Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

คาซัคสถานผงาด! ครองฮับการลงทุนเอเชียกลาง ดึงเม็ดเงิน 15.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024

(2 ม.ค.68) คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (ESCAP) ได้เผยแพร่รายงานการลงทุนประจำปี 2024 ซึ่งระบุว่า คาซัคสถานได้กลายเป็นประเทศชั้นนำของแถบเอเชียกลางที่สามารถดึงดูดการลงทุนในโครงการใหม่ได้ถึง 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นผู้นำด้านการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียกลาง  

ข้อมูลระบุว่าในปี 2024 การลงทุนในคาซัคสถานเพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับปี 2023 คิดเป็น 63% ของการลงทุนทั้งหมดในภูมิภาคนี้ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ที่ติดในการจัดอันดับชาติที่ได้รับการลงทุนในภูมิภาคเอเชียกลางสูงสุดคือ อุซเบกิสถาน – 4 พันล้านดอลลาร์ (-49%)  คีร์กีซสถาน – 2.1 พันล้านดอลลาร์ (+310%)  อาเซอร์ไบจาน – 1.2 พันล้านดอลลาร์ (+1%) เติร์กเมนิสถาน – 339 ล้านดอลลาร์ จอร์เจีย – 126 ล้านดอลลาร์ อาร์เมเนีย – 67 ล้านดอลลาร์  

รายงานยังชี้ให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมการลงทุนในภูมิภาคสะท้อนถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งของบริษัทนานาชาติที่มุ่งกระจายกลยุทธ์การลงทุน โดยให้ความสำคัญกับโครงการในสาขาสำคัญ เช่น พลังงานสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี  

ในรายงานของESCAP ระบุว่า “ความสำเร็จนี้สะท้อนจากความพยายามอย่างจริงจังของหน่วยงานด้านการลงทุนและกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ความสำเร็จในภาคส่วนเกิดใหม่ไม่เพียงขึ้นอยู่กับนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน แต่ยังต้องมีการสนับสนุนครอบคลุมในทุกขั้นตอน รวมถึงการดูแลนักลงทุนหลังการลงทุนด้วย” 

แม้จะมีความท้าทายระดับโลก แต่คาซัคสถานยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ โดยยืนหยัดเป็นเวทีสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนและโอกาสใหม่ ๆ ในปีนี้ คาซัคสถานยังจัดงานสำคัญด้านการลงทุน เช่น สภานักลงทุนต่างชาติ และการประชุมโต๊ะกลมการลงทุนระดับโลกคาซัคสถาน 2024 ซึ่งช่วยย้ำสถานะของประเทศในฐานะศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคนี้

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสภาพการจราจรถนนพระราม 2 และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวงวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และจุดบริการประชาชนเขาย้อย จ.เพชรบุรี”

วันนี้ (29 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจสภาพการจราจร ถนนพระราม 2 ต่อเนื่องถนนเพชรเกษม พบว่าสภาพการจราจรสายตะวันตกและสายใต้ เส้นทางถนนพระราม 2 (ทล.35) และถนนเพชรเกษม (ทล.4) วันนี้การจราจรคล่องตัวเดินทางสะดวก สาเหตุเนื่องจากผู้ใช้ทางส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับตั้งแต่ช่วงวันที่ 25-28 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานนี้ (28 ธันวาคม 2567) ถนนพระราม 2 มีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้เปิดช่องทางพิเศษในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น และอยู่ประจำจุดอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง 

จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ณ สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ในพื้นที่วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และจุดบริการประชาชนเขาย้อย จ.เพชรบุรี เพื่อให้กำลังใจข้าราชการตำรวจในสังกัดที่ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีสภาพการจราจรคับคั่ง เนื่องจากพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ในส่วนหน่วยบริการตำรวจทางหลวงวังมะนาว ซึ่งเป็นหน่วยบริการขนาดใหญ่ มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก เช่น แวะสอบถามทาง แวะเข้าห้องน้ำ รวมถึงมีผู้ที่ต้องเดินทางในระยะทางไกล มาลงทะเบียนเข้าพักค้างตามโครงการ “ห้องพักทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง” เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ให้บริการผู้เข้าพักได้รับความประทับใจ และชื่นชมกับโครงการนี้

