Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

8 มีนาคม ของทุกปี วันสตรีสากล (International Women's Day) ร่วมเฉลิมฉลองความเสมอภาคและเท่าเทียม

วันสตรีสากล (International Women's Day) ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่เหล่าสตรีจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา อาชีพใด จะร่วมเฉลิมฉลองความเสมอภาคที่ได้รับมา และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันในสังคมอีกด้วย

ความเป็นมาของวันสตรีสากล

ประวัติวันสตรีสากล เกิดขึ้นจากกรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้า รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พากันลุกฮือประท้วงให้นายจ้างเพิ่มค่าจ้าง และเรียกร้องสิทธิของพวกเธอ แต่สุดท้ายกลับมีผู้หญิงถึง 119 คน ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ด้วยการที่มีคนลอบวางเพลิงเผาโรงงานที่พวกเธอนั่งชุมนุมกันอยู่ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400)

จากนั้นในปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) กรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้าที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทนไม่ไหวต่อการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ทารุณ ของนายจ้างที่ใช้งานพวกเธอเยี่ยงทาส เนื่องจากกรรมกรหญิงเหล่านี้ต้องทำงานหนักถึงวันละ 16-17 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด ไม่มีประกันการใช้แรงงานใด ๆ เป็นผลให้เกิดการเจ็บป่วยล้มตายตามมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่กลับได้รับค่าแรงเพียงน้อยนิด และหากตั้งครรภ์ก็ถูกไล่ออก

ความอัดอั้นตันใจจึงทำให้ "คลาร่า เซทคิน" (CLARE ZETKIN) นักการเมืองสตรีสายแนวคิดสังคมนิยม ชาวเยอรมัน ตัดสินใจปลุกระดมเหล่ากรรมกรสตรีด้วยการนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1907 พร้อมกับเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานลงเหลือวันละ 8 ชั่วโมง อีกทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการทุกอย่าง และให้สตรีมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้การเรียกร้องครั้งนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากมีแรงงานหญิงหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ทำให้สตรีทั่วโลกสนับสนุนการกระทำของ "คลาร่า เซทคิน" และเป็นการจุดประกายให้สตรีทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงสิทธิของตัวเองมากขึ้น

ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) มีแรงงานหญิงกว่า 15,000 คน ร่วมเดินขบวนทั่วเมืองนิวยอร์ก เรียกร้องให้ยุติการใช้แรงงานเด็ก โดยมีคำขวัญการรณรงค์ว่า "ขนมปังกับดอกกุหลาบ" ซึ่งหมายถึงการได้รับอาหารที่พอเพียงพร้อม ๆ กับคุณภาพชีวิตที่ดี

จนกระทั่งในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1910 (พ.ศ. 2453) ความพยายามของกรรมกรสตรีกลุ่มนี้ก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีตัวแทนสตรีจาก 17 ประเทศ เข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ครั้งที่ 2 ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยในที่ประชุมได้ประกาศรับรองข้อเรียกร้องของบรรดากรรมกรสตรี ในระบบสาม 8 คือ ยอมให้ลดเวลาทำงานเหลือวันละ 8 ชั่วโมง ให้เวลาศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองอีก 8 ชั่วโมง และอีก 8 ชั่วโมงเป็นเวลาพักผ่อน พร้อมกันนี้ยังได้ปรับค่าแรงของแรงงานหญิงให้เท่าเทียมกับแรงงานชาย และยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็กอีกด้วย

ทั้งนี้ ยังได้รับรองข้อเสนอของ 'คลาร่า เซทคิน' ด้วยการกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล

‘การบินไทย – แอร์เอเชีย’ ประกาศกฎเหล็กใหม่ ห้ามใช้หรือชาร์จ Power Bank บนเครื่องบิน

(7 มี.ค.68) ‘การบินไทย - แอร์เอเชีย’ ประกาศห้ามใช้หรือชาร์จ Power Bank บนเครื่องบิน ขณะที่หลายสายการบินทั่วโลกทยอยออกมาตรการ หลังเหตุไฟไหม้บนห้องโดยสารเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกประกาศถึงผู้โดยสารเรื่องเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร โดยขอแจ้งให้ทราบว่าผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือชาร์จพาวเวอร์แบงก์ (แบตเตอรี่สำรอง) ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ทั้งนี้ กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี ผู้โดยสารยังคงสามารถนำ พาวเวอร์แบงก์ ขึ้นเครื่องได้ ตามความจุตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนด

โดยหลักเกณฑ์การนำแบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ขึ้นเครื่องบินตามระเบียบที่ กพท.กำหนดนั้นแบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank ไม่สามารถนำไปในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียนเพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ (Checked Baggage) เนื่องจากในระหว่างการเดินทาง แบตเตอรี่สำรอง ซึ่งมีส่วนประกอบจากลิเธียม(Lithium) อาจเกิดความร้อนสะสมจนก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือระเบิดได้

ขณะที่ผู้โดยสารจะต้องนำแบตเตอรี่สำรองไปในรูปแบบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry On) โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ได้กำหนดขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คือ

- หากแบตเตอรี่สำรองมีขนาดความจุ ไม่เกิน 100 Wh (Watt-Hour) หรือ 20,000 mAh (milli ampere-hour) ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 20 ชิ้น

- หากขนาดความจุเกิน 100 Wh (Watt-Hour) หรือ 20,000 mAh แต่ไม่เกิน 160 Wh (Watt-Hour) หรือ 32,000 ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น

- แต่ถ้าขนาดความจุเกิน 160 Wh (Watt-Hour) หรือ 32,000 mAh จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในทุกกรณี

ทั้งนี้ กพท.และสายการบินของไทย ยังใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรฐานและคำแนะนำของ ICAO พร้อมขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรอง และสภาพของแบตเตอรี่สำรองให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนการเดินทาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดสายการบินแอร์เอเชีย ได้ออกมาตรการแจ้งถึงผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยต่อส่วนรวม สายการบินแอร์เอเชียขอความร่วมมือทุกท่านงดใช้แบตเตอรี่สำรองเพื่อชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในระหว่างเที่ยวบิน 

สำหรับการพกแบตเตอรี่สำรองกับแอร์เอเชีย มีข้อกำหนดประกอบด้วย

1. สำหรับแบตเตอรี่สำรอง หรือ Power bank นั้นต้องพกติดตัวขึ้นเครื่องบิน เท่านั้น!

