Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

'ญี่ปุ่น' อ่วม!! 'น้ำท่วม-ดินถล่ม' ใน'อิชิกาวะ' 100 ชุมชนถูกตัดขาด ดับแล้ว 7 ราย

(24 ก.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฝนถล่มหนักในจังหวัดอิชิกาวะ ของประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มหลังฝนตก โดยทางการจังหวัดอิชิกาวะ รายงานว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักในคาบสมุทรโนโตะ ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม เพิ่มขึ้นเป็น 7 ราย และยังมีผู้สูญหาย 2 คน รวมถึงคนที่ยังติดต่อไม่ได้อีก 5 คน นอกจากนี้แม่น้ำ 16 สายเอ่อล้น ถนนหลายสายได้รับความเสียหาย และชุมชนกว่า 100 แห่ง ถูกตัดขาดจากภายนอก

โดยเมืองวาจิมะมีฝนตกหนักวัดได้เกือบ 500 มิลลิเมตร และเมืองซูซุ มีปริมาณฝนเกือบ 400 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณดังกล่าวสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยของปริมาณฝนทั้งเดือนกันยายนถึง 2 เท่า แต่ฝนเบาบางลงแล้ว

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาลดระดับคำเตือนฉุกเฉินฝนตกหนัก ที่เป็นระดับสูงสุดในหลายเมืองของคาบสมุทรโนโตะ แต่ยังมีคำเตือนให้ประชาชนในจังหวัดอิชิกาวะ และนีงาตะ ที่อาจมีฝนตกวัดได้กว่า 300 มิลลิเมตรใน 48 ชม. ให้เฝ้าระวังภัยพิบัติที่อาจเกิดจากฝนตกหนัก

โดยบางพื้นที่ของสองจังหวัดนี้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว 7.6 แมกนิจูดในบริเวณคาบสมุทรโนโตะเมื่อวันที่ 1 มกราคม และประกอบกับมีฝนตก อาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดดินถล่มได้

มีรายงานว่าบ้านพักชั่วคราวสำหรับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวส่วนใหญ่จากเกือบ 140 หลังในเมืองวาจิมะ ถูกน้ำท่วม หลังแม่น้ำใกล้เคียงเอ่อล้นเข้าท่วม รัฐบาลเตรียมนำข้าวและสุขภัณฑ์เคลื่อนที่เข้าไปมอบในพื้นที่ประสบภัยในวาจิมะ

เหลือเชื่อ!! 'คนไทย' ประสบอุทกภัย-ร่ำไห้บนความยากแค้น แต่ผู้แทนฯ ของกลุ่ม 14 ล้านคน ร้องตะโกนให้ช่วยดูแลคนพม่า

คนเราถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด ที่เหลือนอกจากจะไม่มีทางถูก ก็อาจจะยิ่งผิดลงลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากนักการเมืองบางพรรคที่เข้ามาเพื่ออหวัง 'ล้มล้างการปกครอง' และ 'ทำลายสถาบันเบื้องสูง' เป็นเป้าหลัก ก็ย่อมจะเดินหน้าทำทุกวิถีทางที่จะกัดเซาะ เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของสถาบัน ก็จะง่ายสำหรับประเทศฝั่งตะวันตกที่ตนเอง 'แอบสมคบคิด' เข้าแทรกแซง 

หลาย ๆ วิธีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะปลุกปั่นเด็กไร้สมอง ให้ออกหน้ากระทำผิดมาตรา 112 เพื่อตนเอง จนต้องติดคุกกันระนาว 

แผนล้มสถาบันแบบใด ถ้าไม่ได้ผล ก็จะสุมหัวกันหาวิธีอื่น โดยไม่สนว่าความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยจะลำบากยากแค้นแค่ไหน ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจกำลังตกต่ำสุดขีด ก็ยังมีอุทกภัยทำให้ประชาชนคนไทยต้องไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก แต่คนพรรคนี้ก็ยังออกอาวุธ 'กระทบสถาบัน' อย่างไม่ลดละ พยายามด้อยค่าแม้แต่ 'ความเอื้ออาทร' ที่สถาบันและเหล่าทหารมีให้กับประชาชนคนไทย ไม่เคยมีความคิดที่สร้างสรรค์ที่หวังให้สังคมไทยดีขึ้นแม้แต่น้อย 