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานกำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และมีจิตสาธารณะในการให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่สัญจรเดินทาง รวมถึงจะต้องประพฤติตนอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะในเวลาสวมเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่ ในขณะเดียวกันก็จะต้องเตรียมความพร้อมเต็ม 100% เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสภาพการจราจรและอุบัติเหตุ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมนี้ได้มอบหมวกนิรภัยให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย เพื่อเป็นการรณรงค์ให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

“ผบช.ภ.2” สั่งคุมเข้มอาวุธ ป้องกันเมาทะเลาะวิวาทในแหล่งท่องเที่ยว กำชับทำคดีอย่างเป็นธรรม เหตุแทงหนุ่มญี่ปุ่นดับ พร้อมประสานสถานทูต ช่วยเหลือจัดการศพ

(29 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) สั่งการตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี สอบสวนคดีทำร้ายชาวญี่ปุ่นจนเสียชีวิต หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมา อย่างเป็นธรรมรอบคอบ และกำชับให้ออกมาตรการเข้มในการเฝ้าระวังกลุ่มคน บุคคลที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง ป้องปรามการทะเลาะวิวาท การดื่มสุรา การรวมกลุ่มสังสรรค์ ของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อาจสุ่มเสี่ยงนำไปสู่การทะเลาะวิวาทรุนแรง โดยย้ำว่าต้องเพิ่มความถี่ในการออกตรวจ แสดงกำลังหรือปรากฏกายของเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งการสุ่มตรวจค้นอาวุธอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนจำนวนมาก

ผบช.ภ.2 เผยถึงเหตุการณ์ทำร้ายชาวญี่ปุ่นว่า รับรายงาน จาก พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.57 น. วันนี้ (29 ธันวาคม 2567) ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุตรวจสอบพบชายชาวญี่ปุ่นถูกอาวุธมีดแทงที่หน้าอกได้รับบาดเจ็บสาหัส ในย่าน วอล์กกิ้งสตรีท พัทยา โดยนอนหมดสติ ทราบชื่อ นายเซตะ อายุ 27 ปี ประสานนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุ ชื่อนายเดวิด อายุ 36 ปี ชาวไทย สามารถควบคุมตัวได้ทันทีในที่เกิดเหตุ สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่าผู้เสียชีวิตเห็นผู้ก่อเหตุมีปากเสียงกับแฟนสาว ถึงขั้นทำร้ายร่างกายอยู่ริมถนน จึงเข้าห้าม เกิดการชกต่อยกัน ก่อนแยกย้าย แต่ผู้เสียชีวิตได้กลับมาหาผู้ก่อเหตุอีกครั้งพุ่งเข้าจะชกต่อย ผู้ก่อเหตุจึงใช้มีดแทงไปที่ผู้เสียชีวิตจนล้มลง แล้ววิ่งหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุมตัวไว้ได้

“คดีนี้ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ยึดมีดของกลาง สอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ให้ผู้เห็นเหตุการณ์ชี้ภาพยืนยันตัวผู้ก่อเหตุ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตร รพ.ตำรวจ ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ต้องหา ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหา โดยได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม รอบคอบ พร้อมประสานสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานญาติ และจัดการศพด้วย” ผบช.ภ.2 กล่าว

พิชัย ยกทีมพาณิชย์ พบปะ สภาอุตฯ ให้คำมั่น สนับสนุนเต็มที่-ทำงานใกล้ชิด ตั้งเป้าเดินหน้า FTA สร้างแต้มต่อภาคอุตสาหกรรมไทยทำรายได้จากการส่งออกยั่งยืน

วันที่ (30 ธ.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธ์ุ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีทุกกรมในสังกัด ร่วมหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่า ท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญกับภาคเอกชนที่จะเป็นกลไปสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน และให้ภาครัฐทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด การได้หารือเพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงช่วยให้เห็นภาพตรงกัน เห็นเป้าหมายที่จะร่วมกันผลักดันนโยบายเศรษฐกิจให้ตอบโจทย์การเติบโตของประเทศเพื่อคนไทยทุกคนไปพร้อมกัน 

นายพิชัย ระบุว่า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ตนได้ปรับบทบาทการทำงานในยุคใหม่ มุ่งเน้นการบริหารงานในสัดส่วน 80:20 ซึ่ง 80% จะเน้นการทำงานส่งเสริมและทำงานร่วมกับภาคเอกชนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป 

