Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

'บิ๊กอ้วน' ยอม 'บิ๊กแมว' ขึ้น 'ผบ.ทร.' เดิมพันผลงาน...เป็นที่ประจักษ์

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย. 67) ถ้าจะให้ขานรายชื่อขุนทหารที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 22 ก.ย.67 สัก 5 ตำแหน่งสำคัญ พร้อมขีดเส้นใต้ขยายความสั้นๆ ก็ขอเลือกดังนี้...

1) พล.อ.พนา แคล้ว ปลอดทุกข์ 'บิ๊กปู' (ตท.26) เสธ.ทบ. เป็น 'ผบ.ทบ.' ... ถ้าไม่มีอุบัติเหตุรายทางใดๆ บิ๊กปูจะอยู่ในตำแหน่งยาวนาน (3 ปี) ถึง 30 ก.ย.70...จะว่าไป พล.อ.พนา ก็คือ น้องเลิฟสายตรงของ 'บิ๊กต่อ' (ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน) บิ๊กแดง-บิ๊กตู่...เป็นนายทหารคอแดง มั่นคงต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เกินร้อย...

2) พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ 'บิ๊กหนุ่ย' (ตท.24) ผช.ผบ.ทบ.สายบูรพาพยัคฆ์ นายทหารคอแดง ที่เคยเป็นตัวเต็ง ผบ.ทบ.มาก่อน แต่แผ่วปลาย เดิมคาดจะไปเป็นรองผบ.ทหารสูงสุด รอขึ้นเป็นผบ.ทหารสูงสุดปีหน้า สุดท้ายถูกสับโผไปเป็นรองปลัดกลาโหม คาดว่าจะสืบต่อ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ เพื่อนเลิฟ ตท.24 ในปลายปีหน้า...

3) พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ 'บิ๊กหยอย' (ตท.24) ผช.ผบ.ทบ. นายทหารคอเขียว...โผแรกจะไปเป็นรองปลัดกลาโหม แต่สุดท้ายสลับใหม่โยกไปเป็นเสนาธิการทหาร รอขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด ปี 2568...

เป็นไปได้ว่าอันเนื่องจากกรณี 'บิ๊กหยอย' จากนี้ไปที่เชื่อกันว่า...นายทหารคอแดงเท่านั้นที่จะขึ้นเป็นผบ.ทหารสูงสุด ก็อาจจะไม่เป็นสูตรตายตัวอีกต่อไป ยกเว้นก่อนถึงก.ย.ปีหน้า 'บิ๊กหยอย' จะไปเข้าอบรมหลักสูตรนายทหารคอแดง...หรือหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904

4) พล.ท.อมฤต บุญสุยา 'บิ๊กใหญ่' (ตท.27) แม่ทัพน้อยที่ 1 อดีตนายทหารเสือราชินี ผงาดขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 รอที่จะเข้าไลน์ 5 เสือทบ.ต่อไป

5) พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ 'บิ๊กแมว' (ตท.23) ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. เป็น ผบ.ทร.ตามข้อเสนอของผบ.ทร.คนปัจจุบัน (พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม) ถือเป็นการแหวกม่านประเพณีหรือหลักนิยมเดิม ที่ผบ.ทร.จะมาจาก 5 ฉลามเสือ ซึ่งกรณีตำแหน่ง ผบ.ทร.ถูกจับจ้องเป็นพิเศษว่า 'บิ๊กอ้วน' ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม จะรื้อโผตามแรงกดดันจากอีกฝ่ายหรือไม่...สุดท้ายก็อย่างที่เห็น...คือไม่เปลี่ยน!!

เท่าที่สดับตรับฟังมาทั้งจากนักข่าวภาคสนามและสายข่าวในกองทัพก็กล่าวได้ว่า 'บิ๊กอ้วน' หรือฝ่ายการเมืองแทบจะไม่แตะหรือรื้อโผแม้แต่น้อย ทำให้บอร์ด 7 เสือกลาโหม หรือคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ซึ่งประกอบด้วย รมว.กห./รมช.กห./ปลัดกห./ผบ.ทหารสูงสุด/ผบ.ทบ./ผบ.ทร/ผบ.ทอ. มีความขลังมีความหมายในตัวมันเอง...

นั่นคือเป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักที่จะให้ บอร์ด 7 เสือ...นี้เป็นด่านสกัดการแทรกแซงกองทัพของฝ่ายการเมือง แต่ให้เป็นจุดลงตัวของการร่วมตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย...

อย่างไรก็ตามกรณีของ 'บิ๊กแมว' ที่ย่างก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทร.ภายใต้สถานการณ์ใบปลิว บัตรสนเท่ห์ เรื่องส่วนตัว และการตั้งคำถามเรื่องหลักนิยม ก็คงต้องเดิมพันตัวเองด้วยการพิสูจน์ผลงานความรู้ความสามารถตลอดจนความซื่อสัตย์สุจริตให้เป็นที่ประจักษ์ ขณะที่อยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว...ลบล้างข้อใส่ร้ายกล่าวหาที่ว่าภารกิจหลักขึ้นมารับตำแหน่งเพื่อปกปิดความบกพร่องของเพื่อนที่เกษียณให้จงได้...

ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า การจบนักเรียนนายเรือจากต่างประเทศ (เยอรมัน) และตำแหน่งส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายอำนวยการ/เสนาธิการ ก็มีกึ๋นเพียงพอที่จะแก้ปัญหา-นำพาพัฒนากองทัพเรือให้ไปสู่ความแข็งแกร่ง ล้างความบาดหมางขัดแย้งที่หมักหมมได้...

มีอีกหลายตำแหน่งที่จะได้มาส่องกล้องมองภาพรวมกันในโอกาสต่อๆ ไป ในวันนี้ต้องสรุปรวบยอดว่าเมื่อมองจากบัญชีรายชื่อแต่งตั้งนายทหารระดับนายพล 808 นาย ก็เป็นสัญญาณเชิงบวกว่า...ฝ่ายการเมืองค่อนข้างระมัดระวังตัวสูงในการที่จะเข้าไปยุ่มย่ามรุกล้ำเขตทหาร...

แต่ทั้งหลายทั้งปวง...ถึงที่สุดจะดูกันเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเรื่องเดียวกันไม่ได้...ต้องมองเหตุการณ์และสถานการณ์ในอนาคตเป็นกรณีๆ ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม...สัปดาห์ก่อน 'เล็ก เลียบด่วน' ได้หมายเหตุเอาไว้แล้วว่า กลาโหมยุค 'บิ๊กอ้วน' เป็นความลงตัวเชิงอำนาจที่ดูดีไปอีกแบบ ขอยกบางตอนมาฉายซ้ำ...

“...จะว่าไปฝ่ายเมืองกระทรวงกลาโหมรอบนี้จะเรียกว่า...ลงตัวแบบธรรมะจัดสรรหรือ 'นาย(ทุน)ใหญ่' จัดสรรก็น่าจะพูดได้...รมว.เป็น 'บิ๊กอ้วน' สายตรงนายใหญ่ทักษิณ ส่วน รมช.คือ 'บิ๊กเล็ก' (พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์) โควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่ากันว่า...นาย(ทุน)ใหญ่รุ่นใหม่รูปหล่อหนุนช่วยอยู่...”

สำรวจข้อมูล 'Qualcomm' และ 'Intel' 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกก่อนจะควบรวมกัน

(23 ก.ย. 67) ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดในช่วงนี้ และจะส่งผลกระทบมหาศาลต่อโลกของเซมิคอนดักเตอร์ นั่นคือ ข่าวที่บริษัท Qualcomm ต้องการจะเข้าซื้อกิจการของบริษัทอย่าง Intel ซึ่งถ้าดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะทำให้บริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia เจอคู่ต่อสู้ที่สามารถแข่งขันได้อย่างน่ากลัว แถมดีลนี้จะยิ่งทำให้ตลาดผลิตชิปของสหรัฐฯ แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมและจะสร้างการเปลี่ยนแปลงของทิศทางของเทคโนโลยีทั่วโลกได้ 

Qualcomm เองเป็นบริษัทผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์พกพาและการสื่อสาร ในขณะที่ Intel เป็นผู้นำด้านชิปสำหรับพีซีและเซิร์ฟเวอร์ แถมยังมีโรงานผลิตชิปเป็นของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมชิปเลยก็ว่าได้ และการรวมตัวนี้จะทำให้ Qualcomm เข้าไปสู่ตลาดที่กว้างมากขึ้น และได้ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Intel ในการพัฒนาชิปสำหรับ AI และ Data Center 

แม้ในช่วงปี 2007 Qualcomm จะเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับ Intel แต่ในปี 2024 นี้เอง  Qualcomm กลายมาเป็นบริษัทที่ใหญ่กว่า Intel จากการขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G และตลาดมือถือ ขณะที่ Intel ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในตลาดพีซีและ Data Center จากคู่แข่งอย่าง AMD และ Nvidia 

และประเด็นที่น่าจับตามองต่อไปคือ ความท้าทายเรื่องการผูกขาด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้งสหรัฐฯ และยุโรปเองให้ความสำคัญอย่างมาก และถ้าดีลนี้เกิดขึ้นได้จริงจะเป็นดีลที่ใหญ่มากของปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 122 พันล้านเหรียญ และ Qualcomm เองอาจจะต้องใช้วิธีการแลกหุ้นหรือระดมทุนเพื่อใช้ในการเข้าซื้อกิจการ Intel ครั้งนี้