นอกจากยอมเป็น 'เด็กเช็ดรองเท้า' ให้กับตะวันตก ก็ยังแอบดีลกับคนพม่าที่มี 'หัวใจสามกีบ' ให้เดินเกมปลุกระดมช่วยเหลือความคิดเลว ๆ ของตนเอง เราจึงได้เห็นภาพแรงงานพม่าก่อม็อบ ชูป้ายที่มีข้อความว่าให้ 'ยกเลิก 112' ถือเป็นอีกหนึ่งการ 'สมคบคิด' ระหว่างแรงงานพม่าที่มาอาศัยแผ่นดินไทยทำมาหากิน กับพรรคการเมืองไทยที่สร้างแต่เรื่องน่ารังเกียจได้ไม่เว้นวัน 

ต่อให้ไม่มีอุทกภัย หรือเศรษฐกิจเลวร้ายเช่นขณะนี้ คนไทยจำนวนมากก็ยังไม่เข้าที่ ยังคงปากกัดตีนถีบ เป็นหนี้เป็นสิน ไร้งานทำ หน้าที่ของนักการเมืองไทยแม้แค่อยู่เฉย ๆ ไม่คิด ไม่ช่วยหาทางออกก็ดูแย่มากแล้ว แต่นี่กลับออกตัวพูดดัง ๆ ว่า 'ต้องช่วยคนพม่า' ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

ตั้งแต่มีพรรคการเมืองพรรคนี้มากินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ยังมองไม่เห็นแนวความคิดที่จะทำให้สังคมไทยดีขึ้นได้แบบยั่งยืนเลย นอกจากไร้ความสามารถ หัวจิตหัวใจยังไร้ความปรารถนาดีต่อเพื่อนคนไทยด้วยกัน 

เลว เนรคุณคนไทย สมองกลวงโบ๋ เบาปัญญา ไม่รู้จะใช้คำไหนเรียกแทนคนเหล่านี้ดี 

หรือคงต้องใช้ทั้งหมดรวมกัน 

'ไบเดน' เล่นแรง!! อาจไม่ได้แค่ขึ้นภาษีรถ EV จีนเท่านั้น แต่จะสั่ง 'แบนรถ EV จีน' ทั้งหมดไม่ให้เข้าอเมริกาเลยซักคัน

เมื่อวานนี้ (23 ก.ย. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแผนห้ามใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของจีนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งจะมีผลให้รถยนต์ไฟฟ้าจากแทบทุกบริษัทในประเทศจีนไม่สามารถเข้ามาแข่งขันในสหรัฐฯ ได้

ข้อเสนอกฎเกณฑ์ใหม่นี้ยังรวมถึงการบังคับให้บริษัทรถยนต์อเมริกันและต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ ต้องถอดซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของจีนออกจากรถยนต์ที่ขายในตลาดอเมริกาด้วย

ข้อห้ามใหม่นี้รวมถึงการไม่อนุญาตให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติบนถนนในสหรัฐฯ และยังครอบคลุมถึงการใช้ระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของต่างชาติที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าเป็นศัตรู เช่น รัสเซีย ด้วย

รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ จีนา ไรมอนโด กล่าวว่า "เมื่อประเทศฝ่ายตรงข้ามผลิตซอฟต์แวร์สำหรับยานพาหนะ นั่นหมายความว่าจะสามารถใช้ในการสอดส่อง และการควบคุมระยะไกล ซึ่งเป็นภัยคุกคามความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้รถยนต์ชาวอเมริกัน"

และว่า "ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ศัตรูต่างชาติอาจปิดการทำงานหรือเข้าควบคุมยานพาหนะทั้งหมดของพวกเขาที่อยู่ในสหรัฐฯ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะนำไปสู่อุบัติเหตุ หรือปัญหาจราจรครั้งใหญ่ได้"

