Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

“พิพัฒน์ ร่วมคณะรองนายก ลงพื้นที่โคราช ออกหน่วยบริการแรงงาน ส่งเสริมจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคอีสาน

วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่พบปะประชาชน ตรวจเยี่ยมพร้อมชมนิทรรศการและการออกหน่วยเคลื่อนที่ของส่วนราชการที่มาเปิดให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ และประชุมรับฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารของจังหวัด ส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นเกียรติ นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา นักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงเรียนจักราชวิทยา ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้ลงพื้นที่มายังจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมคณะของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพที่โดดเด่นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การคมนาคมของภูมิภาคที่เป็นประตูสู่ภาคตะอันออกเฉียงเหนือ อันจะส่งผลให้ประชาชนเกิดการจ้างงานโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและบริการซึ่งโคราชมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีศักยภาพโดดเด่น มีประชากรมากถึง 2.6 ล้านคน และอยู่ในกำลังแรงงานร่วม 1.2 ล้านคน ในส่วนของกระทรวงแรงงานเองมีภารกิจที่ดูแลแรงงานอย่างครบถ้วนในทุกมิติ การลงพื้นที่ในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในระดับจังหวัด มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมามาร่วมออกบูธให้บริการประชาชน ได้แก่ ให้บริการสิทธิประโยชน์ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ สาธิตและฝึกปฏิบัติอาชีพอิสระ คลินิกอาชีพ บริการรับลงทะเบียนสำหรับผู้ที่สนใจหางานทำในประเทศและต่างประเทศ บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ สาธิตการทำเครื่องดื่ม และการให้บริการนวดแผนไทย บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ให้ความรู้เทคนิควิชาการด้านความปลอดภัยในการทำงาน และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้งานประกันสังคมมพร้อมรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 ด้วย

ต่อมา นายพิพัฒน์ และคณะ ยังได้ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน ตรวจเยี่ยมชมนิทรรศการและการออกหน่วยเคลื่อนที่ของส่วนราชการที่มาเปิดให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารของจังหวัด ส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ โรงเรียนห้วยแกลงพิทยาคม อ.ห้วยแกลง จ.นครราชสีมา จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ยังได้ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรี ประชุมบูรณาการการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงานของจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ปัจจุบันมีผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 1,246,522 คน เป็นผู้มีงานทำ 1,226,554 คน ผู้ว่างงาน 4,216 คน รอฤดูกาล 15,752 คน มีแรงงานนอกระบบ 751,623 คน มีอาสาสมัครแรงงาน 289 คน มีแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตทำงาน 39,875 คน นายจ้าง 5,490 แห่ง มีแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ 11,213 คน มีสถานประกอบการในระบบประกันสังคม 10,323 แห่ง ผู้ประกันตน 1,028,076 คน

‘ศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน’ แล้วเสร็จ พร้อมปล่อยจรวดเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024

(1 ก.ค.67) สำนักงานใหญ่การก่อสร้างศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์ไห่หนาน ซึ่งเป็นศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเหวินชาง มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ เปิดเผยว่าขณะนี้ศูนย์แห่งนี้สามารถรองรับภารกิจการปล่อยจรวดได้แล้ว

รายงานระบุว่าหลังจากการประเมินอย่างครอบคลุม ศูนย์ดังกล่าวผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดทั้งหมดในการเริ่มปฏิบัติการปล่อยจรวด โดยเมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมาได้มีการจำลองซ้อมปล่อยจรวดด้วย

งานก่อสร้างศูนย์ปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์ไห่หนานเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2022 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ปล่อยยานอวกาศแห่งแรกของจีนที่อุทิศให้กับภารกิจเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ

โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของศูนย์ฯ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว อาทิ โครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบเชื้อเพลิงและจ่ายก๊าซ สถานีไฟฟ้าย่อย และแท่นปล่อยจรวด

หยางเทียนเหลียง ประธานบริษัท ไห่หนาน อินเตอร์เนชันแนล คอมเมอร์เชียล แอโรสเปซ ลอนช์ จำกัด เผยว่าศูนย์ฯ มีกำหนดปล่อยจรวดครั้งแรกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการเชิงพาณิชย์

หยางกล่าวว่าแผนการต่อไปคือการขยายพื้นที่ปล่อยจรวดด้วยการติดตั้งแท่นปล่อยจรวดเพิ่มเติม และให้บริการปล่อยจรวดและดาวเทียมสำหรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเชิงพาณิชย์ของจีน

‘ไทยสมายล์บัส’ รุกพัฒนาขนส่งสาธารณะไทยเทียบ ‘ไต้หวัน’  หวังเชื่อมต่อการเดินทาง-ชำระเงินครอบคลุมทุกรูปแบบ

