Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

อาลัย ‘ส.ต.ท.ปฏิภาณ’ ถูกกระบะซิ่งชนเสียชีวิต ขณะลงช่วยอุบัติเหตุกลางถนน หลังออกเวร

สืบเนื่องกลุ่มไลน์ตำรวจเมืองเลย โพสต์ภาพไว้อาลัย ส.ต.ท.ปฏิภาณ อุทธบูรณ์ หรือ น้องเหินฟ้า อายุ 28 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ภูเรือ จ.เลย ที่ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ ขณะที่ออกเวร จู่ ๆ มีรถกระบะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่ รพ.เลย เมื่อคืนวันที่ 17 ส.ค. 67 เวลา 01.00 น. สร้างความเศร้าโศกเสียใจต่อครอบครัว ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนตำรวจด้วยกัน

ล่าสุด (19 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ ส.ต.ท.ปฏิภาณ ที่บ้านโนนสว่าง ต.หนองคัน อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีทางศาสนา พบกับ ร.ต.อ.กิตติ อุทธบูรณ์ รอง สวป.สภ.ภูหลวง จ.เลย พ่อของน้องเหินฟ้า ยังอยู่ในอาการที่เศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของลูกชาย

ร.ต.อ.กิตติ เล่าว่า ส.ต.ท.ปฏิภาณ อุทธบูรณ์ หรือ น้องเหินฟ้า เป็นลูกชายคนโต ในจำนวนพี่น้องที่เป็นผู้ชายทั้งหมด 3 คน รับราชการเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.ภูเรือ หลังออกเวร ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค.2567 ลูกชายไปกับเพื่อน เพื่อไปหาเพื่อนใน อ.เมืองเลย ขากลับเห็นอุบัติเหตุบนถนนเลย - เชียงคาน ขาออกเมือง กลัวจะเกิดเหตุซ้ำซ้อน จึงลงจากรถไปช่วยเหลือ ซึ่งขณะนั้นร้อยเวร สภ.เมืองเลย ยังมาไม่ถึงที่เกิดเหตุ ลูกชายและเพื่อน จึงเดินไปเอากรวยยางวางเป็นเครื่องหมายให้สัญญาณกับรถที่สัญจร รถระหว่างนั้นมีรถกระบะขับมาด้วยความเร็ว เฉี่ยวชนลูกชายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยฯ รีบนำตัวส่ง รพ.เลย แพทย์ให้ญาติทำใจ ก่อนที่ลูกชายเสียชีวิต เมื่อเวลาประมาณ 03.25 น. ของคืนวันที่ 17 ส.ค. 67

คุณพ่อเล่าทั้งน้ำตา ว่าการสูญเสียลูกชายครั้งนี้ ทางครอบครัวยังทำใจไม่ได้ เมื่อนึกถึงความมีน้ำใจและความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตลอดเวลา ว่า "ผมเป็นตำรวจ อยากให้ลูกชายเป็นตำรวจ ผมสอนลูกตลอดเวลาว่า พ่อเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะได้เงินมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นหม้อข้าวหม้อแกงให้พ่อ ดูแลลูกส่งเสียให้ลูกเรียน ผมมีความตั้งใจว่า อยากให้ลูกเป็นตำรวจเหมือนพ่อ มีประกาศสอบที่ไหนก็พาลูกไปตลอด พอลูกสอบได้ รับราชการแล้ว ตั้งใจว่าอยากให้ลูกเป็นนายร้อย ก็ให้ลูกเลือกลงตำแหน่งที่ รร.นายร้อยตำรวจสามพราน อยู่ที่กองรักษาการณ์ ที่โรงเรียนนายร้อย คราวนี้ระหว่างที่ลูกรับราชการที่โรงเรียนนายร้อย สอบ 2 ครั้งไม่ได้ จึงได้บอกลูกว่ากลับมาบ้าน พ่อจะใกล้เกษียณแล้ว กลับบ้านเรา ซึ่งลูกชายก็ขอย้ายมาที่ สภ.ภูเรือ จ.เลย จนกระทั่งมาถูกรถชนจนเสียชีวิต"

ส่วนคู่กรณีที่ขับรถกระบะชนลูกชาย ได้มาร่วมงานศพแสดงความเสียใจ แต่ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งนี้พิธีทางศาสนา ที่บ้านกำหนด 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-21 ส.ค. 67 และจะมีพิธีฌาปนกิจศพที่วัดสันติธรรมาราม บ้านหนองคัน ต.หนองคัน อ.ภูหลวง

ส่วนทางคดี พงส.สภ.เมืองเลย ได้เรียกคนขับรถกระบะมารับทราบข้อกล่าวหา ‘ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต’ และจะมีการสอบปากคำเพิ่ม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่าถูกชะตา 'แรงงานข้ามชาติ' จากค่าจ้างแสนถูก เพราะ 'โปรไฟล์ขั้นเทพในราคาย่อมเยา' ไม่มีอยู่จริง

เมื่อก่อนหน้าไม่นานมานี้นัก มีข่าวครึกโครมเรื่องที่แรงงานพม่า โปรไฟล์สวยหรู เรียนจบปริญญาด้านวิศวกรรมศาสตร์ แต่ขอเรียกเงินเดือนแค่ 12,000 บาท ทั้ง ๆ ที่เคยทำงานโปรเจกต์สร้างตึก Yoma Central ตึกขนาดใหญ่ย่านใจกลางกรุงย่างกุ้งมาแล้ว  

