Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ให้การต้อนรับคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร 'ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล' รุ่นที่ 25

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 402 - 403 ชั้น 4 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ให้การต้อนรับ คณะผู้บริหารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และผู้เข้ารับการอบรมอบรมหลักสูตร “ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล” รุ่นที่ 25 จำนวน 95 คน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมวุฒิสภา ในการนี้ ประธานวุฒิสภา ได้ปาฐกถาเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย กระบวนการนิติบัญญัติ บทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง กล่าวต้อนรับพร้อมทั้งให้หลักคิด แนวทางการทำงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม การครองตนอย่างเหมาะสมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านตุลาการให้แก่คณะ อนึ่ง ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. ณ ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ให้การต้อนรับคณะและกล่าวถึงนโยบายการดำเนินงานขับเคลื่อนสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเป็นองค์กรต้นแบบด้านต่าง ๆ 

โอกาสนี้ เวลา 10.40 - 15.00 น. คณะฯ ได้เข้าชมห้องประชุมวุฒิสภา และเข้าฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ณ ห้องฟังการประชุมสำหรับประชาชน ชั้น 4 ชมประติมากรรมปลาอานนท์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ชมพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ชั้น MB1 ชมหอสมุดรัฐสภา ชั้น 9 และเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ชั้น 1 อาคารรัฐสภา

สั่งทีวีจากร้านออนไลน์ เจอจอแตก ทักไปขอเปลี่ยนเครื่อง แอดมินถามหา คลิปตอนแกะ ‘ทนายเกิดผล’ ชี้!! ไม่เป็นธรรม ร้านต้องรับเปลี่ยน แล้วค่อยเรียกค่าเสียหายจาก ‘ผู้ขนส่ง’

(17 ส.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ หลังสั่งซื้อทีวีจากออนไลน์มาแล้วปรากฏว่าทีวีจอแตกใช้ไม่ได้ ความว่า ซื้อทีวีจากแพลตฟอร์มออนไลน์ สภาพคือแตก กล่องมีรอยเล็กน้อย ทักไปทางร้านไม่เปลี่ยนเครื่องถ้าไม่มีวิดีโอตอนแกะกล่อง ปล.2 คนแกะก็ลำบากแล้ว ใครจะตั้งกล้องถ่ายไว้

เมื่อผู้โพสต์ทักไปพูดคุยกับแอดมินร้านค้า และแจ้งว่าไม่ได้ถ่ายวิดีโอไว้ตอนแกะกล่อง โดยแอดมิน แนะนำว่า ให้คนอื่นช่วยถ่ายได้ หรือมีขาตั้งกล้อง หรือสถานที่ที่สามารถวางโทรศัพท์ได้หรือไม่

หลังโพสต์มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยแนะนำให้ผู้โพสต์ทำเรื่องคืนสินค้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ บางส่วนให้ถามกลับว่าตอนแพ็กสินค้า ได้ถ่ายคลิปไว้หรือไม่

ทั้งนี้สำหรับประเด็นถ่ายวิดีโอตอนแกะกล่องนั้น ‘ทนายเกิดผล แก้วเกิด’ เคยให้ข้อมูล โดยยกคดีที่ ‘ศาลจังหวัดอุดรธานี’ คดีหนึ่ง ผู้ซื้อสินค้า รับสินค้าไว้ แต่ไม่ได้ถ่ายคลิปวิดีโอ ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อเปิดกล่องพัสดุ ผลคือ สินค้าแตกหัก ขอคืนสินค้า แต่ผู้ขายปฏิเสธ เพราะผู้ซื้อไม่ได้ถ่ายคลิปเป็นหลักฐานในขณะรับสินค้า ลูกค้าจึงนำคดีมาฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค

ซึ่ง ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุดรธานี ) พิพากษาว่า “…ข้อความดังกล่าวนี้ถือเป็น ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม สัญญาที่ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งมากเกินสมควร ประกอบกับคู่สัญญาไม่ได้รับความยินยอมในสัญญาตั้งแต่ต้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 4 วรรคสาม ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 11 สิ่งที่ควรกระทำผู้จัดส่งควรถ่ายวิดีโอขณะแพ็กสินค้า ผู้รับควรถ่ายวิดีโอขณะแกะสินค้า เมื่อมีการชำรุด แตกหัก ร้านค้าต้องรับผิดชอบในเบื้องต้น และเรียกค่าเสียหายจากผู้ขนส่งมิใช่เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคฝ่ายเดียว…”

‘ดร.อานนท์’ ชี้ ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ น่าสงสาร คนเกลียดพ่อ ‘ไม่แยกแยะ’ พาลเกลียดลูกไปด้วย

(17 ส.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก ภายหลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้ระบุว่า …

‘น่าสงสาร ตอนนี้คนเกลียดพ่อไม่แยกแยะเลยพาลเกลียดลูกสาวไปด้วย’

‘ซีพีเอฟ’ เผยความคืบหน้าโครงการ ‘จัดการปลาหมอคางดำ’ ยอดรับซื้อล่าสุด 6 แสนกิโล เผย!! เร่งจับมือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ปัญหา ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และต่อเนื่อง

(17 ส.ค.67) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเร่งจับปลาหมอคางดำออกจากระบบอย่างต่อเนื่อง ในทุกจังหวัดที่พบปลาชนิดนี้

โดย ล่าสุดคณะฯหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ติดตามผลปฏิบัติการของบริษัท จากการเร่งดำเนินการใน 5 โครงการเชิงรุก โดยบูรณาการความร่วมมือกับทั้งกรมประมง โรงงานปลาป่น และสถาบันการศึกษาชั้นนำ เพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำให้ได้มากที่สุด

สำหรับโครงการเชิงรุกที่ CPF ดำเนินการ ประกอบด้วย 

1.ความร่วมมือกับกรมประมง สนับสนุนการรับซื้อปลาหมอคางดำจากทุกจังหวัดทั่วประเทศที่พบปลาชนิดนี้ ตั้งเป้ารับซื้อจำนวน 2 ล้านกิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 15 บาท เพื่อนำไปผลิตเป็นปลาป่น ภายใต้ความร่วมมือกับโรงงานปลาป่น บริษัท ศิริแสงอารำพี จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร โดยรับซื้อปลาจากชาวประมงในสมุทรสาครไปแล้วมากกว่า 6 แสนกิโลกรัม (กก.) และบริษัทได้ขยายจุดรับซื้ออีกหลายจังหวัดต่อไป

2.โครงการสนับสนุนปลานักล่า จำนวน 200,000 ตัว เพื่อปล่อยสู่ลงแหล่งน้ำตามแนวทางของกรมประมง เพื่อกำจัดลูกปลาที่เหลือออกจากระบบนิเวศให้มากที่สุด จนถึงปัจจุบันบริษัทได้ส่งมอบปลากะพงขาวปลานักล่าไปแล้ว 54,000 ตัว ให้กับประมงจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และจันทบุรี

จากการดำเนินการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ปรากฏผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุด ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ยืนยันว่าจังหวัดสามารถกำจัดปลาหมอคางดำไปแล้วกว่า 800,000 ตัว สอดคล้องกับชาวประมงจังหวัดสมุทรสาครที่ให้ข้อมูลว่า จำนวนปลาหมอคางดำในพื้นที่ลดลงถึง 80%

จัดกิจกรรมจับปลา เช่นกรมประมงเปิดปฏิบัติการ ‘ลงแขกลงคลอง’ โดยบริษัทสนับสนุนอุปกกรณ์ใช้แล้วขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 200 ใบ จากโรงงานผลิตอาหารสัตว์ มอบแก่สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัด เพื่อนำมาใช้ใหม่เป็นถังบรรจุน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ เพื่อส่งต่อให้การยางแห่งประเทศไทยต่อไป ขณะนี้ได้ทยอยส่งมอบให้สำนักงานพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และจังหวัดอื่น ๆ จนครบต่อไป

