Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

'ซาอุฯ' เตรียมใช้เรือไฟฟ้าเหินน้ำ Candela ใน NEOM อีกหนึ่งแพลตฟอร์มด้านขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนฯ เป็นศูนย์

(22 ส.ค.67) TNN Tech รายงานว่า ซาอุดีอาระเบีย เผยแผนการใช้เรือขนส่ง จากบริษัทผู้ผลิตเรือในสวีเดนอย่าง 'แคนเดลา' (Candela) ซึ่งพัฒนาเรือเฟอร์รี่โดยสารแบบไฮโดรฟอยล์ (Hidrofoil) พลังงานไฟฟ้ารุ่น พี-สิบสอง (P-12) ที่ได้ฉายาว่า 'เรือบินได้' เพื่อเตรียมรับส่งผู้โดยสารในเมืองอัจฉริยะ ภายใต้โครงการยักษ์ใหญ่ นีออม (NEOM)

โดยซาอุดีอาระเบีย ได้ซื้อเรือเฟอร์รี่ไฟฟ้า P-12 รุ่นใหม่ของบริษัทแคนเดลาจำนวน 8 ลำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเรือไฟฟ้าของแคนเดลาจะใช้ปีกใต้น้ำช่วยยกตัวเรือขึ้นจากผิวน้ำขณะแล่น เพื่อลดการลาก และช่วยให้เรือแล่นด้วยความเร็วสูงเหนือผิวน้ำ จนดูเผินๆ แล้วเหมือนกับว่า เรือกำลังบินได้ 

ตัวเรือออกแบบให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ราว 12-30 คน ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า ซี-พอด (C-Pod) 2 ชุด และแบตเตอรี่ขนาด 63 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) จำนวน 4 ก้อน ทำความเร็วสูงสุด 30 นอต หรือราว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแล่นได้ไกลสุดที่ระยะทาง 40 ไมล์ทะเล หรือราว 74 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 25 นอต หรือ 46 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับปีกใต้น้ำ เป็นปีกคาร์บอนไฟเบอร์ 3 ปีก ซึ่งควบคุมด้วยเซ็นเซอร์ ที่สามารถปรับมุมของปีก เพื่อให้แล่นได้อย่างราบรื่น โดยเคลมว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนน้อย เมื่อเทียบกับการใช้งานเรือเฟอร์รี่โดยสารแบบเดิมๆ เหมาะสำหรับการล่องเรือชายฝั่ง โดยจะนำไปให้บริการทั่วชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้บริษัทผู้พัฒนาเรือแคนเดลา ระบุว่า เรือเฟอร์รี่ไฟฟ้า P-12 ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างระบบขนส่งทางน้ำที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ อีกทั้งการใช้ปีกแบบไฮโดรฟอยล์ ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อยกเรือขึ้นจากน้ำโดยอัตโนมัติ ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และทำให้เรือสามารถเดินทางเร็วขึ้นและไกลขึ้น โดยสำหรับโครงการสั่งซื้อเรือดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 2025 และต้นปี 2026 นี้

'นักเขียนชื่อดัง' ชี้!! หากปีไหนน้ำไม่ท่วมเท่าปี 54 อย่าสรุปเองว่าน้ำไม่ท่วม ยกเคส 'เชียงราย' ของจริง!! ต้องเร่งกระจายอำนาจ อย่ารอแต่ส่วนกลาง

(22 ส.ค.67) จากเหตุการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายวันได้ทำให้น้ำป่าบนเทือกเขาชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เทิง-อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ไหลทะลักลงสู่ลำน้ำหงาว ที่เอ่อล้นอยู่แล้วจนทะลักเข้าท่วมหนักในหมู่บ้านหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย

อย่างไรก็ตามวันนี้ ‘ภาณุ ตรัยเวช’ นักเขียนชื่อดัง และอดีตตัวแทนนักเรียนไทยที่ไปแข่งขันวิชาฟิสิกส์โอลิมปิกถึง 3 สมัยได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ใน จ.เชียงราย ครั้งนี้ โดยได้ระบุข้อความว่า

“ตอนแรกจะรอให้น้ำลดก่อนแล้วค่อยเขียน แต่เขียนเลยละกัน สังคมไทยต้องหยุดเอาน้ำท่วมปี 54 เป็นมาตรฐานของ ‘น้ำท่วม’ แล้วเอาเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายแบบนี้ต่างหากเป็นมาตรฐาน

น้ำท่วมส่วนใหญ่เกิดจากฝนตกใหญ่ ‘ความเร็ว’ น้ำที่ไหลลงมาเกินกว่าขีดจำกัด ‘ความเร็ว’ การระบายน้ำออก น้ำเลยขังอยู่ในที่ที่เราไม่อยากให้มันขัง จุดสำคัญคือ ‘ขีดจำกัดของการระบายน้ำออก’ นี่แหละ มันไม่ใช่ปัจจัยธรรมชาติ เป็นเรื่องการจัดการของคน ของหน่วยงานท้องถิ่นด้วย

ทุกปีจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม xxx ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี โดย xxx เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นเลยว่าน้ำจะต้องมาจ่อท่วมกรุงเทพฯ เหมือนปี 54

น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 54 เป็นกรณียกเว้นของยกเว้น เกิดเพราะ ‘ปริมาณ’ น้ำสะสมล้นเกิน น้ำไม่มีที่ไป ต่อให้ระบายได้เร็วก็ไม่รู้จะไประบายที่ไหน เพราะเขื่อน เพราะแม่น้ำใหญ่ล้นหมดแล้ว (ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ในปีนี้เลยนะ เราเช็กข้อมูลน้ำในเขื่อนสะสม ก็ค่อนข้างเป็นไปตามมาตรฐาน)

น้ำท่วมเชียงรายแบบตอนนี้ต่างหากคือโมเดลของปัญหาน้ำท่วมจริง ๆ เราไม่อยากท่องคาถา ‘กระจายอำนาจ’ แต่มันมีส่วนสำคัญเลยล่ะ เพราะท้องถิ่นต่าง ๆ ต้องสามารถระบายน้ำให้ทันกับน้ำที่ตกลงมา หรือมี infrastructure ที่พร้อมรับมือกับเรื่องราวไม่คาดฝันได้ในทุกปี (ซึ่งอะไรแบบนี้ ‘ส่วนกลาง’ อย่างเดียวทำไม่ได้หรอก)

เราไม่อยากให้คนคิดว่า ‘น้ำท่วมใหญ่’ คือ ‘น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 54’ เพราะสุดท้ายพอมันไม่เป็นถึงขนาดนั้น เราก็สรุปกันว่า ‘ปีนี้น้ำไม่ท่วม’ ซึ่งไม่ใช่เลย น้ำท่วมทุกจังหวัด ทุกปี ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบรรยายให้ความรู้เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทาน และหลักสูตรการเอาตัวรอด หนี ซ่อน สู้ ให้กับผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904

วันนี้ (22 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ และการป้องกันภัยอันตรายในชุมชน ให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 หลักสูตรพื้นฐาน (ภาค 1) รุ่นที่ 5 ประจำปี 2567 จำนวน 200 คน ณ ศูนย์ฝึกจิตอาสา ภาค 1 ค่ายพระราม 6 อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความรู้เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ การสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากนั้นบรรยายให้ความรู้ในเรื่องการเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง (Active Shooter) หนี ซ่อน สู้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว

การเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง (Active Shooter) หนี ซ่อน สู้ เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ผลักดันและพัฒนาการฝึกอบรมให้เป็นที่แพร่หลาย ทั้งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ประชาชน และหน่วยงาน เพราะเล็งเห็นว่าสิ่งนี้ควรเป็นหลักสูตรพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้เพื่อเอาตัวรอดเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตหากเผชิญเหตุลักษณะดังกล่าว

‘Neuralink’ ปลูกถ่ายชิปสมองให้มนุษย์สำเร็จเป็นรายที่ 2 ให้ผลลัพธ์ถึงขั้นผู้ป่วยออกแบบวัตถุ 3 มิติและเล่นเกมได้

(22 ส.ค.67) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ‘นิวรัลลิงก์’ (Neuralink) บริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีประสาท ของ ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ประกาศว่า การผ่าตัดปลูกถ่าย ‘ชิปฝังสมองครั้งที่สอง’ ให้กับมนุษย์เป็นไปด้วยดี และผู้ป่วยสามารถออกแบบวัตถุ 3 มิติ และเล่นเกมวิดีโออย่าง Counter-Strike 2 ได้

ยิ่งไปกว่านั้น การผ่าตัดครั้งที่สองนี้ยังประสบความสำเร็จในการหลีกเลี่ยงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ทดลองคนแรก อย่าง ‘โนแลนด์ อาร์เบา’ ซึ่งเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่คาดคิดอย่าง เมื่อเส้นใยบางส่วนของอุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมกับเนื้อสมองได้หลุดออก

“เพื่อลดความเสี่ยงของเส้นใยอุปกรณ์หลุดจากเนื้อสมองของผู้ป่วยคนที่สอง เราได้นำมาตรการหลายอย่างมาใช้ เช่น การลดการเคลื่อนไหวของสมองระหว่างการผ่าตัด และการลดช่องว่างระหว่างอุปกรณ์ปลูกถ่ายกับผิวสมอง” บริษัทกล่าวในบล็อกโพสต์

นอกจากนี้ ในกรณีของอาร์เบา Neuralink ได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์หลังการผ่าตัด ซึ่งช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้น

ทางบริษัทยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้กำลังพัฒนาฟังก์ชันใหม่สำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ชื่อ Link ซึ่งปัจจุบันช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมเคอร์เซอร์บนหน้าจอและอุปกรณ์ดิจิทัลได้ทีละคลิก ในอนาคต พร้อมทั้งระบุด้วยว่า Link จะสามารถถอดรหัสความตั้งใจในการเคลื่อนไหวหลายอย่างพร้อมกัน และจดจำความตั้งใจในการเขียนเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเขียนได้เร็วขึ้น

