Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 ‘ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์’ คว้านางงามจักรวาลเป็นคนที่ 2 ของไทย สร้างประวัติศาสตร์-ชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 ประเทศไทยได้กลายเป็นที่รู้จักของชาวโลกอีกครั้ง กับการขึ้นไปคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่ 37 ของ ‘ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก’ ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย

ซึ่งเธอถือเป็นตัวแทนชาวไทยคนที่ 2 ที่ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาล หลังจาก ‘อาภัสรา หงสกุล’ นางงามจักรวาลชาวไทยคนแรกที่ชนะการประกวดนางงามจักรวาลในปี ค.ศ. 1965 หรือ พ.ศ. 2508

สำหรับการประกวดนางงามจักรวาล ค.ศ. 1988 หรือ พ.ศ. 2531 จัดขึ้น ณ เมืองไทเป เกาะไต้หวัน โดยมีผู้เข้าประกวด 66 คน ซึ่งตัวเก็งการประกวดในสายสื่อมวลชน คือ นางงามสหรัฐอเมริกา นางงามเม็กซิโก นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน นางงามนิวซีแลนด์ และนางงามของไทย รวมถึงนางงามจากไอซ์แลนด์ ที่เคยได้รับตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสเวิลด์ 1987 ที่ อังกฤษ มาแล้ว ซึ่งก็พ่ายให้กับสาวในแถบเอเชีย ในการประกวดรอบแรก

ทั้งนี้ ภรณ์ทิพย์ สามารถทำคะแนนในชุดว่ายน้ำได้ลำดับที่ 11 แต่เมื่อรวมคะแนนจากชุดราตรีและการสัมภาษณ์แล้ว สามารถเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายมาในลำดับที่ 4 โดยมีคะแนนตามหลัง นางงามสหรัฐอเมริกา นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน และนางงามเกาหลีใต้ ซึ่งในการประกวดรอบ 10 คน เธอได้สร้างความประทับใจให้กับกรรมการอย่างมาก ระหว่างช่วงการประกวดรอบสัมภาษณ์ซึ่งทำให้เธอกวาดชัยชนะทั้ง 3 รอบ และกลายเป็นผู้ชนะอย่างขาดลอยของการประกวดนางงามจักรวาลในปีนั้น และนอกจากได้รับมงกุฏนางงามจักรวาลแล้วยังได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมอีกตำแหน่งเพิ่มด้วย

นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักธุรกิจ และได้ดำรงตำแหน่งผู้แทนองค์การสหประชาชาติ สำหรับโครงการช่วยเหลือเด็กและสตรีในระดับนานาชาติ รวมถึงเป็นประธานตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กอีกหลายแห่ง

25 พฤษภาคม ของทุกปี กำหนดเป็น 'วันเด็กหายสากล' (International Missing Children’s Day) รณรงค์ให้สังคมร่วมตระหนักถึง ‘สวัสดิภาพ-ความปลอดภัย’ ของเด็ก

ความเป็นมาของ ‘วันเด็กหายสากล’ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 เมื่อเด็กชายอีตัน แพตซ์ วัย 6 ขวบ ชาวเมืองแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สูญหายไประหว่างเดินออกจากอพาร์ตเมนต์เพื่อไปขึ้นรถโรงเรียน ซึ่งขณะนั้นสหรัฐอเมริกายังไม่มีองค์กรช่วยเหลือในการตามหาเด็กหาย มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครเท่านั้นที่ร่วมมือกันค้นหา 

จากคดีดังกล่าวส่งผลให้เริ่มมีการวางระบบติดตามหาเด็กหายที่ถูกลักพาตัวอย่างจริงจัง โดยภาพของอีตันที่ใช้ในการประกาศหาตัวอยู่บนกล่องนมที่วางจำหน่ายทั่วสหรัฐฯ กลายเป็นต้นแบบของการประกาศหาคนหายบนกล่องนมจนถึงปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้จะมีความพยายามเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วก็ไม่พบเด็กชายคนนี้ 

ต่อมาในปี 2526 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จึงกำหนดให้วันที่ 25 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น วันเด็กหายสากล (International Missing Children’s Day) เพื่อให้ทั่วโลกร่วมกันตระหนักถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็ก รวมถึงมีความหวังที่จะตามหาเด็กให้กลับคืนสู่ครอบครัวได้อย่างปลอดภัย 

ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทยของเรานั้น ในหนึ่งวันมีเด็กหายไม่น้อยกว่า 3 คน โดยที่ 2 ใน 3 ของเด็กที่หายไป มีอายุน้อยกว่า 15 ปี ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก และอายุเฉลี่ยของเด็กที่หายไป หรือถูกลักพาตัวออกจากบ้านคือ 4 ขวบ โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจาก สถิติศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา และแน่นอนว่าปัญหาเด็กหายจากบ้านนั้น จะต้องเจอกับความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งการคุกคาม หาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก ถูกล่อลวง รวมไปถึงกระทำความรุนแรง

'ปูติน' เตรียมสังคายนา 'กองทัพ' ปรับกลยุทธ์ ใช้นักวิชาการนำการทหาร

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียสร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นงานพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียในสมัยที่ 6 ด้วยแผนการปรับโครงสร้างกองทัพครั้งใหญ่ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบเกือบ 20 ปี ด้วยการแต่งตั้ง 'อังเดร เบโรซอฟ' ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และนักรังสีเคมี ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ โดยปูตินตัดสินใจลองใช้นักวิชาการนำการทหาร ที่จะส่งผลต่อแผนปฏิบัติการทางทหารครั้งใหม่ในยูเครนต่อจากนี้ไป

ข่าวการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำกระทรวงกลาโหมในรัสเซีย เริ่มมีมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งใหญ่ของรัสเซียเมื่อ เดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ไม่มีใครคาคดิคเลยว่าปูตินจะตัดสินใจให้นักวิชาการพลเรือนคนหนึ่ง ที่ไม่มีพื้นเพด้านการทหารมาก่อน มาแทน เซอร์เก ชอยกุ รัฐมนตรีกลาโหมที่อยู่คู่บุญปูตินมาถึง 12 ปี

อังเดร เบโรซอฟ เป็นชาวมอสโควโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1959 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์จาก Moscow State University ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม และทำงานด้านวิชาการอย่างเข้มข้นมาตลอด 

โดยทำงานเป็นนักวิจัยในห้องปฏิบัติการจำลองระบบมนุษย์และเครื่องจักรของสถาบัน Central Economic Mathematical Institute ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าห้องปฏิบัติการในสถาบันพยากรณ์เศรษฐกิจของสถาบัน  Russian Academy of Sciences ในปี 1991 

ในขณะเดียวกัน เขาได้รับการทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาล มอสโควไปด้วย ทำงานวิชาการไปด้วย และ ยังทำวิจัยระดับปริญญาเอกไปด้วย ที่สามารถประสบความสำเร็จทั้ง 3 ด้าน เป็นนักวิชาการที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ และ เทคโนโลยีที่หาตัวจับยาก

จนเมื่อวลาดิมีร์ ปูตินขึ้นสู่อำนาจในรัสเซียในปี 2000 อังเดร เบโรซอฟ ถูกดึงตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของเขา และได้รับตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ในปี 2020 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อังเดร เบโรซอฟ เป็นหนึ่งในคนสนิทข้างกายที่ปูตินไว้ใจ และมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัสเซีย 

ดังนั้นการวางเบโรซอฟ ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการสังคายนาครั้งสำคัญภายในกองทัพรัสเซีย และการเปลี่ยนมุมมองใหม่ในสถานการณ์สงครามในยูเครน ที่รัสเซียจำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการงบประมาณที่รัดกุมขึ้น เพื่อจะสามารถทำสงครามได้นานกว่าแรงสนับสนุนของชาติตะวันตกที่ส่งให้กับยูเครน 

คอนสแตนติน คาลาเชฟ นักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียมองว่า การแต่งตั้ง อังเดร เบโรซอฟ เข้ามาคุมกระทรวงกลาโหมรัสเซียถือเป็นข่าวร้ายของพันธมิตรชาติตะวันตกเหมือนกัน เพราะถึง อังเดร เบโรซอฟ จะไม่ใช่นักการทหาร และ คงไม่ได้มีอิทธิพลในการวางแผนยุทธศาสตร์การรบของรัสเซียมากนัก แต่เขาเป็นนักการเงิน ที่จะดูแลงบประมาณทุกบาท ทุกสตางค์ในกองทัพไม่ให้รั่วไหล ตั้งแต่คลังอาวุธ ไปจนถึงเงินสวัสดิการทหาร 

เช่นเดียวกับ Rybar Telegram Channel สื่อรัสเซียที่เกาะติดข่าวในกองทัพรัสเซีย ก็รายงานว่า อังเดร เบโรซอฟ ถูกส่งมาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและปรับโครงสร้างหลัก ในด้านการเงิน และ ระบบการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ที่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการคอร์รัปชันอย่างมโหฬารในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