ที่ผ่านมา รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความกังวลต่อการเก็บข้อมูลผู้ใช้รถยนต์และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ผ่านรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ของบริษัทจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ต่างชาติอาจแทรกแซงการทำงานของยานพาหนะที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและระบบการนำทางของรถยนต์ในสหรัฐฯ

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำเนียบขาวได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนความเสี่ยงที่ว่านี้ และเมื่อต้นเดือนกันยายน รัฐบาลไบเดนยังประกาศใช้อัตราภาษีระดับสูงต่อสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งรวมถึงภาษี 100% สำหรับรถไฟฟ้า แบตเตอรีไฟฟ้า และแร่ธาตุสำคัญจากจีน

ปัจจุบัน มีรถยนต์หรือรถกระบะของจีนเพียงไม่กี่รุ่นที่ขายในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งทาง รมต.ไรมอนโด ระบุว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้จะนำมาใช้ก่อนที่รถยนต์หรือชิ้นส่วนรถยนต์จากจีนและรัสเซียจะถูกใช้แพร่หลายในอเมริกามากขึ้น ซึ่งจะสร้างความเสี่ยงอย่างมากเมื่อถึงเวลานั้น

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน แถลงเช่นกันว่า "เนื่องจากความเป็นไปได้ที่จะมียานพาหนะนับล้านคันบนถนน (ในอเมริกา) และแต่ละคันมีอายุการใช้งาน 10-15 ปี ทำให้ความเสี่ยงของการก่อปัญหาหรือก่อวินาศกรรมเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย"

สำหรับข้อเสนอใหม่นี้ ในส่วนของซอฟต์แวร์จะเริ่มมีผลบังคับใช้กับรถยนต์รุ่นปี 2027 ส่วนฮาร์ดแวร์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2029 หรือรถยนต์รุ่นปี 2030

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ยืนยันว่า กฎเกณฑ์ใหม่จะครอบคลุมถึงการห้ามขายรถกระบะและรถบรรทุกจากจีนทั้งหมดในอเมริกา ยกเว้น "ได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ" เท่านั้น นอกจากนี้จะไม่รวมถึงยานพาหนะที่ใช้ในภาคการเกษตรหรือการทำเหมือง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้เวลา 30 วันสำหรับการรับฟังความเห็นของสาธารณชนในเรื่องนี้ และตั้งเป้าว่าจะสรุปขั้นสุดท้ายภายในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า

เมื่อเดือนที่แล้ว สถานทูตจีนในกรุงวอชิงตัน วิจารณ์แผนดังกล่าวของสหรัฐฯ ว่า "จีนขอให้สหรัฐฯ ปฏิบัติตามหลักการตลาดและกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งสร้างการแข่งขันอย่างเท่าเทียมสำหรับทุกบริษัทจากทุกประเทศ ขณะที่จีนจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ตามกฎหมายเช่นกัน"

ด้านสมาคมเพื่อนวัตกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์หลายบริษัทในอเมริกา รวมทั้ง เจเนรัลมอเตอร์ส โตโยต้า ฮุนได และโฟล์คสวาเกน เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องใช้เวลา พร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างพัฒนาในหลายประเทศ รวมถึงจีนด้วย

เปิดคำอ้าง!! ไร้เจตนาทุบศิลปะภาพปูนปั้นของศิลปินแห่งชาติ ชี้!! อาจเกิดจากการสื่อสารผิดพลาดในการก่อสร้าง

จากกรณีนายนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักวิชาการนักเขียนชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อว่า ‘นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว’ เป็นภาพศิลปะปูนปั้นภูมิปัญญาของชาวเมืองเพชรบุรี พร้อมระบุข้อความว่า พ่อล้อม เพ็งแก้ว ตายไม่ถึง 2 เดือน ช่างทองร่วง เอมโอษฐ์ ศิลปินแห่งชาติ ตายไม่ถึง 1 ปี ได้มีการทุบงานปูนปั้นการเมืองของครูทองร่วงทิ้งไปแล้ว ที่วัดมหาธาตุ กลางเมืองเพชรบุรี เพราะวัดมหาธาตุจะใช้พื้นที่ทำร้านกาแฟ หมดพ่อล้อม หมดครูทองร่วง ต่อจากนี้ใครเล่าจะปกป้องรักษางานปูนปั้นศิลปะการเมืองของเมืองเพชรบุรีเอาไว้ได้ จนมีชาวเพชรบุรีจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุด (24 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘อุดมเดช เกตุแก้ว’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นทุบงานปูนปั้นของช่างทองร่วง โดยได้ชี้แจงในมุมของเจ้าอาวาส โดยได้ระบุข้อความว่า