“ความสามารถเหล่านี้ จะไม่เพียงช่วยฟื้นฟูอิสระทางดิจิทัลสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้แขนขาได้เท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูความสามารถในการสื่อสารสำหรับผู้ที่ไม่สามารถพูดได้ เช่น ผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาท” Neuralink เขียน 

ในปัจจุบัน อุปกรณ์ Link ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตทั้งสี่ข้าง และผู้ที่มีภาวะอื่น ๆ ที่การเคลื่อนไหวถูกจำกัดอย่างรุนแรง โดย มัสก์ กล่าวว่า อุปกรณ์ปลูกถ่ายของ Neuralink อาจช่วยเพิ่มความสามารถของคนที่มีสุขภาพดีได้ในอนาคต เช่น ช่วยในการเรียกคืนความทรงจำ 

บล็อก Neuralink ระบุชื่อจริงของผู้ป่วยว่า ‘อเล็กซ์’ และระบุว่าเขาเป็นช่างเทคนิคยานยนต์ที่เคยประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บไขสันหลัง เขาออกจากสถาบันระบบประสาท Barrow Neurological Institute ในเมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนาในสหรัฐฯ เพียงหนึ่งวันหลังจากได้รับการผ่าตัด โดยอเล็กซ์สามารถใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบตัวยึดสำหรับเครื่องชาร์จ Neuralink แบบกำหนดเองได้แล้ว

มัสก์ หวังว่า จะสามารถปลูกถ่ายอุปกรณ์ให้กับผู้ป่วยเพิ่มเติมได้หลายคนภายในสิ้นปี โดยผู้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา Prime ของ Neuralink ซึ่งเป็นการทดลองอุปกรณ์ทางการแพทย์

สืบ ตม.บุกทลายคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้เช่าอาคารหรูตั้งฐานกลางกรุง

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้ จำนวน 8 คน ดังนี้
1. นายแจซุก (นามสมมติ) อายุ 26 ปี            
2. นายจุนฮี (นามสมมติ) อายุ 31 ปี 
3. นายวูจิน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี         
4. นายเจ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี             
5. นายซางกี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี         
6. นายซังฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 
7. นายฮุนจิน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี            
8. นายจุงฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี

พฤติการณ์จับกุม กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้ได้มาเช่าห้องภายในอาคารหรู ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้มาตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออก ประจำ อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI” จึงได้แสดงตัว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ห้อง โดยห้องแรกเป็นห้องเล็ก มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 8 ชุด ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 12 ชุด แต่ละชุด มีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในลักษณะพูดคุยชักชวนเพื่อให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Investment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงแต่เมื่อเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 17 เครื่อง ไอแพด จำนวน 4 เครื่อง 

จากการสอบถามทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่ามีการจ้างให้มาทำงานในประเทศไทยโดยการทำงานในลักษณะการพูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อชักชวนลักษณะการเป็นตัวแทนเพื่อหาลูกค้าให้เข้ามาร่วมลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการหาลูกค้าเข้ามาลงทุน โดยเบื้องต้น กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้จับกุมทั้ง 8 คน ดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม อาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดจอคอมพิวเตอร์ 40 จอ ซีพียู 20 เครื่อง โทรศัพท์มือจำนวน 17 เครื่อง และไอแพด จำนวน 4 เครื่อง ไว้เพื่อตรวจสอบและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษ ในโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปีพุทธศักราช 2567

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปี พุทธศักราช 2567 พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "วุฒิสภากับการพัฒนาประชาธิปไตย" ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เข้าร่วมพิธีเปิด ประกอบด้วย พันเอกหญิง ธณตศกร บุราคม, นายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะ, นายสุทนต์ กล้าการขาย, นางสาวอัจฉรพรรณ หอมรส, พลตํารวจตรี อังกูร คล้ายคลึง และ นายเปรมศักดิ์  เพียยุระ โดยมีผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เข้าร่วมในพิธีเปิด ประกอบด้วย นายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา, นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ และ นางรักชนก  เกสรทอง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 09:00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา(ฝั่งวุฒิสภา) ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 

โดยผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ ประกอบด้วย กรรมการเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภาจากจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย กรรมการเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภาจากจังหวัดต่างๆ ที่ดำเนินการจัดโครงการฯ ร่วมกับทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในปี พุทธศักราช 2567 และอาจารย์สังคมศึกษา/ประธานสภานักเรียนโรงเรียน โรงเรียนที่ทำบันทึกความร่วมมือ หรือ Memorandum of Understanding(MOU) ในแต่ละภูมิภาค รวมจำนวนทั้งสิ้น 124 คน 

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มพิธีเปิดฯ ผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ ได้สักการะพระราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ชั้น MB1 อาคารรัฐสภา และในเวลา 14:00 - 16:00 นาฬิกา คณะฯ เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ชั้น 1 เข้าชมห้องประชุมวุฒิสภา เพื่อรับฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 4 และหอสมุดรัฐสภา ชั้น 9

