Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

‘ชาญชัย’ ฟาดใส่ ‘ภูมิธรรม’ คิดสั้นเอาข้าวเก่า 10 ปี ส่งขายต่างประเทศ ชี้!! เป็น ‘รมว.พาณิชย์’ ไม่ใช่ ‘ทนายแก้ต่างให้ยิ่งลักษณ์’ เรื่องจำนำข้าว

(11 พ.ค.67) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีข้าวหอมมะลิเก่าค้างโกดังโครงการรับจำนำข้าว 10 ปี รวม 1.5 หมื่นตันที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแนวคิดที่จะนำเข้าสู่ระบบข้าวเพื่อส่งออกไปขายให้แอฟริกานั้นว่า ข้าวที่ค้างโกดัง 10 ปี ในยุครัฐบาลนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี้เป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นอย่าเอาข้าวล็อตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตันนี้ มาทำเล่นให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรชาวนา เพราะจะทำให้ต่างประเทศที่จะซื้อข้าวจากไทย ที่เราส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งหรือ อันดับสองของโลกต้องพลอยจะเสียชื่อของประเทศไทยไปด้วยว่า เราเอาข้าวเสื่อมคุณภาพเข้าระบบข้าว มาขายแล้วไปผสมให้เขา จะทำให้ต่างประเทศเขาสงสัยและเอาไปพูดต่อให้เสียหาย นี่เป็นเรื่องของการตลาดและความน่าเชื่อถือของข้าวไทย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าอยากจะช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ยึดความจริง อย่าไปเอาเรื่องไม่จริงไปหลอกลวงให้คนอื่นสับสนวุ่นวาย และมันจะกระทบต่อภาพรวมของวงการค้าข้าวทั้งระดับประเทศ ระดับโลก

ท่านจะซื้อข้าวนี้ไปเอง จะซื้อไปเก็บ หรือจะซื้อไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ แต่อย่าเอามาเล่นเป็นการเมือง ผมขอฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่าคิดสั้น ให้คิดยาว คุณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทย ไม่ใช่ทนายแก้ต่างให้คุณยิ่งลักษณ์ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ศาลท่านตัดสินแล้วว่าพวกคุณทำผิดกันและก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งมีการใช้หนี้ไปจำนวนมากแล้วโดยใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนมาชดใช้หนี้เสียจำนำข้าว ไม่ใช่เอาเงินของคุณยิ่งลักษณ์ หรือของตระกูลชินวัตรมาชดใช้ หรือเอาเงินของพรรคเพื่อไทยมาใช้หนี้แม้แต่บาทเดียว เพราะฉะนั้น ผมขอฝากชัด ๆ ว่า บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของเล่น เราเป็นนักการเมืองเข้ามาอาสารับใช้ประชาชน ไม่ใช่มานั่งแก้ตัว หรือหาเรื่องค้าบ้านค้าเมือง หาผลประโยชน์กันต่อ ที่หาเรื่องถกเถียงในเรื่องที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว ถ้าคุณไม่ยอมรับว่า เรื่องที่ศาลตัดสินไปแล้วว่าถูกต้อง คุณก็กลับไปฟ้องว่า ใครเป็นผู้ที่ทำผิด

และถ้าเกิดคุณสงสัยว่าข้าวที่อยู่ในโครงการนี้ในอดีตที่ผ่านมาสมัย คสช.ใครไปทำผิด ผมแนะนำว่า คุณมีอำนาจ คุณไปจัดการสอบสวนและดำเนินคดีกับคนนั้น ถ้าใครทำผิดก็เอาไปจัดการ เอาเข้าคุกไปและไปยึดทรัพย์เลย ผมท้าให้พวกคุณไปทำหน้าที่ในฐานะเป็นตัวแทนประชาชน ผมจะขอบคุณด้วยซ้ำ ถ้าสามารถจับได้ว่า ใครที่ทำผิด จะมียศนายพลใหญ่ขนาดไหน ก็ไปจัดการตามกฎหมายเอา ถ้าแน่จริงขอฝากไปถึงนายทักษิณ และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และฝากถึงนายภูมิธรรม มือขวาของนายทักษิณด้วยว่า ถ้าแน่จริง ไปทำเลยถ้าไม่ทำก็แสดงว่า ไม่แน่จริง คุณกำลังเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง เพื่อจะช่วยเหลือน.ส.ยิ่งลักษณ์ตามที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กันหรือไม่ สังคมกำลังติดตาม อย่ามาทำลายเกษตรกรชาวนาไทยด้วยวิธีนี้แค่ข้าว 1.5 หมื่นตัน มันเป็นเศษเสี้ยวของความเสียหายที่พวกคุณทำอะไรกันไว้ในอดีต ขอให้ยุติเรื่องพวกนี้และไปทำเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองจะดีกว่า นายชาญชัย กล่าว