วันนี้ เอย่า จะมาวิเคราะห์ และบอกกล่าวอีกด้านหนึ่งให้ทราบกัน รวมถึงสิ่งที่ต้องรู้ต้องเตรียมตัว หากจะรับพนักงานต่างชาติมาให้ทราบโดยทั่วกัน

การจ้างลูกจ้างต่างชาติที่ไม่ใช่แรงงานในไทย มีข้อปฏิบัติที่บริษัทในไทยต้องคำนึงอยู่ไม่น้อย โดยจะขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มกิจการเพื่อให้ง่ายต่อการอธิบาย...

1. บริษัทที่จดทะเบียนเป็น BOI หรือ ส่งเสริมการลงทุน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีข้อกำหนดในการที่จะรับคนต่างชาติเข้าทำงานชัดเจนคือ...

• บริษัทที่จะรับคนต่างชาติต้องเป็นกิจการที่อยู่ในขั้นตอนขอรับการส่งเสริมฯ หรือได้รับบัตรส่งเสริมฯ แล้ว 
• คนต่างชาติที่จะรับต้องเป็นช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการ 
• มีเหตุผลและความจำเป็นต้องจ้างทำงานในกิจการ BOI

• คนต่างชาติที่จะทำงานต้องได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว คือ Non-B ประเภทธุรกิจ หรือ Non-IB ประเภทการลงทุนภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมลงทุน โดยชาวต่างชาติที่ต้องการทำงานกับบริษัทใน BOI ต้องมีอายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้...

>> ประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปี ในกรณีที่วุฒิการศึกษาตรงกับตำแหน่งงานในระดับทั่วไป และมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี นับถึงวันที่ยื่นบรรจุตัว

>> ประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5 ปี ในกรณีที่วุฒิการศึกษาไม่ตรงกับตำแหน่งงาน หรือในกรณีที่มีตำแหน่งในระดับผู้จัดการ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 27 ปี นับถึงวันที่ยื่นบรรจุตัว

2. บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนกับ BOI จะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับหน่วยงานที่สามารถรับชาวต่างชาติเข้ามาทำงานได้ ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท และมีพนักงานคนไทย 4 คน ต่อพนักงานต่างชาติ 1 คน รวมถึงบริษัทจะต้องเป็นผู้ขออนุญาตทำ Work Permit ให้แก่พนักงานดังกล่าว รวมถึง Visa ที่จะต้องเปลี่ยนจาก Tourist Visa เป็น Non-B visa ที่สามารถพักอาศัยในไทยได้เป็นเวลา 1 ปี

กลับมาที่ประเด็นจั่วหัวเริ่มต้น ถามว่าทำไมคนเมียนมาโปรไฟล์ดี ๆ ถึงมาเรียกเงินเดือนไม่สูงในประเทศไทย?

เอย่า ขอหยิบยกสิ่งที่เป็นคำกล่าวจากชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในเมียนมาและสิ่งที่เป็นพื้นฐานการศึกษาของประเทศเมียนมาอธิบายเพื่อให้เข้าใจกัน ดังนี้...

1. ในแง่ของการศึกษาในเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ได้มีการฝึกงานจากสถานประกอบการก่อนเรียนจบ จะมีแค่เพียงการไปดูงานเท่านั้น ดังนั้นคุณภาพคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีในเมียนมาส่วนใหญ่จะเก่งแต่วิชาการ แต่ไม่ใช่การปฏิบัติงานจริง หลายครั้งจากปากของผู้ประกอบการในเมียนมาเองกล่าวว่า คนเมียนมาเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ดี แต่ไม่สามารถ Generate job หรือ Problem solving ได้ในกรณีที่เกิดปัญหา ฉะนั้นในหลายบริษัทใหญ่ ๆ ในเมียนมา จึงมีการจ้างชาวต่างชาติเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาจุดนี้

2. คนเมียนมามีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษดีกว่าคนไทย เพราะตามประสบการณ์แล้ว คนเมียนมาส่วนใหญ่จะต้องทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็น ยุโรป, อเมริกา, อินเดีย, จีน หรือไทยเองก็ตาม และภาษาอังกฤษก็ถือว่าเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสาร ยกเว้นในบางบริษัทที่ลงทุนจ้างล่ามมาเพื่อช่วยในการสื่อสารระหว่างระดับปฏิบัติการกับผู้บริหารระดับกลางที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

3. โปรเจกต์ใหญ่ ๆ ในเมียนมานั้น คนเมียนมาส่วนใหญ่คือ ระดับปฏิบัติการหรือตรวจหน้างานเท่านั้น ส่วนคนที่อนุมัติแบบ ตัดสินใจโปรเจกต์และลงนามตรวจรับงาน ถ้าไม่ใช่คนเมียนมาที่มีดีกรีจบจากต่างประเทศมาก็จะเป็นชาวต่างชาติไปเลย

ในปัจจุบันชาวเมียนมาที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี จะหนีเข้ามาในประเทศไทยทางเครื่องบิน โดยถือวีซ่าท่องเที่ยว หรือ วีซ่าเพื่อการศึกษา เข้ามาในประเทศไทย หลังจากนั้นคนเหล่านี้ก็พยายามที่จะเข้าหางานในไทย เพื่อปรับสถานะวีซ่าของตนจากวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่าการศึกษามาเป็น 'วีซ่าทำงาน' เพื่อให้อยู่ในไทยได้อย่างปกติสุข 

นี่ไม่รวมถึงสวัสดิการอื่นที่จะได้จากบริษัท ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนะ!!

