Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'ปิยบุตร' ปรับกระบวนทัศน์ เริ่มค้นคว้าหาความรู้เรื่องจีน ก่อนเยือนจีน ยกมุมมอง 'จาง เหวยเว่ย' น่าเห็นด้วยในหลายมุมที่ติง 'สหรัฐฯ-ยุโรป'

เมื่อวานนี้ (18 ส.ค. 67) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ผ่านบัญชี X ส่วนตัว ‘Piyabutr Saengkanokkul @Piyabutr_FWP’ ระบุว่า…

แนะนำคลิปวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ 

ผมรู้จักชื่อ ศาสตราจารย์ จาง เหวยเว่ย ครั้งแรก เมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนั้นมีโอกาสสนทนากับคนของสถานทูตจีนกันหลายชั่วโมง แล้วเขามอบหนังสือให้ผมหลายเล่ม หนึ่งในนั้น คือ ‘คลื่นจีน การผงาดของรัฐอารยธรรม’ ที่เขียนโดย จาง เหวยเว่ย 

อ่านแล้ว น่าสนใจมาก หลายประเด็นตรงกับสิ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตและคำถามต่อโลกตะวันตก 

ผมไปร่ำเรียนและมีโอกาสใช้ชีวิตในโลกตะวันตกเกือบทศวรรษ และยังไป ๆ มา ๆ อีกปีละหลายครั้ง เราถูกครอบงำโดยโลกตะวันตกโดยไม่รู้ตัว ช่วง 5 ปีหลังมานี้ ผมพยายามถอดแว่นตะวันตกและหันมาสนใจจีนมากขึ้น โดยเฉพาะความพยายามสร้างวิถีแบบจีนที่แตกต่างจากโลกตะวันตก ประกอบกับภรรยาผมชี้ชวนให้ผมออกจากความคิดแบบ “อะไร ๆ ก็ยุโรป” / “อะไร ๆ ก็ฝรั่งเศส”

อีกไม่กี่วัน ผมจะมีโอกาสเดินทางไปจีน ไปอยู่ครึ่งเดือน ไป 3 มณฑล 

นี่คือการเดินทางไปจีนครั้งแรกของผม ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นลูกหลานจีน แต่ไม่เคยคิดที่จะไปจีนหรือเรียนภาษาจีนเลย 

ก่อนไป ก็เลยค้นคว้าหาความรู้เรื่องจีนไปเรื่อย 

เจอคลิปสัมภาษณ์ของ ศ.จาง เหวยเว่ย พอดี ผมดูแล้ว เห็นด้วยในหลายประเด็น ทั้งการวิจารณ์สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป 

ลองชมกันได้ครับ

ลูกชายผู้นำฮามาส ชี้!! พ่อถูกฆ่าด้วยขีปนาวุธนำวิถีแกะรอยโทรศัพท์มือถือ แง้ม!! ไม่ใช่เหตุลอบวางระเบิด เพราะบุคคลอื่นที่ห่าง 2-3 เมตร ปลอดภัย

เมื่อวานนี้ (18 ส.ค. 67) เว็บไซต์เยรูซาเล็มโพสต์รายงานว่า ตามที่เคยรายงานข่าว ‘นายฮานิเยห์’ เสียชีวิตในกรุงเตหะรานของอิหร่านเมื่อวันที่ 31 ก.ค.  รายงานข่าวจากนิวยอร์กไทม์สยืนยันโดยเยรูซาเล็มโพสต์ระบุว่า ระเบิดถูกฝังไว้ในห้องของเขาหลายเดือนก่อนเจ้าตัวถูกปลิดชีพ

ตามรายงานข่าวและข้อมูลจากแหล่งข่าวเผยว่า ระเบิดถูกซ่อนอยู่ตั้งแต่เดือน มิ.ย. สั่งการด้วยเทคโนโลยีทางกลไกล้ำสมัยที่เคยใช้ในการสังหารนายโมห์เซน ฟาริซาเดห์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่าน

แต่ล่าสุดบุตรชายของนายฮานิเยห์กล่าวกับอัล อารบิยาว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น

“ผมคิดว่าเรื่องระเบิดไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด มีบอดี้การ์ดและที่ปรึกษาอื่น ๆ อีกมากมายในห้องที่ห่างจากห้องเขาออกไปแค่ 2-3 เมตร ชัดเจนว่าถ้ามีระเบิดก็ต้องระเบิดกันทั้งหมด”

“มันคือขีปนาวุธนำวิธีแกะรอยจากโทรศัพท์มือถือของเขา ที่เขาวางไว้ในห้องตอนกลางคืนใกล้กับศรีษะซึ่งถูกโจมตีโดยตรง”

บุตรชายกล่าวและว่า บิดาของตนใช้โทรศัพท์ต่อเนื่อง ในคืนนั้นก็ใช้ในเวลา 22.15 น.

