Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

สุดยอด!! ไทยต่อยอด ‘น้ำมะพร้าว-เห็ดนางรมหลวง’ สู่ ‘หมูสับเทียม’ นวัตกรรมจากภาคธุรกิจ เตรียมเจาะตลาดอาหารแพลนต์เบส

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘Salika’ โพสต์ข้อความระบุว่า… 

นางอรสา แสงทับทิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงทับทิม อินเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกวุ้นเส้นน้ำมะพร้าว เปิดเผยถึงอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ได้เข้ามามีบทบาทสำหรับการเป็นอาหารทางเลือกของผู้บริโภคในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเนื้อสัตว์จากพืช หรือ อาหารแพลนต์เบส (Plant-Based) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันมีการรายงานข้อมูลจากศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยว่า ตลาดอาหารแพลนต์เบสทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 1 ล้านล้านบาทในปี 2570

บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมจากดีพร้อม (DIPROM) ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบาย RESHAPE THE FUTURE โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ต่อยอดจุดแข็งที่มีอย่าง ‘น้ำมะพร้าว’ เนื่องจากเป็นแหล่งวัตถุดิบคุณภาพที่มีกว่าหมื่นไร่ ในจังหวัดสมุทรสงคราม มาพัฒนาเป็น ‘หมูสับเทียม’ แพลนต์เบส (Plant-Base) จากน้ำมะพร้าวและเห็ดนางรมหลวง

ที่ล่าสุดได้รับการจดสิทธิบัตร และผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารวีแกนจากประเทศอิตาลี และยังได้รับรางวัลเหรียญทอง อาหารแพลนต์เบส จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเรามีจำหน่ายแล้วทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี นิวซีแลนด์ แคนาดา และนอร์เวย์

‘สมเด็จพระสังฆราช’ มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนทำโรงทาน ช่วยเหลือน้ำท่วมในเชียงราย

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ’ โพสต์ข้อความระบุว่า… 

โดยพระดำริ เจ้าประคุณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนการทำโรงทาน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย อ.เทิง วัดพระนาคแก้ว ตำบลเวียง อ.เวียงแก่น วัดปอกลาง ตำบลปอ อ.ขุนตาล วัดป่าตาลใต้ ตำบลป่าตาล อ.พญาเม็งราย วัดบุญวาลย์ ตำบลแม่เปา และในพื้นที่ใกล้เคียง
 

อุทาหรณ์!! เจ้าของกิจการเจอภาษีย้อนหลัง แทบล้มละลาย เตือน!! ยังไงก็ต้องจ่าย ไม่จ่ายวันนี้ ก็ต้องจ่ายสักวัน

(23 ส.ค.67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Mint Paka' ได้โพสต์ข้อความแชร์เตือนกรณีไม่ได้จ่ายภาษีบุคคลธรรมดา และเจอเรียกเก็บย้อนหลัง ระบุว่า...

เรื่องมีอยู่ว่า...
มีเอกสารเข้าพบสรรพากรมาบ้าน 2 รอบ  
รอบแรกเราไม่ได้ไป 
รอบสอง มาติดไว้ข้างเสาบ้านเลยค่ะ 

วันนี้เลยไป..เราคัดสเตทเม้นย้อนหลังไป 2 ปี 
แต่...สรรพากรบอก ไปคัดสเตทเม้นมาเพิ่ม 
(เอาตั้งแต่ปี 61-67 เลยค่ะ)
** ก็คือตั้งแต่เริ่มทำกิจการ **  
เราหน้าชามากกก...ไปต่อไม่ถูกเลย 

#อย่าเล่นกับระบบ #ปีนี้เขาเอาจริง 
ใครยังไม่เสียภาษี ไปจัดการด่วนเลยค่ะ 

ย้ำ!! ยังไงก็ต้องเสีย ยังไงก็ต้องจ่าย 
ไม่จ่ายวันนี้ก็ต้องจ่ายสักวัน 

#วันนี้ละจุ่มโดนฉันแล้วว ซีเครทแตกกก

‘จนท.’ เผย ‘เครื่องบินตก’ อ.บางปะกง พบชิ้นส่วนมนุษย์แล้ว 23 ชิ้น เร่งตรวจสอบอัตลักษณ์ คาด!! กระจายคาบเกี่ยวพื้นที่ชาวบ้าน