4.โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมอคางดำ โดยมีสถาบันการศึกษาแสดงความสนใจร่วมดำเนินการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ม.เกษตรฯ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ม.ขอนแก่น) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ได้ศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ร่วมพัฒนาเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำ ทั้งปลาร้าทรงเครื่อง ผงโรยข้าวญี่ปุ่น และน้ำพริกปลากรอบ

5.โครงการร่วมทำวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญ ในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว โดย สจล. และ ม.เกษตรฯ ได้แสดงเจตจำนงร่วมมือกับบริษัทในการบูรณาการเพื่อพัฒนาแนวทางที่จะบรรเทาปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และบริษัทยินดีที่จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม ล่าสุด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แสดงความสนใจเข้าร่วมด้วย

‘อุ๊งอิ๊ง’ โพสต์ข้อความใน X ขอบคุณที่มอบความไว้วางใจ ให้เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เผย!! จะจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคน

(17 ส.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความใน X ว่า ...

ดิฉันขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่มอบความไว้วางใจให้ดิฉันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะประชาชนคนไทย

หลังจากนี้ การจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินการตามกระบวนการ และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ

ดิฉัน พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนพร้อมทำงาน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคนค่ะ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างชีวิต อย่างยั่งยืน มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบรถจักรยานให้กับโรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรีแก่ชาวมุกดาหาร

วานนี้ (วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน  ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดที่ 13 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 23 ครัวเรือน พร้อมมอบรถจักรยานในโครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร ครั้งที่ 5 จำนวน 100 คัน กระบอกน้ำ จำนวน 500 ใบ ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน จำนวน 10 แห่ง เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าสิ่งของที่มอบในครั้งนี้เป็นเงิน 711,510 บาท (เจ็ดแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยสิบบาทถ้วน)

นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายไกร เอี่ยมจุฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน เขตตรวจราชการ ที่ 11 เป็นประธานร่วมในพิธี  พร้อมด้วย นายวิโรจน์ น้ำหอม ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมสัมมาชีพชุมชน คณะมูลนิธิการกุศลมุกดาหาร เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี และอาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายศรสุทธา กลั่นมาลี (ถั่วแระ เชิญยิ้ม) นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว) ร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

สพฐ. ดึงวิทยากรมืออาชีพพัฒนาเข้มนักประชาสัมพันธ์ 4 ภาค เก่งรอบด้านแบบมัลติฟังก์ชัน

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) ที่โรงแรมเดอะพาลาสโซ กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยศูนย์สารนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “นักประชาสัมพันธ์ยุคใหม่สไตล์มัลติฟังก์ชัน” สังกัด สพฐ. ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2567 โดยมี นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ได้เดินทางมาพบปะพร้อมให้กำลังใจกับคณะทำงาน วิทยากรและผู้เข้าร่วมการอบรมอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย นักประชาสัมพันธ์หรือผู้ปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 245 คน และคณะทำงานหลักด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ สพฐ. จำนวน 86 คน รวมทั้งสิ้น 331 คน 

สำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการ “นักประชาสัมพันธ์ยุคใหม่สไตล์มัลติฟังก์ชัน” จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่สื่อสารประชาสัมพันธ์ทุกสำนักของ สพฐ. และของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานด้วยทักษะความสามารถที่หลากหลาย เช่น การเขียนข่าว การถ่ายภาพ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การพัฒนาบุคลิกภาพ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพงานการสื่อสารประชาสัมพันธ์องค์กรให้ดียิ่งขึ้น โดยในวันนี้ (16 สิงหาคม) เป็นการอบรมวันที่สอง มีกิจกรรมการอบรมในช่วงเช้าเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “Short Clip พิชิตใจ Follower” โดยมีวิทยากรมืออาชีพที่มีชื่อเสียงในสื่อโซเซียล (Influencer) คือ ครูหมี และครูขวัญฝรั่งเศส มาให้ความรู้และลงมือปฏิบัติจริงด้านการผลิตวิดีโอสั้นบนสื่อโซเซียล เช่น Blog, Instagram, Facebook, YouTube, X (Twitter) และ TikTok อย่างมีความสุขสนุกสนานพร้อมมีสาระตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ และกิจกรรมในช่วงบ่าย เป็นการอบรมการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์อย่างมืออาชีพ หัวข้อ “จับประเด็นเด็ด ตั้งคำถามโดน ใช้เสียงบรรยายอย่างไรให้ปัง” โดยนักข่าวมืออาชีพ คุณอาร์ท-เอกรัฐ ตะเคียนนุช ผู้ประกาศข่าวอิสระ และคุณภัส-นภัส ธีรดิษฐากุล ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT HD มาแบ่งปันประสบการณ์ของการทำงานด้านสื่อสารมวลชน