(1 ก.ค.67) นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB ผู้นำในธุรกิจรถโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นยกระดับระบบขนส่งมวลชนของไทยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ สะอาด ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม 

โดยหนึ่งในหลายประเทศที่มีลักษณะโครงสร้างการคมนาคมขนส่งใกล้เคียงกับประเทศไทย คือ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งรุดหน้าเป็นอย่างมาก หลายเมืองได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ ทั้งกฎระเบียบข้อบังคับจนถึงการสนับสนุนจากทางภาครัฐ การร่วมมือกันของภาคเอกชน ส่งผลให้รูปแบบการขนส่งสาธารณะจากรถสันดาป ปรับเปลี่ยนมาสู่พลังงานสะอาด ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV-Bus) เหมือนกับในประเทศไทย ของไทย สมายล์ บัส ที่เป็นรูปแบบรถเมล์พลังงานสะอาด ไม่ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม

นาย วรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ กล่าวว่า การเดินทางมาศึกษาดูงานเรื่องระบบคมนาคมขนส่งที่ประเทศไต้หวันครั้งนี้ ได้เห็นถึงตัวอย่างการเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่งโดยใช้บัตรใบเดียว ‘ไทย สมายล์ บัส’ จะนำแนวทางโมเดลระบบขนส่งสาธารณะของไต้หวันไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ของเอกชนและรัฐวิสาหกิจ หรือผู้ให้บริการอื่น ๆ ซึ่ง ‘ไทย สมายล์ บัส’ ได้มีการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างรถกับเรือไว้เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน จากการศึกษางานระบบขนส่งสาธารณะในครั้งนี้ มองว่า จะสามารถนำกลับมาใช้กับประเทศไทยได้อย่างแน่นอน เพราะระบบขนส่งสาธารณะของไทยและไต้หวัน โดยเฉพาะระบบเทคโนโลยี มีความใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่ระบบขนส่งสาธารณะของไทยยังไม่เทียบเท่าของไต้หวัน คือ ระบบสาธารณูปโภค การจัดสรรพื้นที่ เส้นทางที่รถวิ่ง รวมถึงภาพนโยบายการสนับสนุนผู้ให้บริการ ซึ่งของไต้หวันมีทั้งเอกชนและรัฐวิสาหกิจที่ไปในทิศทางเดียวกัน

นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของระบบขนส่งสาธารณะของไทย จะต้องมีการหารือกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นการดำเนินการเพียงเจ้าเดียว แต่จะดำเนินการอย่างไร ให้การเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะทั้งรัฐและเอกชนในรูปแบบใด โดยในส่วนของรัฐวิสาหกิจ มีการสนับสนุนจากภาครัฐ และธุรกิจระบบขนส่งสาธารณะค่อนข้างมีการผูกขาด ดังนั้น จะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ผู้ให้บริการอยู่รอด และแข่งขันบนมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งถือเป็นจุดที่บริษัทจะนำกลับไปพิจารณาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จากการศึกษาระบบขนส่งสาธารณะของไต้หวัน มองว่า ยังมีโอกาสที่ระบบขนส่งสาธารณะไทยจะมีความใกล้เคียงกับไต้หวันมากขึ้น โดยจากที่เห็นภาพของตัวรถโดยสาร และเทคโนโลยี ไทยมีความเทียบเท่าไต้หวัน หรืออาจจะเหนือกว่า รวมถึงเรื่องคอนเซปต์ ของไทย ที่ไปไกลกว่าใต้หวันแล้ว

นายวรวิทย์ ระบุว่า ระบบขนส่งสาธารณะของที่ไทยยังเเข่งขันไม่ได้ คือ การเชื่อมต่อระหว่างขนส่งกับขนส่งด้วยกัน ในการทำให้บัตรใบเดียวสามารถใช้ บริการระบบสาธารณะได้ทุกรูปแบบ แต่ทั้งนี้ในรูปแบบของบัตรที่นำมาเชื่อมต่อนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการว่าจะใช้บัตรของผู้ให้บริการรายใด ซึ่งบริษัท พร้อมที่จะร่วมผลักดันตรงจุดนี้กับหน่วยงานต่าง ๆ

🔎ส่อง 20 อันดับ สุดยอดพิกัด 'ฮันนีมูน' ประจำปี 2024

เมื่อไม่นานมานี้ TripAdvisor เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมาเปิดเผย 20 อันดับ สุดยอดพิกัด 'ฮันนีมูน' ประจำปี 2024 โดยประเทศไทยมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 6 สถานที่คึอ ‘เขาหลัก’ จังหวัดพังงา เป็นชายหาดที่มีทิวทัศน์สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ สำหรับการจัดอันดับในครั้งนี้ วัดจากความเป็นส่วนตัวของวิลล่า การดึ่มด่ำอาหารค่ำใต้แสงเทียน และการผจญภัยที่เหมาะสำหรับสองเรา

