Wednesday, 11 June 2025
TheStatesTimes

ตำรวจอุทัยธานี ตามหา ‘ลอตเตอรี่ 500 ใบ’ ให้พ่อค้าที่อ้างว่าทำหายในวัด สุดท้ายจบอย่างพีค!! หลังหากันให้วุ่น ลืมทิ้งไว้เอง บนลังถังน้ำแข็ง

(25 ส.ค. 67) นายประมวล อายุ 64 ปี ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประสงค์ เชื้อนุ่น ร้อยเวร สภ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ว่าทำแผงลอตเตอรี่หายประมาณ 500 ใบ เป็นเงินจำนวน 40,000 กว่าบาท โดยทำหายแถวบริเวณวัดแห่งหนึ่ง ต.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

โดยนายประมวลพาจนท.ตำรวจไปดูสถานที่ที่วัดดังกล่าว เพื่อจำลองภาพเหตุการณ์ ว่าตนทำอะไร เข้าห้องน้ำอย่างไร พร้อมกับตำรวจเก็บหลักฐานในที่สถานที่วัดดังกล่าว พร้อมกับสอบถามกับนายประมวลถามถึงเหตุการณ์ แต่นายประมวลก็ยังอ้างว่า ตนนั้นลืมลอตเตอรี่ไว้อยู่ที่ภายในวัด

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สอบถามกับนายประมวลอีกครั้ง พร้อมกับให้นึกภาพดูดีๆ ว่า ตนไปลืมลอตเตอรี่ไว้ที่ไหน หลังจากนั้นนายประมวลจึงพาย้อนลงไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ว่านายประมวล นั้นไปขายลอตเตอรี่ให้กับใครบ้าง พร้อมกับย้อนลงไปดูร้านค้าแห่งหนึ่ง ทราบว่านายประมวลไปลืมแผงลอตเตอรี่ งวดวันที่ 1 กันยายน 2567 ไว้อยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถาม เจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่งชื่อ นางวรณัน อาย 54 ปี ชาว ต.เจ้าวัด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ว่านายประมวลหรือผู้ขายแผงลอตเตอรี่นั้นมาขายลอตเตอรี่ให้กับร้านค้าของตนเอง โดยขายให้ตนทั้งหมด 4 ใบราคา 400 บาท

หลังจากนั้นนายประมวล นำแผงลอตเตอรี่ ไปวางไว้ที่บนลังถังน้ำแข็ง แล้วก็ลืมทิ้งแผงไว้ นายประมวลขับรถจยย.ออกไป โดยที่ไม่ได้นำแผงกลับไปด้วย โดยเจ้าของร้านก็จำหน้าพ่อค้าไม่ได้ ล่าสุดจนท.ตำรวจพร้อมกับพ่อค้าลอตเตอรี่ มาติดตามแผงลอตเตอรี่นำกลับคืนไป เนื่องจากพ่อค้ามาลืมไว้เอง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวนำภาพพ่อค้าลอตเตอรี่ ให้เจ้าของร้านดู ก็นึกขึ้นได้ว่าใช่คนนี้ที่ลืมหวยไว้ดังกล่าว

‘เบลล่า’ โพสต์ข่าวดี ได้รับพระราชทาน ‘เครื่องราชอิสริยาภรณ์’ เผย!! ถือเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิต และวงศ์ตระกูล

(25 ส.ค. 67) เพราะเป็นผู้ให้เสมอมา สำหรับนางเอกชื่อดัง ‘เบลล่า ราณี แคมเปน’ ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ข่าวดี ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุดอีกครั้งของชีวิตและวงศ์ตระกูล

นับเป็นเกียรติอันสูงสุดอีกครั้งของชีวิต ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ขอขอบพระคุณมูลนิธิรามาธิบดีในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับโอกาสในครั้งนี้นะคะ 

จภ. ลำดับที่ 21 นางสาวราณี แคมเปน

ตามที่รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ด้วยความเสียสละของท่านในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ‘การให้’ ในกิจกรรม ระดมทุนของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ตามพันธกิจหลักเพื่อการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลนั้น