“กรณีทุบงานปูนปั้นช่างทองร่วง เอมโอษฐ ศิลปินแห่งชาติ ที่วัดมหาธาตุ วรวิหาร จ.เพชรบุรี ที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ ขออนุญาตให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และคณะกรรมการที่ร่วมพิจารณาแบบก่อสร้างอาคารดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาที่จะทุบทำลายงานปูนปั้นของช่างทองร่วงแต่อย่างใด ทางวัด คณะกรรมการมีความประสงค์ที่พัฒนาพื้นที่ใช้สอยภายในวัดให้เกิดประโยชน์แก่ทางวัด และโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์ฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลทางพระพุทธศาสนาที่ดำเนินการโดยวัดมหาธาตุฯ จึงได้รื้อถอนอาคารห้องน้ำ-ห้องสุขา ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดออก แล้วก่อสร้างอาคารร้านจำหน่ายสินค้า เครื่องดื่ม (บนพื้นที่เดิม) โดยใช้เงินของทางวัดดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด เมื่อสร้างเสร็จแล้ว วัดจะร่วมกับโรงเรียนในการบริหารจัดการ เช่น จัดแสดงและจำหน่ายผลงานของนักเรียน จำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เป็นจุดบริการนักท่องเที่ยว เป็นต้น

ส่วนกรณีการทุบงานปูนปั้นของช่างทองร่วงนั้น ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใช่เจตนาของหลวงพ่อ กับคณะกรรมการ เนื่องจากในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณารูปแบบก่อสร้างอาคาร ให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างเฉพาะอาคารห้องสุขา ไม่ได้ให้ทุบกำแพงหน้าอาคาร น.ส.อำพร บุญประคอง แต่อย่างใด อาจจะเกิดจากข้อผิดพลาดในการออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งอย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 16.00 น.ของวันนี้ (24 ก.ย. 2567) ทางวัดจะมีการประชุมชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อีกครั้ง

ฉะเชิงเทรา-สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติสทนช. ภาค2เข้าร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจ การใช้น้ำประเภทที่หนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.67) ณ ห้องเทพราช โรงแรมชันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จ.ฉะเชิงเทรา นางสาว ธารทิพย์ จันทร์พิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่ม ประสานงานลุ่มน้ำบางปะกง พร้อมเจ้าหน้าที่ สทนช.2 เข้าร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้าใจการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ณ ห้องประชุมเทพราช โรงแรมชันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์โฮเทล จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนางพัชววีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนกลุ่มองค์กรผู้ใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนกว่า 150 คน

การดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกัสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันดำเนินงานวิจัย พัฒนา บูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสาธารณะ โดยการจัดทำบัญชีการใช้น้ำของผู้ใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนด้านทรัพยากรน้ำของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 

รวมถึงการบริการทางวิชาการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ให้บรรลุตามแผนแม่บทการบริหารจัดการพรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2566-2580) 

โดยในการพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลการใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ตามประกาศของ กนช. ใช้พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา แลพจังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินงาน และปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบและประเมินผลการใช้งานระบบดังกล่าว รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจและความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลการใช้น้ำประเภทที่หนึ่งให้กับผู้ใช้น้ำได้รับรู้ และรับทราบ รวมถึงให้ความร่วมมือในการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวด้วย

'จักรภพ' ปูด!! มีคนใช้ AI เขียนด่า แทรกตัวเข้ามาในโลกโซเชียลเพียบ เบี่ยงประเด็นให้เนื้อหาหมดความสนใจ ทำลายความเห็นที่ควรรับฟัง