'รมว.ปุ้ย' ยกพล 'ดีพร้อม' เยือนกลุ่มจังหวัด 'นครชัยบุรินทร์' เติมศักยภาพสินค้าชุมชน ตอบโจทย์กติกาสากล สร้างรายได้ยั่งยืน

(1 ก.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 'นครชัยบุรินทร์' (นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์) ตรวจเยี่ยมกิจกรรม สมอ. สัญจร ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมเซ็นทาราโคราช 

พร้อมกันนี้ ยังได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม SME กลุ่มคอนกรีตและวัสดุก่อสร้าง ผู้ผลิตชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมกว่า 500 คน และมอบใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนแก่ผู้ผลิตชุมชน (มผช.) จำนวน 9 ราย ใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) แก่ผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 9 ราย และใบอนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 5 ราย

นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ 'ดีพร้อม' โดยจุดที่ 1 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ณ เทศบาลตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีการอบรมในหลักสูตรของที่ระลึกจากดินเผา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจุดนี้ ประมาณ 200 คน จุดที่ 2 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพ ณ อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมี การอบรมในหลักสูตรการแปรรูปอาหาร การทำลูกชิ้น การทำน้ำจิ้มลูกชิ้น มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจุดนี้ประมาณ 200 คน

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สอดรับกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะใช้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสำเร็จอย่างสมดุลใน 4 มิติ ทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน, การได้รับการยอมรับจากชุมชนและสังคม, การตอบโจทย์กติกาสากลด้านสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้สู่ชุมชน ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพมั่นคงจากต้นทุนในชุมชน ทั้งต้นทุนทางวัฒนธรรมและวัตถุดิบในท้องถิ่น พร้อมพัฒนาทักษะอาชีพเสริม ผนวกกับวิชาการอุตสาหกรรมให้เข้ากับวิถีชุมชน ให้กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำมีมาตรฐานมากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคง ให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ 

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกิจกรรมฝึกอาชีพทั้ง 2 จุดครั้งนี้ เปรียบเสมือนเวทีสำหรับการฝึกฝนทักษะอาชีพ ทั้งหลักสูตรของที่ระลึกจากดินเผา การแปรรูปอาหารการทำลูกชิ้น น้ำจิ้ม ซึ่งมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมประมาณ 400 คน ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เรียนรู้ทักษะใหม่ นำไปต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จะเป็นพลังขับเคลื่อนนำพาพี่น้องประชาชนในกลุ่มจังหวัดฯ ก้าวสู่ความสำเร็จและความมั่นคง

ทั้งนี้ในส่วนของสำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ครั้งนี้มี 3 ประเด็น คือ 

1) การพัฒนาขีดความสามารถเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร 
2) การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การค้าชายแดนและผลิตภัณฑ์ไหม 
และ 3) การยกระดับคุณภาพชีวิต 

โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ 1 การพัฒนาขีดความสามารถเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร จัดเป็นนิทรรศการโชว์ผลงานให้กับนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) และคณะรัฐมนตรีเยี่ยมชมก่อนเข้าการประชุม 

ซึ่งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้นำเสนอ 'การพัฒนาอุตสาหกรรมมันสำปะหลังโคราช ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ตามโมเดล BCG' ผ่านกิจกรรมนวัตกรรมเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังด้วยผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้โรงงานอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง โดยนำของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ ซึ่งเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมสำปะหลังโคราชสู่ความยั่งยืนด้วย BCG และเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างประโยชน์แก่ประชาชนและสนับสนุนการผลักดันอุตสาหกรรมหมุนเวียน (Circular) ที่มีศักยภาพให้ต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการใช้นวัตกรรมนี้คาดว่าจะเพิ่มทั้งคุณภาพและปริมาณหัวมันสำปะหลังเข้าสู่โรงงานได้ถึง 10% และสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่เพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันอาโวคาโด และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ของบริษัท บริบูรณ์ฟาร์ม จำกัด อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ที่ผ่านกิจกรรมพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจเกษตรแปรรูปเป้าหมาย ภายใต้โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการได้รับความรู้การบริหารธุรกิจแบบครบวงจร เปิดมุมมองการตลาด ต่อยอดนวัตกรรม โดยผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) ได้รับการรับรองมาตรฐาน GHPs และ HACCP ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50%

“INTERLINK MID YEAR SALE 2024 คุ้มเต็มสิบ” ลดสะเทือนกลางกรุงเทพฯ ยิ่งซื้อ ยิ่งคุ้มไปกันใหญ่ สร้างกำไรคืนคู่ค้า กับมหกรรมสินค้าลดราคาจัดหนักสูงถึง 70%

