Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

‘เจือ ราชสีห์’ ตรวจเยี่ยมโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา แก้ปัญหาการสัญจร-ผลักดันสู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัด

(2 ก.ค.67) เมื่อไม่นานมานี้ ‘เจือ ราชสีห์’ ผลักดัน-ติดตามโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา และ อ.สิงหนคร จ.สงขลา อย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.สงขลา

นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ร่วมประชุมคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมในเบื้องต้นโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ระหว่าง อ.เมืองสงขลาและอ.สิงหนคร จังหวัดสงขลา ณ บริเวณท่าแพขนานยนต์ ฝั่งเทศบาลนครสงขลา 

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่และได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดเล็ก โดยมีนายไผท ทันประจำสินธุ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทสงขลา นางปิยวรรณ ชูนวล ตัวแทนโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา นางภัตติมา รุ่งพัฒนพันธ์ ปลัดอำเภอเมืองสงขลาตัวแทนนายอำเภอเมืองสงขลา และตัวแทนภาคประชาชน ได้ลงพื้นที่ดูทางขึ้น-ลงของสะพาน เพื่อสรุปรายงานผลให้กับที่คณะกรรมการที่ประชุมใหญ่ได้ทราบในครั้งต่อไป 

ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรไป-มา ระหว่าง อ.เมืองสงขลาและอ.สิงหนคร ให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาได้อีกทางหนึ่งด้วย

เด็กนร.เชื้อสายจีนโดนด่าหยาบเหยียดผิวบนรถบัสในนิวซีแลนด์ แถมยังถูกตี 'เลือดอาบหน้า-ฟันหัก' โดยปราศจากการยั่วยุใดๆ 

(2 ก.ค.67) รายงานข่าวระบุว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์แค่คนเดียวที่เข้าขัดขวางเหตุทำร้ายร่างกายที่มีแรงจูงใจจากการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 9.00 น.ของวันศุกร์ (28 มิ.ย.67) ทำให้เด็กชายฟันหลุด 3 ซี่และหักอีก 2 ซี่ พร้อมกับมีเลือดอาบใบหน้า

"ผมกำลังขึ้นรถบัสไปแพนมัวร์ และรถเพิ่งแล่นผ่านปากูรันกา พลาซา ตอนที่ผู้หญิงคนหนึ่งเริ่มด่าทอดูถูกเหยียดหยามผม และจากนั้นก็เริ่มทำร้ายร่างกายผมในทันที" เด็กนักเรียนชายซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์กับนิวซีแลนด์ เฮรัลด์

สื่อมวลชนรายงานว่า ผู้หญิงรายนี้เริ่มตะโกนด่าหยาบคายเหยียดผิวใส่เด็กชายชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายจีน ก่อนใช้เหล็กเล่นงานเด็กโดยปราศจากการยั่วยุใด ๆ "ผมแค่ฟังเพลงอยู่เฉย ๆ เขี่ยโทรศัพท์เล่น และจากนั้นมันก็เกิดขึ้น เธอลุกขึ้นและทำร้ายผม"

เด็กชายรายนี้พำนักอยู่ในนิวซีแลนด์มานานกว่า 7 ปีแล้ว หรือครึ่งหนึ่งในชีวิตของเขา ในขณะที่เขาเผยว่านับเป็นครั้งแรกที่ถูกทำร้ายร่างกายอันเนื่องจากแรงจูงใจเหยียดผิว "ผมฟันหลุด 3 ซี่ และอีก 2 ซี่หัก ผมยังไม่อาจซ่อมฟันได้ในตอนนี้ จำเป็นต้องรอให้แผลหายดีก่อน"

แม้มีผู้คนอยู่บนรถบัสมากกว่า 10 ราย แต่มีบุคคลเพียงรายเดียวที่เข้าขัดขวางเหตุทำร้ายร่างกาย "สุภาพบุรุษวัย 75 ปี ที่อยู่ข้างหลังช่วยผมไว้ เขาช่วยควบคุมผู้หญิงคนนั้นและเข้ามาขัดขวาง" เด็กชายเล่า

จากนั้นผู้หญิงรายนี้ก็กระโดดลงจากรถที่ป้ายรถเมล์วิลเลียมส์ อีฟ ในปาคูรันกา ก่อนวิ่งหนีไป "เราตะโกนใส่คนขับอย่าเปิดประตู แต่เขาเปิดประตูและเธอหนีไปได้"

เด็กชายรายนี้เชื่อว่าผู้หญิงที่ก่อเหตุน่าจะมีอายุราว 40 ปี รูปร่างใหญ่และแต่งกายชุดดำล้วน "ผมรู้สึกกลัว คราวนี้เป็นแค่ท่อนเหล็ก แต่คราวนี้ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีอาจเป็นมีดก็ได้" เขากล่าว