2. ต้องมีฉลากระบุกำลังไฟชัดเจน

3. อุปกรณ์ต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ชำรุด

4. มาเช็กความจุไฟฟ้าแบตเตอรี่สำรองตามมาตรฐานความปลอดภัยของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) กำหนด

อย่างไรก็ตาม สายการบินต่างชาติหลายสายการบิน ได้ออกประกาศห้ามใช้พาวแบงก์บนเครื่องบินก่อนหน้านี้ โดยเริ่มจาก Air Busan ประเทศเกาหลีใต้ ที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารเก็บ พาวเวอร์แบงก์ (แบตเตอรี่สำรอง) ไว้ในช่องเก็บสัมภาระ โดยให้พกติดตัว และไม่อนุญาตให้ชาร์จขณะโดยสารบนเครื่อง

โดยมาตรการดังกล่าวคาดว่า ป้องกันการเกิดปัญหา พาวเวอร์แบงก์ (แบตเตอรี่สำรอง) ลุกไหม้บนเครื่องบินนั่นเอง

จาก ‘นักเคลื่อนไหว’ สู่ ‘หมอนวดฝ่าเท้า’ ชีวิตใหม่!! ของนายจอม ในแดนน้ำหอม เมื่อทุนขาด!! ซัพพอร์ตหาย ฝรั่งไม่จ่ายแล้ว ก็ต้อง ‘กัดฟัน’ ปั้นอาชีพกันไป

ใครจะไปคิดว่าเส้นทางชีวิตของ 'นายจอม' หนึ่งในผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะวกเข้าสู่สายอาชีพนวดฝ่าเท้ากลางกรุงปารีส จากอดีตนักเคลื่อนไหวหัวร้อน สู่มือทองนักกดจุดผ่อนคลาย ด้วยเรทราคาเป็นกันเอง 25 ยูโรต่อชั่วโมง โปรโมชันแรงเหมาได้ทั้งสามี-ภรรยา แถมรับนวดหมู่เหมือนจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ได้อีกต่างหาก

แต่นอกจากเรื่องเส้นทางชีวิตที่พลิกผัน จุดที่ชวนตั้งคำถามยิ่งกว่าเทคนิคกดจุด คือข้อความจากเจ้าตัวเองที่ประกาศชัดว่า “ไม่เคยจบคอร์สหรือมีใบรับรองจากสถาบันใด ๆ” นี่แหละประเด็น! เพราะในฝรั่งเศส การให้บริการนวดแบบเก็บเงินนั้น ไม่ใช่ว่าใครอยากทำก็ทำได้ง่าย ๆ นะเธอ

ในฝรั่งเศส การประกอบอาชีพนวดเพื่อสุขภาพ (massage bien-être) โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ผ่อนคลาย กล้ามเนื้อ หรือระบบไหลเวียนโลหิต จำเป็นต้องมีการอบรมและได้รับ ใบรับรองจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง (Certificat หรือ Diplôme) รวมถึงต้องจดทะเบียนธุรกิจอย่างถูกต้อง (Auto-entrepreneur) เพื่อเสียภาษีและป้องกันข้อหาแอบแฝงทำงานผิดกฎหมาย

ถ้าเป็นการนวดเฉพาะทาง เช่น นวดฝ่าเท้า (Réflexologie plantaire) ก็อยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดียวกัน และยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะเป็นการกระตุ้นจุดสำคัญในร่างกาย หากไม่มีความรู้จริงอาจเข้าข่ายอันตรายต่อสุขภาพลูกค้า

ส่วนถ้าเป็นที่เยอรมนีก็หนักไม่แพ้กัน เพราะหากทำอาชีพนวดโดยไม่มีใบอนุญาต (Heilpraktiker) หรือไม่ได้ขึ้นทะเบียนกิจการ (Gewerbeanmeldung) และเสียภาษีอย่างถูกต้อง ก็ถือว่าเป็น การประกอบวิชาชีพผิดกฎหมาย เช่นกัน และเสี่ยงต่อโทษปรับสูงมาก หรืออาจถึงขั้นสั่งห้ามประกอบกิจการได้ทันที

พูดง่าย ๆ ว่า

ไม่มีใบรับรอง = ผิดกฎหมาย

ไม่จดทะเบียนธุรกิจ = ผิดกฎหมาย

รับเงินค่าบริการโดยไม่มีสถานะทางกฎหมาย = ผิดกฎหมาย

จะเห็นได้ว่า 'ใจรัก' อย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะข้อกฎหมายที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีเคร่งครัดมากเกี่ยวกับวิชาชีพสายสุขภาพแบบนี้ เพื่อปกป้องผู้บริโภคจากการรับบริการที่อาจเสี่ยงต่อสุขภาพ

และถ้าย้อนไปเมื่อก่อน ตอนยังวิ่งปราศรัยอยู่เมืองไทย ว่ากันว่าชีวิตของนายจอมก็เคยมีสายป่านต่างชาติคอยหนุน ทั้งทุน ทั้งทิป ทั้งค่าเดินทาง งานประชุมต่างแดนเรียกว่ามาครบวงจร แต่พอวันหนึ่งโลกเปลี่ยน ทุนเปลี่ยน กระแสเปลี่ยน จากที่เคยรับสปอนเซอร์ตั๋วเครื่องบินหรู ก็ต้องมานั่งนวดฝ่าเท้าคลายเส้นหารายได้จ่ายค่าเช่าห้องเองแบบเหงา ๆ

เมื่อทุนขาด ซัพพอร์ตหาย ฝรั่งไม่จ่ายแล้ว ก็ต้องกัดฟันปั้นอาชีพกันไป ใครว่าอุดมการณ์เลี้ยงท้องไม่ได้... ก็ต้องนี่แหละตัวอย่างจริง เสียงจริง นวดจริง เจ็บจริง

สุดท้ายนี้ ก็ขอเอาใจช่วยนายจอมให้หาเลี้ยงชีพได้ปลอดภัย ไม่โดนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเรียกตรวจเอกสารกลางคิวลูกค้ากำลังผ่อนคลายเท้าอยู่ละกันนะ