งานนี้มีแต่คุ้ม ! ลดกลางปี คุ้มกลางใจ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น กลับมาอีกครั้งกับมหกรรมลดยิ่งใหญ่กับ “INTERLINK MID YEAR SALE 2024 คุ้มเต็มสิบ” เปิดประเดิมที่กรุงเทพฯ ก่อนขนคาราวานสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK EVERYWHERE แบบครบโซลูชั่น ไปให้ช้อปทั่วไทย จัดเต็มโปรโมชั่นลดสนั่นสูงสุดถึง 70% คัดสรรดีลพิเศษมาให้ถูกจริง ในราคาคุ้มชัวร์ ถูกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จบทุกงานระบบ ครบทุกความต้องการ ต้องสินค้าที่ INTERLINK

วันนี้ (1 ก.ค. 67) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และผู้นำเข้า และค้าส่งอุปกรณ์เครือข่ายส่งสัญญาณ ด้วยอุดมการณ์ของผู้ก่อตั้งที่ต้องการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย และทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี กว่า 38 ปี ได้ดำเนินการขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ และพันธกิจ “เติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน” ไปพร้อมกันทั้งลูกค้า และพันธมิตร รวมถึงเป็นผู้ที่มีความสามารถ และความเชี่ยวชาญด้านสายสัญญาณอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่ลูกค้าทุกท่านต่างเชื่อมั่น และไว้วางใจให้เป็นสินค้าคุณภาพ ราคาถูกกว่า และบริการที่ดีกว่า ร่วมกับการรับมีการประกันสินค้าถึง 30 ปี การันตีด้วยมาตรฐานสากล และมาตรฐานอันดับโลก นำโดย CEO คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการฯ จัดงานใหญ่เอาใจนักช้อปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยกับ “INTERLINK Mid Year Sale 2024 คุ้มเต็มสิบ” ขนสินค้ายกใหญ่ให้ประโยชน์สุด ๆ เสิร์ฟความคุ้มกันที่แรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ

สำหรับงานนี้ เป็นมหกรรมลดกลางปีที่ออกเดินทางออนทัวร์ ลดแบบฉ่ำ ๆ ให้ทั่วไทย ขนสินค้าในราคาคุ้มสุดขีด ไปมอบให้กับคู่ค้าทั่วทุกภูมิภาคได้เลือกซื้อกัน ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยเป็นการนำทัพ ยกขบวนสินค้า LINK AMERICAN & GERMAN RACK EVERYWHERE ไปลดสุดคุ้ม จัดให้ช้อปในราคาสบายกระเป๋า งานนี้ มีแต่คุ้ม ลดให้ในราคาน่าทึ่ง เพื่อหนุนคืนกำไรให้คู่ค้าในทั่วทุกภูมิภาค สู่การทำรายได้เพิ่มพูนให้เติบโตร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้จัดสรรสินค้ามาไว้ให้ช้อปกันเพลิน ๆ ฟินกับโปรโมชัน ดีลเด็ดลดแรง ขนมาให้จับจองสินค้าที่ราคานี้ไม่มีที่ไหนแน่นอน

ภายในงานจะได้พบกับสินค้า Products Highlight ครบทุกหมวดหมู่ ครบทั้ง Solution มาลดแรงสูงถึง 70% ทั้ง สาย LAN (UTP), สาย Fiber Optic/PON, COAXIAL (CCTV), Telephone, Networking, ตู้จัดเก็ปอุปกรณ์นวัตกรรมใหม่อย่าง German Rack ที่ได้เฉลิมฉลองเปิดตัวใหม่ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึง LINK Rack เราก็ขนมาจัดราคาพิเศษให้อีกด้วย นอกจากนี้สาย Solar ที่เป็นกระแสมาแรงอย่างต่อเนื่องก็ยังขนมาให้เลือกซื้อไปพร้อมกับอุปกรณ์หัวขั้วต่อที่ตอบโจทย์ครบทั้งระบบโซลาร์ ที่ได้รับมาตรฐาน AD8 อีกทั้งยังจัดมาให้ครบชุดกับกลุ่มอุปกรณ์ที่รองรับระบบ Solar Roof และ Solar Farm ซึ่งนับว่าสินค้าคุ้มทุกชิ้น ใช้ดีตอบโจทย์ทั้งระบบ ที่ครบเครื่อง เรื่องสายสัญญาณอย่างแท้จริง 

นอกจากนี้ ยังมีดีลสุดฮอตกับสินค้าไอเท็มสุดฮิต SHOCK DEAIL และช่วง CASH BACK กับโปรโมชั่นเสริมมาเสิร์ฟจัดหนักส่วนลดกระหน่ำให้อีกมากมายตลอดทั้งงาน อีกทั้ง ทุกท่านยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ Premium Cocktail ที่อบอวลไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกกับการช้อปสุดมันส์ และรอยยิ้มจากลูกค้าที่ได้รับความคุ้มค่าไปอย่างท่วมท้น อีกทั้งทุกท่านยังได้ร่วมลุ้นรับของรางวัลสุด Surprise ตลอดงาน ทั้งสร้อยคอทองคำ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต Gift Voucher ต่าง ๆ มามอบให้ลูกค้าภายในงานนี้โดยเฉพาะ