และทันทีที่มีข่าวการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของนักวิชาการด้านเศรษฐกิจ ก็มีการเข้าจับกุม พลโท ยูรี คุซเนตซอฟ  ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลหลักของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นการจับกุมแบบสายฟ้าแล่บ ขณะที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน และสามารถยึดของกลางเป็นเหรียญทอง สินค้าแบรนด์เนมหรู และ เงินสดมากกว่า 100 ล้านรูเบิล (ประมาณ 36 ล้านบาท) ภายในบ้านของเขา 

ยูรี คุซเนตซอฟ ถูกตั้งข้อหารับสินบน และมีสิทธิถูกจำคุกนานถึง 15 ปี นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพรัสเซียคนที่สองในรอบ 1 เดือนที่โดนจับข้อหาคอร์รัปชัน รับสินบนก้อนใหญ่ต่อจาก  ติมูร์ อิวานอฟ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม เซอร์เก ชอยกุ ที่เพิ่งถูกย้ายในวันนี้ 

หน้าที่รับผิดชอบของ อังเดร เบโรซอฟ ไม่ได้มีแค่การตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา เขาได้รับมอบหมายให้ปกป้องเศรษฐกิจรัสเซียจากผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก และยังมีบทบาทสำคัญในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนในประเทศ โดยเป้าหมายหลักของ อังเดร เบโรซอฟ คือ การส่งเสริมให้รัสเซียมีอธิปไตยทางเทคโนโลยี ที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปในอนาคต 

จึงเป็นที่น่าจับตาในยุทธศาสตร์ 'นักวิชาการนำการทหาร' ของปูตินในครั้งนี้ ที่อาจเป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าสงครามยูเครนคงยืดเยื้อยาวนาน ดังนั้นจึงต้องเป็นฝ่ายที่อึดที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถพิชิตชัยในท้ายที่สุดนั่นเอง 

‘ญี่ปุ่น’ เตรียมทำลาย ‘ยารักษาโควิด-19’ ชนิดกิน หลังจากเหลือ-ไม่ได้ถูกนำมาใช้ ราว 77%

(15 พ.ค.67) สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นเตรียมทำลายยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดรับประทานราวร้อยละ 77 ที่ซื้อมาสำรองไว้ เนื่องจากยังคงเหลือและไม่ได้ถูกนำมาใช้

สื่ออ้างอิงการคาดการณ์ของรัฐบาลญี่ปุ่น รายงานว่า รัฐบาลฯ ได้จัดหายาชนิดรับประทานสำหรับประชาชน 5.6 ล้านคนในช่วงเกิดโรคระบาดใหญ่ แต่ยังคงเหลือยาสำหรับประชาชนอีกจำนวน 4.3 ล้านคน

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าญี่ปุ่นซื้อยาเม็ดโซโควา (Xocova) ซึ่งผลิตโดยชิโอโนกิ แอนด์ โค (Shionogi & Co.) สำหรับผู้ป่วย 2 ล้านคน ยาแคปซูลลาเกวริโอ (Lagevrio) ที่ผลิตโดยเมอร์ค แอนด์ โค (Merck & Co.) สำหรับผู้ป่วย 1.6 ล้านคน และยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ที่ผลิตโดยไฟเซอร์ อิงก์ (Pfizer Inc.) สำหรับผู้ป่วย 2 ล้านคน ทว่าไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของยาที่ซื้อมาทั้งหมด

อย่างไรก็ดี การคำนวณตัวเลขที่เกี่ยวข้องพบว่าญี่ปุ่นยังคงมียาเม็ดโซโควาเหลือสำหรับผู้ป่วย 1.77 ล้านคน ยาแคปซูลลาเกวริโอเหลือสำหรับผู้ป่วย 780,000 คน และยาแพกซ์โลวิดเหลือสำหรับผู้ป่วย 1.75 ล้านคน เมื่อนับถึงสิ้นเดือนมีนาคม ซึ่งคาดว่ายาที่เหลือทั้งหมดมูลค่าราว 3 แสนล้านเยน (ราว 7.04 หมื่นล้านบาท) จะถูกทำลายเนื่องจากหมดอายุแล้ว

ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นได้กำจัดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ไม่ได้ใช้ไปแล้ว 240 ล้านโดส ซึ่งมีมูลค่ารวม 6.65 แสนล้านเยน (ราว 1.56 แสนล้านบาท)