ต่อมาเวลา 18:30 นาฬิกา ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว SD Avenue Hotel ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้แบ่งกลุ่มเรียนรู้ออกเป็น 
กลุ่มที่ 1 "ถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดกิจกรรม"
กลุ่มที่ 2 "การเรียนรู้เรื่องวุฒิสภาและประชาธิปไตยผ่านเกมส์" 

โดยมีผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ ร่วมสังเกตการณ์ พบปะพูดคุย และให้แนวทางในการนำความรูัความเข้าใจเกี่ยวกับประชาธิปไตยฯ ไปต่อยอดขยายผลในรูปแบบที่หลากหลายให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ดำเนินรายการ โดย วิทยากรกลุ่มงานเผยแพร่ประชาธิปไตยฯ

ทั้งนี้ การจัดโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปี พุทธศักราช 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว และ อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร 

ซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ทางทะเลอ่าวพัทยา สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว

ศรชล.ร่วมเมืองพัทยา และพันธมิตร จัดการซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล 2024 สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล สร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานและความมั่นใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ อีกด้วย

วันที่ 22 ส.ค.67 ที่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายโฆสิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล ภายใต้รหัส MEMS-REX bolb & (Emergency Medical Senvices Response Exercise) ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม อาทิ นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี, นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ในการนี้ ยังได้ทำการมอบโล่แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในการฝึกซ้อมในครั้งนี้ด้วย

เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล MEMS-REX bolb & (Emergency Medical Senvices Response Exercise) เป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.), กระทรวงสาธารณสุข, กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1, กองบังคับการตำรวจน้ำ, กรมเจ้าท่า, เมืองพัทยา, มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 

เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการใน ศรชล. และพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 มีความรู้ความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ในการลำเลียงผู้เจ็บป่วยทางทะเล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการบูรณาการร่วมกันในการซ้อมแผน เพื่อเชื่อมโยงการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เมื่อมาเที่ยวหรือสัมผัสพื้นที่ทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองพัทยา แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ของประเทศไทย

ซึ่งในวันนี้ มีการฝึกซ้อม แบบ Table Top Exercise: การอำนวยการและประสานงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล และการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล 2024 MEMS-REX 2024 (Maritime Emergency Medical Services Response Exercise) ในทะเล อ่าวพัทยา อีกด้วย 

31 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ‘เจ้าหญิงไดอานา’ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ สิ้นพระชนม์ ในวัย 36 ปี สร้างความเศร้าโศกแก่ประชาชนชาวอังกฤษ และชาวโลกต่อเหตุการณ์นี้

‘เจ้าหญิงไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์’ มีพระนามเดิมว่า ‘ไดอานา ฟรานเซส’ สกุลเดิม ‘สเปนเซอร์’ เป็นพระชายาองค์แรกของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อครั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็น เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์

โดย ไดอานา ถือกำเนิดในตระกูลขุนนางที่สืบทอดเชื้อสายจากราชวงศ์อังกฤษในสมัยกลางและทรงเป็นญาติห่าง ๆ กับ แอนน์ บุลิน เป็นบุตรีคนที่ 3 ของพระชนกจอห์น สเปนเซอร์ ไวเคานต์อัลธอร์พ และพระชนนีฟรานเซส โรช ในวัยเด็กไดอานาพักอาศัยที่คฤหาสน์พาร์กเฮาส์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐาน ตำหนักซานดริงแฮม ไดอานาเข้าศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนที่ประเทศอังกฤษ และต่อมาได้เข้าศึกษาต่อช่วงเวลาสั้น ๆ ที่โรงเรียนการเรือน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะอายุได้ 14 ปี ไดอานาได้รับบรรดาศักดิ์ ‘เลดี’ เมื่อบิดาสืบทอดฐานันดรศักดิ์ เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์ เธอเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเมื่อเป็นเข้าพิธีหมั้นหมายกับเจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ใน พ.ศ. 2524

พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างไดอานา สเปนเซอร์ และเจ้าชายแห่งเวลส์ จัดขึ้น ณ อาสนวิหารนักบุญเปาโล เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 โดยมีการถ่ายทอดสดพระราชพิธีและมีผู้รับชมทางโทรทัศน์มากกว่า 750 ล้านคนทั่วโลก ไดอานาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ดัชเชสแห่งคอร์นวอล ดัชเชสแห่งรอธเซย์ และเคาน์เตสแห่งเชสเตอร์ หลังจากพระราชพิธีอภิเษกสมรสได้ไม่นานก็มีพระประสูติการเจ้าชายวิลเลียม พระโอรสพระองค์แรก และเจ้าชายแฮร์รี พระโอรสพระองค์ที่สองในอีก 2 ปีถัดมา ทั้งสองพระองค์อยู่ในตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่สองและสามแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ ในระหว่างที่ทรงดำรงพระอิสริยศเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินออกปฏิบัติพระกรณียกิจมากมายแทนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 รวมทั้งเสด็จเยือนต่างประเทศอยู่สม่ำเสมอ พระกรณียกิจที่สำคัญในบั้นปลายพระชนม์ชีพ คือ การรณรงค์ต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิด นอกจากนี้ พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งประธานโรงพยาบาลเด็กเกรทออร์มันด์สตรีท และทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โครงการและมูลนิธิอื่น ๆ มากกว่าหลายร้อยแห่งจนถึง พ.ศ. 2539 