‘วอลโว่พระนคร’ จัดมหกรรมสุดพิเศษ!! ‘Volvo Phranakorn Fest’ 8-9 มี.ค.นี้ เปิดรถผู้บริหารป้ายแดง!! ให้เลือกเป็นเจ้าของ พร้อมส่วนลด 1.5 ล้านบาท

(8 มี.ค. 68) นายเกษม มูลทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการบริหาร บริษัท พระนคร สวีดิช คาร์ จำกัด กล่าวว่า มหกรรมสุดพิเศษ Volvo Phranakorn Fest 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ที่ลานกิจกรรม วอลโว่ พระนคร สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เยื้องวัดเสมียนนารี ในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568

ในงานยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้งโซนอาหาร โซนเด็กเล่น รับของที่ระลึก สามารถพาครอบครัวมาสัมผัสกิจกรรมได้ตลอดทั้ง 2 วัน

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์เด็ดกับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ Volvo EX90 Premium SUV 7 ที่นั่ง ที่สามารถเดินทางไกลได้ถึง 745 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

สำหรับแคมเปญพิเศษในงาน Volvo Phranakorn Fest ครั้งที่ 6

สิทธิพิเศษและของแถมสูงสุดถึง 1,500,000 บาท รถยนต์ในกลุ่ม Plug-in Hybrid/Volvo XC90, XC60, XC40, V60, S90, S60 สำหรับลูกค้าจองในงาน

ทุก ๆ การสั่งซื้อ จะได้รับ Privilege Card เป็นบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท ให้กับลูกค้าที่ได้รับมอบรถยนต์ภายในเดือนมีนาคม

วอลโว่ พระนคร หนึ่งในผู้แทนจำหน่ายรถยนต์วอลโว่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ให้บริการครอบคลุม ทั้งงานขาย, งานบริการหลังการขาย และศูนย์บริการซ่อมสี-ตัวถังมาตรฐานครบวงจรแบบ One Stop Service

เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา!! ‘ทรัมป์’ ขู่จะแซงชั่น ‘ปูติน’ ‘สีจิ้นผิง’ แอบอมยิ้ม!!

(8 มี.ค. 68) รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'Aksornsri Phanishsarn' โดยมีใจความว่า ...

#จักรพรรดิทรัมป์ ชอบข่มขู่คนอื่น !! 7 มีนา 2025 โพสต์ขู่ #ปูติน อีกแล้ววววว #จอมยุทธ์ไร้กระบวนท่า แบบทรัมป์ชอบกลับลำ/เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ #สีจิ้นผิง แอบอมยิ้ม  

สงสัยทีมงานจักรพรรดิทรัมป์ไม่เคยโชว์ข้อมูลให้แก ลุงทรัมป์แกเลยไม่รู้ว่า การ sanction แบบนี้มันไม่กระทบรัสเซียจ้า

รัสเซียโดนแซงชั่นชุดใหญ่จากพวกฝรั่งรุมถล่มรัสเซีย แต่ตัวเลขเศรษฐกิจ GPD รัสเซียยังโตต่อเนื่อง ปี 2023-2024 แถมโตกว่า ฝรั่งยุโรปหลายประเทศ

รัสเซียมีจีนสุดซี้หนุนอยู่ค่า ทุบยังไงก็ไม่พัง

ฝรั่งยุโรปหลายประเทศซิค่ะ ไปแซงชั่นรัสเซีย แต่เศรษฐกิจตัวเองน่วมเองจ้า (ตย เศรษฐกิจเยอรมันย่ำแย่มากค่า)

‘แบงค์ ศรราม น้ำเพชร’ นำทัพลิเก!! ร่วมแถลงข่าว ‘LONG LIKE LIKAY : ลอง รัก ลิเก’ เตรียมโชว์พิเศษ เน้น!! เสน่ห์ลิเกร่วมสมัย ผสมความเป็นไทย กับศิลปะสมัยใหม่ให้ลงตัว

(8 มี.ค. 68) มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ผนึกกำลัง ล้อมวงมันส์ Fun Network และ ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้ลิเกไทยกับงาน ‘LONG LIKE LIKAY : ลอง รัก ลิเก’ จะพาผู้ชมสัมผัสเสน่ห์ลิเกร่วมสมัยที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับศิลปะสมัยใหม่อย่างลงตัว พร้อมเปิดพื้นที่ให้ลิเกไทยก้าวสู่สากล รายได้สมทบทุนโครงการ ‘หนึ่งใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย’ ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ โดยจะจัดแสดงที่ศูนย์การค้า ยูเนี่ยน มอลล์ ชั้นจี ยูเนี่ยน โคอีเวนท์สเปซ โซนเอ (UNION MALL G FL., UNION CO-EVENT SPACE ZONE A) ระหว่างวันที่ 26 – 27 เมษายน 2568 เท่านั้น

โดยคณะลิเกเงินล้าน ศรรามน้ำเพชร  นำโดย แบงค์ - ศรราม เอนกลาภ พร้อมทีมนักแสดงชั้นนำของคณะ และนักแสดงรับเชิญ ก้าวหน้า - กิตติภัทร แก้วเจริญ มาร่วมถ่ายทอดความงดงามของศิลปะการแสดงไทยให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง พร้อมสัมผัสบรรยากาศโรงลิเกร่วมสมัยสุดอลังการ งานนี้จะเนรมิตรห้างใจกลางเมือง ยูเนี่ยนมอลล์ ยูเนี่ยน โคอีเวนท์ สเปซ ให้กลายเป็น เวทีลิเกแห่งอนาคต!! ผสมผสานแสง สี เสียงสุดตระการตา ให้แฟน ๆ ได้สัมผัสเสน่ห์ลิเกแบบใกล้ชิด

อย่าพลาด!! มาร่วมอิ่มสุข อิ่มบุญ ในงานที่ทุกคนรอคอย ‘LONG LIKE LIKAY : ลอง รัก ลิเก’ ในวันเสาร์ที่ 26 – อาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 ที่ศูนย์การค้า ยูเนี่ยน มอลล์ ชั้นจี ยูเนี่ยน โคอีเวนท์สเปซ โซนเอ ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. พบกับกิจกรรมบนเวที 2 วัน 2 สไตล์ 

โดยวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 พบกับ การแสดงจากคณะลิเก ศรรามน้ำเพชร, การแสดงโขนจากทีม MeRich กล้าโขน, และโชว์แดร็กควีน (Drag Queen) บัตรที่นั่งโซน VIP ใกล้ชิดติดเวที ราคา 1,500 บาท, บัตรปกติราคา 700 บาท, และรับชมทางไลฟ์(กลุ่มปิด)ราคา 199 บาท 

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 ฟรีตลอดวันกับโชว์แดร็กควีน (Drag Queen) และไฮไลท์มินิคอนเสิร์ตนำทีมโดย แบงค์ ศรราม พร้อมศิลปินจิตอาสา ปอย ธนัชชา, เฮ็น น้ำเพชร, เจน เจนจิรา, เบล พิสิษฐ์, เอส ปราชญา, และ เต๋า อโนทัย พร้อมศิลปินรับเชิญพิเศษ ก้าวหน้า-กิตติภัทร แก้วเจริญ สนใจติดตามและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook : Long Like Likay ลอง รัก ลิเก มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุข และสร้างกุศลร่วมกัน!!