‘เจ้าของโรงสี’ ชี้ ข้าว 10 ปี ถ้าดูแลดี นำมาหุงกินได้ ผิดกับข้าวหน้าคลัง ‘อคส.’ ถูกทิ้ง 9 ปี ‘เน่าหมดสภาพ-กินไม่ได้’

(11 พ.ค.67) นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอปอเรชั่น จำกัด ต.ธำรงค์ อ.เมืองกำแพงเพชร ที่รับซื้อขายข้าวเปลือกและแปรรูปข้าวส่งออกจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งยังมีโกดังให้เช่า 15 หลัง นำสื่อมวลชนดูสภาพกองข้าว บริเวณหน้าโกดังคลังสินค้าหลัง A1 หรือที่เรียกกันว่าโกดังเก็บข้าว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 รวมระยะเวลา 9 ปี

ซึ่งเป็นกองข้าวสรรบรรจุในกระสอบและบิ๊กแบ็ก วางทับกันสูงประมาณ 3 - 5 เมตร ยาว 300 เมตร มีเมล็ดข้าวแตกออกจากกระสอบที่ผุพังและข้าวบางกองก็มีสภาพเน่าเสียจากการถูกน้ำฝนที่สาดเข้ามาหรือมีนกมาถ่ายมูลทิ้งไว้

นายมนต์ชัย เปิดเผยว่า สภาพของข้าวกองนี้เป็นข้าวที่เสียหาย หมดสภาพที่จะนำไปรับประทานได้ เนื่องจากไม่ได้ถูกจัดเก็บอย่างดีและไม่มีการดูแลคุณภาพข้าวตามมาตรฐาน ข้าวจึงอยู่ในสภาพที่นำไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์หรือแปรรูปเป็นพลังงานได้เท่านั้น

ส่วน การที่จะนำข้าวที่มีอายุ 10 ปีมารับประทานได้หรือไม่นั้น ในความเห็นของผู้ประกอบการที่ทำโรงสีมานานกว่า 30 ปีมองว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลคุณภาพข้าวสาร หากเป็นข้าวที่ได้รับการจัดเก็บอย่างถูกต้องและดูแลเรื่องของคุณภาพข้าวที่ได้ตามมาตรฐาน เช่น อยู่ในโกดังที่มิดชิด มีอากาศถ่ายเท อบรมยาดูแลคุณภาพข้าวอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถนำมาปรับปรุงใหม่ นำมารับประทานได้ แต่หากดูแลไม่ดี สภาพข้าวก็จะมีทั้งกลิ่นทั้งสีที่ไม่น่ารับประทาน ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการดูแลรักษาคุณภาพข้าวของแต่ละพื้นที่แต่ละแห่งนั่นเอง

สำหรับกองข้าวที่ทิ้งไว้หน้าโกดัง A1 ของบริษัทนั้น นายมนต์ชัย บอกว่า เป็นข้าวที่ไม่ได้รับการเหลียวแล เป็นข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายก อคส.หรือองค์การคลังสินค้า ได้นำข้าวมาฝากเช่าที่โกดังแห่งนี้ และเมื่อปี พ.ศ. 2558 เกิดเหตุไฟไหม้กลางกองข้าวในโกดัง หลังจากระงับไฟได้แล้วข้าวบางส่วน อคส. และเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย ได้มาตรวจสอบ-คัดแยกข้าวเคลื่อนย้ายออกมาไว้ที่หน้าโกดัง ในกรณีนี้ทาง อคส. ได้รับค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัยไปกว่า 10 ล้านบาท