มูลนิธิรามาธิบดีฯ ขอแสดงความยินดี ชื่นชม และยกย่องเชิดชูเกียรติท่านในฐานะบุคคล ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุข อันจะนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชนทั่วทั้งประเทศ คุณงามความดีในน้ำใจ แห่ง ‘การให้’ ของท่านจะได้รับการจารึกไว้ตราบนานเท่านาน และส่งผลบุญให้ท่านและครอบครัว ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ปราศจากสรรพโรคาพาธและอุปัทวันตรายทั้งปวง เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ตลอดกาลนาน

‘เจ้าของแบรนด์สกินแคร์’ อัดคลิปแฉ!! พฤติกรรม ‘แท็กซี่ย่านเอกมัย’ หลังโดนราคาเหมา 400 บาท ทั้งที่ไปไม่ไกล คนขับตะคอกใส่ ‘ที่นี่ไม่มีมิเตอร์’

(25 ส.ค.67) ผู้ใช้ TikTok ‘jha_eves’ หรือ คุณจ๋า เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวเกือบ 3 นาที หลังโดนแท็กซี่ตะคอกใส่หน้าบอกที่นี่ไม่มีมิเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า …

ประชาชนทั้งประเทศรู้ แต่ผู้ใหญ่ไม่เคยรู้!! เหมือนไปที่ไหนก็ไม่ใช่ที่สำหรับคนไทยแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปบอกตรงๆประชาชนเดือดร้อนค่ะ!! ยังไงรบกวนผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องช่วยออกมาให้คำตอบคนไทยด้วยกันด้วยนะคะ

โดยเจ้าตัวได้บอกว่า มีโอกาสมาเที่ยวเอกมัยไม่ได้มาหลายปีแล้ว สิ่งที่ทำให้ตนตกใจคือมีคนไทยน้อยมากประมาณ 20% คนต่างชาติ 80% ก็ไปเที่ยวปกติ และออกมาโบกแท็กซี่เพื่อที่จะไปกินข้าว ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที คนขับแท็กซี่คิด 400 บาท

เราเลยบอกว่า ทำไมแพงจัง ไม่มีมิเตอร์เหรอคะ สิ่งที่เจอคือ คนขับแท็กซี่ตะโกนใส่หน้ากลางถนนที่คนเยอะมากว่า ที่นี่ไม่มีมิเตอร์หรอกนะ

เราเป็นคนไทย เขาเป็นคนไทย ที่นี่แผ่นดินไทย ที่นี่ถนนเอกมัย โดนคนขับแท็กซี่ตะคอกใส่หน้า กฎหมายเมืองไทยไม่มีมิเตอร์กันแล้วเหรอ อยากฝากผู้ใหญ่ที่ดูแลเรื่องนี้ ลงพื้นที่ดูแลกันหน่อย ถ.เอกมัย ไม่ต้องมีมิเตอร์แล้วใช่หรือไม่ ถ้าจะไปใกล้ๆ ก็คือ 400 บาท แล้วคนไทยก็คิดราคานี้ ไม่มีมิเตอร์จริงๆแล้วใช่ไหม จะได้เข้าใจตรงกัน ทุกคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดินไทยจะได้ทราบว่าตรงนี้ไม่ต้องใช้มิเตอร์แล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคนหากิน ที่ต้องใช้แท็กซี่ในการเดินทาง นี่ขนาดมีเงินยังไม่ไหวเลย กะรวยเลยไปแค่นี้ 400 บาท ถ้าเป็นจริงก็ออกกฎหมายมาให้ชัดว่าประเทศไทยไม่ต้องใช้มิเตอร์ แต่ถ้าไม่จริง ก็ช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ

ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มียอดวิวแล้วกว่า 2.4 ล้านครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้พฤติกรรมเช่นนี้ฝังรากลึกจนยากจะแก้ไข