โอกาสนี้ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช กล่าวกับผู้เข้าอบรมว่า วันนี้ตั้งใจมาเพื่อขอบคุณและให้กำลังใจนักประชาสัมพันธ์ด้วยตนเอง ขณะนี้ถือว่าการทำงานของนักประชาสัมพันธ์ในหน่วยงานสังกัด สพฐ. ทุกแห่งมีผลงานเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ซึ่งงานประชาสัมพันธ์ถือเป็นงานสำคัญที่ทุกองค์กรต้องมี โดยเฉพาะนักประชาสัมพันธ์ของ สพฐ. นับว่าเป็นมืออาชีพที่สามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งทีมงานทุกคนที่ช่วยกันรังสรรค์ให้งานของ สพฐ. มีคุณภาพและได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ออกไปในหลายๆ รูปแบบ ทุกช่องทาง ทั้งที่เป็นระบบและไม่เป็นระบบ ซึ่งหาก สพฐ. หรือ OBEC ของเรา ยังอยู่ในรูปแบบเดิม ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้ไม่ได้รับความสนใจและไม่เกิด IMPACT เหมือนเช่นทุกวันนี้ ดังนั้น ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจากความทุ่มเทของพวกเราทุกคน ทั้งภาพของเด็กๆ และคุณครูที่อยู่ในโรงเรียนห่างไกล หรือภาพการทำงานของเขตพื้นที่ซึ่งอาจยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง สื่อสารไปยังบุคคลภายนอกได้เห็นโดยทั่วกันแบบทุกที่ ทุกเวลา วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราได้มาพูดคุยกันและได้มีโอกาสขอบคุณในความทุ่มเทของการเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่อยู่ในสายเลือดของพวกเราทุกคน

“วันนี้รู้สึกดีใจที่ทางทีมประชาสัมพันธ์ได้รวมคนที่มีหัวใจเดียวกัน มีความมุ่งมั่นที่จะสื่อสารภาพลักษณ์ที่ดีของ สพฐ. ที่เกิดขึ้นจริงออกไปสู่สาธารณชน และจากที่ได้รับทราบจากท่านสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ท่านได้ชื่นชมและให้กำลังใจทีมประชาสัมพันธ์ สพฐ. เป็นอย่างมาก ที่มีทั้งความเสียสละ มุ่งมั่นตั้งใจ ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่เกิน 100% ซึ่งจะเห็นได้จาก ณ ตอนนี้ว่าชื่อเสียงขององค์กร สพฐ. ที่บุคคลภายนอกได้เห็นจำนวนมากมายกว่า 90% เป็นฝีมือของพวกเราทุกคน และสิ่งที่สำคัญคือความทุ่มเทของพวกเราทุกคนได้ช่วยเปลี่ยนโฉม สพฐ. ไปมาก ทั้งระบบการสื่อสารที่มีคุณภาพ ครบถ้วน รวดเร็ว ฉับไว นำสู่องค์กรคุณภาพต่อไปค่ะ” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

พร้อมกันนี้ รองเลขาธิการ กพฐ. และคณะวิทยากร คณะทำงาน ผู้เข้าอบรม ได้ร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเป็นการสร้างเครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์ทั้ง 4 ภาค พร้อมที่จะติดตาม ส่งกำลังใจให้กับการทำงานของนักประชาสัมพันธ์ สพฐ. ต่อไป