ทั้งนี้ เด็กชายผู้เป็นเหยื่อหวังว่าบอกเล่าเรื่องราวของเขาในครั้งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้คนเข้าขัดขวางการทำร้ายร่างกาย และช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย ทั้งนี้เขาไม่คิดว่าตำรวจจะหาตัวผู้หญิงรายนี้พบ ในขณะที่ตำรวจยอมรับว่าพวกเขายังอยู่ระหว่างสืบสวนเรื่องนี้อยู่

เจมส์ แมปป์ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับอาวุโส เปิดเผยว่าผู้หญิงที่ทราบชื่อรายนี้ขึ้นไปบนรถบัส ก่อนก่อเหตุลงมือทำร้ายเหยื่อด้วยวัตถุหนึ่ง "มันเป็นการทำร้ายร่างกายโดยปราศจากการยั่วยุ ส่งผลให้เหยื่อได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรง"

"เราทราบดีถึงความหวาดกลัวและความกังวลต่อเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ เช่นนี้ในชุมชน และเรายังคงเดินหน้าไล่ตามทุกเบาะแสที่จะนำมาซึ่งการนำตัวบุคคลรายนี้มาลงโทษ ตำรวจไม่อดทนต่ออาชญากรรมเช่นนี้ หรือการก่อความหวาดกลัวในชุมชนของเรา ขณะเดียวกัน เราก็กำลังมอบแรงสนับสนุนแก่เหยื่อ และขอรับประกันกับชุมชนว่า เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อนำตัวบุคคลรายนี้มาลงโทษ"

ด้านโฆษกการขนส่งโอ๊คแลนด์ บอกว่าพวกเขารู้สึกเสียใจที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้น "ความปลอดภัยของทุกคนที่ใช้บริการเครือข่ายการขนส่งของเรา คือลำดับความสำคัญสูงสุดของเรา เรายืนยันว่าเราทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และเราเข้าใจว่าผู้ปฏิบัติการรถบัสได้มอบคลิปวิดีโอแก่ตำรวจไปแล้ว"

🔎'สหพัฒน์' เล่นใหญ่!! เซ็น MOU 18 ฉบับ ครอบคลุมธุรกิจอนาคตไกลตัวไหนบ้าง?

'สหพัฒน์' สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จัดลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน บุกธุรกิจที่มีโอกาสในอนาคตรวม 18 ฉบับ ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28

โดยนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า สหกรุ๊ปแฟร์ แอนด์ เฟส จัดระหว่าง วันที่ 27-30 มิถุนายน 2567 ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา ปีนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเครือสหพัฒน์ ที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้ง จีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน รวม 18 ฉบับ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนครั้งใหญ่ และยังเป็นการประกาศทิศทางของเครือสหพัฒน์ที่จะมุ่งไปในอนาคต

นายธรรมรัตน์ เผยอีกว่า สำหรับเนื้อหาบาง MOU เช่น ความร่วมมือกับ เอตัวล์ ไคโตะ ผู้นำค้าส่งสินค้าจากญี่ปุ่น มีเป้าหมายเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่ายขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยที่สหพัฒน์จะนำสินค้าของเอตัวล์เข้ามาขาย สินค้าขายดีเช่น ชุดชั้นใน ขนม อาหาร ส่วนเอตัวล์ก็นำสินค้าสหพัฒน์ไปจำหน่าย ในแพลตฟอร์มที่มีอยู่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ส่วนความร่วมมือกับ ฟาสต์ บิวตี้ ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย วางเป้าหมาย 20 สาขาใน 3 ปี โดยจะเปิดสาขาแรกที่ทองหล่อสแตนด์อโลน ราคาบริการตั้งแต่ 1,500 – 5,000 บาท

ขณะที่ความร่วมมือกับ โตคิว คอร์เปอเรชั่น และดุสิตธานี เพื่อพัฒนาโครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และโครงการดุสิต สวีต คิงสแควร์ กรุงเทพฯ จะมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท

‘ผู้กำกับ 2475 Dawn of Revolution’ ตอบปมทุนสร้างแอนิเมชัน

📢ถามมา-ตอบไปกับ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

🎤: ‘2475 Dawn of Revolution’ ใช้ทุนสร้างจากงบกองทัพ หรือจากแหล่งไหน?