ต่อมา อคส.ได้เปิดประมูลข้าวในโกดังเมื่อปี พ.ศ.2562 ผู้ชนะประมูลได้มาเคลื่อนย้ายข้าวดีภายในโกดังและที่หน้าโกดังออกไปบางส่วน ยังคงเหลือข้าวอีกกว่า 3,000 ตัน ถูกกองทิ้งไว้ ทางบริษัทได้ส่งหนังสือแจ้ง อคส.หลายครั้ง แต่กลับปฏิเสธข้าวกองนี้ แต่ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสต๊อกคงเหลือปีละสองครั้ง

ซึ่งทางผู้ประกอบการโรงสีได้ร้องขอให้ทาง อคส. มาขนข้าวออกจากพื้นที่ เนื่องจากไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการประกอบการได้ แต่ได้รับการเพิกเฉย ทางบริษัทจึงอยู่ในระหว่างฟ้องร้องต่อศาลเรียกค่าเสียหายต่อศาลปกครองกลาง รวมทั้งได้ยื่นหนังสือถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีได้รับความเสียหายจากการกระทำขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ดังกล่าวด้วย

ใครกินข้าวสารเก็บ10 ปี เสี่ยงติดโรคเชื้อรา-ที่ปอดแบบรุกราน

ผลงานการวิจัยของนักวิชาการ 4 ท่าน ที่เผยแพร่โดยกรมวิชาการเกษตร เมื่อปี 2528 เรื่อง การใช้สารรมฟอสฟีนเพื่อเก็บรักษาข้าวสารในระยะยาว ที่ทำการศึกษาโดย คุณชูวิทย์ ศุขปราการ (ปัจจุบันได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นบุคคลดีเด่นด้านอารักขาพืชสาขากีฏและสัตววิทยา ประจำปี2562) คุณกัญจนา พุทธสมัย คุณเครือวัลย์ อัตตะวิริยะสุข และคุณละม้ายมาศ ขาวไชยมหา 

ได้ข้อสรุปว่า การใช้สารรมฟอสฟีน30วันและ60วัน ปรากฎว่าไม่มีการทำลายของแมลง ไม่พบแมลงที่มีชีวิต และไม่พบสารแอลฟลาท็อกซิล 

แต่ พบว่ามีเชื้อราบางชนิดที่มีมากกว่าก่อนเก็บข้าวสาร คือเชื้อราชื่อ Aspergillus sp. จากการค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม มีบทความของชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย ที่เขียนโดย นพ.มั่นจิตต์ ณ สงขลา บุตรชายนายแพทย์มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การติดเชื้อรา Aspergillus แบบรุกรานมักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำโดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิลต่ำนานมากกว่า 2 สัปดาห์ เป็นผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูกที่มีภาวะ GVHD หรือผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหลายขนาน 

การติดเชื้อแบบรุกรานนี้สามารถพบได้หลายอวัยวะจึงมีอาการทางคลินิกได้หลากหลาย แต่ส่วนมากมักพบเป็นการติดเชื้อที่ปอดสูงถึงประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบรุกรานทั้งหมด เรียกว่าโรคติดเชื้อรา Aspergillus ที่ปอดแบบรุกราน (Invasive pulmonary aspergillosis: IPA)  

ดังนั้น ข้าวสารเก็บไว้10ปี จะมีเชื้อรา Aspergillus มากเพียงใด และจะเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อรา-ปอดแบบรุกราน หรือไม่ ผู้ที่กินข้าวสารเก็บ10 ปี ท่านกำลังอยู่ในความเสี่ยง นะครับเจ้านาย

นราธิวาส-ผบ.ทบ. เยี่ยมให้กำลังใจ และติดตามการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนนราธิวาส

วันนี้ ( 11 พฤษภาคม 2567 ) เวลา 09.00 น. พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย คณะผู้บังคับบัญชา ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล พร้อมติดตามการปฏิบัติภารกิจของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ที่ 33 อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส  และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของหน่วย และมอบแนวทางการปฏิบัติงานแก่กำลังพล โดยมี พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมคณะตรวจเยี่ยม และ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ภาคใต้ , ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือที่ 33 ,หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