(24 ก.ย. 67) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วงทัวร์ลงแบบนี้ ผมได้ความรู้ว่ามีคนที่ใช้ AI เขียนเข้ามาผสม ทำให้ดูเสมือนว่ามีคนเขียนจริง ๆ มากมาย ความจริงข้อความแท้ ๆ บริสุทธิ์ ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ ก็คงมีไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่เขาใส่ชื่อจริงแบบพิสูจน์ได้ แต่เมื่อเล่น AI ซ่อนเข้ามา ก็เลยไม่รู้ภาพรวม

นี่คือจุดอ่อนที่สำคัญของเกม AI คือทำให้เราหมดความสนใจและกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญไป คล้ายจะเป็นเฟคหมด ทั้งที่ความเห็นในระบอบประชาธิปไตยมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดและต้องรับฟัง วันนี้พอดีช่องเนชั่นเชิญมา ถ้ามีจังหวะก็จะเล่าต่อเรื่องแผน AI ที่เขาเล่นสนุกในการทำสงครามกันอยู่

'สว.พันธุ์ใหม่' ยัน!! ไม่ได้บูลลี่ 'สว.ขายหมู' นั่ง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ แค่แนะ!! ควรได้คนตรงความรู้-ความสามารถ และควรไปอยู่ในกมธ.อื่น

(24 ก.ย.67) ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.พันธุ์ใหม่ กล่าวถึงที่มีชื่ออยู่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ว่า ชื่ออยู่ในกมธ.นั้น มีผู้สมัคร 18 คนพอดีจึงไม่การโหวตออก แต่สำหรับกมธ.พัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา มีผู้สมัครเกินจึงมีการโหวตออก

เมื่อถามว่าในกมธ.การอุดมศึกษาฯ จะเสนอตัวเองเป็นประธานหรือไม่? น.ส.นันทนา กล่าวว่า "คงเสนอตามสิทธิ์ เพราะเราถือว่ามีความรู้ความสามารถตรง และมีประสบการณ์ตรงในเรื่องการศึกษา โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องการศึกษากำลังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ถ้าไม่มีการปฏิรูปการศึกษาประเทศไทยจะไม่สามารถแข่งขันกับประชาคมโลกได้ ฉะนั้น เรื่องปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นพันธกิจสำคัญที่คิดว่าจะผลักดันให้ได้ในช่วงดำรงตำแหน่ง"

เมื่อถามถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 23 ก.ย.67 น.ส.นันทนา มีการระบุว่า ได้คนขายหมูได้เป็น กมธ.พัฒนาการเมืองฯ คนมองว่าเป็นการบูลลี่และด้อยค่า? น.ส.นันทนา กล่าวว่า "เมื่อวานที่ให้สัมภาษณ์ไปจะอธิบายชัดเจนว่า กมธ.ต่าง ๆ ที่บรรจุอยู่ อย่างแรกควรจะเลือกสรรตามคุณลักษณะกลุ่มวิชาชีพที่แต่ละคนเข้ามา ซึ่งสว.แตกต่างจากฝั่งสส.เพราะมาจากกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ฉะนั้นควรพิจารณาตามกลุ่มอาชีพที่เข้ามา นอกจากนี้เมื่อวานมีการระบุว่ากลุ่มพัฒนาการเมือง คนที่ควรจะเข้ามาอยู่ในกมธ.ชุดนี้ ควรจะมีประสบการณ์ในเรื่องการทำงานด้านการเมือง สิทธิมนุษยชน และการสื่อสารทางการเมือง ซึ่งคนที่มีคุณลักษณะที่แตกต่างเราไม่ได้ด้อยค่า แต่เขาควรไปอยู่ในกมธ.อื่น ที่สอดคล้องกับวิชาชีพ จึงไม่อยากให้ตีความไปว่า การที่บอกว่าทำไมกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ที่ตนมีประสบการณ์ถูกโดนโหวตออก แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์ตรงคือเข้ามาสายอาชีพอื่น กลับได้เข้ามาอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เป็นการบูลลี่ ถ้าฟังทั้งหมดจะทราบว่าสิ่งที่อธิบายคือกมธ.ทุกคนควรจะได้รับการบรรจุเข้าไปในสายอาชีพที่ตัวเองเป็นสว.ในกลุ่มนั้น"