‘อเมริกา’ อนุญาต ‘จีน’ ทดสอบ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ รับส่งผู้โดยสารในรัฐแคลิฟอร์เนีย เผย!! ทำงานผ่านระบบ AI ที่เชื่อมต่อ ‘รถ-คอมพิวเตอร์ส่วนกลาง’ ในระบบคลาวด์

(17 ส.ค.67) สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานว่า วีไรด์ (WeRide) สตาร์ตอัปแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) สัญชาติจีน ได้รับอนุญาตจากทางการรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา ให้ทดสอบให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับโดยมีผู้โดยสารได้แล้ว โดยจะเริ่มทดสอบด้วยรถไร้คนขับจำนวน 12 คัน 

ข้อมูลแท็กซี่ไร้คนขับ WeRide
ตามข้อมูลจาก WeRide แท็กซี่ไร้คนขับจะใช้รถจากค่าย จีเอซี (GAC) หรือนิสสัน (Nissan) แล้วแต่พื้นที่ให้บริการ ซึ่งมาพร้อมกับการติดตั้งระบบไร้คนขับ ประกอบไปด้วยเรดาร์ เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวรอบคันรถ กล้องวัดระยะความลึกหรือไลดาร์ (LiDAR) และกล้องรอบคันแบบ 360 องศา สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โดยระบบต่าง ๆ จะทำงานร่วมกันผ่านระบบ AI ที่เชื่อมต่อระหว่างรถกับคอมพิวเตอร์ส่วนกลางในระบบคลาวด์ โดยทาง WeRide ระบุว่า ระบบไร้คนขับได้รับการฝึกในสถานการณ์จำลองต่าง ๆ ที่รวมปัจจัยนอกตัวรถ ทั้งทางเดินเท้า คน จักรยาน อาคาร แม้แต่สภาพอากาศกว่า 230,000 ครั้ง สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะมีจักรยานหรือรถยนต์ตัดหน้าด้วยความแม่นยำร้อยละ 97 กับ 98 ตามลำดับ และมีระยะเวลาตอบสนองที่ 10 มิลลิวินาที และความคลาดเคลื่อนในการกะระยะไม่เกิน 5 เซนติเมตร

การเติบโตของบริษัท WeRide
ทั้งนี้ จากรายงานข่าวระบุว่า WeRide ได้ยื่นคำร้องขอกับคณะกรรมการกำกับกิจการสาธารณะของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ CPUC (California Public Utilities Commission) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเป็นคำขอทดสอบแท็กซี่ไร้คนขับที่มีคนขับสำรองในตำแหน่งคนขับ และแบบไร้คนขับโดยไม่มีคนขับนั่งอยู่ภายในตัวรถ เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากที่อนุญาต โดยให้บริการเฉพาะกลุ่มทดลอง และไม่มีการเก็บค่าโดยสารใด ๆ 

การอนุญาตให้ WeRide ทดสอบแท็กซี่ไร้คนขับ ส่งผลให้มีการประเมินมูลค่าบริษัทสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 175,000 ล้านบาท โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2017 WeRide ได้ให้บริการในบางเมืองของจีน รวมถึงในพื้นที่บางส่วนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุญาตทดสอบในสิงคโปร์อีกด้วย

สตม.ประเมิน ita สอบผ่านครบทุกหน่วยงาน ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส Integrity and Transparency Assesment : ita