“พ่อผมไปร่วมงานพิธีการ เขาต้องนำโทรศัพท์มือถือไปด้วยปฏิบัติการจึงทำได้ไม่ซับซ้อน” บุตรชายอธิบายเหตุผลว่าทำไมบิดาของตนถึงตกเป็นเป้าอย่างง่ายดาย

“เขาอยู่ในประเทศหนึ่งเพื่อร่วมพิธีสาบานตนประธานาธิบดี (มาซุด เปเซชคิอัน) ร่วมกับตัวแทนคนอื่น ๆ มาตรการรักษาความปลอดภัยจึงเทียบกันไม่ได้กับในพื้นที่ซ่อนตัวที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ”

ตอนแรกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) รายงานว่า ผู้นำฮามาสถูกปลิดชีพจากจรวดพิสัยใกล้บรรทุกวัตถุระเบิดราว 7 กิโลกรัมที่ยิงมาจากด้านนอกอาคาร ซึ่งฮานิเยห์ผู้ลูกจบการสัมภาษณ์ด้วยข้อสรุป เขาเชื่อว่าการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ดำเนินการด้วยความคุ้มครองของสหรัฐ

ทั้งนี้ อิหร่านกล่าวโทษว่าเป็นฝีมืออิสราเอลและประกาศตอบโต้ โดยที่อิสราเอลไม่เคยพูดว่าเป็นฝีมือของตน สหรัฐก็ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารครั้งนี้

‘หมออ๋อง’ ถูกแซว!! หลัง 'มนต์ชัย' ครองนายก อบจ.พิษณุโลก คอมเมนต์เอกฉันท์ "ยักไหล่แล้วไปต่อ-ยังมีราชบุรีให้แพ้อีก"

(19 ส.ค. 67) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 อดีต สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และต่อมาอยู่พรรคเป็นธรรม ซึ่งช่วยหาเสียงให้ นางสิริวรรณ คุณประจักษ์นุกูล ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.พิษณุโลก ที่พ่ายแพ้ให้กับ นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ อดีตนายกอบจ.พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความยินดีกับนายมนต์ชัยที่ชนะการเลือกตั้ง นายก อบจ.พิษณุโลก ว่า “ขอแสดงความยินดีกับนายกมนต์ชัย เบอร์ 1 ด้วยครับ และขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องชาวพิดโลกที่ออกมาใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ครับ”

ทั้งนี้ จากโพสต์ดังกล่าวของนายปดิพัทธ์ พบว่ามีผู้เข้ามากดถูกใจ, คอมเมนต์ และแชร์ เป็นจำนวนมาก โดยมีคอมเมนต์หลากหลาย แต่ที่น่าสนใจ คือ มีผู้คอมเมนต์ว่า “ยักไหล่ แล้วไปต่อค่ะ” จากนั้นมีผู้เข้ามาตอบเมนต์ดังกล่าวว่า “ยังมีราชบุรีให้แพ้อีก”

'ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์' รำลึกถึง ‘พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’ ผู้ปฏิรูปการปกครองสู่ความทันสมัยครั้งสำคัญของชาติไทย

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ออกบทความในหัวข้อ ความคิดก้าวหน้า (Progressive) ในสมัยพระจอมเกล้าฯ มีเนื้อความ ดังนี้...

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี ถือเป็น ‘วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ’ เพื่อรำลึกถึงที่การที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงพระปรีชาสามารถด้านดาราศาสตร์เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวตะวันตก หลังพระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาไว้อย่างแม่นยำ พร้อมกับเชิญคณะนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกร่วมเป็นสักขีพยาน ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ที่ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ไม่เพียงแต่ทางด้านวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ในด้านขององค์ความรู้ทางการเมือง ในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ความเห็นของปัญญาชนในสังคมไทยนั้นแบ่งออกเป็นสองขั้ว ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่ไม่เชื่อว่าชาติตะวันตกจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจและตัวแสดงสำคัญในการเมืองโลกและการเมืองไทย ที่มักจะนำโดยฝ่ายขุนนาง ในเอกสารของเฮนรี เบอร์นี่ มีการบันทึกว่าเจ้าพระยาพระคลังของไทยนั้นแสดงความกังขากับแสนยานุภาพของอังกฤษในการที่จะยึดครองพม่า โดยเบอร์นี่ย์ได้มีการบันทึกว่า...