‘นาตาลี เดวิส’ เปิดใจ หลังตาม ‘สามีนักการทูต’ ไปใช้ชีวิตที่อเมริกานาน 3 ปี เผย!! ยังรักในการร้องเพลง ถ้ามีโอกาส พร้อมกลับไปจับไมค์

(25 ส.ค. 67) นาตาลี เดวิส เปิดใจครั้งแรก หลังตามสามีนักการทูตไปใช้ชีวิตที่อเมริกานาน 3 ปี ตอนนี้กลับมาเมืองไทยถาวร พร้อมควงลูก น้องเบน-น้องเนลลี่ เปิดตัวครั้งแรก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31

ใช่ค่ะ ย้ายกลับมาได้เดือนนิดๆ เหนื่อยค่ะ การเดินทางมันเหนื่อยอยู่แล้ว บินเองลำพังก็เหนื่อยแล้ว วันที่บิน มีนาตาลี สามี คุณยาย เด็กสองชีวิต แมวอีกสอง เหมือนคนบ้า โอ้โห อุปกรณ์เยอะมาก แต่ไม่งอแง อย่างเบนที่บินมาสองคนแม่ลูกเขาก็โอเคมาก บอกให้นั่งรอ เขาก็นั่งรออยู่กับที่ ไม่ได้งอแงอะไร เนลลี่ก็ไม่งอแงอะไร เลี้ยงง่ายทั้งสองคน

ย้ายมาถาวรค่ะ สามีหมดประจำการแล้ว เขาเป็นนักการทูตแล้วหมดประจำการ 3 ปี พอกลับมาก็จะมีคนอื่นจากกระทรวงไปแทน สลับๆ กันไป ตอนนี้ลังของที่บินมาพร้อมกับเรา กับที่ส่งเรือตามมาทีหลัง ก็มีแกะบ้างไม่แกะบ้าง เหนื่อย ไม่ไหว

มีอะไรต้องปรับตัวเหรอ เรื่องสภาพอากาศ อยู่ที่โน่นเย็นและแห้งกว่า วันแรกๆ ที่กลับมา เบนบอกว่าจั๊กกะแร้เหนียวหนึบไปหมด เพราะที่โน่นวิ่งยังไงก็ไม่มีเหงื่อ แต่ที่นี่มันร้อน แต่เขาก็เอ็นจอย วิ่งจนผมเปียก แก้มแดง เขาก็งงๆ เรื่องภาษา เพราะอยู่ที่โน่นเขาอยู่โรงเรียนแล้วประมาณครึ่งปี ก็เลือกใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก อยู่ที่โน่นสภาพแวดล้อมเป็นภาษาอังกฤษหมด ก็เข้าใจ ตอนเด็กๆ เราก็เป็นเหมือนกัน บางทีคนไทยมาพูดภาษาอังกฤษกับเรา เราก็ตอบเป็นภาษาไทย เพราะดูจากผมสีดำ น่าจะเป็นวิธีการคิดของเด็กว่าเขาดูจากอะไร แต่ภาษาไทยเขาฟังรู้เรื่องหมด

ตอนนี้สามียังเป็นท่านทูตมั้ย คือทำมา 15-16 ปี ก็เพิ่งลาออกไม่ถึงเดือนค่ะ คนเราก็มีจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน นี่ก็อาจเป็นอีกช่วงเวลาของชีวิตเขา ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวดูว่ายังไง แต่หน้าที่หลังบ้านเราก็คอยซัปพอร์ตเขาเต็มที่ ให้เขาหายเหนื่อย มีเด็กๆ บันเทิงทั้งวัน

นอกจากนี้เมื่อถูกถามว่ามาอยู่ไทยถาวรแล้ว อย่างนี้จะมีโอกาสกลับมาร้องเพลงไหมนั้น เจ้าตัวยอมรับว่ายังรักในการร้องเพลงอยู่เสมอมา ถ้ามีโอกาสก็อาจจะได้เห็นกัน

‘ซีอีโอผู้ก่อตั้ง Telegram’ ถูกจับกุม ในสนามบินบูร์เกต์ ประเทศฝรั่งเศส คาดสาเหตุมาจาก แอปดังกล่าว ที่เป็นแหล่งส่งข้อความ ‘กิจกรรมผิดกฎหมาย’