พร้อมกันนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ และคณะฯ ได้ลงนามในสมุดตรวจเยี่ยม พร้อมพบปะให้กำลังใจแก่กำลัง และสอบถามปัญหา ความเป็นอยู่ ข้อขัดข้อง เพื่อร่วมหาวิธีพัฒนาการปฏิบัติภารกิจ ทั้งการป้องกันตนเอง การป้องกันฐานปฏิบัติการ เพื่อการดูแลประชาชนให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภคแก่หน่วยงานในพื้นที่ เพื่อแทนคำขอบคุณและกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่อีกด้วย

โอกาสนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ระบุว่า กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อส.จชต. ) ในทุกตำบลของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่ง นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานให้หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ  ดำเนินการฝึกและเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำเสริมสร้างสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ เป็นกำลังหลักในการดูแลพื้นที่และพิทักษ์ประชาชน มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานตามหลักยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา พร้อมระบุว่า Marine คือ ทหารนาวิกโยธิน สำหรับเมืองไทย Marine คือ กองพลที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพเรือ พร้อมชื่นชมกำลังพลทหารนาวิกโยธินทุกนาย เป็นผู้มีความรู้ มีความสามารถ เทียบเท่าทหารอเมริกัน  เห็นได้จากการดูแลพื้นที่ให้มีมั่นคง เป็นที่เชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทั้งงานด้านยุทธการเป็นงานยุทธศาสตร์ ด้านการพบปะกับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการควบคู่การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ให้พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่แห่งนี้ คือ อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีความเจริญและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง พร้อมย้ำว่าผู้บังคับบัญชาทุกระดับ มีความห่วงใย และขอส่งกำลังใจมายังกำลังพลทุกนาย ขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างมีสติ ไม่ประมาท หมั่นซักซ้อมการปฏิบัติให้พร้อมรับมือต่อสภานการณ์ฉุกเฉินและทุกเหตุการณ์อย่างทันท่วงที 

รวมทั้งกล่าวขอบคุณที่ทุกท่านทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ และขออำนวยพร สวดมนต์ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ฃหลายอันเป็นมงคลยิ่งให้การปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ และปกป้องอันตราย ตลอดจนนำไปสู่ครอบครัวของทุกคน ยืนยันได้เห็นแววตาความมุ่งมั่น ทุ่มเท ตั้งใจจริง ของทุกคน ที่เป็นผู้มีวินัย มีความเข้มแข็งของชายชาติทหาร แม้ในอนาคตเราจะไม่ได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่แห่งนี้แล้วก็ตาม  ขอเป็นกำลังใจ และเชื่อมั่นว่า ทุกคนทำงานที่ตั้งใจ อย่างมีความสุขและปลอดภัย ขอบคุณที่เสียสละเพื่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ นำพาความผาสุข มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างแท้จริง

‘อัครเดช’ ชี้ โควตา รมช.คลัง เป็นเรื่อง ‘หัวหน้า-เลขา’ หารือร่วมกัน ยัน!! ไม่มีรอยร้าวในพรรค ‘สุพัฒนพงษ์’ ยังพร้อมช่วยงาน แม้ลาออกจากสมาชิก

(11 พ.ค.67) นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันพรุ่งนี้ (12 พฤษภาคม) ว่า กำหนดการจะเป็นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค เปิดสัมมนา จากนั้นจะเป็นการคุยเรื่องนโยบายรื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานไทยซึ่งจะเป็นการทำความเข้าใจกับ สส.ของพรรค และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ถึงนโยบายพรรคในการดูแลพี่น้องประชาชนเรื่องพลังงานว่าจะมีมาตรการระยะสั้น ระยะยาวอย่างไรบ้าง เพื่อให้สส.ของพรรคนำไปชี้แจงให้ประชาชนและเครือข่ายได้รับทราบ

