Thursday, 5 June 2025
TheStatesTimes

มุกดาหาร -ตำรวจน้ำ ปศุสัตว์ ร่วมกันทำลาย ชิ้นส่วนสุกรเถื่อน ของกลาง 660กก.

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 น. พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์  บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3 กก.10 บก.รน. มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ สุระสะ รอง สว.(ป.ทางน้ำ) ส.รน.3 กก.10 บก.รน. ร่วมเป็นคณะกรรมการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ดำเนินการทำลายชิ้นส่วนหมูเถื่อน ของกลาง จำนวน 660 กิโลกรัม ตามระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยการทำลายสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นโรคระบาด หรือพาหะของโรคระบาด พ.ศ. 2558 โดยวิธีฝังกลบ ณ บริเวณด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร ตำบลคำอาฮวน อำเภอมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร 

ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777

'สภาฯ' ดับฝัน ‘หนังโป๊-Sex Toy’ ก้าวไกล หลัง 284 สส. คว่ำร่างฯ ปลดล็อก

(7 ส.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … มาตรา 287 ของ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กับคณะ เป็นผู้เสนอ และร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ… ของ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยเป็นร่างพ.ร.บ.ที่มีสาระเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรี

สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว เสนอให้การแจกจ่าย หรือแสดงแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งเป็นภาพเขียน ภาพพิมพ์ สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ สิ่งอื่นใดอันลามก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือที่เป็นการใช้ความรุนแรง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากกฎหมายปัจจุบันที่ห้ามกระทำทั้งหมด ไม่ว่า จะเกี่ยวกับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ก็ตาม

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้ส.ส.อภิปรายต่อเรื่องดังกล่าว โดยมีส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนอภิปรายสนับสนุน ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเห็นว่า การห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเห็นว่าของเล่นผู้ใหญ่ เซ็กซ์ทอย มีข้อดี ช่วยอาชญากรรมทางเพศ ลดความเครียด และแก้ปัญหาชีวิตครอบครัวได้

โดย นายสรพัช ศรีปราชญ์ ส.ส.สระบุรี พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนว่า การกำหนดกฎหมายแบบที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า เราอยู่ในโลกแห่งการไม่ยอมรับความจริง เมื่อเราอยู่ในประเทศหน้าไหว้หลังหลอก มือถือสากปากถือศีล เอาคำว่าศีลธรรม จริยธรรม เป็นเสื้อคลุมกายทำให้เรากลายเป็นคนดีขึ้นมาทันที และเป็นข้ออ้างที่ทำให้เซ็กซ์ทอยผิดกฎหมาย และกำลังทำลายความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่มีความรู้สึกทางกามอารมณ์ที่ต้องการใช้งาน แต่เราผลักใสให้เขาไปหาสิ่งอื่นๆทดแทน เมื่อต้องการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ หากเป็นคนไม่มีจิตสำนึกก็จะนำไปสู่การข่มขืน

ด้าน นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การแก้กฎหมายให้ผู้ผลิตสื่อทางเพศ ไม่ถือว่า เป็นผู้ทำผิดกฎหมายหรือส่งผลเสียต่อสังคม เนื่องจากเราไม่ได้ให้เยาวชนเข้ามา และได้กำหนดให้ผู้ผลิตมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ถือว่ามีวุฒิภาวะ และไม่เรียกว่ามอมเมาประชาชน ที่ผ่านมาผู้ผลิตและผู้รับสื่อมีอยู่ทั่วไปอยู่ตลอด ดังนั้นจะไม่ดีกว่าหรือที่เราจะเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ขึ้นมาอยู่บนดินแล้วดูแลควบคุม ให้เสรีภาพแก่ผู้ผลิตสื่อ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะใช้ร่างกายเลี้ยงชีพ ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ส่วนเซ็กทอยขณะนี้มีอยู่แล้ว ทำไมไม่ควบคุมโดยออกกฎหมาย เพื่อดูแลมาตรฐาน

ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาลคัดค้านแก้ไขมาตรา 287 ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ โดย นายดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ไม่ได้มีอคติ แต่เห็นว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี หากมีการแก้ไขในเรื่องนี้ ปัญหาครอบครัว ผลของการกระทำ เราอาจเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในอนาคตเสี่ยงเกิดปัญหาภายในครอบครัว เกิดการคุมคามทางเพศมากขึ้น และยังก่อให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบว่าการใช้ความรุนแรงทางเพศเป็นเรื่องปกติ และอาจมีผลต่อการค้ามนุษย์ ข่มขืนใจ ที่สำคัญจะมีปัญหาด้านสาธารณสุข ในแง่ของโรคติดต่อตามมาด้วย

ด้าน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาระสำคัญของการขอแก้ไขครั้งนี้ คือถ้าเป็นสื่อลามกที่เกี่ยวข้องกับคนอายุต่ำกว่า20ปี หรือใช้ความรุนแรง ให้มีความผิด ตนเห็นว่าฟังแล้วดูเหมือนจะดี แต่เจตนาของมาตรา 287 ต้องการคุ้มครองประชาชน ผู้อภิปรายพูดแต่เรื่องศีลธรรม แต่เราก็ต้องทำเหมือนเดิม เพราะในสังคมมีความหลากหลายมาก โดยเฉพาะการโฆษณาให้เห็นอวัยวะเพศ ภาพโป๊ เปลือย หรือกิจกรรมทางเพศ บางคนมองว่าเป็นศิลปะ แต่จะทำให้เกิดปัญหาล่วงล้ำสิทธิคนอื่น

“การมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ความจริงก็ต้องมีบ้างเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งรัฐต้องมีมาตรการทางกฎหมายออกมาเพื่อคุ้มครอง ในการเข้าถึงสื่อลามกที่ต้องมีการป้องปราม ที่สำคัญปัจจุบันเรายังไม่ได้มีกฎหมายว่าด้วยการให้บริการทางการเพศ ซึ่งน่าห่วงใย ถ้าให้มีสื่อลามกเผยแพร่ออกไป เพราะฉะนั้นผมจึงไม่สนับสนุน”นพ.เชิดชัย กล่าว

นพ.เชิดชัย กล่าวด้วยว่า เซ็กซ์ทอยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นวัตถุช่วยเหลือทางเพศ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ อาจใช้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ควรพูดให้ชัดเจน อาจมีประโยชน์ช่วยให้คู่ชีวิตดีขึ้น ลดการข่มขืน ลดความเครียด ประเด็นนี้ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และเป็นคนละเรื่องกับมาตรการป้องกันสื่อลามก เซ็กซ์ทอย ซึ่งน่าจะเสนอเป็นกฎหมายเฉพาะ แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้คลุมเครือไม่ชัดเจน เกิดปัญหามากกว่าข้อดี จึงอยากให้ผู้เสนอนำไปร่างใหม่เป็นการเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ทอย

กระทั่งเวลา 13.25 น.ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 145 เสียง ไม่เห็นด้วย 284 เสียง งดออกเสียงไม่มี ถือว่าที่ประชุมไม่รับหลักการ ดังนั้นร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้จึงตกไป

จับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ เหิมเกริมตั้งออฟฟิตหลอกลวงประชาชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ตามนโยบายของทางรัฐบาล ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี โดยให้สืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และเร่งแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยด่วน ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ได้ทำงานสนองตามนโยบาย และได้มีการสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง

ตามที่ได้มีมาตรการ “ระเบิดสะพานโจร ตัดซิม เสา สาย ตามแนวชายแดน” ที่กลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอล เซนเตอร์ใช้ในการหลอกลวงเหยื่อทั่วประเทศ จนทำให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศที่แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้หมดลง หรือไม่สะดวกต่อการใช้งาน แก๊งคอลเซนเตอร์จึงปรับตัว โดยลักลอบนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และพนักงานในแก๊ง มาตั้งเป็นออฟฟิตคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนในประเทศไทย ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวงประชาชนชาวไทย โดยตั้งฐานออฟฟิตอยู่ในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ได้สืบทราบว่า มีขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ ใช้บ้านภายในหมู่บ้านดิไอคอน ม.9 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งเป็นออฟฟิตทำงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบชายไทย 4 คน ทราบชื่อภายหลัง คือ นายชนาภัทรฯ (สงวนนามสกุล) , นายโชคชัยฯ (สงวนนามสกุล) , นายชิชณุพงษ์ฯ (สงวนนามสกุล) และนายจีรวัฒน์ฯ (สงวนนามสกุล) จากการตรวจค้นพบว่าภายในบ้านมีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะจำนวน 10 เครื่อง และพบข้อมูลการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดรับว่าตนเองและพวกร่วมกันเป็น   แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยตั้งเพจเฟสบุ๊คในการหลอกช่วยเหลือเหยื่อ มีการยิงแอดโฆษณา หลอกว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือทนายความ ที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทำเรื่องฟ้องร้องได้ และทำให้ได้เงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา โดยหลอกซ้ำเติมเหยื่อให้โอนเงินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในการช่วยเหลือ และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม (หลอกให้รัก) ซึ่งจะมีสคริปต์การพูดหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้ โดยภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพบว่ามีการสนทนากับเหยื่อในแอพลิเคชั่นเมสเซ็นเจอร์เฟสบุ๊ค และแอพพลิเคชั่นไลน์ออฟฟิศเชียลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิด ครอบครองอาวุธปืนพกสั้น แบบกึ่งอัตโนมัติ , เครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด ซึ่งได้ทำการจับกุมและแยกดำเนินคดีที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

จากการขยายผลทำให้ทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์นี้ มีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวจีน คือ Mr.ZHOU หรือ นายเจ้า สัญชาติจีน , มีรองหัวหน้า คือ Mr.CHEN หรือ ปีเตอร์ สัญชาติจีน และมีเลขาเป็นคนไทย คือ นายภาวัตฯ หรือ เหว่ย มีพฤติกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ , ค้ามนุษย์ , บ่อนการพนัน และฟอกเงินฯ ซึ่งต่อมาได้มีการขยายผลและขออนุมัติศาลขอหมายค้นอีก จำนวน 3 จุด ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย ณ ปัจจุบันทราบว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าคนจีนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายฐานออฟฟิศมาในประเทศไทย เนื่องจากความไม่สะดวกเรื่องการติดต่อสื่อสารและสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ต่างประเทศ จึงกล้าเสี่ยงมาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย

โดย บก.สส.ภ.2 จะทำการสืบสวนและขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน” มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และจะติดตามผู้เสียหายซึ่งถูกแก๊งคอลเซนเตอร์นี้หลอกลวง เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานฟอกเงินต่อไป ซึ่งหากใครเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์นี้หลอก สามารถให้ข้อมูลได้ที่ บก.สส.ภ.2 หมายเลขโทรศัพท์ 038 276 724 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีต่อไป

‘เพจดัง’ เปิดภาพ ‘ป้ายรถเมล์’ รักษ์สิ่งแวดล้อม แถวช่องนนทรี ชาวเน็ตจวกยับ!! เหตุมีสภาพ ‘แคบ-พื้นผิวไม่เรียบ-ขึ้นลงลำบาก’

(7 ส.ค. 67) กลายเป็นภาพที่สังคมให้ความสนใจ และหยิบยกขึ้นมาถกเถียงในโลกโซเชียลฯ หลังเพจสะท้อนปัญหาทางเท้า อย่าง ‘ฟุตบาทไทยสไตล์’ โพสต์ภาพป้ายหยุดรถโดยสารประจำทาง ที่ถูกนำมาติดตั้งไว้อยู่ในพุ่มไม้ริมฟุตบาท ที่มีสภาพทั้งแคบและพื้นผิวไม่เรียบ ประชาชนเดินทางอย่างลำบาก