(25 ส.ค. 67) พาเวล ดูโรฟ (Pavel Durov) มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย-ฝรั่งเศส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแอปส่งข้อความชื่อดังเทเลแกรม (Telegram) ถูกจับกุมที่สนามบินบูร์เกต์ (Bourget) นอกกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ TF1 TV และ BFM TV โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ

โดยในรายงานระบุว่าพาเวล ดูโรฟ (Pavel Durov) ได้เดินทางมาจากอาเซอร์ไบจาน และกำลังเดินทางออกจากฝรั่งเศสด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ก่อนถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งคาดว่ามาจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการส่งข้อความของเหล่าอาชญากรบนแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ซึ่งขาดการตรวจสอบและกำลังกลายเป็นแหล่งส่งข้อความและกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

แอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) แอปพลิเคชันสำหรับส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที (Instant Messaging) มีความโดดเด่นในเรื่องความเร็วของการส่งข้อความ ความปลอดภัย และฟีเจอร์ที่หลากหลายทำให้ Telegram ตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารส่วนตัว การทำงานกลุ่ม หรือแม้แต่การสร้างชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ผู้ติดตามจำนวนมาก ในปี 2017 บริษัทได้ตัดสินใจย้ายสำนักงานไปยังดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังปฏิเสธปฏิบัติการตามข้อเรียกร้องรัฐบาลรัสเซียให้ปิดกลุ่มสื่อสารของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียวีเค (VK) ซึ่งมีพาเวล ดูโรฟ (Pavel Durov) เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง

ปัจจุบันคาดว่าแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) มีผู้ใช้เกือบหนึ่งพันล้านคน และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานประเทศยูเครน และรัสเซีย รวมไปถึงในกลุ่มประเทศที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักรองจาก Facebook, YouTube, WhatsApp, Instagram, TikTok และ Wechat โดยในขณะนี้ยังไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ ออกมาจากผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram)

ก่อนหน้านี้ในช่วงสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในปี 2022 แอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ได้กลายเป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามจำนวนมากโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งข้อมูลบางอย่างมีเนื้อหาที่รุนแรงและทำให้เข้าใจผิดเกิดขึ้นกับประเทศคู่สงครามทั้งสองฝ่าย นักวิเคราะห์บางคนเรียกแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ว่า ‘สนามรบเสมือนจริง’ สำหรับทำสงครามโดยเฉพาะระหว่างประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของประเทศยูเครนและรัฐบาลประเทศรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ในประเทศรัสเซีย ถือเป็นแหล่งรวมข้อมูลสำคัญสำหรับชาวรัสเซียที่รับข้อมูลเกี่ยวกับสงครามรัสเซียและยูเครนได้อย่างอิสระโดยไม่มีการควบคุมจากเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งมีมาตรการที่เข้มงวดในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในระหว่างช่วงสงคราม

‘รมว.ปุ้ย’ สั่ง ‘SME D Bank’ ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ‘เอสเอ็มอี’ ที่เดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม เผย!! มีมาตรการ ‘พักชำระหนี้-สินเชื่อเติมทุนซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ’ ไว้รองรับแล้ว

(25 ส.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากเหตุอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดภาคเหนือ ส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจประสบปัญหาต่อการใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพ ตนจึงได้สั่งการให้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ลงพื้นที่ และดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

ทั้งนี้ในเบื้องต้นผู้บริหารสาขาธนาคารในพื้นที่ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ทั้ง จ.น่าน และ จ.แพร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน รวมถึง สำรวจความเสียหายและความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ สำหรับเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมด้วยมาตรการที่ธนาคารมีไว้รองรับอยู่แล้ว ทั้งมาตรการพักชำระหนี้ และมาตรการสินเชื่อเติมทุนสำหรับซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