>> บริษัท / ปีที่ก่อตั้ง 
Qualcomm = 1985
Intel = 1968

>> ประเภทอุตสาหกรรม
Qualcomm = โทรคมนาคม, เซมิคอนดักเตอร์ 
Intel = เซมิคอนดักเตอร์, เทคโนโลยี

>> ผลิตภัณฑ์หลัก 
Qualcomm = ชิปประมวลผลมือถือ, 5G, เซมิคอนดักเตอร์ 
Intel = โปรเซสเซอร์พีซี, Data Center, AI, การขับขี่อัตโนมัติ 

>> จุดแข็ง
Qualcomm = Snapdragon, โปรเซสเซอร์, ผู้นำด้าน 5G
Intel = โปรเซสเซอร์ x86 สำหรับพีซีและ Data Center 

>> ตลาดสำคัญ 
Qualcomm = อุปกรณ์มือถือ, ยานยนต์, IoT เครือข่าย
Intel = คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, Data Center, Cloud, การขับขี่อัตโนมัติ 

>> มูลค่าตลาด 
Qualcomm = 188.17 พันล้านเหรียญ 
Intel = 93.288 พันล้านเหรียญ 

>> รายได้ Q2/2024 
9.4 พันล้านเหรียญ 
12.8 พันล้านเหรียญ 

เปิดเลนส์ 'Alex and Coni' ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวต่างชาติ 'ประเทศไทย' ดินแดนแห่งความฝันที่ทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์

(23 ก.ย. 67) ไม่นานมานี้ จากช่องยูทูบ 'Alex and Coni' (Alex ชาวเยอรมนี และ Coni ชาวอาร์เจนตินา) คู่รักผู้ชื่นชอบและหลงเสน่ห์ความเป็นไทย ได้นำเสนอคลิปสารคดีเกี่ยวกับเมืองไทย ที่ถ่ายทอดออกมาในแบบที่คนไทยเองได้เห็นแล้วยังต้องทึ่งกับมุมมองของไทยที่แสนงดงาม ทั้งสถานที่ วัฒนธรรม ผู้คน

ทั้งนี้ หากสังเกตให้ดี นับวันประเทศไทย และการท่องเที่ยวไทย จะยิ่งครองใจชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้พลัดหลงเข้ามาต้องมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนสยาม ดูได้จากชาวต่างชาติจำนวนมาก เริ่มทำคลิปท่องเที่ยวไทย ซึ่งเปรียบเสมือนการโปรโมตไทยจากใจคนที่ได้สัมผัสจริง ๆ มากขึ้น เช่นเดียวกันกับ ช่องยูทูบ Alex and Coni (Alex ชาวเยอรมนี และ Coni ชาวอาร์เจนตินา) 

สำหรับ Alex and Coni ทั้งสองมองว่า เมืองไทยเปรียบเสมือนดินแดนแห่งความฝันที่ต้องจดจำ ที่อยากค้นหา หลังจากได้มีโอกาสสัมผัสเมืองไทยในมิติที่ลึกขึ้น

ทั้งนี้ โดยพื้นฐาน Alex and Coni นั้นเป็นผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในเชิงของคุณค่า ที่แฝงไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และถ่ายทอดออกมาผ่านคลิป ด้วยมุมมองต่าง ๆ ดังนี้...

พวกเขามักจะออกสำรวจเมืองผ่านที่มีชีวิตชีวา: หาดทรายที่เงียบสงบ และสิ่งมหัศจรรย์โบราณด้วยภาพโดรนในโรงภาพยนตร์และการตัดต่ออย่างมืออาชีพ 

พวกเขามักถ่ายทอดความรู้เชิงวัฒนธรรม: เจาะลึกประวัติศาสตร์, ประเพณี, และประสบการณ์ในท้อง ถิ่นซึ่งทำให้จุดหมายปลายทางแต่ละแห่งไม่ซ้ำกัน

พวกเขามักถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง: โดยติดต่อกับคนท้องถิ่น และเปิดฉากการผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยตัวเองเสมอ

และพวกเขามักถ่ายทอดเนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาและแรงบันดาลใจ: เรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและได้รับแรงบันดาลใจในการสำรวจโลกผ่านเรื่องราวที่ให้ความรู้และน่าสนใจออกมาเป็นเนื้อหาภาพสวยงาม

นี่คือความน่าสนใจหลังจากคลิปที่ทั้งคู่ได้เริ่มปรากฏสู่สายตาคนไทย เพราะนี่ไม่ใช่แค่การรีวิวไทยแบบผ่านๆ แต่เป็นการนำเสนอประเทศไทยแบบตั้งใจในมิติต่าง ๆ แบบที่คนไทยจำนวนมากยังไม่เคยไปสัมผัสเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่เริ่มอัปเดตคลิปลง YouTube / TikTok และ Instagram ตั้งแต่ 20 มี.ค.2023