ตม.จว.อุทัยธานี ครองแชมป์คะแนนผ่านดีเยี่ยมอันดับ 1 ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จากผลประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของภาครัฐ ปี 2567 “ผ่านดีเยี่ยม” ได้คะแนนสูงสุด  99.41 คะแนน บก.ตม.3 ภายใต้การนำของพล.ต.ต.ณัฐกร  ประภายนต์ ผบก.ตม3ภาพรวมคะแนนระดับ ผ่านดีเยี่ยม บก.มีคะเเนนสูงสุด รับรางวัลหน่วยสนับสนุนการประเมินฯผ่านระดับ ดีเยี่ยมเช่นกัน สร้างชื่อเสียง ให้ หน่วยงาน จังหวัดอุทัยธานี สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อวานนี้ (16 สิงหาคม  2567) ณ ห้องนนทบุรี อาคาร 4 สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี พลตำรวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน กรรมการ ปปช. นายทวิชาติ นิลกาญจน์  ผู้ช่วยเลขาธิการการ ปปช. และผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการ ที่เข้ารับการประเมิน จาก กรุงเทพมหานคร กรมการปกครอง และ ผู้แทน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้เทนหน่วยต่างๆ เข้ารับรางวัล ในการนี้ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุทัยธานี เป็นผู้แทนหน่วยที่ได้คะแนนสูงสุด นำโดย พ.ต.ท.สำรวย สมาน สว.ตม.จว.อุทัยธานี เข้ารับรางวัลโล่รงางวัลลี ประกาศนียบัตรการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระดับผ่านดีเยี่ยม จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Transparency with Quality โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่ง หน่วยงาน ระดับ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ที่มีขับเคลื่อนส่งเสริมและสนับสนุนการประเมินita สูงสุดใน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได่แก่ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ระดับ ผ่านดีเยี่ยม คะเเนน 97.789💰คะเเนน โดยมี พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 เข้ารับมอบรางวัล

ในส่วน ตม.จว.อุทัยธานี ได้รับคะแนน สูงสุดของหน่วย ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทั่วประเทศคะเเนน99.41 ระดับผ่านดีเยี่ยม ส่วนอันดับที่ 2 ได้แก่ ตม.จว.สมุทรสาคร มีผลคะแนน99.33ลำดับที่ 3 ตม.จว.ชัยนาท มีผลคะแนน99.27 อยู่ในระดับผ่าน ดีเยี่ยม เช่นกัน การประเมินดังกล่าว แสดงถึงการเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นดำเนินกิจการที่มีคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นการประเมินที่มีวัตถุประสงค์ในการก่อให้เกิดการปรับปรุงพัฒนาด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ ทั่วประเทศ และเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในด้านการต่อต้านการทุจริต โดยมี ร.ต.อ.หญิง นวภัสร์ จิตหาญ รอง สว.ตม.จว.อุทัยธานี ในฐานะ แอดมินผู้ขับเคลื่อน พร้อมด้วยทีมงานเข้าร่วมงานด้วย

ในโอกาสนี้ ตม.จว.อุทัยธานี ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ร่วมสนับสนุน โดยเฉพาะ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ภาคีเเครือข่าย ภาคประชาชน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำแรงงาน มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน ซึ่ง ตม.จว.อุทัยธานี ขอตั้งมั่นในคุณธรรม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนางานตามหลักคุณธรรมและความโปร่งใส ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป ตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายรัฐบาล

‘อัครเดช’ ยัน!! เก้าอี้กระทรวง ‘พลังงาน-อุตสาหกรรม’ ยังเป็นของ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ชี้!! ใครจะได้เป็นรัฐมนตรี ต้องอยู่ที่ ‘กรรมการบริหาร’ มีมติให้ ‘หัวหน้าพรรคตัดสินใจ’

(17 ส.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะโฆษกพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงโควตารัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค รทสช. ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมสมาชิกพรรคครั้งล่าสุด ก่อนที่จะมีการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ยืนยันว่าทุกตำแหน่งในโควตารัฐมนตรี ยังเป็นโครงสร้างเหมือนเดิมหมด ทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม

นายอัครเดช กล่าวว่า ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคได้มีมติ ให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งนายพีระพันธุ์ คงจะปรึกษากับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสม ดังนั้นจะเป็นบุคคลเดิมหรือไม่ ก็เป็นอำนาจการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค รวมถึงโควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ยังว่าง เนื่องจาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออก ก็ต้องหาคนใหม่เช่นกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการริบโควตากระทรวงพลังงาน คืนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอัครเดช กล่าวว่า “ไม่มี หัวหน้าพรรคยังยืนยันว่าที่ตกลงกันล่าสุด ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหมด”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top