เงื่อนปมที่ถูกคลาย!! 'ผลงานประเทศไทย' ที่เริ่มเป็นรูปธรรมจากคนทำงาน ความจริงเหนือเปลือก ‘ประชาธิปไตย-เสรีภาพ’ ที่เป็นได้แค่ ‘ทุพพลภาพ’

(25 ส.ค. 67) จากผู้ใช้ TikTok ชื่อบัญชี ‘เทพกบ’ หรือ ‘Kitty.3951’ ได้โพสต์คลิปเนื้อหาผลงานที่ ‘ลุงตู่’ ได้เตรียมแผนการต่างๆ ไว้เพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศไทยในระยะยาว เพื่อให้หลายคนที่ไม่เข้าใจ มองไม่เห็น คิดตามไม่ทัน และยังสนใจ-ชื่นชอบ 'ใครสักคน' จากผลโพลแบบไม่ลืมหูลืมตาได้เปิดตาและเปิดใจเสียใหม่ ระบุว่า ...

>> เคยรู้ไหมครับว่า ‘ระยอง’ จะเป็น ‘Smart City’ ?
>> รู้ไหมครับว่า Smart City มันมีอะไรบ้าง ?
>> รู้ไหมครับว่าสิ่งที่ประเทศไทยกําลังจะเกิดขึ้นคือ EEC ? 
>> รู้ไหมครับว่าพลังงานสะอาด มันเป็นเทรนด์ของโลก ?
>> แล้วรู้ไหมครับว่านโยบายต่างๆ ที่เขามอบหมายให้ ปตท. ช่วงระหว่างปี 2561 – 2562 ให้ไปจับมือกับฟ็อกซ์คอน จนก่อให้เกิดการตั้งบริษัท Horizon / บริษัทอรุณพลัส และต่างๆ นานา เพื่อมาวิจัยในเรื่องของแบตฯ EV Car รวมถึงเรื่องไฮโดรเจน เพราะว่ารถ EV Car มีข้อเสียคือ ชาร์จไฟนาน วิธีการแก้ชาร์จไฟนาน ก็คือ การเติมไฮโดรเจน ?

นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลลุงตู่ พยายามแก้ไขปัญหาพลังงานในระยะยาว หลังจากที่จะเริ่มมูฟออกจากน้ำมัน โดยการที่เขาจะมูฟออกจากน้ำมัน นั่นคือ เพราะพยายามที่จะผลักดันให้คนหันไปใช้ EV Car จึงต้องวางรากฐาน EV Car ไว้ 

สังเกตจากประเทศจีนที่ใช้ EV Car กว่า 90% เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่มีปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน และนึ่ก็เป็นอีกสิ่งที่เขาจะพยายามทำ คือ ช่วยลดราคาน้ำมัน ผ่านการ ลดความต้องการ หรือก็คือ ให้คนเลิกใช้น้ำมัน เดี๋ยวน้ำมันก็ถูกลงเอง 

รัฐบาลลุงตู่ จึงวางรากฐาน EV Car โดยการปูนโยบายให้ ปตท. ซึ่งในปัจจุบันนั้นถือได้ว่าปตท. เป็นของรัฐเรียบร้อยแล้วในทางพฤตินัย และต่อให้ นิตินัย ผู้ถือหุ้น ก็ยังเป็นกระทรวงการคลังถึง 50%

และหากสังเกตให้ดี นโยบายของประธานกรรมการ ปตท. ก็ประกาศออกมาแล้วว่า จะเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงส่งผลให้เกิดการวิจัยต่างๆ นวัตกรรมต่างๆ เยอะแยะมากมาย และมันจะเกิดสายงานใหม่ๆ และงานใหม่ๆ 

ทีนี้ ก็อยู่ที่ เด็กรุ่นใหม่ จะมองเห็นรึเปล่า หรือมองเห็นแค่ว่า ‘ประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ’ สุดท้ายกลายเป็น ‘ทุพพลภาพ’

