Sunday, 29 June 2025
TheStatesTimes

ปูติน ไม่แคร์แซงก์ชั่น เล็งเยือนอินเดีย หารือนายกฯโมดี ชี้สองผู้นำเป็น 'เพื่อนสนิท'

(20 พ.ย.67) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เตรียมเดินทางเยือนอินเดียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขามีคำสั่งให้รัสเซียรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเยือนนี้เป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของความพยายามจากสหรัฐฯ ในการกีดกันปูตินจากเวทีโลก

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวเอเอ็นไอ (ANI) ของอินเดีย และยืนยันกับบลูมเบิร์กว่า แม้ยังไม่ได้กำหนดวันเดินทางเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย แต่รัสเซียตั้งตารอที่จะได้พบปะในเร็ว ๆ นี้

เปสคอฟกล่าวว่า “หลังจากที่นายกรัฐมนตรีโมดีเดินทางเยือนรัสเซียถึง 2 ครั้ง ตอนนี้ปธน.ปูตินเตรียมเยือนอินเดียแล้ว … เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการติดต่อเหล่านี้”

ก่อนหน้านี้นายกโมดี เคยยอมรับปูตินและเรียกเขาว่า “เพื่อน” ในการหารือดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียง 1 วันหลังจากที่รัสเซียโจมตีโรงพยาบาลเด็กในกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับนานาประเทศ

ทั้งนี้ อินเดียและรัสเซียเคยจัดการประชุมสุดยอดประจำปีระหว่างผู้นำสองประเทศก่อนที่การรุกรานยูเครนจะเริ่มขึ้น โดยแหล่งข่าวในขณะนั้นเผยว่า นายกรัฐมนตรีโมดีหลีกเลี่ยงการพบปะกับปูตินแบบตัวต่อตัวในเดือนธันวาคม 2565 หลังจากที่ปูตินขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงคราม

แม้จะมีความวิตกกังวลจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการพบปะของผู้นำทั้งสอง ซึ่งอาจทำให้ปูตินได้รับการยอมรับในเวทีโลกจากสงครามในยูเครน แต่ทางการสหรัฐฯ ก็ยังตระหนักถึงความสำคัญของการที่อินเดียจะเข้ามามีบทบาทในการคานอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หากปูตินเดินทางไปอินเดียจริง จะถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของเขาในการเดินทางไปต่างประเทศ หลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ออกหมายจับเขาในข้อหาอาชญากรรมสงครามในยูเครนเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

พิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ปฐมบทเส้นทางลูกผู้ชาย 2,928 นาย สู่การเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือที่องอาจ

น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ณ สนามฟุตบอล ศฝท.ยศ.ทร. ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การจัดพิธีเปิดการฝึกฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และความภาคภูมิใจ แก่ทหารใหม่ โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา ครูฝึก และครูประจำหมวดวิชาเข้าร่วมพิธีฯ ถือเป็นการเข้าสู่การฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.67  ทหารใหม่ เดินทางเข้ารายงานตัว ณ ศฝท.ฯ บัดนี้ ทหารใหม่ จำนวน 2,928 นาย ได้ผ่านการเตรียมร่างกาย จิตใจ ตลอดจนผ่านการคัดกรองโรคต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีความพร้อมในการปฏิบัติตามตารางการฝึกอบรม 

ทั้งนี้ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร. มอบโอวาท ถึงแนวทางในการปฏิบัติความตอนหนึ่งว่า “...ครูฝึกและครูประจำหมวดวิชาให้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ จะต้องคำนึงถึงกฎระเบียบและนโยบายของผู้บังคับบัญชา ตลอดจนการปกครองอย่างยุติธรรม ให้ความรักความเมตตาเสมือนลูกหลานหรือญาติมิตรของเรา และให้ทหารใหม่ทุกนายอุทิศตน ตั้งใจฝึกหัดศึกษาหาความรู้ ด้วยความอดทนและอย่าได้ท้อถอย สิ่งที่ทุกคนจะได้เรียนรู้จาก ณ สถานแห่งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นทหารผู้ที่มีเกียรติสง่างาม ในเครื่องแบบทหารเรือ แห่งราชนาวีไทยต่อไป...”