ตลอดพระชนม์ชีพของไดอานา ทั้งก่อนอภิเษกสมรสและภายหลังหย่าร้าง สื่อมวลชนทั่วโลกต่างเกาะติดชีวิตของไดอานาและนำเสนอข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพระองค์อยู่ตลอดเวลา และพระองค์ทรงหย่าขาดจากพระสวามีในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2539 

จนกระทั่งวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ สิ้นพระชนม์ภายหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในอุโมงค์ทางลอดสะพานปองต์เดอลัลมา กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดดี ฟาเยด เพื่อนชายคนสนิท และอ็องรี ปอล คนขับรถ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ มีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ เทรเวอร์ รีส์-โจนส์ ผู้ทำหน้าที่องครักษ์ 

ขบวนช่างภาพปาปารัสซีที่ติดตามไดอานาตกเป็นจำเลยสังคมทันที เนื่องจากมีการนำเสนอข่าวว่าช่างภาพปาปารัสซีเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ แต่การสืบสวนของหน่วยงานยุติธรรมของฝรั่งเศสซึ่งใช้เวลานานกว่า 18 เดือน สรุปผลว่า นายอ็องรี ปอล อยู่ในอาการมึนเมาขณะขับรถยนต์และไม่สามารถควบคุมรถซึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงได้ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในคืนนั้น อ็องรี ปอล นั้นเป็นรองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยโรงแรมริตซ์ และก่อนเกิดอุบัติเหตุเขาได้ท้าทายกลุ่มช่างภาพปาปารัสซีที่คอยอยู่หน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่นิติเวชยังตรวจพบยาต้านอาการทางจิต และยาต้านโรคซึมเศร้าในตัวอย่างเลือดของอ็องรี ปอล และอีกหนึ่งข้อสรุปก็คือ กลุ่มช่างภาพปาปารัสซีไม่ได้อยู่ใกล้รถเบนซ์ในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ

เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 โมฮัมเหม็ด ฟาเยด บิดาของโดดี และเจ้าของโรงแรมริทซ์ กล่าวอ้างว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นแผนลอบสังหาร ซึ่งปฏิบัติการโดยหน่วยสืบราชการลับ MI6 ตามคำพระบัญชาของพระราชวงศ์ แต่คำกล่าวอ้างของโมฮัมเหม็ดขัดแย้งกับผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส และปฏิบัติการแพเจต ของตำรวจนครบาลอังกฤษ พ.ศ. 2549

2 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีการเบิกความคดีการสิ้นพระชนม์อีกครั้งหนึ่งโดยผู้พิพากษา สกอต เบเกอร์ ณ ศาลอุทธรณ์ กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีต่อเนื่องมาจากครั้งแรกใน พ.ศ. 2547

7 เมษายน พ.ศ. 2551 คณะลูกขุนแถลงคำตัดสินปิดคดีว่า การสิ้นพระชนม์ของไดอานาและการเสียชีวิตของโดดีเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นผลจากความประมาทอย่างร้ายแรงของอ็องรี ปอล และความประมาทอย่างร้ายแรงกลุ่มช่างภาพปาปารัสซีที่ไล่ติดตาม นอกจากนี้คณะลูกขุนยังระบุถึงปัจจัยอื่นเพิ่มเติมที่มีส่วนให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ 1) คนขับรถบกพร่องในการตัดสินใจเนื่องจากตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ 2) ข้อเท็จจริงที่ผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจเป็นเหตุหรือมีส่วนทำให้ถึงแก่ความตาย 3) ข้อเท็จจริงที่รถเบนซ์พุ่งชนตอม่อภายในถนนลอดอุโมงค์สะพานปองต์เดอลัลมา และไม่ได้พุ่งชนวัตถุหรือสิ่งอื่นใด

สรุป 13 แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจไทยในมุม 'ทักษิณ ชินวัตร' เรื่องสำคัญ 'ดิจิทัลวอลเล็ต-ทุนจีน-ศก.ใต้ดิน-รถไฟฟ้า 20 บาท'

(23 ส.ค.67) Business Tomorrow เผย 13 แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจไทย ในมุม 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี หลังร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน เนชั่นทีวี จัดดินเนอร์ทอล์ก หัวข้อ Vision For Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ดังนี้...