🎥คุณวิวัธน์: แอนิเมชันนี้ไม่ได้งบประมาณจากกองทัพ ไม่ได้รับเงินสนับสนุนใด ๆ จากรัฐบาล แต่ไม่ปฏิเสธว่า บริษัทเรารับทำงานสารคดีให้ความรู้ และ งานสื่อการสอนให้กับกองทัพ ซึ่งเป็นงานคนละส่วนกับแอนิเมชัน 

ซึ่งตามที่สื่อฯ บางรายได้นำมาเผยแพร่ ก็พบว่าตกปีละไม่ถึง 1 ล้านบาท และเป็นงานเล็ก ๆ TOR ละ 1 แสน-4 แสน ไม่สามารถนำงบฯ มาทำผลิตแอนิเมชันขนาดนี้ได้อยู่แล้ว 

และนอกจากนี้ บริษัทของเรายังรับทำเพลงโฆษณา ทำการตลาด ทำแบรนดิ้ง ซึ่งเราก็เอาเงินส่วนตัว เงินระดมทุน และรายได้จากงานต่าง ๆ มาใช้ในการทำงาน แอนิเมชันเรื่องนี้ จึงมาจากเงินเอกชนคนไทยล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานรัฐบาลใด ๆ ถ้ารัฐสนับสนุนจริง พวกผมคงไม่ต้องมาขายเสื้อ ขายหนังสือกันหรอกครับ

‘สคบ.’ จ่อออก กม.คุ้มครอง ‘นักช็อปออนไลน์’ ผ่านมาตรการส่งดี แกะกล่องเช็กสินค้าก่อนจ่าย หากมีปัญหา ‘ปฏิเสธ-ขอเงินคืนได้’

(2 ก.ค. 67) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยว่า ประชาชนจำนวนมากได้สะท้อนความเดือดร้อนจากการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชันช็อปปิงออนไลน์ มายังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หลายกรณี โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของ สินค้าไม่ตรงปก ติดต่อไม่ได้ และบางกรณีผู้บริโภคไม่ได้สั่งซื้อสินค้าแต่มีพัสดุจัดส่งไปยังที่บ้าน โดยมีการเรียกเก็บเงิน ณ ที่จัดส่งปลายทาง

ผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าแล้วเกิดปัญหาในรูปแบบต่างๆ แต่กลับไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้ หรือติดต่อได้แต่ไม่ได้รับการแก้ไข

ผู้บริโภคเลือกชำระเงินค่าสินค้าโดยการเก็บเงินปลายทาง แต่เมื่อเกิดปัญหากลับไม่ได้รับเงินคืน เนื่องจากผู้ให้บริการขนส่งสินค้าให้เหตุผลว่า จ่ายเงินให้กับผู้ขายสินค้าไปแล้ว ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย

ล่าสุดจากปัญหาดังกล่าว สคบ. ได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ‘เรื่องให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน’ ซึ่งจะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เดือนกรกฎาคมนี้

ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่นี้ ช่วยแก้ปัญหาให้นักชอปออนไลน์ โดยการใช้ ‘มาตรการส่งดี (Dee-Delivery)’ ซึ่ง ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า ต้องระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ ผู้ส่งสินค้า-ผู้ประกอบธุรกิจ-ชื่อสกุล ผู้รับเงิน-หมายเลขติดตามพัสดุให้ชัดเจน

กำหนดให้ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าถือเงินค่าสินค้าเป็นระยะเวลา 5 วัน ก่อนนำส่งเงินให้กับผู้ขาย เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสแจ้งเหตุที่ขอคืนสินค้าและขอเงินคืนได้
สามารถเปิดดูสินค้าก่อนชำระเงินได้ หากพบว่ามีปัญหา สามารถปฏิเสธการชำระเงินและไม่รับสินค้าได้

‘สุวัจน์’ หัวเราะ หลังสื่อถาม ‘ทักษิณ’ ทาบทามเข้าเพื่อไทย ลั่น!! เป็นพรรคร่วมอยู่แล้ว ทำงานด้วยกันเพื่อประเทศชาติได้

(2 ก.ค.67) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยทาบทามให้เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย โดยนายสุวัจน์หัวเราะ และกล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ดังนั้นอะไรที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลได้ ก็ยินดี และทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไร 

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณขอให้ช่วยเติมพื้นที่ในส่วนจังหวัดโคราช นายสุวัจน์ ยิ้มและกล่าวว่า ตนก็เคยทำงานกับนายทักษิณ สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี นายทักษิณก็ให้ความเคารพและเมตตาอยู่เสมอ ส่วนในอนาคตจะควบรวมกันหรือไม่นั้น การเมืองคงยังไม่เลือกตั้งในช่วงนี้ แต่ก็ได้ร่วมกันทำงานอยู่แล้ว ฉะนั้นอะไรที่ร่วมมือกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ก็ทำงานได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า เสียงในสภา 300 กว่า จากตัวเลขแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร ดูมั่นคง และความสัมพันธ์ของพรรคร่วมฯ ตอนนี้ ก็ยังไม่มีอะไรที่จะไม่มีเสถียรภาพ ทุกคนรักใคร่กันดี ดังนั้นเรื่องเสียงในสภา ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่เสียงนอกสภาก็เป็นอีกเรื่อง เช่น การทำงาน ความสำเร็จของนโยบาย และการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ฉะนั้น ต้องรักษาความสัมพันธ์ของพรรคร่วมฯ ทำงานนโยบายลุล่วง แก้ปัญหาราคาพลังงาน ทำจีดีพีให้โต ลดภาระหนี้ประชาชน ทั้งนี้ การจะอยู่ครบเทอมหรือไม่นั้น ต้องมีเสถียรภาพ ทั้งในและนอกสภา