(23 ส.ค.67) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเครื่องบินตก อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยมีการหารือกับ นายวสุวัสน์ เมฆอังกูรสิน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต กู้ภัยฉะเชิงเทรา เพื่อวางแผนร่วมกันเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะในจุดที่เครื่องบินตกลงไป ซึ่งคาดว่าน่าจะลึกประมาณ 10 เมตร

สำหรับแผนในวันนี้จะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ใช้รถแบคโฮขุดตรงบริเวณจุดดังกล่าว โดยจะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย และ พฐ. ใช้มือในการค้นหาคัดแยกชิ้นส่วนของมนุษย์ และชิ้นส่วนของเครื่องบิน

โดยคาดว่าชิ้นส่วนมนุษย์จะมีการกระจายในรัศมีโดยรอบที่เกิดเหตุ ซึ่งคาบเกี่ยวพื้นที่ของชาวบ้าน จึงต้องประสานขอความร่วมมือจากชาวบ้านในการค้นหา เบื้องต้นมีการพบชิ้นส่วนมนุษย์แล้ว 23 ชิ้น อยู่ระหว่างตรวจสอบอัตลักษณ์ว่าเป็นของบุคคลใด

ขณะที่ พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.สพฐ.2 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ พฐ. จะเป็นคนจำแนกชิ้นส่วนหากหาพบ ส่วนกู้ภัยจะเป็นผู้เก็บชิ้นส่วนขึ้นมาจากจุดเกิดเหตุ

1 กันยายน ของทุกปี รำลึกถึง ‘สืบ นาคะเสถียร’ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผู้เสียสละเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกต่อปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

หากกล่าวถึงเรื่องการอนุรักษ์ผืนป่า สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม หนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อุทิศตนด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ นั่นคือ ‘สืบ นาคะเสถียร’ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่ได้ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรม เพื่อเรียกร้องให้สังคมและราชการหันมาสนใจปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจังในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 โดยเขาได้เขียนข้อความในจดหมายไว้ว่า ‘ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น’

หลังจากนั้นวันที่ 1 กันยายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันสืบ นาคะเสถียร เพื่อระลึกถึงความเสียสละ และที่สำคัญเพื่อให้ทุกคนหวงแหนธรรมชาติ และสานต่อเจตนารมณ์สืบต่อมาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบันครบรอบ 34 ปี ที่ ‘สืบ นาคะเสถียร’ ได้จากโลกนี้ไป

สำหรับประวัติของ สืบ นาคะเสถียร มีชื่อเดิมว่า ‘สืบยศ’ เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นบุตรของนายสลับ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางบุญเยี่ยม โดยสืบ นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งสืบเป็นบุตรชายคนโต สำหรับชีวิตส่วนตัว สืบได้สมรสกับนางนิสา นาคะเสถียร มีทายาท 1 คน คือ น.ส.ชินรัตน์ นาคะเสถียร

ด้านการศึกษาเมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สืบได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จึงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนจะเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒนวิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518

เมื่อเรียนจบสืบสามารถสอบเข้าทำงานที่กรมป่าไม้ได้ แต่เขาเลือกทำงานที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยไปประจำการที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี

ต่อมาในปีพ.ศ. 2522 สืบได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทอีกครั้ง ในสาขาอนุรักษวิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ จาก British Council โดยสืบสำเร็จการศึกษาในปีพ.ศ.  2524

‘อนุชา’ ค้าน ‘ร่างพ.ร.บ.ขนส่งทางบก’ ให้อำนาจท้องถิ่นคุมการเดินรถฯ ชี้!! เดิมรับสัมปทานเดินรถอยู่แล้ว สุ่มเสี่ยงเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 67 นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปราย ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่ารถโดยสารสาธารณะยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ยังเป็นปัญหาที่มีความสำคัญยิ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม การไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ใช่การไม่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ และไม่ใช่การไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ต่างจังหวัดมีระบบขนส่งมวลชนที่ดี เพราะการกล่าวเช่นนั้นเป็นการไม่ได้ศึกษาในรายละเอียดของ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้