“INTERLINL MID YEAR SALE 2024 นี้ มีแต่คุ้ม ผมมีความตั้งใจนำสินค้ามาลดราคา เพื่อคืนกำไรให้แก่คู่ค้าในราคาต่ำกว่าทุน คืนความคุ้มค่า ด้วยการจัดใหญ่ ลดราคาสินค้า LINK AMERICAN และ GERMAN RACK ให้ทุกชิ้น ซึ่งราคานี้ไม่มีที่ไหนแน่นอนอีกแล้ว นับเป็นความตั้งมั่นที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมสร้างรายได้ สู่การทำกำไรร่วมกันไปพร้อมกับลูกค้าอย่างเต็มกำลัง ควบคู่ไปกับทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีประสิทธิภาพเหลือล้น และมีมาตรฐานการรับรอง พร้อมกับมีการการันตีด้านคุณภาพ มีการรับประกันสินค้าถึง 30 ปี ที่ตอบโจทย์ครบ ตรงจุดทุกงานระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขนทั้งความคุ้มค่า ในราคาสบายกระเป๋าที่เรานำมาจัดโปรโมชั่นให้ อีกทั้ง เป็นการช่วยส่งเสริมการขายให้แก่คู่ค้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพื่อก้าวสู่การเติบโตร่วมกันอย่างแข็งแกร่งทั้งคู่ค้า และพันธมิตรแบบมีคุณภาพที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน” คุณสมบัติฯ กล่าวเสริมตอนท้าย

'กูรูหุ้น' แง้ม!! ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 2,000 จุดใน 10 ปีข้างหน้า ชี้!! 'แร่หายาก' จุดแข็งไทยดึงดูดนักลงทุน โดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาล

(1 ก.ค.67) Business Tomorrow สรุป 5 ประเด็นสำคัญเรื่องหุ้นไทยและจุดแข็งประเทศไทย จากคุณกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ Head of Research and Content สายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย ดังนี้...

1. คุณกวีมองว่าปัจจุบันตลาดหุ้นไทยควรถึงจุดต่ำสุดได้แล้ว และมองภาพไปอนาคตว่าอย่างน้อยอีก 10 ปีข้างหน้า หากตลาดหุ้นเติบโตปีละ 5-6% บวกกับเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนอีก 2-3% ตลาดหุ้นไทยอาจไปถึง 2,000 จุด แต่หากเราคาดหวังไป 3,000 - 4,000 จุด ตอนนี้ยังมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

2. คุณกวียังศรัทธาในหุ้นไทยและมองว่าประเทศไทยยังมีเสน่ห์ เพราะหากตอนนี้เราลองมองย้อนกลับมาดูตัวเราเอง (ประเทศไทย) จะพบว่าประเทศเรามีจุดภูมิศาสตร์ที่ดีหรืออยู่ท่ามกลางประเทศที่มีพัฒนาแล้วและมีการขยายของประชากรกว้างมากขึ้น อาทิ ฝั่งตะวันตกของไทยที่มีอินเดียและศรีลังกากำลังขยายตัวมีประชากร 2,000 ล้านคน ฝั่งข้างบนของเราก็เป็นพี่ใหญ่อย่างจีน 1,500 ล้านคน ฝั่งใต้ของเรารวมอินโดนีเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น ก็รวมเป็น 2,000 ล้านคน จะเห็นได้ว่าไทยอยู่ศูนย์กลางของประเทศที่มีประชากรราว 4-5 พันล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของโลก

3. แล้วประโยชน์ของไทยที่อยู่ท่ามกลางประเทศที่มีประชากรครึ่งค่อนโลกคืออะไร? คุณกวีกล่าวว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการค้า ศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ ทุกประเทศจำเป็นต้องผ่านเรา อย่างน้อยที่สุดหากมีประเทศที่เกิดการค้ากัน เวลาจะส่งของยังต้องผ่านไทยของเรา หากเรามาดูแหล่งแร่ธาตุในโลก จริงอยู่ที่ว่าไทยไม่ได้มีจุดเด่นด้านแร่ธาตุ แต่ไทยถูกล้อมรอบไปด้วยแหล่งแร่หายากของโลก นี่คือข้อดีของประเทศไทย 

4. ซึ่งแร่ธาตุหายากอาทิ ลิเทียม โคบอลต์ ซิลิกอน โซเดียม ฯลฯ เหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ EV อุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีและเซมิคอนดัคเตอร์ ดังนั้นข้อดีหรือเรื่องแร่เหล่านี้ ทำให้คุณกวีมองว่า “ประเทศไทยได้ประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้ โดยที่ไม่ต้องอาศัยรัฐบาล” คุณกวีจึงมองว่านี่แหละคือ 'Soft Power' ของประเทศไทย 