น.ส.นันทนา กล่าวย้ำว่า "ถ้าผิดฝาผิดตัวตั้งแต่ต้น โอกาสที่จะผลักดันวาระจนประสบความสำเร็จก็จะเป็นไปได้น้อยหรือแทบไม่มีเลย เราจึงเรียกร้องว่า การเอาสว. เข้ากมธ.แบบตรงคุณสมบัติจะเป็นสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด"

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องขอโทษสังคมที่พูดแรงไปหรือไม่? น.ส.นันทนา กล่าวว่า "ถ้าฟังการสัมภาษณ์ทั้งหมดจะเข้าใจบริบท ตนยกตัวอย่างเพื่อที่จะบอกว่า การจัดสรรแบบนี้ไม่เป็นธรรม ตนไม่ได้มีเจตนาบูลลี่ รวมถึงด้อยค่าใด ๆ นี่คือตัวอย่างของบุคลากรที่เข้ามาไม่ตรงความรู้ความสามารถ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ น.ส.นันทนา ให้สัมภาษณ์อยู่ ปรากฏว่า นางแดง กองมา สว.ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นแม่ค้าขายหมู ที่ได้เป็นกรรมาธิการ เดินผ่านมาพอดี โดยเข้าไปลงชื่อเข้าประชุมหน้า กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ซึ่งสื่อมวลชนได้เข้าไปทักทายและขอสัมภาษณ์ แต่นางแดงไม่ตอบกลับ ได้แต่ออกอาการยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนเข้าห้องประชุมไปทันที

'สุชาติ' หารือ 'ออสซี่' ชวนลงทุน EEC 'ด้านการศึกษา-พลังงานหมุน' พร้อมขอลดข้อจำกัด-อุปสรรคทางการค้า เอื้อสินค้าไทยไปออสเตรเลีย

(24 ก.ย. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานร่วมการประชุมยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1 กับผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านการค้าเครือรัฐออสเตรเลีย (นายทิม แอร์) ในวันที่ 23 กันยายน 2567 ณ กรุงเทพฯ โดยทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่การค้าไทยออสเตรเลียมีมูลค่าสูงสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน พร้อมเดินหน้าขยายการค้าการลงทุน ยกระดับผู้ประกอบการให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะประเด็นการค้าใหม่ ๆ เช่น การค้าดิจิทัล และสิ่งแวดล้อม

นายสุชาติ กล่าวว่า ไทยได้ขอให้ออสเตรเลียร่วมมือกับไทยในหลากหลายด้านภายใต้วาระการดำเนินการของยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและออสเตรเลีย หรือ เซก้า ทั้งเรื่องการยกระดับการเกษตรไทยโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย การส่งเสริม Soft Power ของไทย การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพและการแพทย์ การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการดึงดูดการลงทุนออสเตรเลียเข้ามาในไทย การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต และความร่วมมือด้านพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและแนวทางผลักดันทางการค้าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ที่เน้นเรื่องการขยายการค้าการลงทุนกับประเทศคู่ค้า การเร่งเจรจาจัดทำ FTA และการยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการไทย

นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยได้ขอให้ออสเตรเลียร่วมมือในการลดข้อจำกัดและอุปสรรคทางการค้าเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานในการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปยังออสเตรเลีย และขอให้ออสเตรเลียพิจารณาใช้มาตรการที่กำหนดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรถยนต์นำเข้าจากไทยไปยังออสเตรเลียอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เวลากับภาคอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไทยได้มีเวลาปรับตัว และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในอุตสาหกรรมดังกล่าว