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยถึงโควตารัฐมนตรีช่วย แทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ลาออกจากตำแหน่งด้วยหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ในการสัมมนาพรรควันพรุ่งนี้ เบื้องต้นจะยังไม่มีเพราะเรื่องโควตารัฐมนตรีช่วย เพราะต้องเป็นเรื่องที่นายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค จะได้ปรึกษาหารือร่วมกัน ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรจะมีแจ้งสื่อมวลชนอีกครั้ง

เมื่อถามต่อว่า ในโควตาจะยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค รทสช. ยืนยันว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังเป็นโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ 

เมื่อถามถึง กรณีมีกระแสข่าวว่าภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ มีรอยร้าว เพราะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตสส.บัญชีรายชื่อ ก็ได้มีหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคด้วยเช่นกัน นายอัครเดช กล่าวว่า นายสุพัฒนพงษ์ ลาออกเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นายกฤษฎาจะลาออก โดยกรณีของนายสุพัฒนพงษ์ ที่ลาออกเนื่องจากต้องไปดำรงตำแหน่งในภารกิจส่วนตัวของท่าน เพราะการเป็นสมาชิกพรรคอาจจะไม่เหมาะสมในเรื่องของคุณสมบัติ แต่ท่านยังยินดีที่จะสนับสนุนกิจกรรมของพรรค และดูแลสส.อยู่ 

“ท่านยังผูกพันและไม่ได้มีปัญหากับพรรค ยังพร้อมที่จะช่วยงานพรรคอยู่ หากพรรคร้องขอไป ซึ่งหากมีกิจกรรมอะไรก็อาจจะได้เห็นท่านรองสุพัฒนพงษ์ ไปร่วมกิจกรรมด้วย และท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช ยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะที่กรณีของนายกฤษฎา ก็เป็นดุลยพินิจของท่านในการที่จะตัดสินใจ และเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของนายกฤษฎา เพราะเป็นเรื่องในกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องของพรรค ซึ่งนายกฤษฎาไม่ได้นำมาหารือในพรรคด้วย ฉะนั้น ปัญหาพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของนายกฤษฎาจึงไม่มีส่วนเชื่อมโยงกัน

เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหากันใช่หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า “ไม่มีครับ ไม่มี”

สหรัฐฯ เล็งขึ้นภาษีนำเข้ารถ EV จากจีน 4 เท่าตัว เพิ่มจาก 25% เป็น 100% ขวางทางโต EV ขั้นสุด

(11 พ.ค.67) TechHangout รายงานว่า สหรัฐฯ กำลังจะประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายประเภท รวมถึงสินค้ารักษ์โลกต่าง ๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ เวชภัณฑ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน จาก 25% เป็น 100%

ปัจจุบัน รถยนต์ที่ผลิตในจีนทั้งหมดต้องเสียภาษีนำเข้า 25% เมื่อนำเข้ามายังสหรัฐฯ นอกเหนือจากภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศอีก 2.5% ซึ่งรวมเป็น 27.5% ภาษีที่สูงนี้ส่งผลกระทบต่อการนำเข้ารถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำกว่าเป็นเรื่องง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีราคาไม่แพง แม้จะมีภาษี 25% ราคาก็ยังคงแข่งขันได้ ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่า ไม่ว่าอย่างไร รถยนต์ไฟฟ้าจีนก็อาจเข้ามาทำตลาดในสหรัฐฯ อยู่ดี

ทางการสหรัฐฯ จึงมองว่าภาษี 25% ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าจีน ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะขึ้นเป็น 100% ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะมีราคาขายเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อนำเข้ามาสหรัฐฯ 

ทั้งนี้ นโยบายนี้ยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีการประกาศเกี่ยวกับภาษีใหม่ในวันอังคารนี้ (14 พ.ค.67)

ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ และยุโรป หลายรายเรียกร้องให้มีการขึ้นภาษี เนื่องจากการผลิต รถยนต์ไฟฟ้าจีน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดยในปี 2015 ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าของจีนอยู่ที่เพียง 0.84% ซึ่งใกล้เคียงกับส่วนแบ่งการตลาดของสหรัฐฯ ที่ 0.66% แต่ในปี 2023 แม้ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็นเพียง 7.6% แต่ส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกลับพุ่งสูงไปถึง 37% แซงหน้าหลายประเทศในอุตสาหกรรมนี้