เอาจริง ๆ เอย่า คงไม่สามารถปิดกั้นบริษัทใด ๆ ไม่ให้รับคนกลุ่มนี้มาทำงาน แต่อย่าลืมว่าการที่บริษัทใด ๆ บริษัทหนึ่งที่คิดจะลงทุนจ้างชาวต่างชาติเข้ามาทำงานให้ ก็มักจะมีหลายความคาดหวังที่บริษัทต้องการ โดยเฉพาะเรื่องของความคาดหวังในผลงานจากพนักงานคนนั้น ๆ

เอย่า ก็แค่อยากบอกให้คิดและตรึกตรองให้ดี ยิ่งกับเรื่องวีซ่าที่คนเหล่านี้ถือก่อนรับเข้ามาทำงาน หากเป็นกลุ่มที่มีครอบครัวอยู่ในไทย บริษัทจ้างคนกลุ่มนี้ไว้ก็คงไม่เดือดร้อนแน่นอน เพราะพวกที่มีครอบครัวในประเทศไทยเขาไม่ได้เดือดร้อนในการไม่มีที่อยู่ที่อาศัย แต่ถ้าเป็นวีซ่าอื่น ๆ หากเขาอยู่เกินข้อกำหนดของวีซ่าเขาก็ต้องกลับและเดินทางกลับมาใหม่หรือไม่ก็หนีเป็นผีน้อยในไทยในที่สุด

สุดท้ายอย่าลืมว่าหลายอาชีพเป็นอาชีพต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติทำ ไม่ว่าจะเป็นงานเสมียนหรือเลขานุการ, งานมัคคุเทศก์, งานให้บริการทางกฎหมายหรืออรรถคดี ยกเว้นงานปฏิบัติหน้าที่อนุญาโตตุลาการและงานให้ความช่วยเหลือหรือทำการแทนในการดำเนินกระบวนพิจารณา ชั้นอนุญาโตตุลาการ ในกรณีที่กฎหมาย ซึ่งใช้บังคับแก่ข้อพิพาทที่พิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการนั้นมิใช่กฎหมายไทย

ส่วนงานที่ให้คนต่างด้าวทำ โดยมีเงื่อนไขที่ให้คนต่างด้าวทำงานได้ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือพันธกรณีที่ประเทศไทยมีความผูกพันภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย คือ งานให้บริการทางบัญชี, งานวิชาชีพในสาขาวิศวกรรม และงานทางสถาปัตยกรรม ซึ่งทั้ง 3 งานนี้คนต่างด้าวหรือต่างชาติที่จะทำ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ หรือยกเว้นเป็นผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวตามข้อตกลงยอมรับร่วมคุณสมบัตินักวิชาชีพของอาเซียน หรือ ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement (MRAs) ซึ่งมีหลักเกณฑ์แยกย่อยไปอีก (หากใครอยากทราบลองไปหาข้อมูลกันดูนะคะ)

อยากเลือกต่างชาติมาทำงาน ก็เลือกคนที่ทำถูกกฎหมาย จงมองความซื่อสัตย์ของพนักงาน ไม่ใช่มองแค่ค่าจ้างที่ถูกแสนถูกเพียงอย่างเดียว

เพราะในโลกนี้ไม่มีของดีราคาถูกหรอกค่ะ

“แพทองธาร” ประกาศเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ของโอกาสของคนไทยทุกคน

(วันที่ 18 สิงหาคม 2567) เวลา 11.00 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังการรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงคำกล่าวต่อสื่อมวลชน ว่า ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอีกครั้ง พรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนทุกคน ขอบคุณที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

วันนี้ ดิฉันให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ท่านได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้วางแผนในการเป็นนายกฯ ในครั้งนี้มาก่อน แต่ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า ดิฉันพร้อมและเต็มใจที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ พาประเทศชาติ ผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหาต่างๆ

ประเทศไทยของเรายังมีปัญหาเรื่องปากท้องที่รอการแก้ไขอยู่ และดิฉันตั้งใจว่า การได้รับตำแหน่งนี้ ดิฉันมีความมุ่งมั่นในการทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

ดิฉันมีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด ยกระดับระบบสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ และรวมถึงการผลักดัน Thailand  Soft power อย่างต่อเนื่องที่เริ่มทำมาตั้งแต่ต้น

ดิฉันมีความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วน เพื่อที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ เหล่านี้ให้สำเร็จลุล่วง ขอให้ทุกท่านติดตามการแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมได้ในเดือนกันยายนนี้

สุดท้าย ดิฉันอยากจะขอขอบคุณพลังที่สำคัญที่สุด พลังอันยิ่งใหญ่ คือพลังของพี่น้องประชาชน ทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือกดิฉัน

ดิฉันขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ อย่างเต็มความสามารถ โดยที่ไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่าง ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความหลากหลาย ดิฉัน ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในฐานะแม่ ในฐานะลูก  ในฐานะเพื่อน  ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทย ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่ของโอกาส เป็นพื้นที่ที่คนไทยกล้ามีความฝัน กล้ามีความคิดสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเองค่ะ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนอย่าหลงเชื่อเพจปลอมเลียนแบบเพจดัง พร้อมย้ำช่องทางรับแจ้งความออนไลน์มีเว็บไซต์เดียวเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ฟันธงเลยว่ามิจฉาชีพแน่นอน

วันนี้ (19 สิงหาคม 2567) พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันพบว่ามีมิจฉาชีพสร้างเพจปลอมในหลายรูปแบบ เพื่อหลอกลวงพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์จำนวนมาก โดยพบว่ามักมีการสร้างเพจปลอมเลียนแบบเพจจริงที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก และการสร้างเพจปลอมเพื่อหลอกขายสินค้าหรือหลอกให้บริการต่าง ๆ แล้วหลอกให้กดลิงก์ หลอกขายสินค้าถูกกว่าท้องตลาด สร้างโปรโมชั่นลดแรง ดึงดูดใจผู้บริโภค แล้วบูสต์โพสต์ด้วยการยิงโฆษณาพร้อมลงข้อความขายสินค้าแบรนด์ดังต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบมิจฉาชีพที่เปิดเพจปลอมแอบอ้างว่าสามารถรับแจ้งความออนไลน์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมไซเบอร์ หากหลงเชื่อติดต่อสอบถาม มิจฉาชีพเหล่านี้จะมีกลโกงหลอกขอข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการ หรืออื่นๆ ทำให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อซ้ำซ้อนจำนวนมาก จึงได้สั่งการอย่างเข้มงวดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและปราบปรามมิจฉาชีพลักษณะดังกล่าว พร้อมให้ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่พี่น้องประชาชน เพื่อสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ในลักษณะนี้

วิธีสังเกตเพจปลอมเบื้องต้นคือ เพจปลอมส่วนใหญ่จะไม่มีเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Facebook verified badge) ที่เป็นเครื่องหมายถูกสีฟ้าด้านหลังชื่อบัญชี , มีผู้ติดตามเพจจำนวนน้อย , เพจถูกสร้างมาได้ไม่นาน , ซื้อโฆษณาจากแพลตฟอร์มต่างๆ มากผิดปกติ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อที่ระบุไว้ไม่ตรงกับหน่วยงานจริง โดยหากพบเพจลักษณะดังกล่าว ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม อย่างหลงเชื่อ เลิกสนใจ ไม่คลิกดู ไม่คลิกลิงก์ใดๆ และไม่ติดต่อทางช่องทางแช็ตใดๆ เด็ดขาด ทั้งนี้ ก่อนสั่งซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ ควรตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน เช่น ความโปร่งใสของเพจ จำนวนผู้ติดตาม บัญชีปลายทาง หากไม่มั่นใจสามารถนำบัญชีปลายทางตรวจสอบได้ที่ checkgon.com หรือ โทร.ปรึกษาสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉายฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีเพจเฟซบุ๊กจำนวนมากที่เกี่ยวกับการรับแจ้งความ หรือรับปรึกษาคดีอาชญากรรมออนไลน์ แต่ไม่ใช่ช่องทางการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้ประชาชนระวังมิจฉาชีพใช้วิธีนี้หลอกลวงซ้ำซ้อน โดยบางเพจไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะชวนลงทุนต่างๆ ซึ่งประชาชนอาจหลงเชื่อและเกรงใจ เนื่องด้วยเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวจริงที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความ  แต่บางเพจเรียกค่าดำเนินการด้วย ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัว หรือการโอนเงินในกรณีที่ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ หากพบเจอเหตุการณ์ที่มีลักษณะดังกล่าว ขอให้ติดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือโดยทันที ซึ่งขอย้ำว่าช่องทางการรับแจ้งความออนไลน์มีเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th ไม่มีการรับแจ้งความหรือให้ความช่วยเหลือทางแพลตฟอร์มอื่น หรือช่องทางอื่น หากพบเห็นทางช่องทางอื่นนอกเหนือจากเว็บไซต์นี้ ขอให้มั่นใจได้ว่าเป็มิจฉาชีพทั้งสิ้น อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด!!