“ออสเตรเลียกับไทยมีความสัมพันธ์อย่างยาวนานกว่า 70 ปี ผมได้ขอให้ออสเตรเลียเข้ามาลงทุนใน EEC ทั้งด้านการศึกษาและพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งทั้งสองประเทศยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรหลัก จึงมีหารือในการส่งเสริมด้านการเกษตรทั้งใน WTO และในรูปแบบทวิภาคีด้วย” นายสุชาติกล่าว

ในส่วนของความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย หรือ ทาฟต้า (TAFTA) มีส่วนสำคัญที่ทำให้การค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 200 และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินการต่อไป ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ไทยและออสเตรเลียจึงได้ร่วมตัดเค้กเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ FTA ไทย-ออสเตรเลีย (ทาฟต้า) จะครบรอบ 20 ปี ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ด้วย

ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กรกฎาคม) การค้าระหว่างไทยและออสเตรเลีย มีมูลค่า 10,827.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปออสเตรเลีย มูลค่า 7,234.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.07 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และไทยนำเข้าจากออสเตรเลีย มูลค่า 3,593.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น

'อนุทิน' ยัน!! จุดยืนพรรคไม่แก้ 'รธน.' ปมมาตรฐานจริยธรรม ลั่น!! ตรวจสอบไม่ได้ ก็ 'เล่นการเมือง-เป็นรัฐมนตรี' ไม่ได้

(24 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบนายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีท่าทีของพรรคภูมิใจไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ​รายมาตรา​ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม​ หลังจากที่นายภราดร​ ​ปริศนา​นันทกุล​ รองสภาผู้แทนราษฎร​คนที่​ 2 ออกมาแถลงไม่เห็นด้วย ว่า​ คนการเมืองเป็นคนสาธารณะ​ ถ้าไม่อยากให้ตรวจสอบก็เล่นการเมืองไม่ได้ การเข้ามาการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี แค่เป็นที่ปรึกษา เป็นเลขานุการ หรือรับตำแหน่งใด ๆ ทางการเมือง กรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องแจ้งทรัพย์สินแล้ว นั่นคือบทแรกของการตรวจสอบ

“ผมคิดว่าคนที่มาทำงานสาธารณรับใช้บ้านเมือง ใช้อำนาจรัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน​ ก็ต้องรับการตรวจสอบ เป็นการเช็ก and Balance ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ นักร้องมีอยู่ทั่วไป เขาก็ร้องได้ ในสิ่งที่เราทำผิดถ้าเราไม่ได้ทำผิด พิสูจน์อย่างไรก็ไม่ผิด เขาก็มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี หรือถูกฟ้องร้อง ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า”

ส่วนจะเป็นจุดยืนของพรรคหรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า มันไม่ใช่จุดยืน แต่มันเป็นวิถีชีวิต​ (Day of Life)​ เช่น “ถ้าไม่อยากตรวจสอบก็ให้ทำธุรกิจอยู่ที่บ้าน เสียภาษีตามที่จะต้องเสีย ก็ไม่มีใครสามารถมาบอกให้แสดงทรัพย์​สินบริษัทได้ยกเว้นทำผิด”

ซึ่งนายภราดร ก็แถลงในนามพรรค ก็แถลงไปแล้วก่อนไปรับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็เห็นแล้วว่า ยังไม่ได้ทันทำอะไรก็มีคนจ้องจะร้องแล้ว ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่​ ถ้าผิดให้ไปดูโทษ​ เรื่องการตัดสิทธิ์​ ต้องมีคนไปยืนยันตรงนี้ก่อน

“ผมคิดว่ารัฐบาล ไม่รู้นะ​ ผมมั่นใจไปคุยกับนายกฯแพทองธาร​ ชินวัตร ท่านก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเหล่านี้​ ท่านบอกว่าถ้าทำดีซะอย่างจะไปกลัวอะไร​ ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็พร้อมที่จะถูกตรวจสอบ เช่นขณะนี้เข้ามาทำงานไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เห็นปัญหาต่างๆ เยอะแยะมากมาย มีเรื่องอะไรเยอะแยะที่รัฐบาลจะต้องทำ ที่ทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะอะไรที่ทำแล้วเป็นการเอื้อตัวเอง เพื่อพวกพ้องมันผิดตั้งแต่ นับหนึ่งแล้ว”