ประเด็นแรกในส่วนของการกระจายอำนาจนั้นมี พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกำหนดแผนแม่บทในการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว และกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการดำเนินการตามแผนแม่บทดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งการถ่ายโอนภารกิจสถานีขนส่งผู้โดยสารที่มีการถ่ายโอนภารกิจแล้วทั้งสิ้น 97 สถานี และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 สถานี 

ประเด็นต่อมาคือ การให้สัมปทานเดินรถนั้น กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 64 (พ.ศ. 2567) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งในพื้นที่ของตนเองได้ และเมื่อได้รับการอนุญาตแล้วยังสามารถให้เอกชนเป็นผู้บริหารจัดการและดำเนินการได้ด้วย 

ทั้งหมดนี้คือจะเน้นย้ำว่า สถานะปัจจุบันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการเดินรถคือเป็นผู้ให้บริการหรือ Operator 

ประเด็นต่อมาหากมีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ตามร่าง พ.ร.บ. ที่ได้เสนอมาย่อมจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ นายก อบจ. ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด ซึ่งมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้มีการเดินรถในเขตจังหวัด 

หากมีการแก้ไขตามร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะทำให้นายก อบจ. มีอีกสถานะคือสถานะผู้ควบคุมการขนส่งในพื้นที่ หรือ Regulator ด้วย ด้วยเหตุนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นทั้ง Operator และ Regulator ขัดแย้งกับแนวทางที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ที่จะแยกสถานะทั้ง 2 นี้ออกจากกัน 

ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …

3 กันยายน ของทุกปี ถือเป็น ‘วันตึกระฟ้า’ รำลึกถึง ‘หลุยส์ ซัลลิแวน’ บิดาแห่งตึกระฟ้า สถาปนิกชาวอเมริกันผู้วางรากฐานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่

วันที่ 3 กันยายนของทุกปี ถือเป็น ‘วันตึกสูงระฟ้า’ หรือ Skyscraper Day เพื่อเป็นการระลึกถึง ‘หลุยส์ ซัลลิแวน’ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 1856 โดยหลุยส์ ซัลลิแวน เป็นนักทฤษฎี นักคิด และเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของสัญชาติอเมริกัน

ทั้งนี้ หลุยส์ ซัลลิแวน เป็นหุ้นส่วนกับ ดังก์มาร์ แอดเลอร์ (Dankmar Adler) วิศวกรชื่อดังแห่งยุค คริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดย หลุยส์ ซัลลิแวน เป็นคนวางรากฐานของสิ่งที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในปัจจุบัน จนทำให้ หลุยส์ ซัลลิแวน ได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาแห่งตึกระฟ้า หรือ บิดาแห่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ (โมเดอร์นิสม์)

นอกจากนี้ หลุยส์ ซัลลิแวน ยังเป็นศาสตราจารย์ผู้มีอิทธิพล และเขายังสอน แฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ (Frank Lloyd Wright) ปรมาจารย์สถาปนิก ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ปัจจุบันแม้ หลุยส์ ซัลลิแวน จะจากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 1924 แต่เวลาในช่วงเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา จนถึงปี 2021 นวัตกรรมต่าง ๆ ก็เจริญรุดหน้าไปมาก ความสร้างสรรค์ความครีเอตของสถาปนิกก้าวไปไกลมาก จนกระทั่งวันนี้โลกเรามีตึกที่สูงจากพื้นดินเกิน 800 เมตรไปแล้ว

‘คนงานเหมือง’ ขุดพบ ‘เพชรดิบ’ หนัก 2,492 กะรัตในบอตสวานา ขึ้นแท่นใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก คาด!! ตีมูลค่าอยู่ที่ 1,381 ลบ.

(23 ส.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คนงานเหมืองในประเทศบอตสวานา ขุดพบ ‘โคตรเพชร’ น้ำหนัก 2,492 กะรัต (เพชรดิบ) ที่เหมืองเพชรในเมืองคาโรเว ของบริษัท ‘ลูคารา ไดมอนด์’ (Lucara Diamond) ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาโบโรเน ไปทางเหนือราว 500 กม.