‘ททท.’ มั่นใจปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 40 ล้านคน  เล็งดึง ‘นักท่องเที่ยวคุณภาพ’ เติม-เพิ่มรายจ่ายต่อหัว

(2 มิ.ย.67) ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ททท.จะพยายามรักษาอันดับของประเทศไทยให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเหนือกว่าญี่ปุ่นไว้ให้ได้ แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นจะมีปัจจัยเงินเยนอ่อนค่ามากระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน เห็นได้จากนักท่องเที่ยวไทยเองก็นิยมเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำจำนวนมาก

“ททท.จะโฟกัสการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ตามเป้าหมายรัฐบาล 36.7 ล้านคนในปีนี้อย่างดีที่สุด ขณะที่รายได้ก็ต้องเดินหน้าเต็มที่เพื่อไปให้ถึงเป้ารายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท ถ้าเรายังสามารถรักษาแรงส่งด้านการจับจ่ายท่องเที่ยวไว้ได้ที่ 50,000 บาทต่อคนต่อทริป ก็ถือว่าน่าพอใจ ส่วนในปี 2568 ททท.มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน”

โดยในการประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 ก.ค. และจัดแถลงใหญ่เกี่ยวกับทิศทางการทำตลาดและแผนปฏิบัติการในวันที่ 15 ก.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทาง ททท.จะมีการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนนิยามของ ‘นักท่องเที่ยวคุณภาพ’ จากเดิมนิยามไว้ว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพราะจากการวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในปัจจุบัน น่าจะเหลือใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว 10% ของรายได้ หรือคิดเป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทำให้ ททท. ต้องเปลี่ยนนิยามของนักท่องเที่ยวคุณภาพว่าเป็น ‘คนรวยสองด้าน’ ด้านแรกคือ รวยด้วยพฤติกรรมการใช้จ่าย กินหรูอยู่ดี และด้านที่ 2 คือ รวยด้วยจิตสำนึก ใส่ใจด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม 

ด้าน ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.คาดหวังว่าในปี 2568 ซึ่งรัฐบาลประกาศผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ‘ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย’ จะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากถึง 40-45 ล้านคน 

ขณะที่แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญภาคการท่องเที่ยวไทย วิเคราะห์ว่า จากสถิติ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสมแล้ว 17 ล้านคน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของรัฐบาล 36.7 ล้านคน เท่ากับว่าช่วงโลว์ซีซันไตรมาส 3 ต้องดึงเข้ามาให้ได้อย่างน้อย 3 ล้านคนต่อเดือนก่อน และเร่งเครื่องในไฮซีซันไตรมาส 4 ให้ได้มากกว่า 3.5 ล้านคนต่อเดือน เฉพาะเดือน ธ.ค. ต้องให้ได้ถึง 4 ล้านคน

เพราะถ้าวางเป้าหมายรายเดือนแบบนี้ ก็สามารถจี้ลงไปในรายละเอียดแผนได้ว่าจะดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะสั้นเท่าไร ตลาดระยะไกลอีกเท่าไร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องใช้งบประมาณและเครื่องมือใดบ้างในการบูสต์ยอดเพิ่มจากการเติบโตแบบออร์แกนิก เพราะตอนนี้อะไรทำได้เร็ว ต้องรีบทำเพื่อความชัวร์ ให้ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเดือนละ 3.5 ล้านคนตั้งแต่เดือน ก.ย. ก็จะช่วยเซฟตัวเลขให้ได้ตามเป้าหมาย หากต้องรอข่าวดีเรื่องจำนวนเที่ยวบินช่วงตารางบินฤดูหนาว 2567/2568 เท่ากับว่าต้องรอนานถึงปลายเดือน ต.ค. ทั้งที่สามารถลุยทำการตลาดตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ได้เลย