'สุริยะ' ย้ำ ที่เขากระโดงเป็นของ รฟท. ลั่น ไม่กังวลถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง

เมื่อวันที่ (19 พ.ย.67)  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภายหลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน อุทธรณ์คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิที่ดินเขากระโดง ว่า ขอย้ำอีกครั้ง รฟท. ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของ รฟท. เมื่ออธิบดีกรมที่ดินวินิจฉัยต่างออกมา รฟท. ก็ทำหนังสือไปโต้แย้ง และดำเนินการเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวจากกรมที่ดิน กรณีดังกล่าวให้ไปฟ้องกับศาลแพ่ง เพื่อดำเนินการกับผู้ครองหรือบุกรุก 900 แปลง นายสุริยะ กล่าวว่า รฟท. ได้ประชุมบอร์ดเพื่อให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ใช้เวลาไม่เกิน1เดือน น่าจะฟ้องร้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกกรณีหนึ่ง

ถามว่า มีหลักฐานชัดเจนใช่หรือไม่ว่าที่ดินบริเวณเขากระโดง เป็นที่ของรฟท. รมว.คมนาคมตอบว่า ที่ดินเป็นของการรถไฟฯ แน่นอน สื่อฯ ไปตรวจสอบดูได้ในหนังสือโต้แย้ง 20 กว่าหน้า มีการระบุรายละเอียดชัดเจน

ส่วนสนามแข่งรถ และสนามฟุตบอล อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ ใช่หรือไม่นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตรงนั้นครอบคลุมไปอย่างไร ซึ่งตนไม่ได้ดูในรายละเอียด

เมื่อถามว่า หากอธิบดีกรมที่ดิน ไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง จะดำเนินการอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ขอรอดูคำตอบก่อน

ส่วนคำถามที่ว่า หากอธิบดีกรมที่ดินยังไม่ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฯให้เพิกถอน กระทรวงคมนาคม จะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตาม ม.157 หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เพิ่งได้คุยกับผู้ว่ารฟท. แต่ตนไม่อยากขยายความ

ถามว่า มีทางออกรองรับหรือไม่ ว่าให้ผู้บุกรุกมาเช่าที่ดินกับ รฟท. แทน รมว.คมนาคมตอบว่า ถือเป็นแนวทางที่กฤษฎีกานำเสนอ

ซักว่า ก่อนหน้านี้เลขาฯกฤษฎีกา และให้กรมที่ดินและการรถไฟฯ จับเข่าคุยกันเพื่อลดความขัดแย้ง นายสุริยะ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องทำตามกฎหมายก่อน หากในเรื่องของกฎหมายชัดเจนแล้วว่าที่ดินเป็นของการรถไฟฯ จะไปให้เช่าหรือไม่อย่างไรก็ว่ากันต่อไป

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง แม้จะอ้างเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเลย เพราะเป็นการทำแบบตรงไปตรงมา ถ้าไม่ทำตน และรฟท. จะถูกดำเนินคดีตาม ม.157

ถามว่า นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นการเอาคืนหรือไม่ รมว.คมนาคมตอบว่า ตนคิดว่าเรื่องที่ดินอัลไพน์ถ้าผิดกฎหมายก็ว่ากันไป แต่เบื้องต้นตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องผิดกฎหมาย

ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ มอบนโยบายแก่ครูฝึก ครูประจำหมวดวิชา ให้ปลูกฝังระเบียบวินัย ความรักสถาบัน 

น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ มอบนโยบายในการฝึกแก่ครูฝึก ครูประจำหมวดวิชา ณ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยได้ถ่ายทอดนโยบาย ข้อสั่งการ รวมทั้งข้อห่วงใยของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่มุ่งเน้นการสร้างระเบียบวินัย ความเป็นทหาร , ปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ , ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับทหารเรือ , ปลูกฝังความสามัคคีและความเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ , การเป็นแบบอย่างที่ดีของครูฝึก , ฝึกบนพื้นฐานความปรารถนาดีต่อกัน , มีการประเมินผลการฝึกที่เป็นระบบ , ความโปร่งใสเกี่ยวกับการเบิกจ่าย/ตัดเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น   

ในการนี้ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ ได้มอบแนวทางการปฏิบัติ ข้อเตือนใจในการปฏิบัติต่อนักเรียนพลทหาร เน้นย้ำให้ครูฝึก ครูหมวดวิชาทุกนายยึดถือนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ภายใต้กรอบของความปลอดภัย เพื่อสร้างนักเรียนพลทหารให้เป็นทหารที่องอาจ สมชายชาติทหาร และเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ

ชลบุรี...กลุ่มบริษัทยูนิไทย ร่วมกับ ซียูอีแอล จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล 'UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง' มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด พร้อมด้วย กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พญ.กรวิกา จิระตุลธร ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นายยุทธนา สร้อยเสนา ปลัดอาวุโสอำเภอสัตหีบ และ น.ส. นริศรา ทิพยางกูร ปลัดอาวุโสอำเภอศรีราชา ร่วมแถลงข่าว จัดงานวิ่งการกุศล 'UNITHAI - CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง' มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทยูนิไทย ดำเนินธุรกิจด้านอู่ซ่อมเรือชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานวิศวกรรมโครงสร้างบนบกและนอกชายฝั่ง พลังงานหมุนเวียน รวมทั้งบริษัทในเครือต่าง ๆ ที่ให้บริการด้านซัพพลายเชนโซลูชั่นแบบครบวงจร ท่าเรือเอกชน คลังสินค้า บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย  

สำหรับการจัดกิจกรรมงานวิ่งการกุศลในครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็ง อีกทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กร รวมถึงประชาชนทั่วไป หันมาใส่ใจการออกกำลังกายเพื่อสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี ห่างไกลโรคมะเร็ง ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะสมทบทุนในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยมะเร็ง โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ต่อไป นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกให้ดียิ่งขึ้น ตามพันธกิจขององค์กรที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาความเจริญด้านชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม”

ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า นักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันจะได้สัมผัสกับเส้นทางวิ่งในสวนสวย ผ่านจุดไฮไลท์ที่สำคัญต่าง ๆ ของสวนนงนุช หนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลกสำหรับประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะวิ่ง 4 กิโลเมตร ค่าสมัคร 588 บาท (ไม่มีการแข่งขัน)  2. ระยะวิ่ง 8 กิโลเมตร ค่าสมัคร 788 บาท  และ3. ระยะวิ่ง 12 กิโลเมตร ค่าสมัคร 888 ทั้งนี้ผู้ที่ได้อันดับ 1-3 ของทุกรุ่นอายุรับเงินรางวัลและรางวัล Overall ชาย-หญิง ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://www.runlah.com/events/ucrc2025 หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 089-962-6229 และ 089-939-9128

ปล่อยซาว์ดสัมภาษณ์ ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด

(อุบลราชธานี) กกล.สุรนารี บูรณาการ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 118,000 เม็ด พร้อมรถกระบะ 1 คัน ที่ชายแดนเขมราฐ 

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 19.00 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ  ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 227 ร่วมกับ ตำรวจภูธรเขมราฐ และ ฝ่ายปกครอง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ทำการซุ่มสกัดจับเป้าหมายยาเสพติด ตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม วิ่งมาในพื้นที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น รถกระบะคันดังกล่าว ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้  จึงเข้าตรวจสอบ สามารถตรวจยึด ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) จำนวน 59 มัด ประมาณ 118,000 เม็ด พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม จำนวน 1 คัน จึงได้ส่งมอบของกลางให้กับ สถานีตำรวจภูธรเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

(อำนาจเจริญ) กกล.สุรนารี บูรณาการ 'จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง ชายแดน จังหวัดอำนาจเจริญ’

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 17.50 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน ที่ 23 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทำการซุ่มเฝ้าตรวจ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าจะมีการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง

โดยผิดกฎหมาย บริเวณริมแม่น้ำโขง อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ พบบุคคลต้องสงสัยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงทำการเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นราษฎรชาวลาว 29 คน (ชาย 3 คน หญิง 26 คน) และผู้นำพาชาวไทย 1 คน (ชาย) 

จากการสอบถามทราบว่าเป็นการลักลอบเข้ามาเพื่อรับจ้างเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร(เกี่ยวข้าว) จึงได้ควบคุมและส่งมอบผู้กระทำความผิดให้กับ สถานีตำรวจภูธรชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘พรรคส้ม’ อาจถึงทางตัน! ถอยไม่ได้ไปต่อลำบาก เหตุติดกับดักความสุดโต่ง หวังอีกเฮือกเลือก ‘นายกอบจ.’

“...หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ย่อมได้เป็นรัฐบาลอย่างสง่างาม ไม่โดนพรรคร่วมขี่คอ แต่คุณทักษิณอาจยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะ หากพรรคเพื่อไทยยังน่าเกรงขาม การเจรจาให้เหล่าชนชั้นนำเห็นพ้องกันหมดยอมให้คุณทักษิณกลับบ้าน คงเป็นไปได้ยาก

แต่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งลำดับที่หนึ่ง กลับเป็นปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้คุณทักษิณได้กลับบ้าน เพราะ ชนชั้นนำทุกฝ่ายต้องสนธิกำลังสกัดพรรคก้าวไกล ไม่ให้เป็นรัฐบาล..”