สถานที่: ศูนย์การค้า ยูเนี่ยนมอลล์ ชั้น G ยูเนี่ยน โคอีเวนท์ สเปซ โซน A

จองบัตรและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

Facebook: Long Like Likay ลอง รัก ลิเก

‘รมว.ต่างประเทศจีน’ ลั่น!! 'ไต้หวัน' เป็นส่วนหนึ่ง ที่มิอาจแบ่งแยกได้ของ ‘ประเทศจีน’ ชี้!! หากสนับสนุน การเรียกร้อง ‘เอกราชไต้หวัน’ เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน

(8 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ‘หวังอี้’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวนอกรอบการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติว่าประวัติศาสตร์และความจริงยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของจีน และปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 80 ปี การฟื้นฟูไต้หวัน

หวังอี้กล่าวว่าชัยชนะจากสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนทำให้ไต้หวันกลับมาอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของจีนในปี 1945 ขณะทั้งปฏิญญาไคโรและปฏิญญาพอตส์ดัม ซึ่งออกโดยกลุ่มประเทศชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุชัดเจนว่าไต้หวันเป็นดินแดนที่ญี่ปุ่นขโมยจากจีนและต้องคืนสู่จีน โดยญี่ปุ่นยอมรับเงื่อนไขของปฏิญญาพอตส์ดัมและประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งหมดนี้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศยุคหลังสงคราม

ข้อมติที่ 2758 ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรับรองในปี 1971 ได้แก้ไขประเด็นการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด รวมถึงไต้หวัน ในองค์การสหประชาชาติ และตัดความเป็นไปได้ในการสร้าง 'สองจีน' หรือ 'จีนเดียว ไต้หวันเดียว' โดยการอ้างอิงถึงภูมิภาคไต้หวันในองค์การสหประชาชาติคือ 'ไต้หวัน มณฑลของจีน' ดังนั้นไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศ ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต

ขณะการเรียกร้อง 'เอกราชไต้หวัน' เท่ากับแบ่งแยกประเทศ การสนับสนุน 'เอกราชไต้หวัน' เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน และการสมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับ 'เอกราชไต้หวัน' เท่ากับบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน

หวังอี้เน้นย้ำการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศควรหมายถึงการสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสมบูรณ์ของจีน และการยึดมั่นหลักการจีนเดียวควรหมายถึงการต่อต้าน 'เอกราชไต้หวัน' ทุกรูปแบบ ส่วนการแสวงหา 'เอกราชไต้หวัน' จะประสบกับผลกระทบย้อนกลับ และการใช้ไต้หวันควบคุมจีนจะเป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะจีนจะบรรลุการรวมชาติ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้

‘กรังด์ปรีซ์ฯ’ ผนึกพันธมิตร 54 แบรนด์ดัง ปลุก!! อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้คึกคัก ไฮไลต์!! พื้นที่โซนใหม่ จัดแสดงอะไหล่รถ ‘อีวี-สันดาป’ ในงาน ‘บางกอกมอเตอร์โชว์’

(8 มี.ค. 68) บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 54 แบรนด์ดัง จัดงาน ‘บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์’ ครั้งที่ 46 ภายใต้ธีม ‘The Talk of Sensuous Automotive’ หรือ ‘สนทนาภาษายานยนต์’ ชูไฮไลต์พื้นที่โซนใหม่จัดแสดงอะไหล่รถอีวีและสันดาป หลังปิดดีลเครือข่ายผู้ผลิตและจำหน่ายจากประเทศจีน โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน พ.ศ.2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน ‘บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์’ ครั้งที่ 46 กล่าวว่า สำหรับงานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘The Talk of Sensuous Automotive’ หรือ ‘สนทนาภาษายานยนต์’ สื่อถึงปรัชญาแนวทางการออกแบบในโลกยานยนต์ที่สื่อสารเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง ความปรารถนา แรงบันดาลใจ สื่อสารเป็นภาษาของยานยนต์ เพื่อสะท้อนแนวคิด การสร้างสรรค์พัฒนา และประสบการณ์สุนทรียภาพทางอารมณ์อย่างมีคุณค่า

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานกล่าวว่างานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้มีผู้ประกอบการยานยนต์จากยุโรปและเอเชียตอบรับเข้าร่วมออกบูธภายในงานฯ แล้ว 54 ราย แยกเป็นรถยนต์ 41 บริษัท และจักรยานยนต์ 13 ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกงานอย่างเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้รับการตอบรับการเข้าร่วมออกงานฯของกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่เป็นแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย อาทิ ZEEKR, OMODA&JAECOO, CHERY, KINGGEN, JUNEYAO , RIDDARA และ GEELY รวมถึงเทคโนโลยีระบบนำทางภายในรถยนต์ HUAWEI อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YADEA ที่มาเปิดตัวครั้งแรกภายในงานฯ โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 14 ราย

ส่วนในไฮไลต์ของการจัดงานฯ ปีนี้ นอกจากมีการเปิดตัวรถยนต์และรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ทั้งรถสันดาปและรถอีวีของผู้ประกอบการยานยนต์แล้ว บริษัทฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 พื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการออกบูธอุปกรณ์ตกแต่งรถโดยเฉพาะ โดยในปีนี้ได้ขยายฐานผู้ออกบูธแสดงสินค้าสู่กลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถอีวีและสันดาปที่ต้องการขยายตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเห็นโอกาสและศักยภาพของงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่เป็นงานจัดแสดงยานยนต์ระดับสากล