ล่าสุดคลิปวิดีโอในชื่อ 'ประเทศไทย | ดินแดนแห่งความฝันที่ถูกลืม' (https://youtu.be/Upn-O-M5Mic?si=u_ZG4yf84UIgYdDm) ซึ่งนำเสนอออกมาเหมือนงานสารคดีชั้นยอดนั้น ก็เหมือนกระจกสะท้อนเมืองไทยในทุกมิติไปสู่สายตาชาวโลก

ตั้งแต่เหนือที่เต็มไปด้วยความวิจิตรแห่งวัดดังภายใต้สถาปัตยกรรมที่อ่อนช้อย งดงาม พร้อมเรื่องราวแห่งที่มาที่ไปอันน่าจดจำ พาดผ่านไปยังภาคใต้ของไทย ที่อุดมไปด้วย ทะเล หาดทราย แสงอาทิตย์ ที่สร้างคลื่นขนาดใหญ่กลืนหัวใจทุกนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสได้ทอดกายลงทุกแนบทุกหยดทะเลไทยในแดนใต้

นอกจากนี้ ‘รอยยิ้มแห่งสยาม’ ยังเป็นความงดงามที่ Alex and Coni ได้สัมผัสผ่านน้ำใจคนไทย ที่แทบจะกล้าพูดว่า ชาติใดในโลกก็ยังยากจะเทียบได้ในส่วนนี้

แน่นอนว่า วัฒนธรรมไทย อาหารไทย ความทันสมัยแบบร่วมสมัยของแต่ละจังหวัด และความปลอดภัยในสยามประเทศ ก็เป็นอีกจุดเด่นสำคัญที่ทำให้พวกเขาทั้งสอง ยังคงท่องเที่ยวอยู่ในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง

เห็นต่างชาติชื่นชมบ้านเราขนาดนี้ คนไทยก็ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผลงานดี ๆ นี้ มีผู้ติดตามมากขึ้น ๆ

อย่าพลาดวิดีโอใหม่ ๆ ของพวกเขา 'Alex and Coni' ได้ที่ Instagram และ TikTok @alexandconi / YouTube www.youtube.com/@alexandconi

25 กันยายน พ.ศ. 2541 วันสถาปนา ‘มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง’ รำลึกถึง ‘สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี’

‘มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง’ เป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาลตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2541 ภายหลังการเรียกร้องของชาวจังหวัดเชียงรายที่ต้องการมีมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และเพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงใช้พระราชสมัญญา ‘แม่ฟ้าหลวง’ เป็นชื่อมหาวิทยาลัย

หลังจากที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ประชาชนชาวเชียงรายร่วมกับหน่วยราชการในจังหวัดเชียงรายเห็นพ้องต้องกันว่า โดยที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ไพศาลต่ออาณาประชาราษฎร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนชาวเชียงรายที่ได้ทรงเลือกจังหวัดเชียงรายเป็นสถานที่สร้างพระตำหนัก หรือบ้านหลังแรกของพระองค์ และทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งได้นำความเจริญรุ่งเรือง มายังจังหวัดและประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง

ฉะนั้น เพื่อแสดงความจงรักภักดีตลอดจนเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระองค์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพัฒนาคน จึงได้เสนอให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงรายต่อรัฐบาลที่มีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรีการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงราย ได้มีความคืบหน้าเป็นลำดับ รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2539 ให้จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่จังหวัดเชียงราย โดยอาจยกฐานะสถาบันราชภัฏเชียงรายขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยก็ได้

ต่อมารัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีมติใหม่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย และได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2541 ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับงบประมาณในการดำเนินการเพื่อการเตรียมการจัดตั้ง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2541 และงบประมาณในการดำเนินการก่อสร้างมหาวิทยาลัยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,325 ล้านบาท การก่อสร้างตามโครงการระยะแรกเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี บนพื้นที่ 4,997 ไร่ ณ บริเวณดอยแง่ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

‘อลงกรณ์’ ประธานFKII เสนออัพเกรดประเทศสู่ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย ตั้งเป้าก้าวใหญ่ ‘มหาอำนาจอาหารและการท่องเที่ยวโลก’

(23 ก.ย. 67) สมาคมเครือข่ายผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนนานาชาติ เชิญ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์ รองประธานคณะกก.ยุทธศาสตร์ ปชป. อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ บรรยายพิเศษเรื่อง “ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย โอกาสในวิกฤติ”ในการสัมนาจัดโดยสมาคมฯ.และหนังสือพิมพ์ THAILAND TODAY NEWS ที่โรงแรมเดอะบาซาร์

นายอลงกรณ์ได้นำเสนอใน 5 ประเด็น

1. ก้าวเก่าเศรษฐกิจไทย
2. ทุกความท้าทาย คือ โอกาส
3. เศรษฐกิจแห่งอนาคต
4. มหาอำนาจอาหารการท่องเที่ยวโลก
: เกมที่ไทยเอาชนะได้
5. ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย : ก้าวข้ามขีดจำกัด
โดยฉายภาพ