'ต่างชาติ' อวย!! ชอบทุกอย่างของประเทศไทย ยกเว้นอย่างเดียว รสชาติอาหารติดหวานไปหน่อย

เรียกได้ว่าเป็นกระทู้เรดดิทที่ได้รับความสนใจไม่น้อย เมื่อชาวต่างชาติรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้ถึงประเทศไทยว่า ตัวเขานั้นรักทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองไทย ยกเว้นอย่างเดียวคือ ‘อาหารรสชาติหวาน’

หนุ่มเจ้าของกระทู้เล่าว่า เขาและภรรยาไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแห่งหนึ่งซึ่งภรรยาเป็นคนเลือก เมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาก็พบในสิ่งที่รับไม่ได้อย่างแรงก็คือ ‘น้ำซุปที่หวานเกินไป’ ซึ่งเขาชอบทานก๋วยเตี๋ยวมากโดยเฉพาะพวกหมูแดง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมร้านต้องใส่น้ำตาลจำนวนมากลงในซุปด้วย

นอกจากนั้น เมื่อพ่อค้าแม่ค้าทำแบบนี้ ยังทำให้แมลงวันบินหึ่งเต็มร้าน เวลาอ้าปากกินบะหมี่แมลงวันก็อาจจะบินเข้าปากได้ เขาจึงอยากสอบถามว่า มีใครที่ไม่ชอบอาหารรสหวานบ้าง?

สำหรับความคิดเห็นของชาวเน็ตนั้นหลากหลาย บางคนแนะนำว่าอาหารไทยไม่ได้หวานทั้งหมด ควรลองทานเมนูอื่นบ้าง บางคนก็แนะนำว่า ลองระบุในคำสั่งซื้อว่า ‘ไม่ใส่น้ำตาล’ แล้วจะเพลิดเพลินกับอาหารมากขึ้น บ้างก็บอกว่าไม่แปลกใจทำไมไทยถึงติดอันดับผู้ป่วยเบาหวานในเอเชีย

“มันไม่ได้หวานทั้งหมด ลองเมนูอื่น”

“ฉันเริ่มระบุในคำสั่งซื้อว่า ‘ไม่ใส่น้ำตาล’​ / mai sai naam-dtaan แล้วฉันก็เพลิดเพลินกับการกินบะหมี่มากขึ้น เพื่อนคนไทยบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่คนจะระบุความต้องการลงไปในคำสั่งซื้อ อย่างเช่น ไม่ใส่ผงชูรส หรือผักชี”

“ฉันว่าฉันเคยอ่านเจอเมื่อวันก่อนว่า ไทยติดอันดับผู้ป่วยเบาหวานในเอเชีย ไม่แปลกใจละ”

“ฉันก็รักประเทศไทยเช่นกัน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้ไปเวียดนามเป็นครั้งแรก และรู้สึกโล่งใจจริง ๆ ที่ได้กินอาหารโดยไม่ต้องใส่น้ำตาล แฟนสาวชาวไทยของฉันรู้สึกเศร้ามาก ที่ไม่มีถ้วยเครื่องปรุงอยู่ที่โต๊ะ และเมื่อเธอขอน้ำตาล ฉันคิดว่าพนักงานคงสับสนว่า เธอขอน้ำตาลเพิ่มทำไม”

'พี่เอ้' แนะ!! 4 แนวทาง น่าเรียนรู้จาก 'สูตรเกาหลี'  สร้าง 'ลิซ่า' คนที่ 2 ได้ ด้วยคำว่า 'สูงกว่า-หนักกว่า' 

(1 ก.ค.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 'ดร.เอ้' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ไทยจะสร้าง 'ลิซ่า' คนที่ 2 ได้ไหม? แล้วจะต้องทำอย่างไร?' ว่า...

ผมตอบ "ได้แน่นอน" เพราะ ผมเชื่อ #คนไทยเก่งไม่แพ้ใครในโลก แต่ว่า ‘มีปัจจัยอื่น’ ที่เราต้องสร้าง ก่อนจะไปถึงจุดนั้น

และก็มีหลายคน ตั้งคำถาม "หากน้องลิซ่า ไม่ไปฝึกฝนที่เกาหลี จะมีวันนี้ไหม" ตอบยากครับ อาจเป็นได้ หรือ ไม่ได้ คงไม่มีใครฟันธง

แต่คำถาม ควรจะเป็นว่า จะทำอย่างไร ให้เด็กไทย ได้ ‘โอกาสการพัฒนา’ ไปได้เต็มศักยภาพ หรือ ทะลุเพดานศักยภาพ เหมือนน้องลิซ่า น่าจะดีกว่า