เน้นให้ความสำคัญกับการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) โดยเฉพาะความสำเร็จของ FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ เอฟตา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์และ ลิกเตนสไตน์ ที่จะมีการลงนามในเร็ววันนี้  ถือเป็น FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับยุโรป โดยตั้งเป้าจะเร่งเจรจา FTA อื่นๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย รวมถึงการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ช่วยสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งภาคเอกชนขานรับเป็นอย่างดี และเสนอให้เจรจา FTA กับประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง สร้างแต้มต่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยทำรายได้จากการส่งออกเติบโตอย่างยั่งยืน

กระทรวงพาณิชย์ยินดีสนับสนุนการจัดงานใหญ่ประจำปี “FTI EXPO 2025” โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้แนวคิด “EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE” งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน บ่มเพาะผู้ประกอบการและส่งผลกับเครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจอย่างการส่งออกที่ยังคงเป็นพระเอกช่วยกระตุ้น GDP ของประเทศ

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในปี 2568 การส่งออกจะยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในการกระตุ้น GDP ของประเทศ ที่ผ่านมาในปีนี้ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออกเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 5.1% มีมูลค่า 275,763.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 9,695,455 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2567 ยอดส่งออกจะทะลุ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และตั้งเป้าการส่งออกเติบโตในปีหน้าที่ 2-3% แม้จะมีความเสี่ยงรอบด้าน แต่ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ขอยืนยันถึงความพร้อมในการสนับสนุนภาคธุรกิจและภาคเอกชน และในภารกิจสำคัญ เช่น การสร้างสมดุลราคาสินค้า การดูแลราคาสินค้าเกษตร การควบคุมสินค้านำเข้าให้ได้มาตรฐาน นอมินี การเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยนวัตกรรม การเจรจาลดภาษีผ่าน FTA และการผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการของไทย

ซึ่งทางนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ชื่นชมการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ ขอบคุณการทำงานที่เข้าใจปัญหาและสามารถผลักดันนโยบายได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะยินดีต่อความสำเร็จในการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-เอฟตาซึ่งตลอดการเจรจา สภาอุตฯ ได้ให้ข้อมูลประกอบการเจรจาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อนำไปสู่การเจรจาที่สัมฤทธิผล ก่อให้เกิดแต้มต่อที่เป็นประโยชน์ในทางการค้า การลงทุน และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสภาอุตฯ พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนั้น ประธานสภาอุตฯ ยังชื่นชมโครงการสำคัญของกระทรวงฯ เช่น SMEs Pro-active และ GI รวมถึงความพยายามของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัล 100% ด้วย

“พล.ต.อ.ประจวบฯ” ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี กำชับกวดขันมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่

(30 ธ.ค. 67) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมกำชับและติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ,พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 , และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ตลอดจน
ข้อกำชับสั่งการและข้อห่วงใยของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้น พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพัทยา กรมเจ้าท่า หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พัทยา กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา อส.ตร.สภ.เมืองพัทยา และภาคเอกชนในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้ในมาตรการป้องกันปราบปรามและระมัดระวังตนเองจากอาชญากรรม ตลอดจนข้อห่วงใยแนะนำประชาชนและนักท่องเที่ยว สร้างการมีส่วนร่วมของภาครัฐและเอกชน ในการบริหารจัดการยกระดับความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ย่านถนนคนเดินพัทยา (Pattaya Walking Street) 

สำหรับพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมการปฏิบัติในช่วง 10 วันควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 อย่างมีประสิทธิภาพ มีการตั้งจุดตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 126 จุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 888 นาย , จุดสกัด 99 จุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 456 นาย , ชุดเคลื่อนที่เร็ว 142 ชุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 598 นาย รวมกำลังพลทั้งสิ้น 1,942 นาย พบการปฏิบัติตามมาตรการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับการจัดงาน PATTAYA COUNTDOWN 2025 ซึ่งจะมีพื้นที่การจัดงาน บนชายหาดพัทยา จากหน้าโรงแรมฮาร์ดร็อก - แยกนิภาลอดจ์ เนื้อที่ 18,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 23,000 คน ได้เตรียมพร้อมกำลังพลหน่วยร่วมปฏิบัติ ประกอบด้วย สภ.เมืองพัทยา , ภ.จว.ชลบุรี , ตำรวจท่องเที่ยว, อำเภอบางละมุง , ฝ่ายเทศกิจ , ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และหน่วยงานอื่น ๆ รวม 611 นาย จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ภ.จว.ชลบุรี (ไดนามิก) ,หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ชลบุรี และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.2 รวม 42 นาย จัดชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ 15 นาย ประจำจุดสูงข่ม 4 นาย และประกอบแผนจุดก้าวสกัดจับ 40 นาย เจ้าหน้าที่ EOD 4 นาย เพื่อตรวจพื้นที่จัดงานก่อนเริ่มงาน และประจำกองอำนวยการร่วม จนกว่างานจะเสร็จสิ้น มีการใช้กล้อง CCTV ในพื้นที่จัดงาน 16 ตัว รถโมบาย 1 คัน กล้องชายหาด 48 ตัว รวมกล้อง CCTV ทั้งหมดในพื้นที่ 5,061 ตัว พร้อมด้วยชุด Anti Drone บินโดรนตรวจปริมาณนักท่องเที่ยว การจราจร ตรวจจับโดรนไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบจำหน่ายพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง 10 นาย , เรือตรวจการรักษาความปลอดภัยทางน้ำ 8 ลำ พร้อมกำลัง 31 นาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการปฏิบัติรองรับเหตุวัตถุต้องสงสัย เหตุระเบิด เหตุอาวุธปืน เพลิงไหม้หรือวางเพลิง บุคคลก่อกวน อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ต้องสงสัย ตลอดจนเหตุไฟฟ้าช็อต หม้อแปลงระเบิด และบุคคลวิกลจริต เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมปฏิบัติ

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเท เสียสละ และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังช่วยเหลือประชาชน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ลดอุบัติเหตุทางถนนและอำนวยการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสุข ยกระดับความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะนำ “5 ไม่ ปีใหม่“ ส่งท้ายปีเก่า จะได้ไม่เศร้า ในช่วงสิ้นปี

(31 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยต่อประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยวและเฉลิมฉลอง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแนะนำ “5 ไม่ ปีใหม่” ส่งท้ายปีเก่า เพื่อให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับบุคคลอื่น และอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย รวมไปถึงระวังภัยจากมิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสก่อเหตุในช่วงเทศกาล ดังนี้

1. “ไม่เมาแล้วขับ” ไม่ขับรถขณะเมาสุรา รวมไปถึงการดื่มสุรามากจนเกินไปจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือนำไปสู่การทะเลาะวิวาท

2. ”ไม่ยิง“ ไม่ยิงปืนขึ้นฟ้า เพราะอาจทำให้กระสุนปืนตกลงถูกผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

3. “ไม่ลอย” ไม่ลอยโคมในพื้นที่หวงห้าม หรือใกล้กับสนามบิน โดยให้ลอยโคมในจุดที่กำหนดเท่านั้น

4. “ไม่เชื่อ” ไม่หลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่หลอกลวงด้วยการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกให้โอนเงินมาตรวจสอบ หลอกขายสินค้าราคาถูก หลอกให้กดลิงก์ด้วยวิธีการต่างๆ หรือการชักชวนเล่นพนันออนไลน์ 

5. “ไม่ลืม” ไม่ลืมล็อคบ้าน ล็อครถ และระมัดระวังทรัพย์สินมีค่าของตนขณะท่องเที่ยวช่วงเทศกาล

หากท่านตกอยู่ในอันตราย หรือพบเห็นเหตุด่วนเหตุร้าย สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือ โทรแจ้งตำรวจที่สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งสารอวยพรปีใหม่ 2568 ส่งความปรารถนาดีถึงข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งสารอวยพรข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2568 ระบุว่า

“ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ผมขอส่งความสุขและความปรารถนาดีมายังเพื่อนข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ 

ห้วงปีที่ผ่านมา รูปแบบของอาชญากรรมต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำความผิด ประชาชนได้รับผลกระทบมากขึ้น การทำงานของตำรวจจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด ปรับรูปแบบการทำงาน ตลอดจนเข้าถึงประชาชนและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์

ในปีใหม่ 2568 นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ปกป้อง เทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและงานสถานีตำรวจ ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำหน้าที่ของตน ร่วมกันวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่องค์กร ดำรงไว้ซึ่งคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และร่วมกันสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้แก่เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และประชาชนในสังคมไทย

ในวาระศุภมงคลนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล อีกทั้งเดชะพระบารมีพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้ข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และพี่น้องประชาชน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ อุดมด้วยจตุรพิธพรชัย มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ สัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ”