"ท่านพระคลังดูเหมือนจะไม่เชื่อข่าวเกี่ยวกับชัยชนะของกองทัพอังกฤษ ซึ่งท่านคิดว่าคงเป็นชัยชนะชั่วคราว และท่านเห็นว่าการที่กองทัพเราหวังจะเข้ายึดครองอังวะ (Ava) หรือจะเอาชนะพวกพม่าให้ได้นั้นเป็นความคิดเพ้อฝันมากกว่า"

ในขณะที่ฝ่ายก้าวหน้าของสังคมไทยนั้น นำโดยสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะพระปรีชาญาณและการวางรากฐานทางความคิดตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชดำรัสของพระองค์ที่ว่า...

 "...การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่งให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียทีเขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่ดีควรจะเรียนร่ำเอาไว้ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว..." 

นั่นแสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงความเข้าใจในภูมิทัศน์ทางการเมืองโลกและภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไป ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความหัวก้าวหน้าที่ทันโลกของพระองค์ ทำให้พระองค์ทรงศึกษาภาษาอังกฤษและวิทยาการตะวันตกแขนงต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยพระองค์เอง สั่งซื้อตำหรับตำราจากต่างประเทศ และศึกษาจากพระสหายชาวตะวันตกที่มีความรอบรู้ ในพระนิพนธ์ เรื่อง ความทรงจำ ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงบันทึกถึงความก้าวหน้าของพระราชบิดาของพระองค์ท่านในช่วงเวลาดังกล่าวเอาไว้ว่า...

"...ตั้งแต่จีนรบแพ้อังกฤษ ต้องทำหนังสือสัญญายอมให้อังกฤษกับฝรั่งต่างชาติเข้ามีอำนาจในเมืองจีนเมื่อ พ.ศ. 2385 เวลานั้นไทยโดยมากยังเชื่อตามคำพวกจีนกล่าวว่า แพ้สงครามด้วยไม่ทันเตรียมตัว...แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระดำริเห็นว่า ถึงคราวโลกยวิสัยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยฝรั่งมามีอำนาจขึ้นทางตะวันออกนี้ และประเทศสยามอาจจะมีการเกี่ยวข้องกับฝรั่งยิ่งขึ้นในวันหน้า จึงเริ่มทรงศึกษาภาษาอังกฤษ"

พระปรีชาสามารถในการหยั่งถึงอนาคตของโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พระองค์เตรียมส่งเสริมให้พระราชโอรสและธิดาของพระองค์ ศึกษาภาษาอังกฤษและวิทยาการตะวันตก จนนำไปสู่การปฏิรูปการปกครองสู่ความทันสมัยครั้งสำคัญของชาติไทยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช พระราชโอรสของพระองค์

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 (พระนคร : คุรุสภา, 2504),
กรมศิลปากร, เอกสารเฮนรี่ เบอร์นีย์ เล่ม 1 แปลโดย สาวิตรี สุวรรณสถิตย์ (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2551)
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ความทรงจำ (พระนคร: ศิลปาบรรณาคาร, 2516)

‘ทักษิณ’ ใส่เสื้อเหลืองขึ้นศาลฯ ตรวจหลักฐานคดี ม.112 แง้ม!! ไม่กังวลเพราะเป็นคดีกระชับอำนาจ หลังปฏิวัติใหม่ๆ

(19 ส.ค. 67) ศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน

ซึ่งนายทักษิณได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 5 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

ในวันนี้มีทีมทนายความประมาณ 6-7 คนมาศาล

ต่อมาเวลา 08.53 น. นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีนี้ ได้เดินทางมาศาล โดยสวมเสื้อสีเหลืองใส่สูทดำคลุมทับ พร้อมกล่าวก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า ไม่มีความกังวล เป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติใหม่ ๆ เป็นการใช้กฎหมายกระชับอำนาจ ส่วนเรื่องพยานเป็นเรื่องทนายความ หลังจากนั้นนายทักษิณได้เดินห้องขึ้นพิจารณาทันที