“จึงได้รับความร่วมมือจาก บริษัท หนานจิง ฉ่วงฉี เอ็กซิบิชั่น จากประเทศจีน ได้นำสินค้าอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากประเทศจีน มาจัดแสดงเพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยที่สนใจเป็นร่วมตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย นับได้ว่า เป็นครั้งแรกของการจัดงานแสดงรถยนต์เพื่อผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์โดยตรง เป็นการเชื่อมโยงทางธุรกิจ และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ บนพื้นที่กว่า 3,800 ตารางเมตรภายในฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ระหว่างวันที่ 24 – 30 มีนาคม 2568 มั่นใจได้ว่า จะได้สินค้าที่ตรงตามคุณภาพ ราคาจากผู้ประกอบการโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีการออกบูธจัดแสดง USED CAR หรือรถมือสองระดับลักชัวรี่ รวมถึง สินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สินค้ามูเตลู การแข่งขันชิงรางวัล พร้อมกิจกรรมสนุกๆอีกมากมาย ภายในฮอลล์อีกด้วย” นายจาตุรนต์กล่าว

และอีก 1 งานที่แต่งเติมสีสันให้ล้อกันไปกับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ คือ MU-NIVERSE “เปิดจักรวาลมูเตลูไทย สู่คนรุ่นใหม่” เป็นอีเวนต์ที่รวบรวม เรื่องราวมูเตลูของเมืองไทยในแบบที่เข้าถึงง่าย เชื่อมโยง ความเชื่อม ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน ระหว่าง วันที่ 2-6 เมษายน 2568 ที่บริเวณฟอรั่ม ฮอลล์ 4 พบปะกับอ.ลักษณ์ โหราธิบดี และแขกรับเชิญสายมูชื่อดังมากมาย พร้อมกิจกรรมดูดวง ปรึกษาฤกษ์ออกรถ ป้ายทะเบียนมงคล สินค้าเครื่องรางวัตถุมงคล กิจกรรมแลกเปลี่ยนข้อมูลของดีของสะสมสายมู พร้อมรับสติ๊กเกอร์เสริมดวงรุ่นพิเศษเฉพาะงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เท่านั้น

นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่สายการผลิต บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับกิจกรรมในปีนี้ นอกจากกิจกรรม E-Racing ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์เสมือนจริงผ่านเครื่องเล่น Simulator แล้ว ทางผู้จัดยังได้รับความร่วมมือจาก R.C.S. (Runbike Championship Series) ประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรมการแข่งขันจักรยานทรงตัวรายการ “Grandprix Runbike Championship With R.C.S.” ขึ้นภายในงาน โดยเป็นการจัด Pre-Event จำนวน 2 สนาม ซึ่งการจัดการแข่งขันดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันวงการกีฬาสำหรับเยาวชนในประเทศไทย รวมถึงบูธแสดงสินค้าเกี่ยวกับเด็ก กีฬา และไลฟ์สไตล์ ตลอดจนโซนกิจกรรมสำหรับครอบครัวอีกด้วย”

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาบริษัทฯ ในฐานะผู้จัดงาน ได้มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้เข้าร่วมงาน และผู้เข้าชมงานได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี digital transformation เข้ามาอำนวยความสะดวกในการเข้าชมงาน”

“เราได้พัฒนาบัญชี LINE Official Account หรือ Line OA ขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกใช้ในการลงทะเบียน และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทฯ กับผู้บริโภคในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่ม Auto และ กลุ่ม Lifestyle ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นมา เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ”

“นอกจากนี้ เรายังได้จัดทำโปรแกรม Fullloop ที่สามารถเก็บข้อมูลฟีดแบ็กจากผู้เข้าชมได้ในรูปแบบที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ผู้เข้าชมสามารถกรอกแบบสอบถามสั้นๆ เพื่อประเมินการจัดงาน ช่วยให้ผู้จัดงานสามารถรวบรวมข้อมูลได้ทันทีและวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการเก็บฟีดแบ็กจากผู้เข้าชมในงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้จัดงานสามารถปรับปรุงการจัดงานในหลายๆ ด้าน และตอบสนองต่อความต้องการของผู้เข้าชมได้ดียิ่งขึ้น”

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการจัดงานฯ ปีนี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนและเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเนื่องจากภาวะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อรถใหม่และรถมือสอง

สำหรับบัตรเข้าชมงานฯ มีจำหน่ายบริเวณด้านหน้างาน และ ทางออนไลน์ ผ่านไลน์แอปพลิเคชั่น ทั้งนี้นอกจากสิทธิประโยชน์จากการร่วมลุ้นรางวัลรถยนต์และรถจักรยานยนต์แล้ว สามารถนำบัตรเข้าชมงานแบบซื้อที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว มาร่วมกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลต่างๆมากมายได้ที่ บูธกิจกรรมพิเศษ ภายในอาคารฟอรั่ม ฮอลล์4 และ สำหรับการจัดงานฯ ครั้งนี้ ผู้จัดงานฯ ได้จัดเตรียมรถshuttle ไว้อำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีชมพู สามารถลงที่สถานีศรีรัช แล้วต่อรถ shuttle ที่ผู้จัดงานฯได้เตรียมไว้ เพื่อเข้าสู่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 เส้นทางศรีรัช - ACTIVE HALL 4 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ประการใด

งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 เริ่มวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี งานแสดงเทคโนโลยียานยนต์ อันดับ 1 ของเมืองไทย

‘ตั้ง อาชีวะ’ งง!! GUไปเกี่ยวอะไร กับการปล้น ‘กรุสมบัติเก่าของอยุธยา’ อายุกว่า 500 ปี ก่อนรับคำขอโทษ!! จาก ‘บาส Go Went Go’ กรณีมี ‘หมายจับ 112’ ไปโผล่ ในรายการ

(8 มี.ค. 68) จากกรณีที่ช่อง Go Went Go ได้นำภาพหมายจับคดี112 ของ ‘ตั้ง อาชีวะ’ (ที่ยังมีอายุความ) ไปใช้ในรายการตอนที่มีชื่อว่า ‘ตามรอยตำนานลี้ลับ 6 วัดร้างสุดเฮี้ยนในอยุธยา’ ซึ่งมีช่วงนาทีที่ 9.43 โดยได้มีการบรรยายพร้อมภาพประกอบเล่าเรื่องราวของการปล้นกรุเก่าอายุ 500 ปี แล้วดันไปมีภาพหมายจับของ ‘ตั้ง อาชีวะ’ ขึ้นไปอยู่ในนั้น ซึ่งทำให้คนดูเข้าใจผิดว่า คนในภาพหมายจับ คือคนไปปล้นสมบัติ

ล่าสุด ‘ตั้ง อาชีวะ’ ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ...