อย่างตลาด ‘นักท่องเที่ยวจีน’ เดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ถ้าอยากให้ไปถึงเป้าหมาย 8 ล้านคนในปีนี้ ก็ต้องทำเพิ่ม ให้ไดเรกชันชัดเจนว่าต้องเจาะตลาดอย่างไร เพราะจากการประเมินแนวโน้มล่าสุดของภาคเอกชนคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะปิดที่ 7 ล้านคน น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ พอเห็นสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า ‘ญี่ปุ่น’ ช่วง 5 เดือนแรกแล้ว ประเมินว่าปีนี้มีสิทธิ์เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปญี่ปุ่นแซงไทยเป็นครั้งแรก จากปัจจัยเงินเยนอ่อนค่าหนัก อย่างไรก็ตาม เรื่องจะโดนญี่ปุ่นแซงหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหา การไปถึงเป้าหมายรัฐบาลดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ 36.7 ล้านคนต่างหากที่สำคัญกว่า! ทาง ททท.ต้องเร่งเช็กยอดจองที่นั่งเครื่องบินล่วงหน้าว่าติดปัญหาเรื่องอะไร เพื่อเร่งเติมตลาดให้ทัน เช่น การทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนและรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้ภาคการท่องเที่ยวไทยจะอยู่ในยุคฟื้นตัว กลับไปมีนักท่องเที่ยวต่างชาติใกล้เคียงภาวะปกติ แต่ก็ต้อง ‘บริหารความเสี่ยง’ ระหว่างปีให้ดีในยุคเศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วย ‘ความไม่แน่นอน’ ไม่ใช่ว่าจะไปรอไฮซีซัน 3 เดือนสุดท้าย เพราะอาจเจอเหตุการณ์อื่นๆ มาเซอร์ไพรส์กลับ ทำยอดหก หลุดเป้าหมายได้

“ส่วนเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปีนี้ ลืมไปได้เลย เพราะล่าสุดตัวเลขยอดการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวต่ำกว่ายุคก่อนโควิดด้วยซ้ำ เฉลี่ย 46,000 บาทต่อคนต่อทริปเท่านั้น จากปี 2562 ก่อนโควิดเฉลี่ยอยู่ที่ 49,000 บาทต่อคนต่อทริป หลังได้รับผลกระทบจากปัญหากำลังซื้อและเศรษฐกิจโลก อีกปัจจัยคือการเข้ามาของตลาดระยะสั้น เช่น มาเลเซีย ที่นิยมเดินทางข้ามแดน เข้ามาพักไม่นานแค่ 2-3 วัน ทอนภาพรวมค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายลดลง” แหล่งข่าวกล่าว

‘ดีอี’ ปั้น ‘โคราชโมเดล’ ต้นแบบ ‘มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต’ ยกระดับศักยภาพประเทศรับ Digital Economy Hub

(1 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรมสัมมนา เชิงปฏิบัติการหัวข้อ ‘Digital Korat: The Future Starts now - โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต’ ซึ่งโดยกระทรวงดีอีจัดขึ้น ในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดนครราชสีมา ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2557 ศูนย์การศึกษาหนองระเวียง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) 

พร้อมศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ผู้บริหารกระทรวงดีอี และหน่วยงานในสังกัด กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) (บีดีไอ) บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (เอ็นที) บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) พร้อมทั้งเครือข่ายและพี่น้องประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คน เข้าร่วมงาน 

นายประเสริฐ กล่าวว่า โครงการ ‘Digital Korat: The Future Starts now - โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต’ เป็นการขับเคลื่อนและยกระดับจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือเป็นจังหวัดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นประตูสู่ภาคอีสาน ที่มีศักยภาพความพร้อมในหลายด้าน สู่การเป็นเมืองดิจิทัลในระดับภูมิภาค ภายใต้ภารกิจของกระทรวง ดีอี ใน 4 มิติ ประกอบด้วย 1. ดิจิทัลเพื่อความเท่าเทียม (ด้านสังคม) 2. ดิจิทัลเพื่อความปลอดภัย (ด้านความมั่นคง) 3. ดิจิทัลเพื่อโอกาสที่ดีกว่า (ด้านเศรษฐกิจ) 4. ดิจิทัลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ด้านการดำเนินงานภาครัฐ)  ผ่านการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวง ดีอี และภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 

1.การขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ลดการใช้กระดาษ (Paper Less) การส่งเสริมการใช้งานด้านดิจิทัลในระบบบริการสาธารณสุข และการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัล

2.ความร่วมมือด้านการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนากำลังคน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านดิจิทัล ให้กับนักศึกษาและบุคลากรของสถาบันการศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา

3.ความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กับ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในจังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ศูนย์กลางโลจิสติกส์ (Logistic Hub) และส่งเสริม Soft Power ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น ศิลปะ และการสร้างสรรค์ผลงานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงดีอี ยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาและอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดิจิทัลในด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดกิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการฯ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เครือข่ายอาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมกว่า 2,000 คน , กิจกรรมแนะนำอาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) และแอปพลิเคชัน อสด. โดยผู้แทน สดช. เพื่อให้เกิดการพัฒนาและขยายเครือข่าย อสด. , กิจกรรมแนะนำบริการและข้อมูลที่ถูกต้องจากภาครัฐ โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวออนไลน์ , โครงการ GCC 1111 แจ้งเบาะแสข่าวปลอม เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย สื่อลามก อนาจาร เว็บไซต์พนัน 

รวมทั้งข้อมูลอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ ผ่านโทรสายด่วน 1111 , ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ให้คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากภัยออนไลน์ ประสานเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี ระงับบัญชีธนาคาร และกิจกรรมจัดแสดงนิทรรศการของกระทรวงดิจิทัลฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และภาคเอกชน ได้แก่ 1) การนำเสนอภารกิจ/โครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ดีอี , 2) การนำเสนอหลักสูตรวิชาการด้านดิจิทัลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน เช่น VR Training และ EV เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ  และ 3) การนำเสนอนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของภาคเอกชน ได้แก่ Smart City ของบริษัท Huawei และ AI Mapping Robot ของบริษัท Metthier รวมถึงเทคโนโลยีทางการสื่อสารจาก บริษัท AIS และ True

“กระทรวงดีอี พร้อมขับเคลื่อนและยกระดับ จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้นแบบของมหานครดิจิทัลแห่งอนาคต ก่อนขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพ และความพร้อม ด้วยการวางโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอย่างทั่วถึง สร้างสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างองค์ความรู้ พัฒนาทุนมนุษย์ให้กับประชาชน และบุคลากรหน่วยงานรัฐ ต่อยอดไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทุกคนอย่างยั่งยืน พร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล ( Digital Economy Hub ) ของภูมิภาค” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจัทัลเพื่อเศรฐษกิจและสังคมกล่าว

'คุ้มภัยโตเกียวมารีนฯ' แจง!! ยังรับประกันภัยรถ EV แต่ขอคิดเบี้ยประกันลูกค้าใหม่เป็นรายกรณี

(2 ก.ค. 67) จากกรณีโบรกเกอร์ประกันภัย ประกาศว่าคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แจ้งหยุดรับประกันภัยรถไฟฟ้า หรือ รถ EV โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา จึงทำให้ลูกค้าเกิดข้อสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ล่าสุด  คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า บริษัทฯ ยังคงรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า และได้แจ้งเปลี่ยนแปลงแนวทางการเสนอเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 

โดยบริษัทฯ ขอพิจารณาจากปัจจัยเรื่องความผันผวนของราคารถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง และรถยนต์มือสอง ที่ส่งผลกระทบต่อทุนประกันภัยและให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2567 โดยบริษัทฯ ได้แจ้งแนวทางการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าดังนี้

>> ลูกค้าปัจจุบัน (ต่ออายุ) : บริษัทฯ จะดูแลการต่ออายุประกันภัยตามปกติ โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์จะพิจารณาจากประวัติการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

>> ลูกค้ารายใหม่ (ป้ายดำ/โอนย้าย) : บริษัทฯ ขอระงับการใช้อัตราเบี้ยประกันภัยตามอัตราเบี้ยสำเร็จรูปที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ชั่วคราว โดยทุกท่านยังสามารถสอบถามอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับงานโอนย้ายผ่านเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้ โดยจะพิจารณาทุนประกันและเสนออัตราเบี้ยประกันภัยเป็นกรณีๆ ไป

สำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ บริษัทฯ ยังคงรับประกันภัยและดูแลลูกค้าทุกรายที่เข้าร่วมโครงการกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ ตามพันธกิจที่มีต่อคู่ค้าและลูกค้า

โดย บริษัทฯ กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อให้สามารถนำเสนออัตราเบี้ยประกันภัยและทุนประกันภัยที่เหมาะสมได้ในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา

'ฤกษ์อารี นานา' นักเรียนไทย ผู้ที่ทำให้พวกฝรั่งเหยียดเอเชียทึ่ง!!