สำหรับบอตสวานาเป็นประเทศผู้ผลิตเพชรอันดับ 1 ของโลก โดยผลิตมากถึง 20% ของเพชรทั้งหมด โดยเพชรก้อนนี้ถือเป็นเพชรใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ที่เคยถูกขุดพบ รองจากเพชรคัลลินัน (Cullinan diamond) น้ำหนัก 3,106 กะรัต ซึ่งพบที่ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อปี 2448 และถูกตัดแบ่งเป็น 9 ส่วน และหลายเม็ดถูกประดับอยู่บนมงกุฎของกษัตริย์อังกฤษ

ทั้งนี้ เพชรก้อนนี้ยังเป็นเพชรขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยขุดพบในบอตสวานาด้วย โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 1,758 กะรัต ขุดพบจากเหมืองแห่งเดียวกันนี้เมื่อปี 2562

ทางด้าน วิลเลียม แลมบ์ ประธานบริษัท ลูคารา ไดเมนด์ กล่าวว่า นี่เป็นหนึ่งในเพชรขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยถูกขุดพบ โดยเพรชก้อนนี้ถูกตรวจพบด้วยเทคโนโลยี เมก้า ไดมอนด์ รีคัฟเวอรี เอ็กซ์เรย์ ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อจำแนกเพชรมูลค่าสูง ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายระหว่างการบดแร่

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพ หรือมูลค่าของเพชรก้อนนี้

แต่ทางด้านหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียล ไทม์ส ของสหราชอาณาจักร อ้างคำพูดของแหล่งข่าวใกล้ชิดกับบริษัท ลูคารา ว่า เพชรก้อนนี้มีมูลค่าโดยประเมินอยู่ที่ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,381 ล้านบาท)

สโมสรฟุตบอลสมุทรปราการเอฟซี ต้นแบบ 'สโมสรฟุตบอลสีเขียว'

THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 24 ส.ค.67 ได้พูดคุยกับ ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ประธานกรรมการ บริษัท จีอาร์ดี จำกัด และผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต ถึงการรับมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุต พริ้นท์ และเครื่องหมายรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งเป็นตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในวงการกีฬาฟุตบอลไทย โดยมี 'สโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ เอฟซี' เป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของไทยที่ได้การรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน

ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันวงการกีฬาให้ความสนใจในการลดโลกร้อนมากขึ้น เช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นการจัดโอลิมปิกที่ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำที่สุด ประมาณ 1.75 ล้านตัน ในขณะที่การจัดโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 1.9 ล้านตัน การจัดโอลิมปิกที่รีโอเดจาเนโร ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 3.6 ล้านตัน และการจัดโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 3.4 ล้านตัน 

ส่วนการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกในปัจจุบัน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (FIFA) ได้ออกกฎ Cooling break หมายถึง การเล่นกีฬาฟุตบอลต้องพักเพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดโอเวอร์ฮีท (Over heat) มากเกินไป เนื่องจากตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มีนักกีฬาที่วิ่งในสนามแล้วเป็นโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดด กว่า 50 คน 

ดังนั้นเมื่ออุณหภูมิในสนามสูงถึง 32 องศาเซลเซียส นักกีฬาต้องหยุดพักก่อน เมื่ออุณหภูมิลดลงถึงจะเริ่มเกมแข่งขันได้ ซึ่งอาจทำให้ความนิยมของแฟนบอลลดลงเนื่องจากการแข่งขันไม่ต่อเนื่องและมีการหยุดพักบ่อยครั้ง แสดงถึงภาวะโลกร้อนเริ่มส่งผลกระทบต่อวงการกีฬาในระดับโลกแล้ว 