ผมจึงชวนทุกท่าน ไปสังเกตการทำงานของ ‘เกาหลี’ บ้านอีกแห่งของน้องลิซ่า บอกเลย น่าเรียนรู้ยิ่ง

ผมสังเกตโค้ชกอล์ฟเกาหลี พาเยาวชนมาฝึกกอล์ฟแถวบ้าน โค้ชชี้สั่งเด็ก ๆ ให้พัตต์กอล์ฟ เป็นร้อย ๆ พัน ๆ ลูก กลางแดด พัตต์แล้วพัตต์อีก เด็กเกาหลีก็ก้มหน้าก้มตาซ้อม ไม่มีใครบ่น ไม่มีใครเบื่อ ไม่แปลกที่ทีมกอล์ฟเยาวชนเกาหลี จึงไม่แพ้ใครในโลก เพราะ ‘เด็กเกาหลีมีวินัยสูง’

ตอนผมเรียนที่ MIT สังเกตเห็นเพื่อนเกาหลี ที่เรียนปริญญาเอกด้วยกัน ทำงานจนดึกทุกวัน นั่งเขียนบทความวิชาการ ทั้งที่ MIT ไม่บังคับ แต่การจะกลับไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในเกาหลี เขาต้องมีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับโลก จึงไม่แปลกงานวิจัยเกาหลีล้ำหน้าใครในเอเชีย เพราะ ‘คนเกาหลีต้องทุ่มเท มากกว่าคนอื่น’

ตอนที่ผมทำงานให้สมาคมอุโมงค์โลก สังเกตเห็นวิศวกรและนักวิชาการเกาหลี ขึ้นบรรยายบนเวที ยอมรับว่า ใช้เวลาในการเตรียมตัวมากกว่าชาติอื่น เพราะ Powerpoint ต้องสวย รูปต้องเด่นมาก ทำสุดจริง น่าชื่นชม เพราะ ‘มาตรฐานเกาหลี ต้องสูงกว่าคนอื่น’

และ ชุมชนเกาหลีในอเมริกา ‘เหนียวแน่นมาก’ ทุกครอบครัว นอกจากขยันทำมาหากิน ยังขยันแข่งกัน ‘เลี้ยงลูกให้ดี ให้เก่ง’ จึงไม่แปลกที่ เด็กเกาหลีเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้มากกว่าชาติอื่น และจบมาเป็นหมอ เป็นผู้นำธุรกิจ หรือแม้แต่ผู้นำองค์กรระดับโลก 

ความเป็นเกาหลี สะท้อนถึง เรื่องการสร้าง ‘ภาพยนต์ ดนตรี และกีฬา’ เกาหลีจึงพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้ และ เราคงเดาได้ว่า น้องลิซ่าก็ได้รับสิ่งดี ๆ จากการไปอยู่เกาหลี ด้วยเช่นกัน

ทั้งหมด จึงจบอยู่ที่ การสร้าง ‘คุณภาพคน’ เพราะ Soft Power ก็มาจากคนในชนชาตินั้น ‘สร้างขึ้นมา’ และ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ก็ไม่ได้หล่นมาจากฟ้า แต่มีรากฐานมาจาก ‘ความขยัน อดทน ไม่ยอมแพ้’ ลองผิดลองถูก จนเห็นผล ของคนในชาติ

ดังนั้นหาก ไทยจะสร้าง น้องลิซ่า คนที่ 2 และคนต่อๆ ไป น่าเรียนรู้จาก ‘สูตรเกาหลี’ มาปรับใช้บ้าง คือ

1. ต้อง ‘อดทน มีวินัยสูงกว่า’
เราก็รู้ว่า ระบบเกาหลี ให้น้องลิซ่าต้องเตรียมพร้อม มาหลายปี กว่าจะได้เริ่มต้น ร่วมวง Blackpink และเขาดูแลวินัย ตีกรอบในการทำงาน และในการใช้ชีวิต มากสุด ๆ แค่ไหน 

ถึงแม้วันนี้ มีเงินและมีชื่อเสียงระดับโลก ยิ่งต้องอดทนและมีวินัย มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ จริงไหม

2. ต้อง ‘ทุ่มเท ทำงานหนักกว่า’
เราชอบว่า ‘เด็กเกาหลีเครียด’ ต้องเรียนหนัก ต้องสอบยาก แต่ถามเถอะ เกิดมาจะไม่ให้ลูกเข้าใจว่า ‘ชีวิตต้องทุ่มเท ต้องทำงานหนัก’ ไม่ให้เข้าใจความเครียดเลยหรือ แล้วจะอยู่ในชีวิตจริง ได้อย่างไร?