ปัจจุบันภายใต้ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้การผลิตยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีรถล้นตลาดและพอที่จะทำให้มีรถเหลือเฟือสำหรับการส่งออก และผู้ผลิตรถจีนก็ได้เริ่มส่งออกไปยังยุโรปจำนวนมาก จนถึงขั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาเรือขนส่งได้เพียงพอ

ฉะนั้นเพื่อไม่ให้โอกาสการขยายตัวของรถไฟฟ้าจีนเพิ่มไปกว่านี้ การขึ้นภาษีรถไฟฟ้าจีนที่จะเข้ามาในสหรัฐฯ จึงเป็นเกมกีดกันการค้าที่ดุเอาเรื่อง และนั่นก็จะส่งผลให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีโอกาสได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาประหยัดและเทคโนโลยีล้ำสมัยน้อยลงด้วยไปโดยปริยาย

'รศ.ดร.ดนุวัศ' เปิดม่าน DAD NIDA หลักสูตรผู้นำแห่งปี รุ่นที่ 9 มุ่งสร้างผู้นำยุคดิจิทัลรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนองค์กร-พัฒนาประเทศ

ก้าวสู่รุ่นที่ 9 ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลกับหลักสูตร DAD NIDA ที่มุ่งสร้างผู้นำในยุคดิจิทัล เปิดหลักสูตรแล้วอย่างเป็นทางการ นำโดย รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก 

เปิดหลักสูตรแล้วอย่างเป็นทางการ กับหลักสูตร Development Administrator in Digital Era (DAD NIDA ) รุ่นที่ 9 หลักสูตรแห่งปี ที่มุ่งสร้างผู้นำยุคดิจิทัลรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและพัฒนาประเทศ รุ่นที่ 9 

โดยพิธีเปิดได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ณ VIE Hotel Bangkok, MGallery Hotel Collection นำโดย รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ และผู้อำนวยการหลักสูตร DAD NIDA โดยท่านได้ให้เกียรติ ในการกล่าวเปิดหลักสูตรอย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจและการบริหารประเทศ ส่งผลให้องค์กรต้องปรับตัวด้วยการทำ Digital Transformation ดิจิทัลจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่รอดของธุรกิจ องค์กรที่ปรับตัวทันกับการเปลี่ยนแปลงจึงจะอยู่รอดได้ 

ผู้นำองค์กรยุคดิจิทัลในปัจจุบันจึงต้องมีองค์ความรู้รอบด้าน มีทักษะและทัศนคติที่สอดคล้องกับโลกยุคดิจิทัล จึงจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรให้อยู่รอดรวมถึงแสวงหาโอกาสจากโลกยุคดิจิทัลได้

หลักสูตร DAD NIDA จึงได้ออกแบบมาเพื่อสร้างผู้นำยุคดิจิทัลเพื่อพัฒนาองค์กรและประเทศ ผ่านการถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญในวงการชั้นนำระดับประเทศ ที่มีความรู้และประสบการณ์ที่อัดแน่น ทันสมัย สอดรับกับโลกยุคดิจิทัล พร้อมทั้งกิจกรรม Design Thinking Workshop และ Bootcamp เน้นลงมือปฏิบัติงานจริง และสร้างเครือข่ายเพื่อต่อยอดการพัฒนาประเทศในอนาคต

สิ่งที่ผู้นำในยุคดิจิทัลทุกคนต้องจำขึ้นใจคือ "อย่าหยุดการเรียนรู้ เพราะชีวิตไม่เคยหยุดสอนเรา" เป็นสิ่งที่ รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก เน้นย้ำกับนักเรียน DAD NIDA เนื่องด้วยบริบทในโลกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เราเคยเรียนรู้ในอดีตอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราจึงต้องเรียนรู้ ปรับตัวให้ทันและเข้ากับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลา 

ท่านจึงมุ่งหวังที่จะสร้างหลักสูตรที่ตอบโจทย์ผู้นำยุคดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เน้นสร้าง Experience ให้กับผู้เรียนซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าที่อยู่นอกเหนือจากตำราผ่าน Activity-Based Learning และการถ่ายทอดประสบการณ์จากวิทยากรชั้นนำระดับประเทศ