‘นุ่น ดำดง’ เปิดใจเคลียร์ปมลาออก ‘ศรราม น้ำเพชร’ เผย หลังจากนี้จะกลับไปเล่นลิเกคณะพ่อตัวเองก่อน

(15 พ.ค.67) เปิดใจเต็ม ๆ ครั้งแรก หลังตัดสินใจออกจากคณะลิเก ‘ศรราม น้ำเพชร’ ท่ามกลางกระแสดรามาที่ตามมามากมาย โดย ‘นุ่น เนตรชนก เพชรวิเชียร’ หรือ ‘นุ่น ดำดง’ ได้เปิดใจในรายการแฉเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 พ.ค.) ยอมรับว่าตนเองรับมือกับดรามาไว้ระดับนึง มีสิ่งดี ๆ เข้ามา สิ่งลบ ๆ ก็ต้องตามมา ก็ทำใจไว้ส่วนนึงแล้ว แต่บางทีก็โถม แรง ฉุดไม่อยู่ ตนก็แก้ปัญหาด้วยการเงียบไปก่อน ถอย ถ้าไม่สุดจริงจะไม่ร้องเลย ด้วยความที่เราเป็นเสาหลักของครอบครัว

ก่อนออกจากวง ถามว่ามีปัญหาอะไร มันเป็นเรื่องข้างในมากกว่า คุยกันแล้ว แต่โอเค ไม่เป็นไร ก็ถอยออกมา จริง ๆ ก่อนไลฟ์ ได้คุยกันแล้ว ที่ผ่านมาเล่นแล้วเหมือนต่างคนต่างอึดอัด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด วันที่ 27 ก็เลยตัดสินใจพักก่อน บวกกับวันนั้นไม่สบาย ก็ส่งความในใจทั้งหมดทางเฟซบุ๊กให้พี่อีกคนนึง และคนที่อยู่กับป้าดวงแก้ว ส่งไปทั้งหมดเลย ซึ่งทุกคนไม่รู้ว่าตนจะออก

เรื่องลิเก ตนไม่เลิกเล่นแน่นอน มีคณะอื่นทาบทาม แต่ตอนนี้ถ้าเป็นคณะอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นชิน ก็ถือโอกาสบอกเขาไปว่าเดี๋ยวมีโอกาสจะไปรับเชิญ ตอนนี้ขอเล่นคณะพ่อของตัวเองที่โคราชก่อน และขอเล่นกับเพื่อนที่คุ้นชินกันไปก่อน

เล่นลิเกทุกคืนมา 8 ปี ตอนโควิดก็เล่นกลุ่มปิด ออนไลน์ เติบโตกับครอบครัวลิเกมาตลอด แต่ต้องหาเลี้ยงตัวเอง อยู่กับวงพ่อ แล้วก็มาอยู่ที่คณะศรราม น้ำเพชร ตอนแรกไม่ได้รับมือกับความดัง ไม่ได้ตั้งใจด้วย คิดว่าถ้าโอกาสมาแล้วก็ทำให้ดีที่สุด

พร้อมเผยจุดเปลี่ยนชีวิตคือตอนที่ปู่ป่วยหนัก ป่วยติดเตียง พ่อต้องดูแลปู่ ก็เหลือแค่ตนกับแม่ต้องเล่นลิเก ตอนนั้นเพิ่งได้รับหน้าที่เป็นนางเอก การเดินทางก็ยาก ไปรถโดยสาร แม่ขับรถไม่เป็น อายุ 15 ก็ขับไม่ได้ มีคนจ้างก็ไปเล่น

คำว่าไม่มีกินอยู่กับตนตลอด ก่อนมีชื่อเสียง ตนอยู่กับแม่สองคนในบ้านเช่า ไม่เคยมีเงินติดตัวกับแม่เกิน 200 บาท ในทุก ๆ วัน หาได้ก็ใช้ เพราะลิเกตอนนั้นไม่ได้มีทุกวัน ไปวันนึงหยุด 3 วัน ไปสองวันหยุดอีก 5 วัน ได้มาเราก็ใช้ ไม่อด แต่ก็ลำบากมาก ๆ ไม่ได้เล่นลิเกก็ขายลูกชิ้นกับแม่อยู่หน้าบ้าน ได้เงิน 500 ก็บอกว่าต้องขายให้ได้ 700 เราจะได้เอาเงิน 500 ไปลงทุนใหม่ อีก 200 เก็บไว้ใช้ เป็นแบบนี้นาน