>> เคยรู้เรื่องการเงินไหม ?
>> เคยรู้เรื่องงาน World Economic Forum ไหม ?
>> รู้จัก Metaverse / 3D Printing / Blockchain ดีพอหรือยัง ?
>> แล้วรู้จักบริษัท ‘BlackRock’ หรือไม่ รู้ไหมว่า BlackRock เป็นบริษัทของตระกูลใด BlackRock เป็นผู้ที่วางรากฐานพร้อมเพย์ และรู้ไหมว่า เขาเลือกประเทศไทยเป็นฐานในศูนย์กลางทางการเงินในอาเซียน 

เพราะคุณไม่รู้ คุณไม่เข้าใจ แล้วคุณก็ไปบ้าอยู่กับ ‘ผลโพล’

“ภูมิธรรม”สั่งการด่วน ดูแลสินค้าที่จำเป็นในพื้นที่น้ำท่วม อย่าให้ประชาชนได้รับผลกระทบ พร้อมให้พาณิชย์จัดธงฟ้าราคาประหยัดประสานห้าง ลดราคาวัสดุก่อสร้าง สินค้าทำความสะอาด ดูแลค่าครองชีพหลังน้ำลด สั่งทุกหน่วยงานให้ข้อมูลจริงกับประชาชน

(25 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เดินทางมาถึงอากาศยานน่านนคร จ.น่าน เพื่อปฏิบัติราชการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยในพื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยจุดแรกเดินทางไปยังวัดอัมพวัน (ม่วงใต้) ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำผ่านรถ Mobile War Room พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 728 และฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำจากนางรอยบุญ รัศมีเทศ ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) โดยรายงานถึงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรายวันของกรมชลประทาน คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ แม้ว่าขณะนี้เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะเดียวกันในพื้นที่ภาคใต้ก็เกิดเหตุเช่นเดียวกัน ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่ใช่แค่ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งแล้ว

ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานรับทราบ และขอให้ติดตามสถานการณ์อย่าเพิ่งวางใจเพราะฝนยังตกอยู่ และขอให้มีการกระจายรถโมบายไปในหลายพื้นที่ รวมถึงให้เชื่อมโยงข้อมูลไปยังส่วนกลางด้วย เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังต้องจับตาอยู่ รวมถึงสถานการณ์ที่ จ.สุโขทัย ที่สถานการณ์อาจจะหนักได้ เพราะน้ำเริ่มไหลลงไปยังพื้นที่ จ.สุโขทัย และขอให้ใช้โดรนติดตามความเคลื่อนไหวของมวลน้ำ

นายภูมิธรรม ยังขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ข้อมูลแก่ประชาชน จากกรณีกระแสข่าวว่าน้ำอาจจะท่วมหนักเหมือนปี 2554 เพื่อที่ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ จากนั้น ได้พบปะให้กำลังใจประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 728 หลังคาเรือน โดยกล่าวว่า รัฐบาลทราบปัญหา และพร้อมแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาว จ.น่าน แพร่ และเชียงราย รัฐบาลพยายามคาดการณ์ล่วงหน้าถึงจุดต่างๆที่จะเกิดเหตุการณ์ ซึ่งเครื่องมือขณะนี้ค่อนข้างตรงกับสถานการณ์ จึงอยากให้ประชาชนรับฟังข่าวสารเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายได้ 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนเดิมจากภาวะโลกร้อนจึงต้องพูดถึงต้นตอต้องช่วยกันดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ ตนเคยพูดเรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถึงปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซึ่งเป็นปัญหาที่ใช้เงินมาก จึงควรทำเรื่องน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยพูดเรื่องนี้ตั้งแต่สมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งช่วงต้นปี 2554 สั่งเตรียมงบประมาณไว้ 2-3 ล้านล้านบาท แต่ครั้งนี้ประมาณการไปว่า 5 - 6 ล้านล้านบาท คิดว่าจะทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากแต่คุ้มค่าในระยะยาว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อย น้ำครั้งนี้เป็นน้ำหลากขังไม่นาน ดีกว่าปี 2554 ที่ครั้งนั้นน้ำไม่มีที่ไป การที่เราบริหารจัดการควบคุมได้ดีสถานการณ์ก็จะเบาบางลง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือน ซึ่งตนได้สั่งการให้นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ และให้เข้าไปดูแลในเรื่องราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ โดยสั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดและเกาะติด อย่าให้มีผลกระทบต่อประชาชน