1.) โจทย์เร่งด่วนดูแลเศรษฐกิจไทย : ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและธุรกิจให้เดินต่อให้ได้ นโยบายการคลังและนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยไปในทางเดียวกัน แต่เคารพความเป็นอิสระแบงก์ชาติ

2.) โครงการดิจิทัล วอลเล็ต : เสนอให้ใช้ดิจิทัล วอลเล็ต ในเฟสแรกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะยังคงใช้งบประมาณที่เตรียมไว้ 1.45 แสนล้านบาทมาใช้แจกให้กับ 14.5 ล้านคน กลุ่มเปราะบางและคนพิการก่อนคนละ 10,000 บาท และเฟสต่อไปเดือน ต.ค.อีก 30 ล้านคนใช้ระบบดิจิทัล วอลเล็ต ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจใช้ระบบ 'บล็อกเชน' ชุ่มฉ่ำทั่วถึง, รากหญ้าเรียนรู้เทคโนโลยี, ประชาชนได้รับบริการภาครัฐ ซุปเปอร์แอป อนาคตอาจขายพันธบัตรรัฐบาลผ่านประชาชนรายย่อย ให้ประชาชนใช้แทนเงินสด เป็นผลมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ

3.) Entertainment Complex : นายทักษิณมองว่าควรดึงเอกชนมาลงทุนเริ่มแสนล้านบาท สร้าง Entertainment Complex ในกรุงเทพฯ เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเสริมสิ่งที่ประเทศไทยยังขาด เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์และสนามกีฬา ส่วนพื้นที่คาสิโนมีไม่ถึง 10%

4.) ถมทะเลบางขุนเทียน-ปากน้ำ : เสนอการถมทะเลเพื่อสร้างเมืองใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดความแออัดในกรุงเทพฯ โดยให้ใช้รถไฟและรถไฟฟ้าเป็นการเดินทางหลัก เพื่อป้องกันน้ำท่วมและเพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยว

5.) รถไฟฟ้า 20 บาท : ยืนยันว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทต้องทำให้ได้ โดยอาจต้องเวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหารมาเป็นของรัฐ แล้วจ้างเอกชนบริหารต่อ

6.) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและการลงทุนในดาต้าเซนเตอร์ : แนะนำให้เชิญชวนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม

7.) ดึงรถ EV พวงมาลัยขวามาผลิตในไทย : เสนอให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ EV พวงมาลัยขวาจากจีน และรักษาอีโคซิสเตมอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย ส่วนประเด็นสินค้าจีนตีตลาดกระทบ SME ไทย แนะเร่งพัฒนาเพิ่มมูลค่า จี้รัฐตรวจสอบสินค้าผิดกม. ยันไม่รังเกียจทุนจีน แต่ต้องแข่งขันเท่าเทียม

8.) แนวทางการจัดการเขตทับซ้อนทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติ : นายทักษิณเสนอให้แบ่งทรัพยากรในเขตทับซ้อนทางทะเลคนละ 50% เช่นเดียวกับที่เคยทำกับมาเลเซียชี้ว่าน้ำมันและแก๊สในพื้นที่นี้อาจหมดความสำคัญในอีก 20 ปี เนื่องจากการหันไปใช้พลังงานสะอาดกำลังให้มีการศึกษาแนวทางของนอร์เวย์ในการแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติให้กับประชาชนทั้งประเทศ แนวทางนี้จะช่วยลดต้นทุนพลังงานถูกลง 

9.) ศูนย์กลางทางการเงิน : ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยศึกษาตัวอย่างจากดูไบและสิงคโปร์

10.) ขายที่ดินให้ต่างชาติ : เสนอแนวทางขายที่ดินให้ต่างชาติโดยให้สัญญาเช่า 99 ปีให้กรมธนารักษ์ดูแล และจำกัดการใช้ที่ดินเพื่อป้องกันการนำไปทำการเกษตรแข่งขันกับคนไทย

11.) กองทุนวายุภักษ์ : เสนอขยายกองทุนวายุภักษ์เพื่อซื้อหุ้นกลับมาหากราคาต่ำกว่าที่ควร

12.) ปรับภาษี : แนะให้ปรับภาษีให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ โดยเฉพาะภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา พร้อมกับใช้เทคโนโลยีใหม่ในการคืนภาษีอย่างรวดเร็ว

13.) เศรษฐกิจใต้ดิน : เศรษฐกิจใต้ดินมีขนาดใหญ่กว่า 49% ของ GDP จำเป็นต้องดึงเศรษฐกิจเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน

เปิดเรื่องราว ‘Leo Tolstoy’ นักประพันธ์เอกของโลกชาวรัสเซีย เจ้าของผลงานชิ้นเอก ‘สงครามและสันติภาพ’ และ ‘แอนนา คาเรนินา’

ผู้เขียนมีโอกาสไปรัสเซียเพื่อชมงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ Army-2024 ตามคำเชิญของบริษัท Rosoboronexport หลังจากเสร็จภารกิจชมงานนิทรรศการฯ แล้ว บริษัทฯ ได้จัดโปรแกรมวัฒนธรรม โดยจัดทริปเดินทางจากกรุงมอสโคว์ไปยังเมืองทูลา (Tula) ซึ่งอยู่ทางใต้ราว 200 กิโลเมตร (120 ไมล์) ใช้เวลา 3 ชม. เพื่อเยี่ยมชมบ้านพักของ ‘Leo Tolstoy’ นักประพันธ์เอกชาวรัสเซีย ณ พิพิธภัณฑ์ Yasnaya Polyana ซึ่งเป็นบ้านพิพิธภัณฑ์ของนักเขียนผู้นี้ และอยู่ห่างจากตัวเมือง Tula ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 12 กิโลเมตร (7.5 ไมล์)