สวัสดีครับทุกคน จากประเด็นของช่อง Go Went Go นะครับที่ทางทีมงานได้นำภาพหมายจับคดี112 ของผม (ที่ยังมีอายุความ) ไปใช้ในรายการตอนที่มีชื่อว่า 'ตามรอยตำนานลี้ลับ 6 วัดร้างสุดเฮี้ยนในอยุธยา' ซึ่งมีช่วงนาทีที่9.43 ได้มีการบรรยายพร้อมภาพประกอบเล่าเรื่องราวของการปล้นกรุเก่าอายุ 500 ปี แล้วดันไปมีภาพหมายจับของผมขึ้นไปอยู่ในนั้น ซึ่งคนดูอาจจะสามารถเข้าใจผิดได้ในกรณีนี้เช่น คนในภาพหมายจับคือคนไปปล้นสมบัติ,ตั้งอาชีวะไปปล้นสมบัติของอยุธยา หรือตั้งอาชีวะผู้ที่เกิดในปี2534นั่งเครื่องย้อนเวลาไปปล้นสมบัติเก่าของอยุธยา เป็นต้น 

คือตอนแรกผมก็ไม่ทราบนะครับว่ามีภาพผมไปปรากฏอยู่ในรายการนี้ จนกระทั่งพี่คนสนิทของผมที่ไทยได้รับชมรายการดังกล่าวแล้วส่งมา ต้องยอมรับตรงๆนะครับผมก็เคืองอยู่นั่นแหละ โมโหเลยโพสต์ไป1โพส (เคืองดิ พวกจากไทยโทรมา ว้าย ไอตั้งโจรปล้นสมบัติอยุธยา) ผมก็เลยส่งข้อความไปหาทางเพจ และได้โทรข้ามประเทศไปเพื่อจะขอคุย แต่ไม่มีใครรับสายในตอนแรก

หลังจากที่ผมโพสต์ไปไม่นาน คุณบาส Panupat Sukanlayaruk ก็รีบติดต่อกลับมา พร้อมแก้ไขสถานการณ์โดยทันที เช่นการล็อกคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นส่วนตัวเพื่อแก้ไขบางช่วงบางตอน และได้โพสต์ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านเพจของคุณบาส 

ต้องบอกก่อนนะครับว่า เราได้พูดคุยกัน และคุณบาสก็แสดงความขอโทษอย่างจริงใจ และทีมงาน-ทีมตัดต่อก็ได้ส่งข้อความมาขอโทษผมด้วยเช่นกัน กรณีนี้ถ้าพูดกันตามตรงก็คือเป็นความผิดพลาดของทางทีมงานจริงๆนะครับ ซึ่งคุณบาสเองก็ติดภารกิจอยู่ที่ประเทศอื่นๆ เลยไม่ได้มีเวลาเช็กงานดังกล่าว ก็ถือว่าความผิดพลาดครั้งนี้ของทีมงานให้เป็นบทเรียนไปนะครับ น้องที่ทำตัดต่ออาจจะไม่ได้เช็กข้อมูลจริงๆ ซึ่งผมเองก็ได้บอกกับคุณบาสตอนสนทนากันว่า "โอเคครับ ผมน้อมรับคำขอโทษจากคุณแล้วนะ ทางทีมงานเขาอาจจะพลาดจริงๆ ไม่ต้องไปว่าพวกเขาแรงนะ ห้ามไล่น้องเขาออกนะ"

สุดท้ายนี้นะครับ ก็ต้อขอบคุณคุณบาส และทีมงาน ที่จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วมากๆ และผมรู้สึกได้ว่าเป็นการขอโทษที่แสดงออกมาด้วยความจริงใจ

ย้อนอดีต ‘เยอรมัน’ จากผู้แพ้สงคราม สู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ อันดับหนึ่งของยุโรป ครั้งหนึ่งเคยประสบปัญหาเศรษฐกิจ ค่าเงินมาร์คไร้มูลค่ายิ่งกว่าสกุลเงินของ ‘ซิมบับเว’

(8 มี.ค. 68) เพจ ‘ซิริอุส เป็นชื่อของดวงดาว’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

รู้หรือไม่? เยอรมันประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันหนึ่งของยุโรป และ อันดับสามของโลก ครั้งหนึ่งเคยประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงส่งผลให้ค่าเงินมาร์คไร้มูลค่ายิ่งกว่าสกุลเงินของซิมบับเว และเวเนซุเอลา ในปัจจุบัน

หลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่1 ในปี ค.ศ. 1923 เยอรมันประสบปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดครั้งนึงของโลก ถึงขั้นที่ประชาชนต้องขนเงินเป็นแสนๆ ล้านมาร์ค ใส่ตะกร้าเพื่อไปจ่ายตลาด

เมื่อสงครามโลกครั้งที่1 สิ้นสุดลง อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเยอรมัน(ดอยช์มาร์ค)อยู่ที่ราวๆ 1เหรียญสหรัฐ = 4มาร์ค และดิ่งลงไปแตะที่ 1เหรียญสหรัฐ = 4.2 ล้านล้านมาร์ค ในปี 1923 ..... ล้านสองครั้งนะครับ

ทำให้เยอรมันต้องพิมพ์ธนบัตรที่มีมูลค่าหน้าธนบัตรสูงลิบ ฉบับละเป็นร้อยเป็นพันล้านมาร์คเข้าสู่ระบบให้ประชาชนใช้จ่ายแทนธนบัตรเดิมที่ไร้มูลค่าลงเรื่อยๆ