ภายในพิธีเปิดหลักสูตรมีผู้นำรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพจากหลากหลายวงการเข้าร่วมอย่างคับคั่ง บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มีทั้งความรู้จากเหล่ากูรู วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ที่ปรึกษาหลักสูตร และมิตรภาพจากเพื่อน ๆ จาก DAD รุ่นที่ 8 ที่ตั้งใจมาแชร์ประสบการณ์ในการเรียนในหลักสูตร DAD นับเป็นบรรยากาศที่น่าอบอุ่น เป็นกันเองเป็นอย่างยิ่ง

อีกทั้งงานในวันนี้ยังนับเป็นการได้พบปะกันครั้งแรกของเพื่อน ๆ DAD รุ่นที่ 9 นี้อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ และความสำเร็จของหลักสูตร DAD ที่มุ่งหวังในการผลิตคนคุณภาพออกไปพัฒนาประเทศ และปีนี้พร้อมก้าวสู่รุ่นที่ 9 ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน 

ยังมีกิจกรรมอีกมากมายภายในหลักสูตรให้ได้ติดตามกัน ท่านที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมหลักสูตรได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.dadnida.com และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ DAD NIDA สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line : @dadnida (มี@) หรือโทร 092-728-6722

สาวสุดกลั้น โบกรถตำรวจให้ช่วยพาไปส่งที่ ‘ห้องน้ำ’ พี่จราจรไม่รอช้า พาซ้อน จยย. ส่งถึงที่ ชาวโซเชียลแห่ชื่นชม

(11 พ.ค.67) กลายเป็นคลิปที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์ เมื่อเกิดเหตุการณ์เร่งด่วน เรื่องทุกข์ร้อนของประชาชนที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบให้ความช่วยเหลือ

เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นกลางในเมือง ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า การจราจรในกรุงเทพนั้นสาหัสแค่ไหน แน่นอนว่า ความปวดท้องหนักนั้นไม่เข้าใครออกใคร ถ้าข้าศึกบุกเราก็พร้อมจะแพ้พ่าย ทำให้กลายเป็นไวรัล เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วยโดยด่วน โดยเพจสืบนครบาล ระบุว่า ...

สำหรับเหตุการณ์คับขันที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์จริง ใจกลางกรุงเทพมหานคร บนถนนศรีอยุธยา ในระหว่างที่การจราจรติดขัด เพื่อนในรถตู้เกิดปวดท้องทนไม่ไหว ต้องการเข้าห้องน้ำด่วน เพราะข้าศึกประชิดประตูเมืองแล้ว กระทั่งเปิดกระจกถามเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พญาไท แล้วไหว้วานให้พี่ตำรวจพาไปส่งเข้าห้องน้ำ

เมื่อประชาชนกำลังเป็นทุกข์ขอหวังพึ่ง ตำรวจก็ไม่รีรอ ให้บริการประชาชน พาซ้อนรถจักรยานยนต์สายตรวจจราจร ไปส่งที่โรงพยาบาลสงฆ์ ซึ่งเป็นจุดที่มีห้องน้ำอยู่ใกล้ที่สุด เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์

‘ดุริยางคศิลป์ มหิดล’ ติดอันดับ 35 มหาลัยดนตรีโลก ชี้!! ไทยมี ระบบการศึกษาดนตรีที่เข้มแข็ง แซง ‘สิงคโปร์-มาเลเซีย’

(11 พ.ค.67) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้กระทรวง อว. ได้รับการจัดอันดับที่ 35 ในสาขาดนตรี ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS Top Universities Ranking ประจำปี 2567 การจัดอันดับด้านดนตรีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นการจัดอันดับครั้งแรก โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ของไทยนับมีความโดดเด่นในการจัดอันดับสูงหลายๆ มหาวิทยาลัยในเอเชีย เช่น National University of Singapore ที่ได้อันดับที่ 38 และ University of Malaya, Malaysia ที่ได้อันดับที่ 95