โดยระบุว่า “เรื่องใหม่ครับ ฟุตบาท ถนนนราธิวาส #ช่องนนทรี แถวสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี ป้ายรถเมล์ที่เพิ่งทำใหม่ เป็นจุดจอดรถเมล์ ป้ายขึ้นลงรถ…ต้องแหวกแนวพรมแดนธรรมชาติ เพื่อขึ้นไปบนฟุตบาทครับ คงเป็นป้ายรถเมล์แบบใหม่รักษ์สิ่งแวดล้อม”

งานนี้หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาแชร์ประสบการณ์ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความปลอดภัยกันเพียบ

เพราะป้ายรถเมล์ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนของประชาชน และยังเป็นที่พักพิงสำคัญสำหรับการรอคอยที่แสนยาวนานอีกด้วย การมีป้ายรถเมล์ดี ๆ คือ หนึ่งในความอุ่นใจของผู้ใช้บริการที่จะช่วยให้รู้สึกปลอดภัย

สำหรับคอมเมนต์บางส่วนนั้น ต่างระบุว่า…

- ตามภาพ+ในเมื่อเป็นสถานที่ป้ายรถเมล์+ให้คนเขายืนรอ เมื่อรถเมล์เข้าจอดเพื่อให้คนรอเขาเดินขึ้นรถ+แต่ขอให้คณะจนท.ที่ทำ+ควรเคลียร์ให้พื้นที่โล่งพอสมควร+เพื่อจะได้ดูดี+และเพื่อความสะดวกของคนที่ยืนรอรถเมล์ด้วย
- สักพักมี​ ปชช.ตามริมฟุตบาทเสียชีวิต ไม่ใช่อุบัติเหตุรถชนนะงูกัด!
- อยากรู้เหมือนว่า การกำหนดตำแหน่งป้ายรถเมล์ ใครเป็นคนทำ แถว ๆ บ้านก็มีแบบนี้เหมือนกัน มั่วไปหมด ระยะห่างระหว่างป้ายแต่อัน ก็ไม่มีระยะที่แน่นอน เหมือนกับเอาที่xูสบายใจ ตามใจคนปักป้าย

'ก้าวไกลเชียงราย' ลั่น!! ก้าวไกลไม่มีวันดับ หลังศาล รธน.สั่งยุบพรรค พร้อมรับคำสั่งเคลื่อนไหวต่อทันที หากส่วนกลางส่งสัญญาณ

(7 ส.ค. 67) สมาชิกและมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลได้ไปรวมตัวกันที่ลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพรรค แม้ว่าวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีการเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการเป็นนโยบายหาเสียง

โดยมวลชนผู้สนับสนุนได้เขียนข้อความแสดงจุดยืนต่าง ๆ เช่น ก้าวไกลไปต่อ, ก้าวไกลไม่มีวันดับ ฯลฯ จากนั้นนำมาคลี่ถืออ่านข้อความต่างๆ พร้อมตะโกนว่า "ก้าวไกลไปต่อๆๆ"

นายสราวุฒิ หอมสมบัติ ทีมงานพรรคก้าวไกล จ.เชียงราย และนายประหยัด เสียงดัง อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เขต 5 จ.เชียงราย ยังได้ปราศรัยให้กำลังใจผู้ไปร่วมในกิจกรรมทุกคนและพากันไปรอฟังการอ่านคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่อไป

นายประหยัดกล่าวว่า กรณีคำวินิจฉัยเป็นโทษ เราก็จะรอรับคำสั่งจากส่วนกลางต่อไปแบบพร้อมเต็มที่ รอสัญญาณอยู่เท่านั้น โดยเครือข่ายที่มาร่วมเป็นตัวแทนทุกอำเภอใน จ.เชียงราย มารวมกัน ทั้งนี้ ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเคยถูกยุบพรรคมาครั้งหนึ่งแล้ว มีประสบการณ์และความรู้มากกว่าเดิมจึงเตรียมพร้อมดำเนินการได้และทำงานได้ลื่นไหลมากกว่าเดิมด้วย

นายสราวุฒิกล่าวว่า เราขอส่งกำลังใจให้กับกรรมการบริหารพรรคทั้ง 10 คน และ ส.ส.อีก 151 คนด้วย

16 สิงหาคม ของทุกปี คนไทยร่วมรำลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยวันนี้ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันสันติภาพไทย’ ด้วย