'ศาลชั้นต้นดูไบ' ตัดสิน 'อนุมัติจ่ายเงินเดือนด้วยคริปโต' สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เงินดิจิทัลถูกนำมาใช้ในวงกว้าง

เมื่อไม่นานมานี้ ศาลชั้นต้นแห่งดูไบได้ยืนยันถึงความถูกต้องตามกฎหมายของการจ่ายเงินเดือนด้วยสกุลเงินดิจิทัลภายใต้สัญญาจ้างงานในการตัดสินสำคัญเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ซึ่งการตัดสินนี้มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคดีที่คล้ายคลึงกันที่เกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งศาลเดียวกันได้ยกฟ้องข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับโทเค็น EcoWatt

โดยคำตัดสินที่ออกในคดีหมายเลข 1739/2024 (แรงงาน) ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแนวทางการพิจารณาคดีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค

>>ข้อพิพาทการจ่ายเงินเดือนในรูปของสกุลเงินดิจิทัล

คดีนี้เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทที่โจทก์ ซึ่งเป็นลูกจ้าง เรียกร้องค่าจ้างที่ไม่ได้รับการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน โดยในสัญญาของโจทก์ระบุเงินเดือนรายเดือนเป็นสกุลเงินทั่วไป พร้อมกับโทเค็น EcoWatt จำนวน 5,250 โทเค็น ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งศาลตัดสินให้โจทก์ชนะคดี โดยสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินเดือนที่ค้างชำระเป็นโทเค็น EcoWatt โดยอ้างว่านายจ้างไม่แสดงหลักฐานการชำระเงิน

ในคำให้การของนายจ้าง ได้โต้แย้งว่าโจทก์ถูกเลิกจ้างด้วยเหตุผลที่สมเหตุสมผล และการจ่ายเงินเดือนเป็นโทเค็น EcoWatt นั้นไม่สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ศาลพบว่าสัญญาจ้างงานระบุการจ่ายเงินเป็นทั้งสกุลเงินทั่วไปและสกุลเงินดิจิทัลอย่างชัดเจน และนายจ้างไม่ได้ให้หลักฐานที่เพียงพอเพื่อพิสูจน์ว่าโทเค็น EcoWatt ได้รับการชำระเงินแล้ว

คำตัดสินดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อตกลงทางสัญญาที่ชัดเจนและความพร้อมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการปรับตัวให้เข้ากับแนวทางทางการเงินสมัยใหม่ นอกจากนี้ยังถือเป็นก้าวล่าสุดในแนวทางที่ก้าวหน้าของประเทศในการนำเอาและควบคุมอุตสาหกรรมคริปโตมาใช้

>>การพลิกคำตัดสินก่อนหน้านี้

การตัดสินดังกล่าวมีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับคดีที่คล้ายกันในปี 2566 ซึ่งศาลเดียวกันได้ยกฟ้องข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับโทเค็น EcoWatt ในกรณีดังกล่าว การที่พนักงานไม่สามารถระบุมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ศาลปฏิเสธที่จะบังคับใช้การชำระเงิน

คำตัดสินในปี 2567 เน้นย้ำถึงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของศาลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ด้วยการยอมรับว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นรูปแบบของค่าตอบแทนที่ถูกต้องและศาลได้สร้างบรรทัดฐานที่อาจส่งเสริมการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ในวงกว้างมากขึ้นในหลายภาคส่วน รวมถึงการจ้างงานด้วย

การตัดสินดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากมาตรา 912 ของกฎหมายการทำธุรกรรมทางแพ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และพระราชกฤษฎีกาของรัฐบาลกลางหมายเลข (33) ปี 2021 ซึ่งควบคุมการกำหนดและการจ่ายค่าจ้าง

ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก การตัดสินใจครั้งนี้อาจช่วยนำทางไปสู่การบูรณาการสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มเติมในกรอบทางกฎหมายและเศรษฐกิจของภูมิภาค

'รองโฆษกฯ รัดเกล้า' เดินหน้าสร้างวัคซีนด้านการเงินแก่คนไทย 'ทุกเพศ-ทุกวัย' ยกระดับการบริหารเงิน 'ออม-ลงทุน-หนี้' พร้อมเท่าทันมิจฉาชีพออนไลน์