ในช่วงวิกฤติ ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงมาก ทำให้ราคาสินค้าต่างๆ พุ่งขึ้นไม่หยุดปรับราคากันตลอดเวลา เงินที่พอจะซื้อขนมปังได้ในตอนเช้า อาจไม่พอซื้อในตอนบ่าย ทำให้ห้างร้านต่างๆ แน่นไปด้วยผู้คนที่เข้าคิวรอซื้อของ และยังทำให้สินค้าอื่นๆ เช่นบุหรี่ ฯลฯ ถูกใช้เป็นของแลกเปลี่ยนแทนเงินที่ไร้เสถียรภาพจนแทบจะไม่เหลือมูลค่า ไร้มูลค่าถึงขนาดที่ ปชช.นำธนบัตรมาเผาแทนฟืน เพราะไม้ฟืนยังมีมูลค่ามากกว่าธนบัตร

วิกฤติเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในครั้งนี้ทำให้เงินเก็บทั้งชีวิตของหลายคนมีค่าพอซื้อไข่ได้แค่แผงเดียว หรือ ขนมปังแถวเดียว ซึ่งในช่วงพีคขนมปังแถวนึงมีราคาสูงถึง 200,000,000,000 มาร์ค (สองแสนล้านมาร์ค) ในการซื้อ-ขาย หลายแห่งจึงใช้วิธีชั่งน้ำหนักกองธนบัตรเอา เพราะไม่มีเวลามานั่งนับ

ส่วนชนชั้นกลางที่กินเงินเดือน แม้จะมีความพยายามขึ้นเงินเดือนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่ราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา จะมีราคาสูงกว่าเงินเดือนที่ออกเดือนละครั้งสองครั้งอยู่เสมอ

สาเหตุของวิกฤติเงินเฟ้อที่รุนแรงของเยอรมันมาจาก หลังสงครามโลกครั้งที่1 ยุโรปและสหรัฐต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง แต่เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงครามฯหนักกว่าใคร เพราะนอกจากต้องแบกหนี้ที่เกิดจากสงครามแล้ว ยังต้องแบกค่าปฏิกรรมสงครามจากสนธิสัญญาแวร์ซาย เท่ากับว่าผลผลิตต่างๆของประเทศส่วนนึงจะกลายเป็นค่าปฏิกรรมสงครามไปแบบเปล่าๆ

สถานการณ์ของเยอรมันที่กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออยู่แล้ว ต้องย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อไม่สามารถจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามในรอบปี 1922

ทำให้ฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมส่งกองทัพเข้ายึด Ruhr valley ที่เป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของเยอรมัน เพื่อยึดสินค้าที่เยอรมันผลิตได้เป็นค่าปฏิกรรมสงคราม เพราะไม่เชื่อว่าเยอรมันไม่มีจ่าย แต่ตั้งใจเบี้ยวมากกว่า

เยอรมันตอบโต้ด้วยการประกาศชักจูงให้คนงานทั้งหมดหยุดงาน โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินเดือนให้ ซึ่งการจ่ายเงินเดือนนี้ก็เป็นการพิมพ์เงินออกมาจ่ายเอาดื้อๆโดยไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ซ้ำเติมวิกฤติเงินเฟ้อที่สาหัสอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก

ฝรั่งเศสตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยการยิงคนงานในโรงงานผลิตเหล็ก และ เนรเทศคนที่ไม่ยอมรับคำสั่งจากฝรั่งเศสออกจาก Ruhr valley

เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 132 คน ถูกเนรเทศกว่า 1.5 แสนคน ส่งผลให้เศรษฐกิจของเยอรมันที่ร่อแร่อยู่แล้วดับสนิท อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

ความวุ่นวายของเยอรมันหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่1 ได้ส่งผลให้บุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอาสานำพาเยอรมันฝ่าวิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่ และชื่อของเค้าจะเป็นที่รู้จักและจดจำไปอีกนาน

*****หมายเหตุ*****
จริงๆ แล้ว สหรัฐไม่เห็นด้วยและได้ทักท้วงในการเรียกเก็บค่าปฏิกรรมสงครามจากเยอรมันมากขนาดนั้น เพราะนอกจากจะก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไปแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังอีกด้วย แต่ฝรั่งเศสดึงดันต้องให้เยอรมันจ่ายให้ได้ รวมๆ แล้วๆ เยอรมันต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 1แสนตัน และเพิ่งจ่ายหมดไปเมื่อปี 2010 หรือเกือบร้อยปีหลังสงครามโลกครั้งที่1 สิ้นสุดลง

การยึดอาณานิคมของเยอรมันและการเรียกเก็บค่าปฏิกรรมสงครามโหดแสนโหด ก็เพื่อกดเยอรมันไม่ให้ฟื้นตัวได้อีก อันอาจเป็นการคุกคามฝรั่งเศสในอนาคต
...... ภูมิศาสตร์ด้านชายแดนตะวันออกของฝรั่งเศสที่ติดกับเยอรมัน ป้องกันยากแต่ง่ายสำหรับเยอรมันที่จะรุกเข้ามา เป็นการอธิบายว่าทำไมฝรั่งเศสจึงต้องสร้างแนวป้องกันบริเวณนั้นที่เรียกว่า 'Maginot Line' ในเวลาต่อมา

อีกปัจจัยหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นเพราะ ฝรั่งเศสเจ็บใจมาตั้งแต่สงคราม ฝรั่งเศส-ปรัสเซีย/Franco-Prussian War ปี ค.ศ.1870 ที่ไปแพ้ปรัสเซียอย่างน่าอับอาย เสียดินแดนไปบางส่วน แถมเหล่ารัฐเยอรมันยังไปใช้ Hall of Mirrors ที่พระราชวังแวร์ซาย สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสในการประกาศรวมชาติสถาปนาจักรวรรดิเยอรมัน (ปรัสเซียคือชื่อประเทศที่เป็นแกนกลางของรัฐเยอรมันก่อนรวมชาติ)

ต่อมาก็ปรากฏว่า สหรัฐคาดการณ์ถูก ว่าจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนและสร้างปัญหาตามมา เพราะอีกไม่นานฮิตเลอร์ได้ปรากฏตัวออกมาท่ามกลางความวุ่นวาย ความไม่พอใจ และ ความสิ้นหวังของชาวเยอรมัน

เพราะสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของเยอรมันในตอนนั้น พอฮิตเลอร์ปรากฏตัวออกมาชูนโยบาย 'ชักดาบ' ฯลฯ ประกอบกับการเป็นนักปราศรัยที่เก่งมาก (public speaker) เลยได้รับความนิยม ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก
..... แล้วก็เป็นฮิตเลอร์ที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเยอรมันได้สำเร็จ นำเยอรมันกลับขึ้นไปเป็นหนึ่งในมหาอำนาจยุโรปได้ในเวลาเพียง 6 ปี