แม่ชาวเกาหลี ถูกเรียกว่า ‘Tiger Mom แม่เสือ’ เพราะเคี่ยวเข็ญ ให้ลูกทุกคนทำงานหนัก ช่วยเหลือตนเอง ลูกเลยแข็งแกร่ง อยู่รอด

3. ต้อง ‘แข่งขัน ทำให้ดีกว่า’
คนเกาหลีรู้ว่า ชีวิต คือ การแข่งขัน จึงสอนลูกให้รู้จักแข่งขัน ทำให้ดีกว่า เด็กเกาหลี เล่นกีฬา ร้องเพลง เรียนหนังสือ ก็ทำจริง ไม่ทำเล่น ไม่ยอมแพ้ ดูบอลเกาหลี ก็ดูสนุก เพราะเล่นไม่ยอมแพ้ แม้นาทีสุดท้าย

4. ต้อง ‘มีมาตรฐานสูงกว่า’
วงการดนตรี และภาพยนตร์ของเกาหลี มีมาตรฐานและคุณภาพงาน ไม่แพ้อเมริกา ลองดูเพลง คอนเสิร์ตและมิวสิควิดิโอของน้องลิซ่า ยอมรับเลยว่า เบื้องหลังมาจาก ‘มาตรฐานการทำงาน’ ระดับโลกของแทร่

เพราะมาตรฐานสูง ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือ และการยอมรับที่สูงตามไปด้วย

ดังนั้น หากประเทศไทย จะสร้าง ‘คนเก่ง คนดี’ ระดับโลกแบบน้องลิซ่า ให้เกิดขึ้นในบ้านเรา ต้องมุ่งมั่น ‘สร้างคน’ เพราะ การหวังเพียงการโปรโมทประชาสัมพันธ์ อาจเป็นเพียง ‘ฉาบฉวย’ ไม่ใช่แก่นแท้ ประเดี๋ยวก็จางไป 

>> ย้ำ ‘Soft Power’ มาจาก ‘คน’
การพัฒนาคน คือ รากฐานของ Soft Power ที่มั่นคง และไม่มีใครจะแย่งจากเราไปได้ ไม่ใช่เพียง ‘กางเกงช้าง’ ที่ของถูกจากจีน มาแย่งตลาดได้ง่ายดาย แต่คือ ความสามารถ ‘คนไทย ยุคใหม่’ ที่เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง คอมเมนต์บอกเล่าให้พี่เอ้รู้หน่อยนะครับ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างเราแลกเปลี่ยนกันได้เสมอ จะได้ร่วมกันหาทางผลักดันประเทศไทยไปด้วยกันครับ

บิ๊กอิทธิ ย่องสุวรรณภูมิ ตรวจ Auto ประเดิมคนไทย

เมื่อ 1 ก.ค.2567 เวลา 12.00 น. บิ๊กอิทธิ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.ได้เข้าตรวจเยี่ยม ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 

พล.ต.ท.อิทธิพล เผยว่า " วันนี้ มาตรวจความพร้อม การเริ่มเปิดใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic Channel ใหม่ ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำโครงการและสนับสนุนการจัดซื้อ โดยติดตั้งที่พื้นที่ ตรวจคนเข้าเมืองขาออก เป็นด่านแรก ซึ่งจะเพิ่มการติดตั้งขาออก 56 ช่อง จากเดิม 16 ช่อง ซึ่งระยะแรกในวันนี้ จะเปิดใช้ก่อน 13 ช่อง และกำลังติดตั้งเพิ่มเติม ให้ครบ รวมถึง ขาเข้าประเทศด้วย 

ในระยะเริ่มต้น ได้รับรายงานว่า จะใช้เฉพาะการตรวจคนไทยก่อน ส่วนต่างชาติ ทาง AOT จะทดสอบระบบความพร้อมกับระบบ Biometric ของ สตม. และหากการทดสอบผ่านเรียบร้อย จึงจะเริ่มเปิดใช้ ตรวจชาวต่างชาติต่อไป โดยวันนี้ ทาง บก.ตม.2 ได้รับหนังสือยืนยันจาก AOT ว่าสามารถตรวจหนังสือเดินทางไทยได้สมบูรณ์แล้ว จึงเริ่มเปิดใช้งาน ซึ่งตนจับเวลาพบว่า ใช้เวลา ไม่เกินรายละ 20 วินาที เท่านั้น "

ในการตรวจเยี่ยม บิ๊กอิทธิ ถือโอกาสทานข้าวกับ จนท.ตม.ที่เข้าเวร โดยร่วมวงอาหาร ด้วยเมนูเดียวกัน กับที่จัดมื้อสวัสดิการให้ จนท.ตม.ที่เข้าเวร พร้อมกำชับให้อาหารต้อง " วัตถุดิบดี ปริมาณเพียงพอ และ รสชาติอร่อย "ด้วย โดยขอขอบคุณทาง AOT ที่ให้การสนับสนุนกิจการของ ตม.2 เป็นอย่างดีในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top