ถือเป็นอีกมุมมองที่พอจะทำให้เห็นถึงความเจริญของ ‘ประเทศไทย’ ในสายตาต่างชาติได้มากขึ้น ภายหลังจาก ‘แมน’ ฤกษ์อารี นานา ทายาทของ ‘นายไกรฤกษ์ นานา’ นักประวัติศาสตร์ชื่อดังของประเทศไทย ได้บอกกล่าวภาพรวมของประเทศในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส ที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวได้เห็นความเจริญของประเทศแห่งนี้จากการไปเรียนต่ออยู่หลายปี ผ่านช่องยูทูบ ‘UTN Today’ ในช่วงหนึ่งของเนื้อหาคลิปที่ชื่อว่า ‘เรียนต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย 'ซ้ำชั้น 2 รอบ' แต่ใจสู้ | UTN World กับ แมน นานา EP.1’ โดยเจ้าตัวเผยคำสั้น ๆ เมืองไทย ‘ศิวิไลซ์’ แล้วจริง ๆ 

คุณแมน เล่าให้ฟังว่า ตนอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุ 15 ถึง 25 โดยช่วงอายุประมาณ 13 ปี คุณแม่ของคุณแมนได้ส่งไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีญาติอยู่ที่นั่น แต่ด้วยความที่ไปคนเดียว ก็จะมีความรู้สึกที่เหงาอยู่บ้าง และการไปอยู่ที่นั่น เรื่องภาษาก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะเขาจะใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเลย ตนจึงต้องเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสแบบจริงจัง 

“ตอนนั้นผมไปแบบนักเรียนไทยธรรมดา ๆ ไปอยู่หออยู่ ซึ่งหอก็เป็นหอชายล้วน และโดยสภาพแวดล้อมก็บังคับให้เราต้องตั้งใจเรียนอย่างหนัก โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศส เพราะถ้าไม่ได้ภาษาที่นั่นก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากคนที่นั่นเขาไม่ใช้ภาษาอังกฤษ มันเป็นการปรับตัวที่ยากพอสมควร...

“อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะเป็นคนไทยคนเดียวในโรงเรียนที่ได้ไปอยู่ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่เป็นคาทอลิก แต่ผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ชอบทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ จะเรียกว่าเป็นคน Extrovert ก็ได้ เพราะพื้นฐานเดิมของผมเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม จึงเข้ากับสังคมได้ง่าย แต่แน่นอนว่าถ้าหากใครที่เป็นคนเก็บตัวประมาณหนึ่ง (Introvert) หรือไม่กล้าแสดงออก ก็อาจจะอยู่ในกรอบเซฟโซน” 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นคนเรียนรู้เร็ว ทั้งเรื่องภาษา (พื้นฐานภาษาอังกฤษดีตั้งแต่อยู่เมืองไทย) และด้านวิชาการต่าง ๆ ทำให้คุณแมน ค่อนข้างจะได้รับการยอมรับจากครูและเพื่อนร่วมชั้นอย่างมาก สวนทางกับมุมมองของคนที่นั่นที่มักจะมองว่าคนเอเชียไม่เก่ง เพราะมาจากประเทศที่ล้าหลัง

“เอาจริง ๆ แล้วสมัยที่ผมไปเรียนช่วงนั้น ผมมองว่าระบบการศึกษาที่ฝรั่งเศส ก็มีความคล้ายคลึงกับในไทย คือ เน้นท่องจำ เน้นทฤษฎีซะส่วนใหญ่ ซึ่งผมก็โอเคกับมันเพราะว่าผมก็ค่อนข้างชอบทฤษฎีอยู่แล้ว แต่จะต่างกันตรงเด็กส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายในการคะแนนที่แข่งกับตัวเองอย่างมาก เช่น ต้องทำคะแนนให้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ต้องทำคะแนนให้ได้ดีกว่าเพื่อน ต้องทำคะแนนให้ได้ดีในระดับโรงเรียน และถึงขั้นต้องทำคะแนนให้ได้ดีกว่าเด็กโรงเรียนอื่นด้วย โดยที่ฝรั่งเศสเขาจะวัดคะแนนเป็นเต็ม 20 คะแนน แต่ถ้าเมืองไทยจะเป็นเกรด 1-2-3-4 ซึ่งถ้าอยู่ที่ฝรั่งเศสคะแนนเต็ม 20 หากทำได้สัก 15 ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว แล้วมันมีช่วงหนึ่งที่ผมไปสอบวิชาเศรษฐศาสตร์ (เทียบระดับพอ ๆ กับ ม.6 ของไทย) ผมทำคะแนนได้ 19 คุณครูกับเพื่อน ๆ ก็ตกใจอย่างมาก”

ทั้งนี้ คุณแมน มองว่า การที่คนที่นั่นรู้สึกตกใจในสิ่งที่คนเอเชีย ซึ่งเป็นคนไทย คนที่พวกเขาคิดว่ามาจากประเทศด้อยพัฒนาทำได้จากคะแนนที่สูงเช่นนั้น ส่วนสำคัญเพราะ หากการพัฒนาของประเทศไทย จะเป็นการพัฒนาทุก ๆ เรื่องไปตามการพัฒนาของประเทศ ซึ่งนั่นก็หมายรวมถึงความสามารถด้านการศึกษา แต่กลับกันกับฝรั่งเศสหรืออาจจะหมายรวมถึงยุโรปด้วยนั้น จะยังคงความเป็นอนุรักษ์นิยมค่อนข้างสูง