ความสำเร็จของฮิตเลอร์ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ส่วนคนที่รู้ก็ไม่ค่อยอยากพูดถึง และ ผลพวงที่ตามมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง (ทั้งนี้ ความสำเร็จและผลงานของฮิตเลอร์ที่มีต่อเยอรมันไม่สามารถนำไปหักล้างสิ่งเลวร้ายที่ฮิตเลอร์ได้ทำลงไปเช่นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ)

ในช่วงพีค อัตราว่างงานในเยอรมันถึงกับติดลบ ต้องนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่ยุโรปและสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง (the great depression) เป็นการกู้คืนศักดิ์ศรี และความเป็นอยู่ของชาวเยอรมันที่สูญเสียไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สำเร็จ (ในส่วนอัตราว่างงาน ฮิตเลอร์มีเทคนิคในการตบแต่งตัวเลขอัตราว่างงานโดยเอาคนว่างงาน อันธพาล ฯลฯ เข้ากองทัพ สนับสนุนให้ผู้หญิงแต่งงานมีลูก อยู่บ้านเลี้ยงลูก ฯลฯ )

ฮิตเลอร์เป็นมังสวิรัติและรักสัตว์ บางคนก็เชื่อว่าเป็นเพราะเค้ารักสัตว์เลยกลายมาเป็นมังสวิรัติ เยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์ได้ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ครองอำนาจในปี ค.ศ.1933 ซึ่งเป็นชาติแรกๆ ในยุโรป ตามหลังเพียงไอร์แลนด์และอังกฤษ แต่เยอรมันมีเนื้อหาที่เข้มงวด ครอบคลุมมากกว่า เช่น กำหนดให้เจ้าของที่ปล่อยปละละเลยสัตว์เลี้ยงมีความผิดทางกฎหมาย, ห้ามทำร้ายสัตว์หรือทำให้สัตว์ตกอยู่ในอันตราย, ห้ามขุนสัตว์ให้อ้วน (เพื่อนำมาฆ่าเป็นอาหาร) ฯลฯ

เป็นยุคที่วงการวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ยา และ นวัตกรรมต่างๆ เฟื่องฟู ก้าวหน้ามาก เพราะรัฐบาลสนับสนุนทุนการวิจัยพัฒนา และ ด้านอื่นๆอย่างจริงจัง เต็มที่

โอลิมปิคที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพในปี ค.ศ.1936 เป็นโอลิมปิคครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสด

เป็นยุคที่มีการริเริ่มจัดระบบสวัสดิการสังคม การรักษาพยาบาล การคลอดบุตร การลาคลอด ดูแลสิทธิสตรี ต่อต้านสื่อลามก ฯลฯ

นโยบายสนับสนุนด้านความบันเทิงให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็น โอเปร่า หนัง โรงละคร ฯลฯ ทำให้ประชาชนทุกส่วนเข้าถึงได้ แทนที่เดิมทีจำกัดไว้สำหรับชนชั้นสูงเพราะมีราคาสูงเกินสำหรับคนทั่วไป

โครงการถนนออโต้บาห์น และ รถราคาถูกสำหรับทุกครอบครัว อันเป็นที่มาของรถโฟล์คสวาเกน (โฟล์คเต่า) โครงการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ ซึ่งเป็นอะไรที่ล้ำมากในสมัยเมื่อ 80+ ปีก่อน ฯลฯ ...... ลุงหนวดจิ๋วแกเกลียดบุหรี่

Walther Funk ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจคนสำคัญของฮิตเลอร์เคยคาดการณ์ไว้แล้วว่า ยุโรปจะต้องรวมกันเข้าเป็นเขตเศรษฐกิจเดียวเหมือนอียูในปัจจุบัน หากเยอรมันชนะสงคราม องค์กรที่เหมือนกับอียูก็น่าจะถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยนั้น

เพราะความสำเร็จในด้านต่างๆ ของเยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์ซึ่งเกิดที่ออสเตรีย เมื่อกองทัพเยอรมันที่มีฮิตเอลร์ร่วมด้วย เดินทัพเข้าออสเตรียประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน เลยไม่มีการต่อต้าน แถมประชาชนยังออกมาต้อนรับ มอบดอกไม้ให้ทหารเยอรมันอีกด้วย

ผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้อังกฤษ และ ฝรั่งเศสอ่อนแอลงมาก จนต้องยอมปล่อยอาณานิคมของตนในหลายๆ แห่งทั่วโลก (หลายแห่งก็ปล่อยไม่จริง อย่างกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก-กลาง อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส)

ส่งผลให้โซเวียตฯกลายเป็นมหาอำนาจทัดเทียมกับสหรัฐในเวลาต่อมา ก่อนที่จะล่มสลายในช่วงยุคปี 1990
..... และยังทำให้ชาวยิวมีประเทศเป็นของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองพันห้าร้อยปี จากการขีดพื้นที่บางส่วนของอาหรับปาเลสไตน์ใส่พานให้
(ถ้าจะว่ากันถึงเชื้อสายยิว ชาวปาเลสไตน์มีเชื้อชายยิวเข้มข้นกว่ายิวอิสราเอลที่อพยพมาจากยุโรป เพราะชาวปาเลสไตน์ก็สืบเชื้อสายมาจากยิวแล้วอยู่กันที่นั่นมาตลอดไม่ได้ไปไหน แต่ภายหลังเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น ...... เป็นเรื่องตลกร้ายที่กลุ่มคนที่มีเชื้อสายยิวเข้มข้นน้อยกว่าพยายามก่อตั้งรัฐยิว โดยรุกล้ำยึดครอง ผลักดัน 'เข่นฆ่า' กลุ่มคนที่มีเชื้อสายยิวเข้นข้นกว่าออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น)

การพิจารณาคดีที่เนิร์นแบร์ค (Nuremberg trials) ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้เหล่าผู้นำฯที่ก่อสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำโดยการถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีฯ และ ข้ออ้างที่ว่า ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถใช้ลบล้างความผิดได้
..... หากฮิตเลอร์ไม่ก่อสงคราม บางทีโลกอาจจะจดจำเค้าในอีกแบบหนึ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top