เป็นมุมคิดมุมรู้สึกล่าสุดของอ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่  ตรรกะก็คือ..ประโยคสำคัญก็คือเพราะพรรคก้าวไกลเป็นแชมป์เลือกตั้งทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาลและทักษิณได้กลับบ้าน..ซึ่งจะว่าไปก็ถูกต้อง แต่ไม่ถูกทั้งหมด..

หากจะว่าไปให้ถึงที่สุด  หากพรรคก้าวไกล(ขณะนั้น)ไม่ชูธงการแก้ไขมาตรา 112 แบบสุดโต่ง(แก้แบบยกเลิก) และมีแนวร่วมเครือข่ายแบบ ‘ปฏิกษัตริย์นิยม’ ที่เรียกขานกัน..โอกาสที่จะได้จัดร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่กับพรรคอื่นๆก็พอมี...

7 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลถูกยุบ ลอกคราบเป็นพรรคประชาชน แม้จะโหมประโคมว่า ‘ยิ่งยุบยิ่งโต’เลือกตั้งรอบหน้าจะโตเป็นสองเท่าหรือ 300 เสียง...แต่เมื่อเหลียวหลังแลหน้าดูแล้วก็ต้องฟันธงว่า..ยากมากถึงยากที่สุด...รักษาตัวเลข 151เสียง เท่ากับผลเลือกตั้งปี 2566 เอาไว้ได้ก็น่าจะเก่งแล้ว..

ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์-เงื่อนไข เหตุปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีความพร้อมพรึ่บ...แต่ปัญหา ‘ความสุดโต่ง’ ความแข็งตัวในแนวคิดเกี่ยวกับสถาบันสำคัญ คือการติดกับดักตัวเอง ที่ทำให้พรรคประชาชนก้าวไม่ไกลที่ควรจะเป็น..

เมื่อเร็ว ๆ นี้พรรคประชาชนประกาศชักธงรบชิงนายกอบจ.ล็อตใหญ่ที่จะเลือกกันวันที่ 1 ก.พ.2568 จำนวน 12 จังหวัด ที่มีเป้าหมาย/โอกาสจะชนะ จากจำนวนที่จะเลือกกันทั้งหมด 47 จังหวัด..

12 จังหวัดที่พรรคประชาชนจะลงชิงชัยนายกอบจ.ประกอบด้วย..ประกอบด้วย  

1. นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ เชียงใหม่ 2. นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ลำพูน 3.นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ มุกดาหาร 4.นายอุรุยศ เอียสกุล หนองคาย 5. นายชลธี นุ่มหนู ตราด 6. นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล อบจ.ภูเก็ต 7. นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ สุราษฎร์ธานี 8. นายสุทธิโชค ทองชุมนุม พังงา 9. นายนิรันดร์ จินดานาค สงขลา 10.นางสาวนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย สมุทรสงคราม 11. นายนพดล สมยานนทนากุล สมุทรปราการ และ 12.นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ นนทบุรี

ว่ากันว่าใน 12 ผู้สมัคร..มีเพียงนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ว่าที่ผู้สมัครอบจ.สมุทรสงคราม ที่พอจะเห็นแสงสว่างชัยชนะปลายอุโมงค์ เหตุเพราะนายกอบจ.สายลุงป้อมคะแนนสาละวันเตี้ยลง...ที่เหลืออาจจะมีลุ้นสัก 1- 2 แห่ง

รวมความแล้ว..พรรคส้มต้องไปปรับกระบวนท่า ปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีกันใหม่..แต่ต้องเริ่มต้นจากการตั้งโจทย์ประเทศให้ถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง...เช่นถ้าสมมุติตั้งโจทย์ว่าปัญหาของประเทศคือสถาบันฯ แล้วชักธงรบ..ก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง ต้องก้าวข้ามความคิดนี้รวมทั้งการตั้งเป้ายกเลิก มาตรา 112..

อย่าคิดตายตัว ท่องคาถาว่า...เวลาอยู่อย่างข้างเรา คนรุ่นใหม่...เพราะพรรคอื่นเขาก็มีคนรุ่นใหม่เหมือนกัน ในขณะที่คนรุ่นใหม่ของพรรคส้มก็เริ่มเสพติดกาแฟสภา หอมกลิ่นอำนาจ..ดังนั้นก็จงอยู่กับความเป็นจริงใช้อำนาจใช้พลังของพรรคอันดับหนึ่งในขณะนี้ให้สร้างสรรค์ ทรงพลัง ไม่หมกมุ่นอยู่กับ มาตรา 112 หรือการแก้รธน.เป็นหลัก..

นักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ถ้าพรรคส้มออกจากกับดักที่ว่าได้ ก็จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ...แต่ถ้ายังติดกับดักเดิม ๆ ก็คงอยู่ในสภาพ..ถอยหลังไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง(ฝัน)!!

