โดยได้ว่างเว้นไป 2 ปี ที่เกิดการแพร่ระบาดของ “โควิด 19” เท่านั้น ซึ่งก่อนถึงกำหนดจัดกิจกรรมแต่ละครั้ง คณะผู้จัดรายการวิทยุ TOP RADIO 93.5 ม.ฮ.จะมีการจัดกิจกรรมหาทุนด้วยการจัด Retro Party Charity Concert และเชิญชวนบรรดาผู้ฟังที่เป็นติดตามรายการได้มาร่วมสังสรรค์ สันทนาการและสมทบเงินเป็นกองทุนสนับสนุนโครงการฯ และเป็นที่น่ายินดีว่า บรรดาผู้ฟังได้ร่วมกันตอบรับสนับสนุนด้วยความเต็มใจตลอดมา

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญกุศลและรับฟังสารจากผู้บัญชาการทหารเรือ เนื่องในวันกองทัพเรือ

(20 พ.ย. 67) กองเรือยุทธการ จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันกองทัพเรือ โดยมี พลเรือโท กรวิทย์ ฉายะรถี รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้นำกำลังพลจากหน่วยในสังกัดร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร ณ กองบัญชาการกองเรือยุทธการ เวลา 07.00 น. และร่วมพิธีทำบุญเลี้ยงพระ ณ พุทธสถานกองเรือยุทธการ เวลา 10.00 น. โดยในเวลา 08.30 น. กำลังพลจากหน่วยงานในสังกัดทัพเรือภาคที่ 1 ได้แก่ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1, เรือในกองเรือปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1, ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ได้ตั้งแถวรับฟังสารจากผู้บัญชาการทหารเรือโดยพร้อมเพรียง ณ ที่ตั้งหน่วย นอกจาก กิจกรรมทางศาสนาและการรับฟังสารแล้ว ทัพเรือภาคที่ 1 ยังจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาทำความสะอาดบริเวณอุโบสถวัดทรงเมตตา เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสร้างความสามัคคีในหมู่กำลังพล อีกด้วย ความสำคัญของวันกองทัพเรือ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญที่ระลึกถึงการก่อตั้งโรงเรียนนายเรืออย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2449 โดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาสำหรับทหารเรือ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปกป้องประเทศ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารเรือยังประเทศอังกฤษ และกลับมาก่อตั้งโรงเรียนนายเรือ ณ พระราชวังเดิม ตั้งแต่นั้นมา กองทัพเรือได้ยึดถือวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็น “วันกองทัพเรือ” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์ไทยที่ทรงวางรากฐานกิจการทหารเรือ ให้มั่นคงจนถึงปัจจุบัน

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top