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ตนมีนโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพของมหาวิทยาลัยไทยที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านที่แตกต่างกันมาโดยตลอด เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพทุกๆ ด้านให้กับประเทศ ซึ่งผลลัพธ์นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนทางดนตรีทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากความทุ่มเทของคณาจารย์ พนักงาน นักศึกษา และศิษย์เก่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีผลงานที่เคยเป็นที่ประจักษ์มาแล้วเมื่อวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้รับการจัดอันดับที่ 47 ในสาขา Performing Arts ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS Top Universities Ranking ประจำปี 2565 ซึ่งยังไม่มีมหาวิทยาลัยด้านดนตรีของไทยที่ขึ้นอันดับใน Top 50 ได้จนถึงปัจจุบัน

“ปีนี้วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาดนตรี และสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยการได้รับการจัดอันดับที่ 35 ของโลก เป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นในวงการศึกษาดนตรีโลก ว่าประเทศไทยมีระบบการศึกษาดนตรีที่เข้มแข็ง และช่วยส่งเสริม ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในด้าน Soft Power ในอนาคตอีกด้วย” น.ส.ศุภมาส กล่าว

143 ชาติโหวตหนุน ‘ปาเลสไตน์’ ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นในเวทียูเอ็น ย่างก้าวสำคัญสู่การพิจารณาให้สมาชิกภาพเต็มรูปแบบ

(11 พ.ค.67) ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่ปาเลสไตน์ ในเวทียูเอ็นเมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) ซึ่งถือเป็นย่างก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพิจารณาให้สมาชิกภาพเต็มรูปแบบ

กีลาด เออร์ดัน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น แสดงท่าทีไม่พอใจภายหลังการโหวตซึ่งมีผลในเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่ ริยาด มันซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำยูเอ็น ชี้ว่านี่คือการลงมติครั้งประวัติศาสตร์

รัฐสมาชิกยูเอ็นจำนวน 143 ประเทศ รวมถึง 'ไทย' ได้ให้การรับรองมติดังกล่าว โดยมี 9 ประเทศคัดค้าน และอีก 25 ประเทศงดออกเสียง

มติดังกล่าวมีการระบุชัดเจนว่า ปาเลสไตน์จะไม่สามารถถูกเลือกเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น (UNSC) หรือลงคะแนนโหวตในที่ประชุม UNGA ได้ ทว่าจะมีสิทธิยื่นข้อเสนอและแก้ไขข้อเสนอได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องกระทำผ่านประเทศอื่น ๆ อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

มตินี้ยังให้สิทธิแก่ผู้แทนปาเลสไตน์ในการนั่งอยู่ท่ามกลางรัฐสมาชิกยูเอ็น โดยเรียงตามลำดับตัวอักษรด้วย

ริชาร์ด โกวาน นักวิเคราะห์จาก International Crisis Group ชี้ว่าความเคลื่อนไหวของยูเอ็นในครั้งนี้กำลังสร้างวงจรความล้มเหลวทางการทูต เพราะในขณะที่ UNGA เรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ UNSC รับรองสมาชิกภาพเต็มรูปแบบแก่ปาเลสไตน์ แต่ถูกสหรัฐฯ ใช้สิทธิวีโต ตีตกทุกครั้งอีกเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี โกวาน ระบุว่า ผลโหวตในเชิงสัญลักษณ์นี้ มีความสำคัญ เพราะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐฯ และอิสราเอลว่า ประชาคมโลกเล็งเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องผลักดันการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์อย่างจริงจังเสียที

ปาเลสไตน์ได้ยื่นคำร้องซ้ำในเดือน เม.ย. เพื่อขอเข้าเป็นรัฐสมาชิกยูเอ็นเต็มรูปแบบ จากปัจจุบันที่มีฐานะเป็นเพียง ‘รัฐผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ใช่สมาชิก’ (nonmember observer state)

กระบวนการดังกล่าวจะสำเร็จได้ต้องได้รับไฟเขียวจากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น รวมถึงได้เสียงสนับสนุนจากรัฐสมาชิก UNGA ถึง 2 ใน 3

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง และเป็นชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของอิสราเอล ได้ใช้สิทธิ ‘วีโต’ ความพยายามของปาเลสไตน์เมื่อวันที่ 18 เม.ย.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top