เมื่อวานนี้ (18 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตผู้สมัคร สส. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังคงเดินหน้าสนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน โดยนำโครงการดี ๆ ที่ขับเคลื่อนโดย ธนาคารกรุงไทย ร่วมมือกับ กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และองค์กร/หน่วยงานภาคีอีกหลากหลาย ที่เดินสายจัดกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ภายใต้หลักสูตร 'หลักสูตรอภินิหารทางการเงิน' ให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ในปี 2567 มีเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 18 ครั้งให้กับชุมชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยนางรัดเกล้าได้ประสานโครงการดังกล่าวให้มามอบความรู้ให้ประชาชนในชุมชนวัดโพธิ์เรียง และชุมชนใกล้เคียง เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ระหว่างเวลา 09.00 - 12.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนที่ดีจากสำนักงานเขตบางกอกน้อยอีกด้วย โดย ดร.วรชล ถาวรพงษ์ ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย ได้ให้เกียรติมาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมอีกด้วย

นางรัดเกล้า กล่าวต้อนรับผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “นอกเหนือจากการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงิน การออม การลงทุน การบริหารจัดการหนี้ (ทั้งในระบบและนอกระบบ) อีกเนื้อหาสำคัญที่หลักสูตรนี้นำมาสอนให้กับประชาชนคือ การรู้เท่าทันอาชญากรรมออนไลน์ เช่น กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการเสริมความรู้ เพิ่มความปลอดภัยในการท่องโลกออนไลน์ให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเหล่าอาชญากร วันนี้ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่านอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงอายุ ยังมีน้อง ๆ เยาวชนเข้ามาร่วมเรียนหลักสูตรด้วย คนรุ่นใหม่สามารถเป็นกำลังสำคัญในการสอดส่อง ดูแล ให้คำแนะนำกับผู้สูงอายุในชุมชนได้”

นางรัดเกล้า กล่าวต่อไปว่า “กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการเสริมองค์ความรู้ในเชิงรุก (pro-active) มุ่งหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะได้เรียนรู้และเสริมสร้างภูมิปัญญาและภูมิคุ้มกันจากภายในรูปแบบต่าง ๆ วอนขอให้ประชาชนที่ได้ความรู้จากกิจกรรมนี้ นอกเหนือจากนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาด้านการเงินของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว ขอให้นำความรู้ที่ได้ไปบอกต่อ สอนต่อ เพื่อเป็นการเสริม 'วัคซีนทางการเงิน' ให้กับญาติ มิตร สหาย ในชุมชนด้วย”

กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่นางรัดเกล้า นำมาจัดให้กับพี่น้องในเขตบางพลัดบางกอกน้อย

‘หนุ่ม’ ชื่นชม ‘พีระพันธุ์’ มุ่งมั่นแก้ปัญหาพลังงานเพื่อคนไทย เชื่อ!! สิ่งที่ทำจะกลายเป็น ‘อนาคต’ ให้กับลูกหลาน

เมื่อวานนี้ (18 ส.ค. 67) จากช่องติ๊กต็อก ‘@_pong63’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอแสดงความรู้สึกของตนที่มีต่อ ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังมุมานะพยายามทำเพื่อประเทศไทย โดยระบุว่า

“พอดีเห็นดรามามาจากหลาย ๆ คน…ผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่เกิดบนแผ่นดินไทยแล้วมีความ ‘รู้-รัก’ ผืนแผ่นดินไทยในสํานึกอยู่แล้วตั้งแต่บรรพบุรุษที่ร่วมสร้างแผ่นดินมา…

จะมาขอชื่นชมความกล้าหาญของคนดีในสังคม ‘ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ถ้าท่านได้ฟังคลิปนี้ผมขอบคุณจากใจเลย ขอบคุณที่ท่านมุ่งมั่นตั้งหน้าทํางานเพื่อคนไทย ไม่ว่าจะเป็นหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างที่ท่านสรรค์สร้างให้กับสังคม ผมพยายามติดตามดูคลิปท่านมาหลาย ๆ คลิป และ สิ่งที่ท่านทําผมว่ามันจะเป็นอนาคตให้ลูกหลาน แล้วก็ทําให้ประชาชนคนไทยหันมากลับหน้ากลับหลัง หันมามองอนาคตไปด้วยกันก็คือ…จะได้มาร่วมกันสร้างพัฒนาประเทศให้มันไปในทิศทางที่ดีขึ้น