ในส่วนของวงการฟุตบอลไทย คุณพีรพัฒน์ ถานิตย์ ประธานสโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ เอฟซี กล่าวถึง ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและแรงบันดาลใจในการสนับสนุนให้สโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ เอฟซี เข้าสู่โครงการลดโลกร้อน ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าสโมสรฟุตบอลกับการลดโลกร้อนห่างไกลกัน แต่จริงๆ แล้วมันใกล้กันมาก เพราะสมัยก่อนเวลาแข่งขันฟุตบอลมันไม่มีการหยุดแข่งขันระหว่างเกมเนื่องจากอากาศร้อน เลยได้ปรึกษากับ ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ว่าทางสโมสรฯ อยากเริ่มต้นลดโลกร้อนอย่างจริงจัง เพราะความร้อนสามารถคร่าชีวิตนักกีฬาได้ เนื่องจากการซ้อมฟุตบอลของไทย นิยมซ้อมในช่วงเวลา 3-4 โมงเย็น ซึ่งอากาศยังร้อนอยู่มาก เราเลยเริ่มต้นลดโลกร้อนง่ายๆ จากเสื้อกีฬาของสโมสรที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล (Recycle) รวมถึงการติดแผงโซล่าเซลล์ (Solar cell) ในร้านอาหารบริเวณสนามซ้อมเพื่อประหยัดพลังงาน  หรือแม้แต่สนามหญ้าก็ใช้ปุ๋ยออร์แกนิก (Organic) ในการบำรุงรักษา รวมถึงรณรงค์การแยกขยะของแฟนบอลอีกด้วย 

ดร.ก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสโมสรฟุตบอลโดยทั่วไปจะปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ประมาณ 100 ตันต่อปี โดยสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ เอฟซี ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ลง 30% ในปี 2568 และปีถัดไปตั้งเป้าลดลง 60% จนกระทั่งเหลือศูนย์เลย สิ่งสำคัญจะทำให้กีฬาฟุตบอลยังคงอยู่กับเราต่อไป การสร้างน้ำใจนักกีฬา และเรื่องของสุขภาพของนักกีฬา เราต้องหาจุดสมดุลใหม่ให้กีฬากับโลกร้อนเดินไปด้วยกันได้ ไม่อยากให้เล่นกีฬาแล้วมีปัญหาเรื่องสุขภาพเนื่องจากอากาศและภาวะโลกร้อน เราต้องรีบดำเนินการตั้งแต่วันนี้ก่อนที่มันจะสายไป สโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ เอฟซี จึงกลายเป็นต้นแบบ 'สโมสรฟุตบอลสีเขียว' แห่งแรกของไทย นอกจาก 'ชัยชนะ' จะเป็นสิ่งที่นักกีฬาทุกคนต้องการ แต่สิ่งสำคัญไม่ควรมองข้าม คือ น้ำใจนักกีฬาที่ควรมีให้กัน และการมีน้ำใจให้กับโลกใบนี้ด้วยครับ

‘เนเน่-รัดเกล้า’ ร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ ‘อัตลักษณ์ภูษา พัสตราชาติพันธุ์’ เผยแพร่วิถีชีวิต-ภูมิปัญญากลุ่มชาติพันธุ์ เทิดพระเกียรติพระพันปีหลวง

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่วิถีชีวิต ประเพณี ความเชื่อ อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ ผ่านการแสดงแฟชั่นโชว์ ‘อัตลักษณ์ภูษา พัสตราชาติพันธุ์’

ภายในงานมหกรรมแสดงผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนและสินค้าราษฎรบนพื้นที่สูง เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ‘ใต้ร่มพระบารมี พระบรมราชชนนีพันปีหลวง’

งานดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘ใต้ร่มพระบารมี อัตลักษณ์วิถีชาติพันธุ์ วิสาหกิจชุมชนสร้างสรรค์ ผลักดันสวัสดิการยั่งยืน’ จัดโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวง พม. 

ซึ่งงานดังกล่าวจะถึง 3 วัน ระหว่างวันที่ 22 - 24 สิงหาคม 2567 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร 

โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่วิถีชีวิต ประเพณี ความเชื่อ อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ และเป็นช่องทางในการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์กลุ่มชาติพันธุ์ของราษฎรบนพื้นที่สูง เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาด ช่วยสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ที่มั่นคงแก่ชุมชนบนพื้นที่สูง

‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันโครงการดี ๆ ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทุกคน ทุกชาติพันธุ์ อย่างเท่าเทียมกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top