เอฟเคไอไอ.เตรียมเสนอวาระเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน

'อลงกรณ์' ชี้โมเดลค้าออนไลน์แบบ TEMU เป็นปัญหาความเป็นความตายของเอสเอ็มอี และเศรษฐกิจไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(FKII Thailand) เปิดเผยวันนี้ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเปรียบเสมือนโควิดทางเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นความตายของ เอสเอ็มอี.กว่า 3 ล้านกิจการและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและอาเซียนโดยรวม ”สถาบันเอฟเคไอไอ.จึงได้จัดสัมนาFKII NATIONAL DAILOGUEเรื่อง “อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย ปัญหาและทางออก“ ในวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30-17.00 น. ณ สวนเสียงไผ่ ทาวน์อินทาวน์ โดยระดมความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นต่างๆเช่น หัวข้อ“โอกาสและภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย”โดย ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตสว.  อดีตปลัดกระทรวงการคลัง
หัวข้อ“มาตรการรับมือ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน” โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธาน FKII ร่วมด้วยวิทยากรท่านอื่นๆได้แก่

นายชยดิฐ หุตานุวัชร์
ประธานสถาบันทิวา
นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งตลาดดอตคอม และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด
นายภาวัต พุฒิดาวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท GoShip จำกัด
และผู้แทนองค์กรต่าง ๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเสนอปัญหาและทางออก

“โรงงานปิดเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งจากปีที่แล้วเป็นกว่า100 แห่งต่อเดือนเกือบทั้งหมดเป็นเอสเอ็มอี. เรารอต่อไปไม่ได้
เอฟเคไอไอ.ฯ.จะเสนอเป็นวาระเร่งด่วนต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทั้งในมุมโอกาสและภัยคุกคามจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเช่นTEMU ในฐานะประธานFKIIและ อดีตรองปธ.สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรมช.พาณิชย์ ทำหน้าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ผมยืนยันว่า ประเทศไทยเคารพหลักการเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม การคุ้มครองเศรษฐกิจในประเทศ(Domestic economy)เป็นมาตรการที่อยู่ภายใต้กติกาขององค์การการค้าโลก ดังนั้นข้อเสนอของเอฟเคไอไอ.จะเป็นมาตรการที่เด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาและไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และส่วนหนึ่งของมาตรการจะต้องเป็นความร่วมมือระดับอาเซียนด้วย”
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธาน FKII อดีตรองปธ.สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรมช.พาณิชย์ กล่าวในท้ายที่สุด

'สื่อมวลชนอาวุโส' แนะ!! รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ต่อยอด 'คนละครี่ง' กระตุ้น ศก. ชี้!! อย่ากังวลเป็นนโยบายพรรคอื่น หากนโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

(19 ส.ค. 67) เถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ตื่นเช้ามา…เจอคุณกนกอ่านข่าว เอกชนเสนอรัฐบาลรีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในแต่ละเรื่องต้องใช้เวลามาก

เงินดิจิทัลก็ยังรอความพร้อมรอทบทวน ยิ่งเป็น แพทองธาร มารับงานนายกฯ ครอบครัวต้องพิถีพิถันเพราะถ้าไม่รอบคอบก็คือยุ่งยากทั้งชีวิต

จริง ๆ แล้ว ถ้าจะแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ >> ลองหยิบ คนละครึ่ง มาพิจารณาก็ดีนะครับ  

1. เป็นนโยบายที่ทุกคนคุ้นเคย

2. ทุกฝ่ายยอมรับว่า มันได้ผล รั่วไหลน้อยมาก

3. ทำได้เร็วเพราะมีระบบรองรับ

4. นำมา Upgrade ให้ทันสมัย 

5. ใส่เงินมากขึ้นอีกนิดหน่อยก็ได้

6. ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะถูกว่า เอานโยบายรัฐบาลประยุทธ์มาใช้ เพราะตอนนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน

7. และนโยบายเพื่อไทย สมัยเป็น ไทยรักไทย มีคนเอามาใช้จนถึงวันนี้มากมาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP

8. นโยบายใดดี ก็นำมาสานต่อได้

9. ถ้าสำเร็จก็ได้มิตร ได้มวลชน ได้เยียวยาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า  

#วันนี้ขอเขียนแบบเป็นคนฝันดีโลกสวยอีกวัน

‘จีน’ หวังสกัด ‘โรคฝีดาษลิง’ หลังยอดระบาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จ่อ ‘ซักข้อมูลสุขภาพ-ฆ่าเชื้อโรคสิ่งของ’ ผู้เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง

(19 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการจีนเพิ่มความพยายามป้องกันการระบาดของโรคเอ็มพอกซ์หรือโรคฝีดาษลิงภายในประเทศ ขณะจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยทางด้านสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีนระบุว่า ผู้เดินทางมาจากประเทศและภูมิภาคที่มีผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์ต้องสำแดงข้อมูลสุขภาพแก่ศุลกากร หากเคยสัมผัสหรือมีอาการของโรค เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองบวม หรือมีผื่น โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินมาตรการทางการแพทย์ พร้อมเก็บตัวอย่างและตรวจโรคเอ็มพอกซ์กับบุคคลดังกล่าว

ด้านยานพาหนะ ตู้คอนเทนเนอร์ สินค้า และสิ่งของอื่น ๆ จากประเทศและภูมิภาคที่มีผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์จะถูกทำการฆ่าเชื้อโรค หากปนเปื้อนหรือมีความเสี่ยงปนเปื้อน

ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. และมีระยะเวลา 6 เดือน

สำนักบริหารการควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ และคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กระตุ้นเตือนหน่วยงานระดับท้องถิ่นเสริมสร้างความร่วมมือและการแบ่งปันข้อมูลกับศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจหาและจัดการกับผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์อย่างทันท่วงที