Leo Tolstoy (9 กันยายน 1828 - 7 พฤศจิกายน 1910) นักประพันธ์เอกชาวรัสเซีย เกิดในครอบครัวขุนนางชั้นสูงของจักรวรรดิรัสเซีย ในเมือง Tula ทางตอนกลางของรัสเซีย โดยเขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้อง 5 คนของท่านเคาท์ Nikolai Ilyich Tolstoy ทหารผ่านศึกในสงครามรักชาติในปี 1812 และเจ้าหญิง Mariya Tolstaya มารดาเสียชีวิตตอนที่เขามีอายุเพียง 2 ขวบ ส่วนบิดาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้ 9 ขวบ หลังจากบิดาเสียชีวิต ป้าของเขาได้ทำหน้าที่เลี้ยงดูแทน เขาถูกส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยคาซาน (Kazan University) ด้านกฎหมายและภาษาตะวันออก (Laws & Turco-Arabic Literature) เมื่ออายุ 16 ปี แต่เรียนไม่จบ โดยอาจารย์ผู้สอนบรรยายว่า Tolstoy ‘ทั้งไม่สามารถและไม่เต็มใจที่จะเรียนรู้’ เขากลับไปที่บ้านเกิด Yasnaya Polyana จากนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่วนเวียนในกรุงมอสโก เมืองตูลา และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมีวิถีชีวิตที่สบาย ๆ และเขาได้เริ่มเขียนในช่วงเวลานี้ อันได้แก่นวนิยายเรื่องแรกของเขาเรื่อง Childhood ซึ่งเป็นเรื่องราวสมมติเกี่ยวกับชีวิตวัยเยาว์ของตัวเขาเอง และตีพิมพ์ในปี 1852

Leo Tolstoy ขณะเป็นทหาร

ในปี 1851 นั้นเอง Tolstoy ก็เข้าเป็นนายทหารของกองทัพรัสเซียในช่วงสงครามไครเมียจนได้รับยศเป็นร้อยโท ภายหลังออกจากกองทัพแล้ว Tolstoy ได้เดินทางท่องยุโรปสองครั้งในปี 1857 และ 1860-61 ระหว่างการเยือนยุโรปของเขาในปี 1857 เขาได้เห็นการประหารชีวิตในที่สาธารณะกลางกรุงปารีส ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจนตลอดช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตของเขา ในจดหมายถึง Vasily Botkin เพื่อนของเขา เขาได้เขียนว่า “ความจริงก็คือรัฐเป็นการสมรู้ร่วมคิดที่ออกแบบมาไม่เพียงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการทุจริตต่อพลเมืองของตน ... ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่รับใช้รัฐบาลใด ๆ อีกเลย” 

แนวคิดของการไม่ใช้ความรุนแรง หรือ ‘อหิงสา’ (Ahimsa) ของ Tolstoy ได้รับอิทธิพลจากการอ่าน ‘ติรุวัฬฬุวรร’ (Tirukkuṟaḷ) ซึ่งเป็นหนังสือรวมงานเขียนด้วยประโยคคู่ (Couplets) เกี่ยวกับจริยศาสตร์, การเมือง, เศรษฐกิจ และความรัก ฉบับภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่างานเขียนชุดนี้โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบมากในบรรดาวรรณกรรมทมิฬ (ของอินเดีย) และต่อมาเขาได้ปลูกฝังแนวคิดนี้ให้กับ ‘มหาตมะ คานธี’ (Mahatma Gandhi) ผ่านงานเขียนที่ชื่อว่า ‘จดหมายถึงชาวฮินดู’ (A Letter to a Hindu) เมื่อ ‘มหาตมะ คานธี’ ในวัยหนุ่มได้ติดต่อกับเขาเพื่อขอคำแนะนำต่าง ๆ

ปี 1862 Tolstoy แต่งงานกับ Sonya Andreyevna Behrs ซึ่งอายุน้อยกว่าเขา 13 ปี พวกเขามีลูกชายหญิงด้วยกัน 13 คน โดย 8 คนรอดชีวิตจากวัยเด็ก ภรรยาของเขาได้ทำหน้าที่ช่วยเหลืองานของ Tolstoy ตลอดมา และปี 1865 Tolstoy เขาก็ตีพิมพ์ผลงานชิ้นเอกของเขา ‘War and Peace’ มหากาพย์ของสงครามรัสเซียช่วงก่อนและภายหลังการบุกของนโปเลียน ต่อมาปี 1877 เขาก็ได้ตีพิมพ์งานชิ้นเอกอีกเล่ม คือ ‘Anna Karenina’ ซึ่งเป็นนวนิยายแนวโศกนาฏกรรมโรแมนติกของหญิงสาวผู้หนึ่ง นิยายชิ้นเอกของเขาได้แก่ สงครามและสันติภาพ (War & Peace), แอนนา คาเรนินา (Anna Karenina), คนกับนาย (Master And Man), ความตายของอีวาน อิลลิช (The Death of Ivan Ilyich) และ ศิลปะคืออะไร? (What is art?) เป็นต้น Tolstoy เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1910 ขณะอายุได้ 82 ปี (ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่า Tolstoy เสียชีวิตในวันที่ 20 พฤศจิกายน 1910 แต่ผู้นำชมบ้านพิพิธภัณฑ์ของนักเขียนผู้นี้ยืนยันว่าเป็นวันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 06.05 น.) ศพของเขาได้รับการฝังอย่างเรียบง่ายภายในอาณาบริเวณที่ดินของครอบครัว Tolstoy นั่นเอง