“ก้าวเก่าเศรษฐกิจไทย”ว่า เป็นเศรษฐกิจดั้งเดิมเคยรุ่งเรืองในทศวรรษที่80-90จนได้ชื่อว่าเป็นเสือตัวที่5แห่งเอเชียขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมแต่เป็นอุตสาหกรรมโออีเอ็ม.(OEM)ขาดการวิจัย&พัฒนา(R&D)มีโครงสร้างเศรษฐกิจแบบกระจุกตัวและผูกขาดมีการคอรัปชั่นมากเหมือนมะเร็งร้ายขาดพลังในการยกระดับศักยภาพตัวเองทำให้การขยายตัวของ GDP โตช้าโตต่ำเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างมีความเหลื่อมล้ำสูง การกระจายรายได้ต่ำ รายได้ประชาชนชะลอตัว การส่งออกอ่อนแรง รายได้รัฐต่ำ ต้องทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องเกือบ20ปีทำให้ เมื่อเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤติโรคระบาดโควิ-19 พร้อมกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้สถานการณ์ยิ่งทรุดหนักส่งผลกระทบทำให้
จีดีพี.ปี2566เติบโตเพียง 1.9%และไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง1.5%เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำสุดอันดับ9ของอาเซียนเหนือกว่าเมียนมาร์เพียงประเทศเดียวจากสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีหนี้สาธารณะกว่า10ล้านล้านหรือกว่า60%ของจีดีพีมีหนี้ครัวเรือนกว่า16ล้านล้านบาทหรือกว่า90%ของจีดีพี. ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางกลายเป็นเสือตัวที่5ของอาเซียน
นอกจากนี้ยังเผชิญกับความผันผวนความท้าทายและโอกาสของแนวโน้มและโจทย์เมกะเทรนด์และเมกะเทรธ(Megatrend & Megathreat) เช่น

1.โลกร้อน โลกรวน (Climate Change)
2.ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิเศรษฐศาสตร์(Geo-Politics &Geo-Economics)
3.สังคมสูงวัย(Aging Society)
4.เอไอ เทคโนโลยี ดิสรัปชั่น(AI-Technology Disruption)
5.ความมั่นคงทางอาหาร(Food Security)
เราต้องสร้างโอกาสในวิกฤติด้วยการปฏิรูปโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจแบบยกเครื่องเป็นก้าวใหม่เศรษฐกิจไทยบนหลักการ สมดุล&ยั่งยืน (Balance & Sustainability)และอีเอสจี.(ESG:Environmental, Social,Governance ) ด้วยการสร้างโมเดลเศรษฐกิจใหม่
1.เศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)
2.เศรษฐกิจสีเขียว(Green Economy)
3.เศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)
4.เศรษฐกิจสีเงินหรือเศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy)
5.เศรษฐกิจนวัตกรรม(Innovation Economy) 
6.เศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy)

นายอลงกรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และอดีต ส.ส กล่าวว่า
”…โมเดลเศรษฐกิจใหม่เป็นคานงัดยกระดับอัพเกรดศักยภาพใหม่ให้ประเทศเราต้องปรับตัวเมื่อโลกเปลี่ยน
กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดในอดีตพลิกโฉมประเทศใหม่ตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคตด้วยระบบเศรษฐกิจใหม่จึงจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชนพ้นจากหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนพร้อมกับมีงบประมาณมากพอที่จะพัฒนาการศึกษา ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา ยกระดับการสาธารณสุขและสร้างระบบสวัสดิการรัฐให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง…”

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ยังได้ยกตัวอย่างการวางวิสัยทัศน์ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น“มหาอำนาจอาหารและการท่องเที่ยวโลก”(Food & Tourism Superpower)เป็นการต่อยอดศักยภาพเดิมเสริมศักยใหม่ที่ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในระดับโลก เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรอันดับ12และอันดับ13ของโลกและสามารถผลิตได้ตลอด365วันทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity)ท็อปเทน ของโลก ตอบสนองปัญหาความมั่นคงอาหารจากผลกระทบของภาวะโลกร้อนโลกรวน ยิ่งกว่านั้นยังมีโครงสร้างศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC :Agitech and Innovation Center)จัดตั้งครบ77จังหวัดในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศสมัย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ.ตามนโยบายเทคโนโลยีเกษตร4.0ที่มีตนเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายปี2563-2566ซึ่งมีนวัตกรรมเกือบ1พันรายการสามารถถ่ายทอดไปยังฟาร์มและอุตสาหกรรมอาหารได้ทันที ทางด้านการท่องเที่ยว เราเป็นประเทศที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวหลากหลายและวัฒนธรรมที่งดงามทั้งในเมืองและต่างจังหวัดซึ่งในช่วงก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย40ลัานคนมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่อันดับสูงสุด1ใน5ของโลกและปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน 

โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 ไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.5 ล้านล้านบาท
(ปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตลอดทั้งปี ทะลุ 28 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท)

สำหรับตัวเลขการส่งออกปี 2566 ประเทศไทยส่งออก284,561.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นมูลค่า 49,203.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.69 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 17.3% ของมูลค่าการส่งออกรวม (สินค้าเกษตร 9.4% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 7.9%) แบ่งเป็นสินค้าเกษตร 26,801.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.92 ล้านล้านบาท) ขยายตัว 0.2% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 22,401.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (มูลค่า 0.77 ล้านล้านบาท) หดตัว 1.7% สินค้าเกษตรส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หรือมีการแปรรูปขั้นต้นเท่านั้น จึงต้องเร่งส่งเสริมและผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารเพิ่มขึ้น เช่น อาหารแห่งอนาคต อาหารฮาลาล อาหารเสริม อาหารสัตว์เลี้ยง สินค้าเกษตรอินทรีย์สินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์สารสกัดจากวัตถุดิบเกษตร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองวิจัยสำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ ได้รับมอบหมายให้ร่วมจัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อศึกษาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ

(23 ก.ย. 67) พล.ต.ต หญิง ศรีสกุล เจริญศรี ผบก.วจ.เปิดเผยว่า กองวิจัย สำนักงานยุทธศาสตร์ตํารวจ ได้มอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสั่งการของ พลตำรวจโท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ผบ.ตร. ในนามตามนโยบายของ ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นโรงพยาบาลตำรวจและสำนักงานกำลังพล และ สยศ.ตร.โดย พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.สยศ.ตร.ผู้เสนอโครงการ  จัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อศึกษาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย. 67 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ The Cop Seminar & Resort อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมีพิธีเปิดวันที่ 22 ก.ย. 67 เวลา 13.00 น. ที่ผ่านมาโดยมี พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ รอง.ผบช.สกพ. เป็นประธานพิธีเปิด และมีผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย บช.น., ภ.1-9, บช.ก., สยศ.ตร, สกพ., กมค., รพ.ตร. สก. และ วจ. ในการอบรมสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเฝ้าระวังและแก้ไขตำรวจให้มีความรู้มีการป้องกันและระวังตัวเองในการปฏิบัติหน้าที่และไปเผยแพร่ต่อในหน่วยงานต่างๆที่สังกัดอยู่ทั่วประเทศเพื่อเป็นการสร้างวัคซีนความเข้มแข็งป้องกันตัวเองและหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพไม่มีเหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัวรวมถึงหน่วยงานต่างๆอย่างสูงสุด เพื่อได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลประชาชนและสังคมในการทำงานของข้าราชการตำรวจให้สมกับคำว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และเป็นตำรวจของประชาชนได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมและประเทศไทยต่อไปจาก พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล (ผู้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์)

‘พล.ต.ท.ประจวบฯ’ ชื่นชมตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน ช่วยชีวิตหญิงพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก

(23 ก.ย. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชื่นชมตำรวจทางหลวงในกรณีให้ความช่วยเหลือหญิงสาวที่ขับรถมาพร้อมลูกสาววัย 9 ขวบ ตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเองบริเวณสะพาน บนถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้วิจารณญาณ ไหวพริบและการเจรจาจนสามารถ เกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ ปลอดภัยทั้ง 2 คน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงความชื่นชมและขอบคุณไปยัง ส.ทล.1กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30 น. ร.ต.อ.บดี ดวนพล รอง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ได้รับแจ้งเหตุหญิงพยายามกระโดดสะพาน บริเวณ ถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หลักกิโลเมตรที่ 21 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดย พ.ต.ท.หญิง นรรศมณญ์ เจริญยิ่ง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ขณะนั้นอยู่ในห้วงเวลาพักเวร กำลังทำสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบอยู่ในกองกำกับการ ได้ยินการแจ้งเหตุจากวิทยุ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย ส.ต.ท.นิติ ศรีบุญเรือง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. และเข้าช่วยเหลือนำตัวมายังสถานีตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน 