อนึ่ง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีนระบุว่า เชื้อไวรัสเอ็มพอกซ์มักแพร่กระจายผ่านการสัมผัสใกล้ชิดทางกายภาพ โดยเฉพาะระหว่างทำกิจกรรมทางเพศ ขณะการสัมผัสในชีวิตประจำวันมีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยหลี่ต้งเจิง ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลปักกิ่ง โย่วอัน เผยว่าผู้ที่เคยสัมผัสกับเชื้อไวรัสเอ็มพอกซ์หรือมีอาการควรพบแพทย์ทันที

ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคเอ็มพอกซ์เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) พร้อมยกระดับการเตือนภัยระดับโลกสู่ระดับสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี โดยทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ เผยว่าทุกฝ่ายควรเป็นกังวลเพราะมีความเสี่ยงระบาดเพิ่มเติมในแอฟริกาและที่อื่น ๆ

‘ญี่ปุ่น’ เล็งใช้ AI ‘วาด-แปลภาษา’ ผลงานใน ‘อุตฯ อนิเมะ-มังงะ’ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน-เพิ่มผลิตภาพในเวลาอันรวดเร็ว

(19 ส.ค. 67) นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า อุตสาหกรรมแอนิเมชันของญี่ปุ่นกำลังเปิดรับศักยภาพของ Generative AI หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Gen AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ เพื่อหยุดยั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้สร้างสรรค์อยู่มากก็ตาม

โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เคแอนด์เคดีไซน์ (K&K Design) เผยว่าใช้ Gen AI ในขั้นตอนการทำงานลงสีและวาดภาพพื้นหลัง ซึ่งสามารถลดเวลาวาดภาพพื้นหลังจากหนึ่งสัปดาห์ลงมาเหลือแค่ห้านาทีได้

ฮิโรชิ คาวาคามิ (Hiroshi Kawakami) ผู้อำนวยการบริษัทเคแอนด์เคดีไซน์ กล่าวว่า จำเป็นต้องทำงานโดยใช้ Gen AI เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานขณะที่ต้องรักษาคุณภาพของการผลิตไว้ด้วย

การเติบโตของสตรีมมิ่งอนิเมะผ่านอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ได้เรียกร้องให้การผลิตมีคุณภาพและความเร็วในมาตรฐานที่สูงมาก และการขาดแคลนแรงงานเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ต้องใช้ Gen AI 

ตามข้อมูลจากสมาคมแอนิเมชันญี่ปุ่น (Association of Japanese Animations - AJA) รายงานว่า อุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น มีมูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านเยนในปี 2022 (ราว 6.78 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า 

ถึงแม้อย่างนั้น การขยายตัวของตลาดถูกรั้งไว้ ส่วนหนึ่งเนื่องด้วยค่าจ้างที่ต่ำและชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน

ในแบบสำรวจแรงงานอุตสาหกรรมแอนิเมชันโดยสมาคมอนิเมะและภาพยนต์ญี่ปุ่น (Nippon Anime & Film Cultural Association) พบว่า 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีรายได้ต่อเดือนจากงานที่เกี่ยวกับอนิเมะต่ำกว่า 200,000 เยน (ราว 47,000 บาท) ชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 219 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าเวลาทำงานปกติถึง 1.3 เท่า

การมอบหมายงานบางส่วนให้กับ AI อาจช่วยให้มนุษย์สามารถจดจ่ออยู่กับการวางแผนและการออกแบบตัวละครได้ ซึ่งผลิตภาพที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ขณะที่การเพิ่มความหลากหลายของงานอาจช่วยเสริมการส่งออกไปยังต่างประเทศ

ทั้งนี้ AI ยังช่วยในเรื่องการแปลภาษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำการค้ากับต่างประเทศ ออเร้นจ์ (Orange) สตาร์ตอัป AI ได้พัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการแปลมังงะมากถึง 10 เท่า และได้รับเงินร่วมลงทุนจากกองทุนซึ่งร่วมกับบรรษัทการลงทุนแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Investment Corporation)

ผู้บริหารกองทุนกล่าวเกี่ยวกับการลงทุนในออเร้นจ์ว่า เป็นโครงการที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

คาดว่าในญี่ปุ่นมีงานมังงะประมาณ 700,000 ชิ้นงาน แต่กลับมีเพียง 14,000 ชิ้นงานเท่านั้นที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ออเร้นจ์ยังพิจารณาถึงการขยายบริการไปยังประเทศที่พูดภาษาสเปนและอินเดีย ที่ซึ่งมีผู้อ่านจำนวนมาก

บริษัทผู้ผลิตเว็บตูนเอ็นดอลฟิน (En-dolphin) กำลังพัฒนา Gen AI ที่สามารถสร้างภาพประกอบโดยเรียนรู้จากผลงานของศิลปินมังงะในอดีต ด้วยการมอบสคริปต์หรือภาพร่างคร่าว ๆ ระบบสามารถสร้างผลงานที่มีรูปแบบและองค์ประกอบเหมือนกับผลงานของศิลปินต้นฉบับได้

รัฐบาลยังได้ส่งเสริมให้มีการใช้ AI ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์อีกด้วย โดยในเดือนกรกฎาคม กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry) เผยแพร่แนวทางการปรับใช้ AI ให้กับบริษัทเกมและแอนิเมชัน