ตรงนี้หมายถึงอะไร? ก็หมายถึงพวกเขายังชื่นชมในประวัติศาสตร์ของประเทศตน ทวีปตน ที่เคยยิ่งใหญ่ล้ำหน้าใครในโลก เรียนรู้เร็ว เจริญเร็ว แต่วันนี้พวกเขาเริ่มหยุดเจริญแล้ว และความเจริญที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ล้วนมาจากบุญเก่า สังเกตได้ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ยังอยู่ได้เพราะชื่อเสียงด้านการศึกษา ทำให้มีนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนมากมายในลอนดอน ซึ่งหากถ้าไม่มีนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนเอเชียด้วยแล้ว ก็นึกภาพอนาคตของประเทศนี้ไม่ออกเช่นกัน เพราะนักเรียนที่ไปเรียนต่อ ล้วนแล้วแต่ไปสร้างรายได้ให้กับประเทศของเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าเรียนต่อ ค่าเช่าบ้าน ค่าร้านอาหาร ค่า Shopping และอื่น ๆ … ความขลังของบุญเก่ายังมีผลอยู่

เฉกเช่นเดียวกันกับความขลังในเรื่องของแบรนด์เนม เช่น ฝรั่งเศส กับ Hermès หรือ Louis Vuitton ที่ผู้คนยังพร้อมที่จ่ายให้ประวัติศาสตร์ที่มีความขลังนี้ และทุกวันนี้ประเทศที่ว่ามา ก็ยังใช้บุญเก่านี้ทำมาหากินได้อยู่ไปเรื่อย ๆ 

คุณแมน เผยต่อว่า จากมูลเหตุเหล่านี้ จึงทำให้ประเทศในยุโรป (ฝรั่งเศส) ยังกระหยิ่มยิ้มย่อง และทำให้เขามองว่าเอเชียอย่างเรา ยังไงก็ยังล้าหลัง

“เวลาเขามองประเทศไทยวันนี้ เขายังรู้สึกว่าเหมือนมองเมืองไทยในยุคเลย 20 ปีที่แล้วไปอีกไกล คนไทยขี่ช้างอยู่ คนไทยขี่เกวียนอยู่ จนกระทั่งวันที่เพื่อนของผมที่เป็นคนฝรั่งเศสได้มาไทย ก็ตกใจกันอย่างมาก เพราะเมืองไทยมีการใช้จ่ายผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ใช้จ่ายกันตั้งแต่ร้านค้าใหญ่ ๆ ไปจนถึงร้านค้าเล็ก ๆ เมืองไทยมีรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ที่ไม่มีความสกปรก ไม่มีขอทาน รถไฟฟ้าไม่มีกลิ่นฉี่ ดูดีมาก แต่ในปารีสกลับมีหนู มีคนปัสสาวะเรี่ยราด มีขอทาน แล้วก็มีคนเล่นยาด้วยในรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งคนฝรั่งเศสคนไหนที่ได้มาเปิดหูเปิดตาในไทยตอนนี้ พูดได้แค่คำเดียวว่า ‘ศิวิไลซ์’ มาก ๆ...

“ไม่เพียงเท่านี้ เขายังมองอีกว่า บ้านเราอารยะ มีมารยาทสูง เอาแค่ในรถไฟฟ้าของไทย ผู้คนจะมีมารยาทในการใช้งาน ไม่โวยวาย ไม่คุยเสียงดัง เข้า-ออก ตามคิวอย่างเป็นระเบียบ และยังเอื้อเฟื้อต่อเด็ก, สตรีมีครรภ์ และ คนชรา ได้นั่งก่อน กลับกันในรถไฟฟ้าที่ยุโรป เช่น ในฝรั่งเศส ใครจะโทรศัพท์หาใคร จะตะโกนยังไงก็ได้ เพราะเขามองว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของเขา หนักข้อคือจะกินข้าวเลอะเทอะยังไงก็ได้ ซึ่งตรงนี้ในมุมมองคนฝรั่งเศสที่ได้มาไทย เขายอมรับเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญแล้ว” 

“และนั่น จึงไม่ใช่แปลกเลย ที่วันนี้เราจะเห็นฝรั่งเขาพร้อมใจกันทำคลิปเรื่องดี ๆ ของไทยในแง่มุมต่าง ๆ ไปนำเสนอให้คนประเทศเขาได้เห็นถึงความเจริญในเมืองไทยมากขึ้น” คุณแมน ทิ้งท้าย 

อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามบทสัมภาษณ์เวอร์ชันเต็มได้ที่ >> https://youtu.be/Jy0PmsZ1xK0?si=SIhOj4b39yOhh8Pn 
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top