สิ้นเดือนไม่มีค่าเช่า ก็นอนอยู่หน้าบ้านเขา มันเข้า 4 เดือนที่ติดค่าเช่า เราไม่มีจ่ายเขาสักที จน 4 เดือน เขาบอกจะมีคนมาเช่าต่อนะ เราก็เกรงใจ เขาก็บอกว่าให้นอนหน้าบ้านก่อนก็ได้ มีรถค่อยขนของออก เขาไม่ได้ไล่ แต่บอกว่าเดี๋ยวจะมีคนใหม่เข้ามา ตอนนั้นเป็นจังหวะไปงาน ปล่อยแม่อยู่หน้าบ้านคนเดียว ขึ้นรถตู้ เป็นจังหวะที่คุณพ่อของศรราม น้ำเพชร โทรมาถามว่าสนใจอยู่ที่ศรราม น้ำเพชรไหม ตนก็ตกลงเลย ไม่มีทางเลือกแล้ว (หัวเราะ) ก็บอกว่าขอเวลา 7 วัน เก็บข้าวเก็บของ ตอนนั้นไม่รู้ว่าลุงจะให้แท็กซี่มารับ คิดว่าต้องหาทุนนั่งรถไปเอง

เล่นลิเกคืนแรกที่สุพรรณฯ งานแรกลุงให้ 1,200 บาท เยอะมากสำหรับตน วันนั้นเอาเงินให้แม่ อยากกินอะไรก็ซื้อเลย เล่น 3-4 วันแรกไม่มีรางวัล แต่พ่อศรรามเขาให้ 200 บาท บอกว่าจะได้มีกำลังใจเล่น ตอนแรกเป็นนางเอกเลย เล่นกับศรราม น้ำเพชร 8 ปี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มีงานทุกวัน ต้องยอมรับว่างานเขามีทุกวันมานานแล้ว แน่นอยู่แล้ว

ดำดงเปลี่ยนชีวิตตนไวมาก พอกระแสมาปุ๊บ ทุกอย่างก็เข้ามาพร้อม ๆ กัน ด้วยงาน คนดูหน้าใหม่ ๆ เอฟซีหน้าใหม่ ๆ เข้ามา ได้พวงมาลัยเงินเยอะสุด 2 ล้าน ส่วนรถฮุนไดที่ได้มา เป็นค่าพรีเซ็นเตอร์ พี่เขาก็เมตตาด้วยเพราะไม่ได้ทำสัญญา แต่พี่เขาซื้อให้เป็นค่าพรีเซ็นเตอร์

ตอนนี้มีบ้านอยู่แล้ว ไม่ได้เช่า ซื้อบ้านอยู่ที่อยุธยา รถก็มีแล้ว วันนี้ดีใจ ไม่คาดฝันว่าต้องขนาดนี้ แค่ให้มีงานทำ แม่ไม่อด มีรถราพาแม่ไปไหนก็โอเคแล้ว วันที่มีรถราคาเป็นล้านเข่าทรุดเลย ตอนนี้ไม่ให้พ่อแม่เล่นลิเกแล้ว เขาเหนื่อยมาเยอะแล้ว 

‘รพ.พรเจริญ’ บึงกาฬ วิกฤต!! สิ้น พ.ค. มีแพทย์ประจำเหลือแค่ 1 คน เร่งประสานยืมแพทย์จาก รพ.ใกล้เคียง เพื่อให้เพียงพอในการดูแลผู้ป่วย

(15 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงพยาบาลพรเจริญ’ ตั้งอยู่ใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ประกาศประชาสัมพันธ์จากโรงพยาบาลพรเจริญ

ตั้งแต่วันที่ 27 - 31 พฤษภาคม 2567 โรงพยาบาลพรเจริญ จะมีแพทย์ประจำเหลือ 1 คน และแพทย์ประจำต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน โรงพยาบาลพรเจริญจึงได้กำหนดให้มีแนวทางแก้ปัญหาการให้บริการดังนี้

1. ประสานยืมแพทย์ช่วยตรวจจากโรงพยาบาลข้างเคียง

2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, สุขภาพจิต, ไทรอยด์) ที่มีนัดในช่วงดังกล่าวผู้ป่วยสามารถมารับบริการได้ตามปกติ โดยหากผลตรวจปกติ หรืออาการป่วยคงที่พยาบาลวิชาชีพจะสั่งยาเดิมให้ (ไม่ต้องพบแพทย์) และจะปรึกษาแพทย์ในรายที่มีผลเลือดผิดปกติ หรืออาการผิดปกติเท่านั้น 