แล้วในระหว่างทางเดินผมรู้ว่ามันมีอุปสรรคขวากหนามหลาย ๆ อย่างที่ทําให้ท่านทําไม่สําเร็จ แล้วก็รู้สึกว่าในสิ่งที่ท่านยินยอมที่จะต้องทําตามในหลาย ๆ อย่างที่มันอาจจะไม่ได้เป็นการเต็มใจ แต่ก็ต้องทําเพื่อดีกว่าที่จะเสียสละไปเป็นฝ่ายค้านหรืออะไรก็ตาม ผมว่าอยู่ ณ จุดตรงนี้อย่างน้อย ๆ มันยังมีคุณค่า ได้ทําในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทยในหลาย ๆ ด้าน

ฉะนั้น ผมต้องขอชื่นชมท่านอีกครั้ง แล้วก็ผมฝากไว้ด้วย ปี 70 เราไปวัดกัน…1 เสียงของผม จะมอบให้ท่าน และผมเชื่อว่าครอบครัวผม ญาติ ๆ และคนในพื้นที่ของผม ผมจะพยายามพูดและแนะนําสิ่งดี ๆ ต่อ ๆ กันไป ขอบคุณที่ทําเพื่อประชาชนคนไทย…”

'พม่า' วิกฤติ!! หลายเมืองขาดแคลนน้ำมัน พบ!! สถานการณ์ลากยาวกว่า 20 วันแล้ว

(19 ส.ค. 67) เพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' เผยภาพ ประชาชนจำนวนมากมาต่อแถวซื้อน้ำมันเพื่อเติมรถยนต์ (18/8/2024) ในย่างกุ้ง และหลายเมืองน้ำมันขาดแคลน 

การขาดแคลนเชื้อเพลิงเกิดขึ้นทั่วเมียนมามานานกว่า 20 วันแล้ว การซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงกลายเป็นเรื่องยากมาก ต้องต่อคิวซื้อ

‘พลเมืองดีสัตหีบ’ พบ ‘เต่ายักษ์’ หนัก 10 กิโลกรัม พลัดหลง แถมน้ำตาไหลนอง 2 ข้าง - โดนมนุษย์ใจร้ายฟันกระดองยับ

(19 ส.ค. 67) ศูนย์วิทยุ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจาก น.ส.คนึงนิด จันดาก อายุ 46 ปี พักบ้านเลขที่ 48/96 ม.4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าได้พบเต่าขนาดใหญ่ ไม่ทราบชนิด เดินเข้ามาบริเวณบ้าน จึงได้นำกักขังไว้ในที่ปลอดภัย เพราะเกรงอาจถูกสุนัขกัด พร้อมนำอาหารมาให้กินประทังความหิวโหย จึงขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้การตรวจสอบ และช่วยเหลือ

ต่อมา นายวิชา จินดานิล หน่วยกู้ภัยนามเรียกขาน 142 พร้อมกับผู้สื่อข่าว ได้ร่วมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบพลเมืองดีผู้แจ้งอยู่กับกลุ่มครอบครัวต่างชาติ กำลังให้การดูแลเต่าอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นได้นำคุณลักษณะรูปร่างเต่าค้นหาข้อมูลใน Google มีลักษณะคล้ายกับ ‘เต่าบัว’ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง มีความยาวราว 40 ซม. น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ไม่ทราบเพศ

อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า เต่าตัวนี้กำลังร้องไห้ ดวงตาทั้ง 2 มีน้ำตาไหลนอง และที่บริเวณกระดองด้านบน ยังพบถูกมนุษย์ใจร้าย ใช้มีดฟันหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นทางยาวร่องลึก ตลอดจนถูกสุนัขในหมู่บ้านรุมเห่ากันระงม พยายามจะเข้ามากัดทำร้าย นับเป็นภาพที่สุดน่าเวทนาใจอย่างมาก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้โทรแจ้ง 1362 สายด่วนพิทักษ์ป่า เพื่อรายงานการพบเต่า โดยทางหน่วยงานอนุญาตให้นำเต่าปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ในพื้นที่ปลอดภัย จึงได้ขนย้ายนำเต่าปล่อยไว้ ณ อ่างเก็บน้ำ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งกองทัพเรือ เพื่อให้เต่าได้กลับไปใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติดั้งเดิม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top