‘วันสันติภาพไทย’ คือ วันที่ 16 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ระลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ประเทศไทย โดยนายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 ได้ออกประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ให้การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 เป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการกระทำอันขัดต่อเจตจำนงของประชาชนและขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนชาวไทยทั้งในและนอกประเทศได้ร่วมกันแสดงเจตจำนงไม่ยอมรับคำประกาศดังกล่าวด้วยการจัดตั้งขบวนการเสรีไทยช่วยเหลือฝ่ายสัมพันธมิตรในการต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นที่ยึดครองประเทศไทยอยู่ในระหว่างสงคราม (ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484) โดยที่ประเทศไทยประกาศว่าจะร่วมมือเต็มที่ทุกทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้ ประกาศสันติภาพนี้มีนายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงตั้งชื่อถนนภายในศูนย์ท่าพระจันทร์ ที่เชื่อมระหว่างประตูถนนพระอาทิตย์กับประตูท่าพระจันทร์และผ่านหน้าตึกโดมว่า ถนน 16 สิงหาคม

ปตท.สผ.เร่งเจรจาต่อสัญญาผลิตก๊าซฯ แหล่งยาดานา เมียนมา หวังรักษาความมั่นคงพลังงานไทย ก่อนหมดสัญญาปี 2571

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 67) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. อยู่ระหว่างเจรจาขอต่อสัญญาการผลิตก๊าซฯ ในโครงการยาดานา ของเมียนมา ที่จะสิ้นสุดสัญญาปี 2571 เหตุไทยมีความจำเป็นต้องรักษากำลังการผลิตเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานประเทศ  พร้อมปรับคาดการณ์ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยทั้งปี 2567 เหลือ 501,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คาดราคาน้ำมันดิบครึ่งหลังปี 2567 อ่อนตัว เฉลี่ยทั้งปีอยู่ในกรอบ 80-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

นางสาวพรรณพร ศาสนนันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผยในงาน Oppday Q2/2024 PTTEP วันที่ 7 ส.ค. 2567 ว่า ความคืบหน้าโครงการยาดานา ในเมียนมา ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาลงในปี 2571 นั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอต่อสัญญาการผลิตออกไป และยังมีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนรักษากำลังการผลิตก๊าซฯ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ดังนั้น ปตท.สผ.จึงเตรียมงบประมาณ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ใช้สำหรับลงทุนในช่วงปี 2568-2569  

สำหรับแนวโน้มการลงทุนของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 บริษัท คาดการณ์ทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 นี้ จะมีปริมาณการขายปิโตรเลียม อยู่ที่ 484,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงโครงการฯ ในอ่าวไทยตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ

ขณะที่ทั้งปี 2567 จะมีปริมาณการขายปิโตรเลียม อยู่ที่ 501,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งปรับลดลงจากคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ที่มองว่าจะมีปริมาณการขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 509,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยเป็นการประเมินจากความต้องการใช้ก๊าซฯ ของลูกค้า ที่ลดลงสอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเล็กน้อย

ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติ ไตรมาส 3 และเฉลี่ยทั้งปี 2567 ยังอยู่ที่ 5.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู และมีต้นทุนต่อหน่วย(Unit Cost) เฉลี่ยอยู่ที่ 28-29 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และ EBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับ 70-75%

“ช่วงครึ่งหลังของปี 2567  ทาง IEA ได้ปรับลดคาดการณ์การใช้น้ำมันของโลกลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกโตช้าลง ทำให้ ปตท.สผ.คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากครึ่งปีแรก แต่เฉลี่ยทั้งปี จะอยู่ที่ 80-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงทั้งสภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโลก, นโยบายลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของโอเปกพลัส,มาตรการตอบโต้กลับของอิหร่านว่าจะส่งผลให้เกิดซัพพลายซ็อกในตลาดหรือไม่ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายพลังงานในอนาคต ขณะที่ราคาก๊าซLNG จะเข้าสู่สมดุลในปีนี้มากขึ้น และราคาในครึ่งปีหลังจะไม่ปรับสูงขึ้นมากเท่ากับช่วง 2 ปีก่อน โดยคาดการณ์ราคาก๊าซฯ เฉลี่ยทั้งปีนี้ จะอยู่ที่ 9-13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู”

สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 5 ปี ข้างหน้า ปตท.สผ. ยังเดินหน้าเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียม โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศให้มีสัดส่วนการผลิต อยู่ที่ระดับ 42% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการผลิต ในประเทศอยู่ที่ 76% และต่างประเทศอยู่ที่ 24% จากการเข้าไปลงทุนใน 12 ประเทศ กว่า 50 โครงการทั่วโลก ขณะเดียวกัน ปตท.สผ.ได้ตั้งงบลงทุนสำหรับขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ใน 5 ปีข้างหน้า ที่สัดส่วน 10% ของงบลงทุนรวม

ทั้งนี้ ปตท.สผ. มองว่า การลงทุนของบริษัท ยังมีโอกาสเติบโตเฉลี่ยปีละ 3-5% ตามการคาดการณ์ของโลก ที่มองว่า ความต้องการใช้พลังงานจะยังเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 3-5% ไปจนถึงปี 2573

ขณะที่ โครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเลของประเทศโมซัมบิก ปัจจุบัน ทางผู้ดำเนินโครงการฯ ขอเวลาอีก 2-3 เดือน ในการประเมินแผนเพื่อเตรียมการกลับเข้าพื้นที่ เพื่อไปดำเนินการก่อสร้างโครงการภายในปีนี้ และคาดว่า จะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)เชิงพาณิชย์ครั้งแรกได้ในช่วงปี 2571-2572

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค 4,000 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนออกบริการตรวจรักษาประชาชนฟรี ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ประจำปี 2567

วันนี้ (วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และนางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ  จัดพิธีแจกข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงรอบสุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 4,000 ชุด สิ่งของที่แจกประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช และขนม บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 100 บาท โดยมี นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตำบลโรงเข้ อำเภอ บ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

ภายในงาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดเจ้าหน้าที่ – อาสาสมัครมูลนิธิฯ ดูแลอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มารอรับ พร้อมบริการอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน (หน่วยแพทย์เคลื่อนที่)  ออกบริการประชาชน โดยมีอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นายรัชต์พงษ์ ทองทับ (น้าทูล) นางสาวอรภัสญาน์ สุกใส (มิ้วส์)  นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว) นายปิยะวัฒน์ รัตนหรูวิจิตร (หรูหรา)  นายจตุรภัทร นิยมแสง (ต้า)  ฯลฯ ร่วมสร้างสีสันภายในงาน โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังมีกำหนดการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้อีก 3 แห่ง ดังนี้ แห่งที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จังหวัดนครราชสีมา,  แห่งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี, และแห่งที่ 3 ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม  พ.ศ. 2567 ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ รวมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 แก่ประชาชนทั้งสิ้น 4 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13.3 ล้านบาท

ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานไม่ต่ำกว่า 80 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรก ที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการและเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ในช่วงประเพณี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มีผู้มีจิตศรัทธา และผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิฯ จะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครราชสีมา ชลบุรี และ กรุงเทพฯ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้พัฒนาการแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ ให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละยุคแต่ละสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุในการบรรจุสิ่งของที่มูลนิธิฯ ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นถุงผ้าเพื่อลดการใช้พลาสติก และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับ ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา เจ้าหน้าที่  อาสาสมัคร และครอบครัวของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในงานมหาบุญมหากุศลนี้  มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

#ป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘อียู’ ออกแถลงการณ์ แซะ 'ศาล รธน.' ยุบก้าวไกล ทำให้ไทยถอยหลังจากความหลากหลายทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 67) คณะผู้แทนสหภาพยุโรป (EEAS) ออกแถลงการณ์ Thailand: Statement by the Spokesperson on the dissolution of the main opposition party เนื้อหาระบุว่า การตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญของประเทศไทยในการยุบพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง คือ พรรคก้าวไกล ถือเป็นการถอยหลังของความหลากหลายทางการเมืองของประเทศไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่นำหน้าในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 โดยมีคะแนนเสียงมากกว่า 14 ล้านเสียง (จากทั้งหมด 39 ล้านเสียง)

ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถทำงานได้หากขาดพรรคการเมืองและผู้สมัครจำนวนมาก การจำกัดการใช้เสรีภาพในการรวมตัวและการแสดงออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกิจกรรมและการจัดตั้งพรรคการเมือง จะต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติและหลักการที่เกี่ยวข้องของตราสารระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองระหว่างประเทศ

สิ่งสำคัญคือทางการต้องแน่ใจว่าสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการเลือกตั้งโดยชอบธรรมทุกคนสามารถปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาต่อไปได้ โดยไม่คำนึงถึงพรรคการเมืองที่พวกเขาได้รับเลือก

สหภาพยุโรป (EU) พร้อมที่จะขยายการมีส่วนร่วมกับประเทศไทยภายใต้ความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือที่ลงนามเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2565 รวมถึงในประเด็นของความหลากหลายทางประชาธิปไตย เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และสิทธิมนุษยชน

ย้อนฟัง ‘น้องเทนนิส’ เปิดใจ!! ยอมเสียสละทั้งร่างกายเพื่อชาติ พร้อมเผย ‘โอลิมปิก’ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตน ‘ยอมแลก’

(8 ส.ค.67) ‘เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ เจ้าของเหรียญทอง เทควันโดโอลิมปิกเกมส์ 2024 หลังเอาชนะกัว ซิง คู่ปรับจากจีน ไป 2-1 ยก (6-3, 2-3, 62) คว้าเหรียญทองไปครอง ในการแข่งขันเทควันโด รุ่น 49 กก. หญิง รอบชิงชนะเลิศ กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อคืนวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 จนทำให้แฟน ๆ ชาวไทยต่างชุ่มชื่นหัวใจกันทั่วประเทศ

โดยก่อนหน้านี้ เทนนิส พาณิภัค ได้เปิดเผยเบื้องหลังของการฝึกซ้อมอย่างหนักในรายการ ‘Made My Day วันนี้ดีสุ’ ทางช่อง Thai PBS ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าที่ผ่านมามีอาการเจ็บหลายอย่าง ต้องทรมานอดทนเพื่อเเข่งขันต่อ

เทนนิส พาณิภัค ได้กล่าวว่า "สิ่งที่หนูต้องแลกไปคือร่างกาย ร่างกายอันนี้มันพังไปทั้งตัวแล้ว เอ็นไขว้หน้าขาขาด ลูกสะบ้าพังหมดแล้ว สะโพกก็หลวม สมมติว่าถ้าหนูฉีกขาเยอะ ๆ ต้องใช้เวลาเป็น 10 นาที กว่าจะหุบขาได้ คือมันเสียสละร่างกายอันนี้ไปหมดแล้ว และหนูคิดว่าโอลิมปิกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะยอมแลก"

"ตอนนี้หนูรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ๆ แต่หนูก็รู้สึกว่าความเหนื่อยนี้มันทำให้พ่อมีความสุข ทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุข แล้วก็ทำให้ตัวเองมีความสุข"

ทั้งนี้ เทนนิส พาณิภัค ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวหลังจบการแข่งขัน ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 โดยเผยถึงประเด็นเรื่องอนาคตในการเล่นกีฬาเทควันโด ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจกลับมาลงแข่งขันอีกหรือไม่ เจ้าตัวได้ตอบกลับว่า "คิดหนักแล้วค่ะ เดี๋ยวอาจคงต้องขอคิดดูก่อน หลังจากนี้อยากจะขอไปทำหน้าที่อื่น ๆ ดูก่อน อย่างตอนนี้ก็มียิมเทควันโด ชื่อ พาณิภัค เทควันโด เป็นของตัวเอง ซึ่งใครอยากเรียนเทควันโดก็สมัครเข้ามาลงเรียนได้ค่ะ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top