ต่อมา ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวคือ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ อายุ 32 ปี ได้ขับรถยนต์มาจากสวนสาธารณะสวนหลวงเพื่อเดินทางกลับบ้าน พร้อมด้วยลูกสาววัย 9 ขวบ โดยระหว่างทางได้เกิดความเครียดสะสมจากปัญหาในชีวิตหลายประการ จึงตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตนเองพร้อมลูกสาว โดยการขับรถพุ่งชนราวสะพานเพื่อให้ตกลงไป แต่เมื่อรถชนราวสะพานแล้วกลับไม่ตกลงไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ จึงได้ลงจากรถเพื่อกระโดดลงจากสะพานดังกล่าว แต่ลูกสาวได้ห้ามไว้และเรียกให้คนที่ขับรถผ่านมาช่วยเหลือ ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์เขาดิน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และพลเมืองดี เข้าเกลี้ยกล่อมให้หญิงดังกล่าวสงบสติอารมณ์จนสำเร็จ หลังจากนั้นได้แจ้งไปยังนักสังคมสงเคราะห์เพื่อให้ช่วยเหลือและนำ น.ส.ขวัญฤทัย ฯ ส่งยังโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาและประเมินสภาพทางจิต และได้ส่งตัวเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เพื่อรับการสงเคราะห์ตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1กก.8 ทางหลวง (มอเตอร์เวย์เขาดิน) ทุกนาย ที่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวแล้วออกไปให้การช่วยเหลือด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนพลเมืองดีทุกคนที่ไม่นิ่งดูดายในการรีบให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของตำรวจทางหลวงในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะ  “สารวัตรมีน” พ.ต.ท.หญิง นรรศมณญ์ เจริญยิ่ง สว.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวนในวันดังกล่าว แต่นั่งทำสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบของตนอยู่ในห้องทำงานของสถานีตำรวจ  เมื่อได้ยินวิทยุดังกล่าวแล้วรีบออกไปช่วยเหลือในทันทีทันใด

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'จักรภพ' แง้ม!! จังหวะดีๆ อยากดีเบตกับ ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ ชี้!! เป็นอาหารสมองให้คนไทย ดีกว่าการก่นด่ากันไปวันๆ

(23 ก.ย. 67) นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ดีเบต! ดีใจที่การเมืองไทยมีคนดีเบตครบสองข้างเสียที ผมยินดีจะเข้าร่วมในจังหวะดี ๆ เสมอครับ หวังช่วยผลักสาระในการเมืองเราให้กระเถิบสูงขึ้นกว่าอารมณ์ให้มากที่สุด 

ส่วนผู้เล่นหลักที่ผมหวังว่าจะให้เกียรติมาดีเบตกันสักครั้งก็คือ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล ส่วนท่านอื่น ๆ ก็ยินดีครับ เพียงแต่ดูให้ได้จังหวะและมีหัวข้อดี ๆ หน่อย ผมคิดว่า อาหารสมองคือสิ่งที่พี่น้องประชาชนของเราควรจะได้รับมากกว่าการก่นด่ากันไปวัน ๆ

'พชร์-อานนท์' ปลื้ม!! คนเลือกดูหนังกันเก่งขึ้น ไม่ต้องพึ่ง 'นักวิจารณ์-นักรีวิว' กันอีกต่อไป

เมื่อวานนี้ (22 ก.ย. 67) ผู้กำกับชื่อดัง 'พชร์ อานนท์' ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

พิสูจน์ออกมาแล้วว่าคนสมัยนี้ดูหนังกันเก่งขึ้นคือดูหนังกันตามรสนิยมชมชอบของตัวเองไม่ต้องพึ่งนักวิจารณ์นักรีวิวกันอีกต่อไป 

อยากปรบมือให้กับคนดูหนังไทยหนังไม่ไทยให้ดัง ๆ เงินเรา ชีวิตเรา เราอยากจะใช้จะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเรา เพราะจะมีจะจนก็ตัวเรา ไม่ต้องไปพึ่งไปฟังคนรอบข้าง เราทำงานเหนื่อยก็ตัวเรา ไม่มีนักวิจารณ์ นักรีวิวมาช่วย เราทำงานพอเราจะซื้อความสุข เราก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเราเอง 

ที่ออกมาพูดแบบนี้ เพราะเราสังเกตดู หนังที่เข้าฉายในระยะไล่เลี่ยกัน ในช่วงนี้หนังบางเรื่องคนชมกันเยอะมาก เพจรีวิว นักวิจารณ์ทั้งที่เป็นเองและแต่งตั้งตัวเองขึ้นมา ต่างชมกันแทบทุกเพจ เลื่อนไปตรงไหนก็เจอแต่คนชมว่าดีว่าทันสมัยว่าล้ำยุค แต่ตรงข้ามกับรายได้ของหนังที่ชมกันเลย เรียกว่าชมกันจนเลือดตาแทบกระเด็น 

ผิดกับหนังที่ถูกด่าจนลิ้นไก่จะทะลุออกจากคอ อย่างเช่น หนังเรื่องวีไอผี และวีณา หนังนอกสายตา รู้มั้ยหนัง 2 เรื่องนี้ทำเงินไปถึงเกือบ 30 ล้าน 2 เรื่องรวมกัน 

ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นว่า รสนิยมของคนดูหนังมันไม่เหมือนกัน เราก็ไม่ได้บอกว่าหนัง 2 เรื่องนี้เป็นหนังที่ดี 100% แต่คนเลือกที่จะดูเพราะฉะนั้นอย่าดูถูกรสนิยมคนอื่น เงินก็เงินเขา ชีวิตก็ชีวิตเขา ความคิดก็ความคิดเขา จะไปว่าเขาไม่มีสมองไม่มีรสนิยม ต่ำดูหนังไม่เป็นไม่ได้ สมองคนเราเท่ากันแค่ความชอบมันต่างกันไม่ใช่เรื่องที่ผิด 

ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นคิดว่าทุกคนคงเข้าใจคำว่า ประชาธิปไตย กันเป็นอย่างดี ไม่เอาไม่ว่าไม่ด่าไม่บลูลี่คนอื่นถ้าเขาคิดไม่เหมือนเรา และอย่าด่าเราด้วยเพราะเราก็คิดไม่เหมือนคนอื่นเหมือนกัน นาน ๆ อยากจะพูดที โปรดเคารพความคิดความชอบของคนอื่นด้วยแล้วเราจะอยู่กันอย่างมีความสุข จริงมั้ยคนไทย? 

พูดในฐานะผู้กำกับไทยคนนึงที่นั่งดูวงการหนังไทยมายาวนาน และจงโปรดจงรับรู้กันไว้ด้วยว่า ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่อยากเอาเงินของตัวเองออกมาลงทุนแล้วเขาก็อยากได้รับผลการตอบแทนที่คุ้มค่า หรือขอทุนคืนก็ยังดีเงินไม่ได้หากันง่าย ๆ นะสมัยนี้ ใครจะบ้าเอามาให้ขยี้ขย้ำ ละเลงกันได้บ่อย ๆ ละจ๊ะ สังคมมันเปลี่ยนไปเร็ว ๆ จริง อย่าเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถ้าเราไม่ได้สัมผัสหรือรับรู้มันจริง ๆ

ระทึก!! คนไทยในอังกฤษเจอมิจฉาชีพใช้มือถือไล่สแกนรถ โชคดีไหวตัวทัน ยัน!! เมืองไทยปลอดภัยกว่าเยอะ

(23 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Jay Thongyai' ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ระทึก หลังกลายเป็นผู้ประสบเหตุและรอดมาได้จากการโจรกรรมรถในลอนดอน-สหราชอาณาจักร ระบุว่า...

เจอเหตุการณ์ระทึกขวัญนิดหน่อย เมื่อผมอยู่ในรถคนเดียว ส่วนน้องเจ้าของรถและพี่ที่มาด้วยกันลงไปซื้อของที่ Supermarket 

คันหน้ารถที่ผมนั่งรอ เป็น Mercedes G63 สีขาว สักพักนึงก็มีคนแต่งตัวสไตล์จาไมกัน ทำท่ามากดอะไรบนมือถือข้าง ๆ รถคันหน้า ตอนแรกผมเข้าใจว่าเจ้าของรถ ปรากฏว่า รถที่ผมนั่งรอและล็อกไว้ มีเสียงดัง ปิ๊บ ๆ แล้วรถคลายล็อก โชคดีที่น้องทิ้งกุญแจรถไว้ให้ ผมเลยกระโดดไปฝั่งคนขับ สตาร์ตเครื่อง และล็อกประตูอีกที ตัวแสบรีบเดินผ่านไปและหลบเข้าไปในหลืบด้านหลัง 

อีกไม่เกินสามนาที มีคนผิวสีอีกคนเดินมาท่าทางไม่น่าวางใจ ทำท่ากดมือถือเหมือนกันกับคนแรก รถคันที่ผมนั่งคลายล็อกอีกครั้ง ผมรีบกดล็อกและโทรหาน้องเจ้าของรถ 

โชคดีที่น้องอยู่ไม่ไกล เค้ารีบเดินมาที่รถ ด้วยความสูงของน้องชายผมเกือบ 190 และตัวใหญ่ คนผิวสีเลยรีบเดินไปยืนห่าง ๆ น้องผมรีบถ่ายรูปไว้ พอโดนถ่ายรูป คนผิวสีรีบหลบเข้าไปในหลืบเดียวกันกับคนแรก ผมนี่ใจเต้นตุ๊บ ๆ กะว่าถ้าน้องมาไม่ทัน แล้วมันพยายามจะเข้ารถ ผมคงบีบแตรยาว ๆ คงทำได้เท่านั้น 

จริง ๆ คาดว่าไอเวรตะไลสองคนนั้นคงตั้งใจจะสแกนรถคันหน้า เพราะเป็นรถราคาแพง แต่อาจจะโชคไม่ดี คลื่นที่พวกมันใช้ดันมาตรงกับคลื่นรีโมตคันน้องผม

หลัง ๆ เวลาเดินทางมาต่างประเทศ ผมไม่กล้าใส่เครื่องประดับใด ๆ เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาเยอะ และพี่ ๆ น้อง ๆ ก็คอยเตือนมาตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ ตื่นตาตื่นใจหัวใจเต้นดีเหลือเกิน เลยต้องกินไอติมคลายเครียดครับ

#เมืองไทยปลอดภัยกว่าเยอะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top