แนวทางดังกล่าวระบุว่า Gen AI สามารถส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหาได้หลายแง่มุม ซึ่งในอนาคต รัฐบาลจะพิจารณามอบเงินอุดหนุนและการช่วยเหลืออื่น ๆ แก่บริษัทที่ใช้ AI โดยหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยแก้ปัญหาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้

แต่การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วก็มีความเสี่ยงเช่นกัน มีความกังวลว่าผลงานของญี่ปุ่นจะถูกนำไปรวมเข้ากับโมเดล AI ในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจนำไปสู่การเลียนแบบ

อย่างไรก็ตาม ก็มีกลุ่มนักวาดภาพประกอบชาวญี่ปุ่นมากกว่า 10,000 รายชื่อ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีข้อกฎหมายปกป้องผู้สร้างสรรค์ผลงานในปีที่ผ่านมา

'ชาวบ้าน' โวย!! ฝรั่งเลี้ยงหมาพาเดินชายหาด-ไล่กัดผู้คน ทำท่องเที่ยววูบ วอน!! จนท.เร่งจัดการ เพราะไม่กล้าเคลียร์เอง กลัวทำหมาแล้วจะติดคุก

(19 ส.ค. 67) ที่บริเวณชายหาดบ้านสวนหลวง ตำบลพงศ์ประสาศน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการร้องเรียนจากนายโรฟ วีเบอร์ อายุ 76 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ พักอาศัยอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวชาวไทยและคนที่อยู่บริเวณชายหาดแห่งนี้ว่าถูกสุนัขเลี้ยงของชาวต่างชาติรายหนึ่งที่บริเวณชายหาดสวนหลวงไล่กัดได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินออกกำลังกาย บริเวณชายหาด โดนหมาไล่กัดได้รับบาดเจ็บที่ขา อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาอย่างจริงจังกับเรื่องนี้

ทั้งนี้ นายโรฟ วีเบอร์ นักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ และชาวบ้านได้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ในคลิปเห็นฝูงสุนัขจำนวน 6 ตัว 1 ใน 6 ตัวในฝูงดังกล่าวได้ไล่กัดที่ขานายโรฟ วีเบอร์ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนายโรฟ วีเบอร์ เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่งานอยู่ต่างประเทศ ได้เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนที่ชายหาดบ้านสวนหลวง ตำบลพงศ์ประสาศน์ อำเภอบางสะพาน แห่งนี้เป็นประจำทุกปี โดยจะมาครั้งละ 3 เดือน

นายโรฟ วีเบอร์ นักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า ขณะเดินออกกำลังกายชายหาด เมื่อช่วงย็นเวลา 17.00 น.ของวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่เดินอยู่พบฝูงสุนัขประมาณ 6 ตัวเป็นหมาพันธุ์ไทยผสมตัวใหญ่พร้อมเจ้าของ 1 คนชื่อนายมาเทียส ไม่ทราบนามสกุล เมื่อหมาเห็นตน หมาตัว 1 ตัวได้วิ่งเข้ามากัดตนที่ขาขวา ใต้หัวเข่าลงมาจนได้รับบาดเจ็บ จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพฝูงสุนัขดังกล่าวเอาไว้ ส่วนเจ้าของหมาเป็นชาวต่างชาติเช่นเดียวกันบอกว่าอย่าไปแจ้งความนะเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนค่ารักษาจะออกให้เอง

นายโรฟ วีเบอร์ ได้ฝากบอกอีกว่า ตนมาเที่ยวที่อ่าวบ้านสวนหลวงทุกปี เคยได้ยินข่าวเหตุการณ์แบบนี้ ทุกปีที่มาทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้นตนไม่ติดใจอะไร แต่ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีก จึงฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแลและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ซึ่งชายหาดบ้านสวนหลวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศและชาวไทยมากันมาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยเลย

"ที่ผ่านมาเหตุการณ์สุนัขกัดนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาเดินเล่นชายหาดแห่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับชาวต่างชาติและชาวไทยที่มาเดินออกกำลังกาย เดินเที่ยวที่ชายหาดแห่งนี้ ตัวเองซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและช่วยเหลืออย่างจริงจังเสียที เพราะรายปีที่ผ่านมายังเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวบริเวณนี้ตลอด" นายโรฟ กล่าว

ด้านนายแซ้ม มานะแท้ อายุ 74 ปี ชาวบ้านตำบลพงษ์ประสาศน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า มีบ้านและเปิดร้านอาหารติดอยู่กับชายทะเลอยู่แถวนี้ เจอหมาอยู่ 6 ตัวเป็นหมาพันธุ์ไทยผสมเป็นประจำ ซึ่งเป็นของของชาวต่างชาติเลี้ยงไว้ เดือดร้อนมาก บางทีเด็กนั่งเล่นมันเดินมามันก็วิ่งมากัด บางทีแมวอยู่แถวนี้มันก็วิ่งขึ้นมากัด มันกัดหลายคนแล้ว เราจะทำอย่างไรกันดีต่อไป คนจะมาเที่ยวเยี่ยมชมทะเลแต่ไม่กล้ามา พอนักท่องเที่ยวลงไปอาบน้ำมันยังวิ่งลงไปกัดนักท่องเที่ยว แล้วต่อไปคงจะไม่มีใครมาเที่ยว ร้านค้าที่อยู่ตรงนี้ถ้านักท่องเที่ยวไม่มีมามันก็ขาดรายได้