3. ผู้ป่วยคลอดและอุบัติเหตุฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง

โรงพยาบาลพรเจริญจึงขอแจ้งให้ผู้รับบริการทราบ และต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้หากการบริการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าปกติ โรงพยาบาลจะให้บริการได้ตามปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2567

โทร.042 487 099 ต่อ 155 (ฝ่ายงานบริหารทั่วไป)”

ต้นทุน ‘ราคาขายปลีกน้ำมัน’ ภายในประเทศไทย มีอะไรบ้าง ❔⛽

ในภาวะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยที่สูงขึ้นตามไปด้วย ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า โครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกในแต่ละประเทศ ‘ไม่เหมือนกัน’ 

สำหรับประเทศไทยราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มน้ำมันนั้น ผ่านผู้เกี่ยวข้องถึง 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ต้นทุนเนื้อน้ำมัน, ภาษี, เงินกองทุน และค่าการตลาด เพราะฉะนั้น ราคาน้ำมัน 1 ลิตร ที่ขายในหน้าปั๊ม จึงประกอบด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้

1. ต้นทุนเนื้อน้ำมัน (40-60%) คือ ต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ผันผวนไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก

2. ภาษี (30-40%) มีการจัดเก็บ ดังนี้

🟠ภาษีสรรพสามิต จัดเก็บโดย กระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต นำมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ

🟠ภาษีเทศบาล จัดเก็บโดย กระทรวงการคลัง ในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต มาตรา 150 และจัดส่งให้ กระทรวงมหาดไทย เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น

🟠ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บ 7% ของราคาขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และจัดเก็บอีก 7% ของค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด

3. กองทุน (5-20%) มีการจัดเก็บ ดังนี้

🟠เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จัดเก็บตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน

🟠เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดเก็บตามประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน

4. ค่าการตลาด (10-18%) คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน

ดังนั้น จะเห็นได้ถึงโครงสร้างราคาน้ำมัน 1 ลิตรที่ขายในหน้าปั๊ม มีปัจจัยหลายตัวมาเกี่ยวข้อง เชื่อว่าทุกคนคงอยากใช้น้ำมันในราคาถูกที่สุดอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีความเข้าใจในราคาน้ำมัน และก็ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่มีปัญหาน้ำมันแพง แต่หลาย ๆ ประเทศก็ประสบปัญหานี้ไม่แพ้กัน และด้วยประเทศไทยไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอกับความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก 

เพราะฉะนั้น หากเราไม่มีเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองไว้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมาก ๆ เราก็จะไม่มีเงินสำรองเพื่อช่วยรักษาสมดุลของราคาน้ำมันในประเทศ จนอาจทำให้เกิดวิกฤตราคาน้ำมันก็เป็นได้

‘มาเลเซีย’ แซง ‘ไทย’ ขึ้นแท่นเบอร์ 2 ตลาดรถยนต์ของอาเซียน หลังยอดขายไทยฮวบ ไตรมาสล่าสุดร่วง 25% สวนทางมาเลฯ

(15 พ.ค. 67) นิกเคอิเอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า มาเลเซียแซงหน้าไทยขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิภาคซึ่งได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในทวีปเอเชียใช้ห้ำหั่นกัน

นิกเคอิเอเชียรวบรวมข้อมูลยอดขายที่เผยแพร่โดยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ในอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม พบว่ายอดขายรถยนต์ในมาเลเซียซึ่งก่อนหน้านี้ครองอันดับ 3 ของอาเซียนมายาวนาน ได้แซงหน้ายอดขายในประเทศไทยแล้ว 3 ไตรมาสติดต่อกัน นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2024

จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซีย (Malaysian Automotive Association) ยอดขายรถยนต์ในมาเลเซียในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 202,245 คัน เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) หลังจากที่มีทำยอดขายรวมในปี 2023 ได้ 799,731 คัน เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า

การยกเว้นภาษีรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมาเลเซีย เป็นแรงหนุนยอดขายรถยนต์ของแบรนด์ระดับชาติของมาเลเซีย อย่าง เปโรดัว (Perodua) และโปรตอน (Proton) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันอยู่ประมาณ 60%

การยกเว้นภาษีรถยนต์ของมาเลเซียเริ่มต้นในปี 2020 และแม้ว่ามาตรการนี้จะสิ้นสุดลงในช่วงกลางปี 2022 แต่ยอดจองรถยนต์ในช่วงปลอดภาษียังคงเพิ่มตัวเลขยอดขายในปี 2023

“การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวในราคาที่แข่งขันได้สูง ช่วยกระตุ้นยอดขาย” สมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซียระบุในแถลงการณ์

ในทางตรงกันข้ามยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งครองอันดับ 2 ของภูมิภาคมาอย่างยาวนานกลับตกต่ำลง ถึงขั้นที่ยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 25% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

ยอดขายรถยนต์รายเดือนของประเทศไทยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เนื่องจากปัญหาสินเชื่อรถยนต์ที่ไม่ก่อรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อรถยนต์เข้มงวดขึ้น บวกกับการบริโภคที่ซบเซาลงโดยทั่วไป

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน อีวีจีน

ส่วนอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนยังขาดแรงผลักดัน ยอดขายรถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 24% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคลังเลในการซื้อรถ

‘TOC - Table of Contents’ คาเฟ่น้องใหม่ ‘ย่านบรรทัดทอง’ แปลงโฉมขนมไทยสุดว้าว แต่คงรสชาติความเป็นไทยชัดเจน

นับว่าเป็นคาเฟ่แห่งใหม่ที่น่าไปเยือนอีกหนึ่งแห่งในย่านบรรทัดทองเลยก็ว่าได้ สำหรับร้าน TOC - Table of Contents ที่ขณะนี้มีเมนูน่ารัก แถมยังน่าอร่อยอย่าง ‘DoughKo หรือ โดโกะ’ ที่นับว่าเป็นหนึ่งใน ‘ขนมไทยแปลงร่าง’ และเป็นความตั้งใจของทางร้าน ที่ต้องการนำเสนอขนมไทย ในรูปแบบที่แตกต่าง แต่ยังคงได้รสชาติความเป็น ‘ไทย’ ที่ชัดเจน

‘DoughKo หรือ โดโกะ’ เป็นการนำแป้งปาท่องโก๋ สูตรลับที่ต้องนวดมือเท่านั้น มาแปลงให้เป็นองค์ประกอบหลัก จากนั้นก็นำขนมไทยที่เราคุ้นเคยมาแปลงร่างเป็นไส้ต่าง ๆ ที่เมื่อทานเข้าไปแล้ว จะต้องร้อง “อ๋อ…” เมื่อภาพขนมไทยเหล่านั้นไหลกลับมาในหัว

ในช่วงเปิดตัวมี 8 รสชาติแนะนำ ได้แก่ บ้าบิ่น ขนมครกต้นหอม ขนมครกข้าวโพด ขนมเบื้อง ขนมเปียกปูน ขนมใส่ไส้ มะขามเคิร์ด และ มะนาวเคิร์ด ข้อแนะนำพิเศษคือใช้มือทาน ใส่คำโต ๆ จะได้ลิ้มรสชาติเต็มปากเต็มคำ

ต่อมาคือ ‘คานาเล่’ ข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส ที่ถูกจับมาถ่ายทอดผ่านความกรอบนอกนุ่มใน ให้ออกมาในรสชาติของข้าวเหนียวปิ้ง ด้วย Texture ของข้าวเหนียวปิ้งทำให้มีความเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินไปอีกแบบ

ถัดมาคือ ‘Scone กลีบลำดวน’ ขนมหวานโซนผู้ดีอังกฤษ ที่หยิบเอาขนมกลีบลำดวนมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำ เปลี่ยนครีมชีสให้กลายเป็นครีมกล้วย ที่มีความ ‘นัว’ เป็นส่วนผสมลงตัวเมื่อตัดกับแยมเสาวรสที่ให้รสชาติเปรี้ยวนำ จานนี้ทานกับกาแฟของทางร้านเข้ากันได้ดีมาก

เมนูที่ห้ามพลาด ‘ชีสเค้ก หม้อแกง’ ดัดแปลงความนุ่มของชีส เปลี่ยนเป็นความละมุนของขนมหม้อแกงที่คนไทยรู้จักดี แถมด้วยการเอาหอมเจียวไปเบิร์นให้มีกลิ่นหอมจากน้ำตาลไหม้

และเมนูที่เห็นแล้วน้ำลายสอ ‘โรล ข้าวต้มมัด’ และ ‘ทองม้วนสด’ นับเป็นเมนูที่เดาไม่ออก ถ้าไม่ได้ลอง เป็นอีกหนึ่ง Signature ที่แปลงร่างขนมไทยอย่างข้าวต้มมัด และทองม้วนสด ให้มาอยู่ในรูปของโรลที่มีสีสันสวยงาม น่ารับประทานมาก