ผบ.ตร.สั่งกำชับตำรวจคุมเข้มอุบัติเหตุรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้ รถกระบะบรรทุก ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตรวจความพร้อมก่อนออกเดินทาง และบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักจริงจัง พร้อมฝากถึงผู้มีหน้าที่ในการขับรถให้มีจิตสำนึกร่วมกันป้องกันอุบัติเหตุ 

วันนี้ (31 ธ.ค 67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ตำรวจพื้นที่ดูแลอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ กรณีอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวปรับอากาศ ชนท้ายรถบรรทุกพ่วง จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บ 17 คน เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา บริเวณถนนสายเอเชีย 41 กม.ที่ 31 ขาล่องใต้ หมู่ 3 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร และรถกระบะบรรทุก ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยบูรณาการหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการตรวจรถโดยสารขนาดใหญ่ รถตู้โดยสาร และรถกระบะบรรทุก กำชับตำรวจต้นทางต้องตรวจสอบการได้รับอนุญาต ตรวจสอบสภาพรถ ตรวจสอบใบอนุญาตผู้ขับรถ และให้ประสานกรมการขนส่งทางบกร่วมดำเนินการด้วย และให้มีภาพการปฏิบัติปรากฏพร้อมรายงานก่อนที่รถจะออกเดินทางด้วย รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นใน 10 ข้อหาหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ในการบังคับใช้กฎหมายให้ดำเนินการด้วยความสุภาพ สื่อสารให้ผู้ประกอบการและคนขับรถรับทราบถึงความห่วงใยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันอุบัติเหตุ 
    
นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำและกำชับตำรวจให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและเข้มข้น ให้เห็นผลปฏิบัติเป็นรูปธรรม ทำให้ตัวเลขอุบัติเหตุลดลงให้ได้ พร้อมฝากถึงผู้มีหน้าที่ในการขับรถยนต์สาธารณะทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ต้องมีจิตสำนึกในการระมัดระวัง ทั้งการตรวจสอบยานพาหนะ สภาพร่างกาย ความพร้อมในเรื่องเส้นทางต่างๆ เพื่อร่วมกันป้องกันอุบัติเหตุ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนคนเดินทางและนักท่องเที่ยว

สวนนงนุชพัทยา จัดใหญ่พระ 9 วัด 19 รูป และช้าง 9 เชือก ทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ ตามขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อความเป็นสิริมงคล

วันที่ (1 ม.ค. 68) เวลา 7.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นางสาวนันทนา ตันสัจจา กรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร พนักงาน นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้ จำนวน 9 เชือก ร่วมกันทำบุญตักบาตร ตามขนบธรรมเนียมประเพณีเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ประจำปี 2568

สวนนงนุชพัทยาจัดพิธีทำบุญตักบาตร ในวันขึ้นปีใหม่เป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ในการเข้าสู่วันแรกของปีทำการตักบาตร พระสงฆ์จำนวน 19 รูป จาก 9 วัด จากนั้นพระสงฆ์ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์  ให้แก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญตักบาตร ร่วมถึงน้องช้างทั้ง 9 เชือกเพื่อเป็นสิริมงคลของตัวเองและครอบครัวอีกด้วย

ในครั้งนี้ ภายในสวนนงนุชพัทยายังมีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวเช่น ไหว้พระ9วัด  ไหว้พระประจำวันเกิด  ไหว้พระพรหม ไหว้พระพิฆเนศ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ไหว้พระสังกัจจายน์ และชมพิพิธภัณฑ์พระเก่าแก่หลายร้อยปี เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมายังสวนนงนุชพัทยาได้รับสิ่งดีๆในวันเริ่มต้นของปีต้อนรับวันปีใหม่ หรือในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวตลอดทั้งปี   โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.30 น.

เชียงใหม่-มอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ ตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” 

วันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เป็นตัวแทนมอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ ตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนและเสียสละ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรตำรวจ

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 00.30 น. ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองเชียงใหม่ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่กำลังจะปล่อยโคมลอยบริเวณประตูท่าแพ จึงเข้าประชาสัมพันธ์ข้อห้าม แต่เกิดความเข้าใจผิดจนมีการโต้เถียงกัน

ภายหลังประสานล่ามช่วยสื่อสาร นักท่องเที่ยวเข้าใจและแสดงความเสียใจที่ไม่ทราบข้อห้ามมาก่อน เจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่มีเจตนาละเมิดกฎหมาย จึงไม่ดำเนินคดี และเหตุการณ์จบลงด้วยความเข้าใจ ไม่มีผู้บาดเจ็บ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top