'Ralph Lauren' แบรนด์อเมริกัน ขายดีในจีน สะท้อนคนแผ่นดินใหญ่นิยมเทรนด์ Quiet Luxury

(20 พ.ย.67) ในช่วงเวลาที่ตลาดสินค้าหรูหราในจีนกำลังซบเซา แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง 'LVMH' และ 'Kering' ต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปของชาวจีน แต่ในท่ามกลางกระแสนี้ กลับมีหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นและสวนทางกับกระแสความท้าทายเหล่านั้น นั่นคือ 'Ralph Lauren' แบรนด์หรูจากสหรัฐฯ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแดนมังกร

เมื่อไม่นานมานี้ Ralph Lauren รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2025 โดยมียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% และภูมิภาคเอเชียเป็นผู้นำการเติบโต ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 11% แม้รายได้จากจีนยังคงเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย (ประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด) แต่แบรนด์มองว่านี่คือก้าวแรกที่สำคัญสำหรับการขยายตลาดในประเทศนี้

นีล ซอนเดอร์ส กรรมการผู้จัดการของ GlobalData Retail ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ralph Lauren ยังคงครองใจผู้บริโภคในจีนได้ นั่นคือ 'ความเรียบหรูและความคลาสสิก' ที่แตกต่างจากแบรนด์สินค้าหรูหราทั่วไป ในยุคที่ชาวจีนบางส่วนเริ่มลดความสนใจในสินค้าหรูที่แสดงถึงความมั่งคั่งเกินจำเป็น Ralph Lauren กลับนำเสนอสไตล์ที่ไม่โอ้อวด แต่ยังคงสะท้อนถึงคุณภาพและความคงทน ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาด

มาร์ติน โรล นักยุทธศาสตร์ธุรกิจจาก McKinsey อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวคิด 'วิถีชีวิตแบบอเมริกันคลาสสิก' ของแบรนด์นี้ สอดรับกับความสนใจของผู้บริโภคชาวจีนที่กำลังมองหาความหรูหราที่ประณีตและยั่งยืน คุณภาพและประวัติศาสตร์ของแบรนด์กลายเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่าง และทำให้แบรนด์สามารถยืนหยัดในตลาดจีนได้อย่างมั่นคง

Ralph Lauren ไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำเสนอสินค้าคลาสสิก แต่ยังใช้กลยุทธ์ Omnichannel อย่างชาญฉลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม เช่น Tmall, JD.com และ WeChat รวมถึงการเปิดร้านป๊อปอัปเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังเจาะกลุ่ม Gen Z ชาวจีน ที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าหรูผ่านช่องทางดิจิทัล

นอกจากนี้ การเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมความสำเร็จ Ralph Lauren สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในการรักษ์โลกอย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับความสนใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ในจีน ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แม้ Ralph Lauren จะสามารถฝ่ากระแสและทำตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในจีน แต่อนาคตยังคงมีความท้าทายรออยู่ ทั้งเรื่องภาษีศุลกากรและกระแสชาตินิยมในจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม นี่คือบทพิสูจน์สำคัญว่า Ralph Lauren สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และจะรักษาความนิยมในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนแค่ไหน

‘เอกนัฏ’ ยกทีมบุกญี่ปุ่น ถก 2 กระทรวง - 7 เอกชนใหญ่ สร้างความเชื่อมั่นลงทุนยานยนต์ - พลังงานสะอาดในไทย

‘เอกนัฏ’ เปิดทริปโรดโชว์แรกรับปีงบประมาณ 2568 หวังดึงการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่น เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมหารือ METI และ MOEJ ตอกย้ำศักยภาพการเป็นฐานการผลิตของไทย และนัดหารือกับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย

(20 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2567 มีกำหนดเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว (Tokyo) พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม (MOEJ) เกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การใช้พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังมีกำหนดการเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น อาทิ โตโยต้า มาสด้า นิสสัน มิตซูบิชิ ฮอนด้า อีซูซุ และมูราตะ เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมของไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“การเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของทั้งสองประเทศ ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายเอกนัฏ กล่าว

ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ.รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า ในการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นการพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงโอกาสทางธุรกิจ การลงทุน และความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน

ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรม และเป็นประเทศที่ลงทุนในไทยมากเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน ซึ่งรัฐบาลไทยมุ่งมั่นเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในไทยสำหรับเอกชนญี่ปุ่นตามคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากภาคเอกชนญี่ปุ่น โดยไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยและมองหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top