นอกจากขนมหน้าตาน่าอีทแล้ว ที่ TOC - Table of Contents ก็ยังมีเครื่องดื่มให้บริการด้วย โดยมีกาแฟ Blend พิเศษให้ได้ทดลอง 2 แบบ ได้แก่

TOC Blend : ที่ผสานรสชาติ Spice, Black Currant, Plum, Roasted Hazelnut, Milk Chocolate and Panela

Wheel of fortune : มี Taste note ของ White floral, Berry, Citrus, Almond, Peanut Butter and Nutella

สำหรับใครที่มองหาร้านนั่งชิว บรรยากาศดี ๆ แถมยังมีเครื่องดื่มและขนมอร่อย ๆ ให้รับประทาน ก็สามารถแวะมาได้ที่ TOC - Table of Contents จะมาคนเดียว มากับแฟน หรือแก๊งเพื่อน ทางร้านก็ยินดีให้บริการ

🕗ร้านเปิดทุกวัน (จันทร์-อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 07.30 น. - 22.00 น. 

📍 TOC - Table of Contents 
https://maps.app.goo.gl/P9AdH6RtPVy6itBr9

🗒สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 👉 Line @tableofcontents

🅿️ Parking : ที่จอดรถแบบมีค่าใช้จ่าย Dragon Town / สวนหลวงสแควร์ / อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ / I'm Park

ทันควัน! หนุ่มต่างชาติลวงหญิงแลกเงินคริปโต จับคลุมหัวรีดเงิน ตม.รวบก่อนเตรียมเผ่นหนี

ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับ สภ.ฉลอง จับกุม Mr.Oleksandr (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดนและรัสเซีย โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในท่าอากาศยานภูเก็ต จว.ภูเก็ต ก่อนนำมาซึ่งการจับกุมในกรณีนี้ ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ว่า Ms.Diera (นามสมมติ) อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้เสียหาย ได้มาแจ้งความว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 เวลา 23.00 น. ได้นัดกับ Mr.Oleksandr (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดน/รัสเซีย ผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ที่วิลล่าแห่งหนี่งใน ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต เพื่อนำเงินสดจำนวน 25,000 บาท มาแลกกับเงินคริปโตเคอเรนซี่ จำนวน 700 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อผู้เสียหายไปถึงที่นัดหมายได้พบกับ Mr.Oleksandr ในระหว่างที่พูดคุยกันในช่วงที่คนร้ายอีกคนกำลังเดินเข้ามาที่นัดหมายซึ่งผู้เสียหายไม่ทันระวังตัว Mr.Oleksandr ได้จับผู้เสียหายล็อค เอาถุงคลุมศีรษะ มัดแขน มัดขา และยึดโทรศัพท์ของผู้เสียหาย พร้อมกับบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินให้กับคนร้ายเพิ่ม และได้ทำร้ายผู้เสียหายด้วยการตบใบหน้าจนผู้เสียหายยอมบอกรหัสโทรศัพท์ ซึ่งไม่มีเงินในบัญชีออนไลน์แล้ว Mr.Oleksandr จึงบังคับให้ผู้เสียหายติดต่อเพื่อนซึ่งอยู่ห้องพักใกล้กับผู้เสียหายให้นำเงินสดในห้องพักของผู้เสียหายมาให้ โดยมีชายสัญชาติรัสเซีย ร่วมกับ Mr.Oleksandr ทำหน้าที่เป็นผู้ไปรับเงินจากเพื่อนของผู้เสียหาย จำนวน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินสกุลไทยอีกจำนวน 6,000 บาท มาให้ Mr.Oleksandr รวมทรัพย์สินที่ผู้เสียหายถูกประทุษร้ายไปเป็นจำนวนเงิน 104,546 บาท หลังจาก Mr.Oleksandr ได้ทรัพย์สินแล้วจึงได้ปล่อยตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายทั้ง 2 คน

หลังจากได้บันทึกข้อมูล Mr.Oleksandr ในบัญชีเฝ้าดู ในเวลาต่อมา ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจาก ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต ว่า Mr.Oleksandr กำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทยเพื่อเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จึงได้ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ฉลอง ไปจับกุม Mr.Oleksandr ในฐานความผิด ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยผู้เสียหายชี้ยืนยันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีกหนึ่งคนซึ่งทำหน้าที่ไปรับเงินจากเพื่อนของผู้เสียหาย ได้หลบหนีเดินทางออกจากประเทศไทยไปก่อนแล้ว ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top