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลในการหารือ ถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วหรือไม่ กล่าวว่า​ ยังไม่ได้รับการนัดหมาย​ พร้อมยืนยันว่าการแถลงของนายภราดร ถือเป็นการแถลงของพรรค ก่อนจะย้อนถามสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเบอร์ 1​ หรือไม่​ เรื่องเบอร์ 1 คือเรื่องเชียงราย เชียงใหม่ หนองคาย ลำปางและจังหวัดอื่น  ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือที่ถูกน้ำท่วม ตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่า

เมื่อถามต่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมประชาชนมองว่าเป็นการเอื้อเพื่อนักการเมือง นายอนุทินกล่าวว่า อย่าให้ไปถึงจุดนั้นสิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้ว ทำเพื่อประเทศและประชาชน มันเขียนว่าอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

ถามถึงจุดยืนในเรื่องของเรื่องการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม​ ในเรื่องมาตรา​ 112 นายอนุทิน กล่าว​ พูดมาตั้งนานแล้วไม่เห็นด้วย ไม่อยากพูดซ้ำๆ​

เทศกาลดนตรี 'K-pop' จัดใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย กำลังมา WannaLand Music Festival 2024 กับการรวมศิลปิน K-pop มากกว่า 15 กรุ๊ป บอกเลยว่าคุ้มสุดๆ ในเดือนพฤศจิกายนที่เมืองพัทยา เราจะนําไปสู่เทศกาลดนตรีที่ไม่เคยมีมาก่อน

เทศกาล WANNALAND ครั้งแรกได้มาถึงแล้ว!ในวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2024 โดยจัดแสดงคอนเสิร์ตที่ Legend Siam Pattaya เพื่อนําการแสดงดนตรีป๊อปที่ทันสมัย มาใน Theme สวนสนุกที่เป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆ WANNALAND, We All Need New Amazing in Thailand WannaLand Music Festival เป็นเทศกาล K-pop ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด !!!!ในประเทศไทย โดยได้มีการลงนามความร่วมมือ Legend Siam Pattaya , TME Group, ค่ายHead Line Music Entertainment Group ,บริษัท China Travel Service  จำกัด (CTS), Shanghai Airlines จากประเทศจีน 

ในการจัดงาน เทศกาลดนตรี K- Pop ศิลปินเกาหลี ภายใต้ชื่องาน 'Wanna Land Music Festival 2024' ในวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายน 2567 นี้  ซึ่งงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา , เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เข้ามาร่วมให้การสนับสนุนพลักดันงาน  โดยกำหนดสถานที่ จัดงานที่ Legend Siam Pattaya  เป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ มุ่งหวังให้กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีน เข้ามาท่องเที่ยวและชมคอนเสิร์ตในเมืองพัทยาจำนวนมาก โดยเฉลี่ยถึง2-3 หมื่นคนต่อวัน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ให้กับเมืองพัทยาและชุมชนอำเภอใกล้เคียงของจังหวัดชลบุรี

โดยได้ปล่อยรายชื่อศิลปินรอบแรกแล้ว!!!!!!! ซึ่งเป็นศิลปินชื่อดังที่แฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนได้พบกับพวกเขาแน่นอน อาทิ Rain, Super junior D&E, Nowadays, Everglow, Gen1es มีศิลปินอีกมากมายกว่า 15 กรุ๊ป ทั้งศิลปินเกาหลี และศิลปินไทย ซึ่งจะมีการจำหน่ายบัตรรอบแรก Early Bird ในราคาสุดพิเศษ วันที่ 25 กันยายน 2567

ใครที่กำลังรอพบกับศิลปินที่ชื่นชอบ ได้พบกันแน่นอน วันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2567 กับงาน WannaLand Music Festival 2024 ณ Legend Siam Pattaya ติดตามการประกาศรายชื่อศิลปินและข้อมูลการจำหน่ายบัตรได้ที่ https://www.facebook.com/profile.php?id=61565461916882&mibextid=ZbWKwL

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.094-3544655, 094-8834589, 094-8883998


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top