โดยในด้านการดูแลสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และสินค้าซ่อมแซมบ้าน ได้รับรายงานว่ากรมการค้าภายใน ได้ประชุมหารือกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อาทิ โฮมโปร ไทวัสดุ ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ เมกาโฮม แม็คโคร บิ๊กซี โลตัส โกโฮลเซลล์ 7-Eleven ชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่งไทย บริษัท นิ่มซี่เส็ง จำกัด และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อป้อนสินค้าเข้าพื้นที่ ดูแลเรื่องการขนส่ง ซึ่งได้รับการยืนยันสินค้ามีเพียงพอ การขนส่งไม่มีปัญหา และพร้อมจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วย โดยเฉพาะของใช้จำเป็น รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมและทำความสะอาด

ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า และเข้มงวดไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า และหากพบการกระทำผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควรจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชน หากพบเห็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 ทางแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด

อย่างไรก็ตาม หลังน้ำลด กระทรวงพาณิชย์ จะเข้าไปดูแลและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ประสานร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จัดสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทำความสะอาด สินค้าซ่อมแซมบ้าน ไปจัดจำหน่ายราคาพิเศษ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยด่วนด้วย ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายภูมิธรรม และคณะ ได้ออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมรับฟังบรรยายสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือ จากนั้นเดินทางไปติดตามสถานการณ์อุทกภัย ที่ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย  พร้อมพบปะและให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

หนุ่มกตัญญู พาศพพ่อ กลับบ้าน ระหว่างทางขอกู้ภัย เป่าเค้กข้างโลงศพ ร่ำไห้!! ขอทำเพื่อพ่อเป็นครั้งสุดท้าย จากนี้ไปเหลือแค่ตัวคนเดียว

(25 ส.ค. 67) สมาชิก TikTok @pon4293 โพสต์คลิปบีบหัวใจ หลังหนุ่มคนหนึ่งกำลังนำศพพ่อกลับบ้านเกิด และวันนั้นก็เป็นวันเกิดของพ่อพอดี จึงตั้งใจจะทำอย่างหนึ่งและทำเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อพ่อ

โดยระบุข้อความว่า ‘พี่ครับเที่ยงคืนนี้วันเกิดพ่อผม ซื้อเค้กให้ผมหน่อยครับผมอยากเป็นคนแรกและครั้งสุดท้ายที่จะทำให้พ่อผม’ ซึ่งในคลิปชายหนุ่มคนหนึ่งถือเค้กจุดเทียนวันเกิดนั่งอยู่ข้างโลงศพของพ่อ พร้อมกับร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้ เมื่อกู้ภัยถามว่า จะพูดอะไรถึงพ่อมั้ย หนุ่มคนนี้ก็ก้มหน้าแล้วบอกว่า ‘คิดถึงพ่อ’

เบื้องต้นทราบว่า หนุ่มคนนี้อยู่กับพ่อ 2 คน ก่อนพ่อจะล้มป่วยแล้วเสียชีวิต จากนั้นจึงโทรหาคุณปอน เพื่อขอให้ช่วยส่งศพจาก จ.ระยอง กลับไป จ.นครศรีธรรมราช และระหว่างทางก็ใกล้จะเที่ยงคืน ซึ่งตรงกับวันเกิดพ่อของหนุ่มคนนี้พ่อดี

จึงได้ขอร้องให้กู้ภัยช่วยซื้อเค้กมาเป่าวันเกิดให้พ่อหน่อย เพราะอยากจะทำอะไรให้พ่อเป็นคนแรกและเป็นครั้งสุดท้าย กู้ภัยจึงไปซื้อมาให้ พร้อมกับพาศพส่งถึงบ้านเกิด

‘ลอรี่ พงศ์พล’ แนะผู้ไม่หวังดี เลิกตั้งศาลเตี้ย กรณีแต่งตั้ง ‘เอกนัฏ’ ชี้!! ควรปล่อยให้ ‘กฤษฎีกา’ ได้พิจารณา ไปตามกระบวนการ

(25 ส.ค. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ 'ลอรี่' รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแนะผู้ไม่หวังดี ให้เลิกตั้งศาลเตี้ย...กรณีแต่งตั้ง ‘เอกนัฏ’ ระบุว่า...