ทางเข้าอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

บ้านพักของ Leo Tolstoy ที่เขาพักอาศัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ด้านหลังบ้านพักของ Leo Tolstoy

สวนไม้ดอกไม้ประดับรายทางในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

สวนไม้ดอกไม้ประดับรายทาง

สวนไม้ดอกไม้ประดับรายทาง

Log cabin ในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

คฤหาสน์หลักของตระกูล Tolstoy

บึงน้ำในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

ทางเดินซึ่งมีต้นไม้สองข้างทางอันร่มรื่นในอาณาบริเวณ Yasnaya Polyana

อย่างไรก็ตาม บ้านพิพิธภัณฑ์ Yasnaya Polyana เป็นบ้านเดิมและบ้านเกิดของ Leo Tolstoy ซึ่งเขาได้พักอาศัยระหว่างการเขียนยอดนิยายชิ้นเอกของเขาทั้ง ‘สงครามและสันติภาพ’ และ ‘แอนนาคาเรนินา’ Tolstoy เรียก Yasnaya Polyana ว่าเป็น ‘ฐานที่มั่นทางวรรณกรรมที่ไม่สามารถเข้าถึงได้’ ในเดือนมิถุนายน 1911 ที่ดินดังกล่าวถูกโอนเป็นของรัฐ และกลายเป็นอนุสรณ์แห่งรัฐและเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างเป็นทางการ ภายในบ้านพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วยของใช้ส่วนตัวของ Tolstoy อาณาบริเวณที่ดินของครอบครัว Tolstoy มีห้องสมุดซึ่งมีหนังสือจำนวน 22,000 เล่ม อาคารซึ่งเคยเป็นโรงเรียนที่เขาก่อตั้งเพื่อเด็ก ๆ ลูกชาวนา โรงเลี้ยงม้า สวนดอกไม้ หมู่ต้นไม้ที่ร่มรื่น และบึงน้ำ

หลุมศพที่สุดแสนจะเรียบง่ายของ Leo Tolstoy

ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Tolstoy ได้ประกาศถึงสถานที่ซึ่งเขาต้องการให้ฝังศพของเขา ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ‘สถานที่แห่งไม้กายสิทธิ์สีเขียว’ อันเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ป่าแห่งระเบียบเก่า’ ด้วยการตัดต้นไม้ในพื้นที่นั่นเป็นสิ่งต้องห้ามมาตั้งแต่สมัยปู่ของ Tolstoy และต้นไม้หลายต้นที่นั่นมีอายุมากกว่าร้อยปี โดย Nikolai และ Tolstoy น้องชายมักจะมาพูดคุยกันตรงนี้เสมอ Nikolai พี่ชายของเขาเป็นผู้ตั้งชื่อ 'สถานที่แห่งไม้กายสิทธิ์สีเขียว' ซึ่งหมายความว่า ‘บุคคลที่พบไม้กายสิทธิ์ที่นั่นจะไม่มีวันตายหรือเจ็บป่วย’

บ้านพิพิธภัณฑ์ Ernest Hemingway เมือง Key Wes มลรัฐ Florida สหรัฐอเมริกา

ประเทศต่าง ๆ มักจะมีการนำเอาบ้านพักหรือสถานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีความสำคัญในอดีตมาจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชม ถือเป็นการส่งเสริมพลังละมุน (Soft power) ของชาติที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ชื่อเสียงเรื่องราวของบุคคลสำคัญผู้นั้นไม่สูญหายจากไปตามกาลเวลา แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็มีบ้านพิพิธภัณฑ์เช่นนี้หลายแห่ง ซึ่งแห่งหนึ่งที่ผู้เขียนเคยไปเยี่ยมชมคือ บ้านพิพิธภัณฑ์ Ernest Hemingway เมือง Key West มลรัฐ Florida สหรัฐอเมริกา Ernest Hemingway นักประพันธ์ นักเขียนเรื่องสั้น และนักข่าวชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งได้รับรางวัล Noble สาขาวรรณกรรมในปี 1954 จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีหญิงท่านนี้ซึ่งพยายามขับเคลื่อนพลังละมุน (Soft power) ของประเทศจะได้มีวิธีคิดในการส่งเสริมและขับเคลื่อนกิจกรรมด้านนี้อย่างมีทิศทางและเป้าหมายที่ถูกต้องและชัดเจนต่อไป
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top