"แม่ค้าชายหาดอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบบ้าง เรามันทำไม่ได้หรอก ถ้าเราทำ คนไปทำหมาไปก็มีโอกาสติดคุก ขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะผู้กำกับ สภ.บางสะพาน ท่านนายอำเภอด้วยให้ช่วยประชาชนด้วยครับ เพราะท่านคนมีอำนาจที่จะทำได้นายแซ้มมานะแท้กล่าว" นายแช้ม กล่าว

นส.สุนันต์ ชาติชาย อายุ 51 ปี อยู่หมู่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตนมีบ้านอยู่แถวนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อนจะมีกิจกรรมเก็บเศษไม้เศษขยะที่ลอยมาติดชายหาดเป็นประจำจะมีชาวบ้านและชาวต่างชาติช่วยกันทำกิจกรรมนี้ตลอดแต่มาช่วงปีที่แล้วและปีนี้ตนไม่กล้าลงไปเก็บแล้ว เพราะมีสุนัขของชาวต่างชาติรายหนึ่งที่ออกมาเดินชายหาดและวิ่งไล่กัดชาวบ้านเป็นประจำ จึงทำให้ไม่กล้าจัดกิจกรรมแบบนี้อีก

"เคยประสานไปกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ อบต.พงศ์ประศาสน์ ทางอำเภอศูนย์ดำรงธรรม แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น ยังปล่อยหมาออกมาเดินชายหาดจนทำให้ชาวบ้านบริเวณแห่งนี้และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวพักรีสอร์ทไม่กล้าออกมาเดินชายหาดเพราะกลัวสุนัขวิ่งไล่กัด มีชาวต่างชาติหลายคนที่มาเที่ยวแล้วกลับไปประเทศเขาออกมาโพสต์ว่าประเทศไทยชายหาดแห่งนี้ไม่มีความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวเลยเรื่องนี้ทำความเดือดร้อนให้กลับเจ้าของรีสอร์ทและร้านอาหารที่เปิดอยู่บริเวณแห่งนี้ อยากจะฝากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ไม่งั้นก็จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แบบนี้อีกไม่รู้อีกกี่ครั้ง อยากให้ดำเนินการก่อนที่สุนัขกลุ่มนี้จะไปทำร้ายใครต่อใครอีก" น.ส.สุนันท์กล่าว

30 สิงหาคม ของทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดเป็น ‘วันผู้สูญหายสากล’ รำลึกถึงเหตุการณ์ ‘บังคับสูญหาย-อุ้มหาย’ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

วันที่ 30 สิงหาคม ของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้เป็นวันรำลึกถึงบุคคลสูญหายสากล หรือวันผู้สูญหายสากล ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาการละเมิดสิทธิของความเป็นมนุษย์และตระหนักถึงสถานการณ์การบังคับสูญหายหรือการอุ้มหายที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ การบังคับให้สูญหาย หรือที่เรารู้จักทั่วไปว่า ‘การอุ้มหาย’ ถูกพิจารณาเป็น ‘การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง’ และถือเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยที่อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance - CPED) ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองบุคคลจากการถูกบังคับให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ได้กำหนดนิยามของ ‘การอุ้มหาย’ ไว้ว่า หมายถึง การจับกุม คุมขัง ลักพาตัว หรือการลิดรอนเสรีภาพในรูปแบบอื่น โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งกระทำการโดยได้รับการอนุญาต การสนับสนุนหรือการยอมรับโดยปริยายของรัฐ ตามมาด้วยการปฏิเสธที่จะยอมรับว่าได้มีการลิดรอนเสรีภาพ หรือด้วยการปกปิดชะตากรรมหรือสถานที่ปรากฏตัวบุคคลที่หายสาบสูญ ซึ่งส่งผลให้บุคคลดังกล่าวตกอยู่ภายนอกการคุ้มครองของกฎหมาย

การบังคับให้สูญหายมักถูกใช้เป็นกลยุทธ์สร้างความหวาดกลัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในสังคม ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลผู้ถูกบังคับให้สูญหาย ได้แก่ สิทธิในการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย สิทธิในเสรีภาพและความมั่นคงของบุคคล สิทธิที่จะไม่ถูกทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่น ๆ ที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี สิทธิในการมีชีวิต สิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม

นอกจากนี้ ยังเป็นการละเมิดสิทธิต่อครอบครัวของผู้ที่ถูกบังคับสูญหาย เช่น สิทธิในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ อันเกิดจากการที่ขาดบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญในการประกอบอาชีพ หรือหารายได้ สิทธิในการมีสุขภาพดี เนื่องจากความวิตกกังวล เป็นต้น

สำหรับประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CPED) เมื่อปี 2555 แต่การลงนามดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้กับประเทศไทย

แต่อย่างไรก็ตาม หลายภาคส่วนของประเทศไทย ได้ผลักดันให้เกิดพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และมีผลบังคับใช้ไปเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นเครื่องมือปกป้องคุ้มครองทุกคนมิให้ตกเป็นเหยื่อของการบังคับให้สูญหายอีกต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top