ฝากถึงนักการเมืองเก่าเหล่านั้น ช่วยเอาเวลาโจมตี ‘เอกนัฏ’ ไปทำประโยชน์ ปล่อยกฤษฎีกาได้พิจารณาคุณสมบัติ รมต.ตามกระบวนการ

ตามที่นักการเมืองอดีตสังกัดพรรคสีฟ้า ออกมาดาหน้าโจมตี เลขาธิการพรรค รทสช. 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' ถึงจริยธรรมและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนตัวที่สัมผัสตัวตน คุณเอกนัฏสนใจแต่การทำงานให้ชาติไม่ว่าในตำแหน่งแห่งหนใด จะในฐานะเป็นรมต.หรือไม่? จึงควรให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาคุณสมบัติตามกระบวนการ

ไม่มีอะไรซับซ้อน เราไม่เน้นโต้วาทีสาดโคลนไปมา

จริงอยู่ มันจะมีนักการเมืองที่เห็นแต่ผลประโยชน์ ซึ่งพวกนั้นจะย้ายหลายพรรคเมื่อมีจังหวะ คอยปัดสวะใส่คนอื่น พูดอะไรก็คืนคำ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นนักร้องทุกเรื่องเอาดีเข้าตน จนเป็นนิสัย 

คุ้นๆ ไหมครับ มันคือ นิสัยนักการเมืองเก่าเน่าๆ นั่นเอง

แต่ผมว่าไม่ใช่กับ 'เอกนัฏ' ที่ลาออกจาก สส.อายุน้อยที่สุดในสภา มาเป็นนักสู้ข้างถนน ในฐานะเลขากปปส. ไม่ได้หลบหนีพี่น้องร่วมอุดมการณ์ ยามเสียงปืนแตก อุดมการณ์กับหัวใจไม่เคยเปลี่ยนแปลง

‘เอกนัฏ’ คนเดียวกันกับที่ขึ้นศาล สู้คดีไปทุกครั้งทุกนัด มีหมายอัยการเรียกไม่เคยหนี ฝั่งไหนก็ไป ให้การเรื่องม.112 อย่างสุจริตชนตรงไปตรงมา

‘เอกนัฏ’ คนเดียวกันกับที่ผมรู้จัก ยังเป็นเลขาธิการพรรคที่เสียสละให้กับ สส.ในพรรคท่านอื่นได้ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีก่อน ด้วยความนอบน้อม ไม่ได้ยึดติด ถวิลหาตำแหน่งตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

คงเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย ถ้าประเทศนี้ไม่ได้ใช้งานรัฐมนตรีรุ่นใหม่ มากความรู้ความสามารถดีกรี ม.อ๊อกซ์ฟอร์ด ที่ชื่อ'เอกนัฏ'เข้ามาขับเคลื่อนประเทศ

วันหนึ่งประชาชนจะตัดสินใจเองได้ ว่าโต้วาทกรรมไปมาไม่ใช่ทางออก แต่คือการตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ 

แบบฉบับ DNA จากลุงตู่ สร้างความเจริญตลอด 9 ปีวันนี้มีแต่คนคิดถึง มา 'คุณพีระพันธุ์' แก้กฎหมายพลังงานรุดหน้า แม้มีเสียงเหยียดหยันก็ไม่หวั่น มาจนถึงคุณเอกนัฏ จะต่างอะไรกัน? คนเหล่านี้คือ ‘นักสู้’ 

ด่าได้ด่าไป รทสช.จะตอบกลับในรูปแบบผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ต่อชาติและประชาชน ให้สาสม...ขอบคุณในแรงผลักดันเหล่านี้ครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top