Wednesday, 11 June 2025
TheStatesTimes

‘หมอยง’ โพสต์เฟซ!! ย้อนดู 5 ปี โควิด 19 ความสับสนของข้อมูล ในสื่อสังคมออนไลน์

(7 ธ.ค. 67) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แพทย์อาวุโส นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับโควิด 19 โดยมีใจความว่า ...

ย้อนดู 5 ปี โควิด 19 ความสับสนของข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์

ความสับสนของสื่อข้อมูลออนไลน์ ที่เกี่ยวกับโรคระบาด โควิด 19 เป็นบทเรียนที่สำคัญ ถึงแม้ทุกวันนี้ ก็ยังมีปัญหาอยู่ตลอด

การปล่อยข่าวร้าย ของโควิด 19 เช่นพบสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากลัว หรือความรุนแรงของโรคต่าง ๆ นานา ทั้งที่เป็นข่าวที่ไม่จริง และแหล่งที่ออกมา จากผู้ที่หวังดีและหวังร้าย บางคนออกข่าวทุกวัน บางคนไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เลย ทำให้เกิดความตระหนก ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเช่นนั้น

ในทุกวันนี้ ยังมีคนโทรมาปรึกษา และส่งมาให้ดู เช่น ใน Line หรือสื่อออนไลน์ ว่าโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งมีอาการรุนแรง และให้ระวังช่วงปีใหม่ ผมอ่านดูแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะสายพันธุ์ของไวรัส จะเรียงจากอักษร A B C D และต่อมาก็ใช้อักษร 2 ตัว ซึ่งสายพันธุ์ปัจจุบันนี้เป็นสายพันธุ์ L และ K แล้ว เมื่อเห็นสายพันธุ์ B ก็แสดงว่าเป็นสายพันธุ์เมื่อ 2564 หรือสายพันธุ์อังกฤษ หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เอาข่าวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มาวน มาปล่อย ใหม่ ซึ่งเป็นคนละกาลเวลากัน และมีการส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว 

ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่า การให้ข่าวหรืออะไรก็ตามแต่ จะต้องมีวันที่กำกับด้วย ผมเองยึดมั่นในเหตุการณ์และวันที่กำกับเสมอ เพราะความถูกต้องของวันนี้ อาจจะไม่ถูกต้องในปีต่อไป เช่นบอกว่าอัตราตายสูง 1% เป็นตัวเลขของเมื่อ 3-4 ปีก่อน ปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตน่าจะเป็น หนึ่งในหมื่นของผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อ และเป็น กลุ่ม 708 หรือมากกว่า จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย

เช่นเดียวกัน บุคคลที่ไม่ได้อยู่ในศาสตร์หรือสาขาเชี่ยวชาญในโรคดังกล่าว หรือเป็นเพียงอ่านหนังสือได้ ก็ให้ข้อมูลทางสื่อออนไลน์แทนที่จะใช้ความจริง แต่ใช้ความเห็น ทำให้มีความปั่นป่วน โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับวัคซีนในยุคแรก เมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัด การรับสื่อต่างๆในขณะนี้ ก็ต้องตระหนักด้วย และการส่งต่อก็มีความสำคัญ

ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬา
6 ธันวาคม 2567

เลือกตั้งโรมาเนีย กับสงครามรัสเซีย – ยูเครน ‘คาลิน จอร์เจสคู’ ผู้ต่อต้านนาโต มาเป็นที่หนึ่ง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมามนายคาลิน จอร์เจสคู (Calin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ต่อต้านนาโตและชื่นชอบรัสเซีย ได้รับการเลือกตั้งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการลงคะแนนเสียงประธานาธิบดี ด้วยคะแนนเกือบ 23% ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าตกใจ ซึ่งขัดแย้งกับการสำรวจความคิดเห็นก่อนหน้านี้ ในขณะที่การเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2024 พรรคชาตินิยมไม่สามารถคว้าเสียงข้างมากแต่กลับกันสมาชิกฝ่ายขวาจัดกลับได้รับเลือกมากกว่าสามเท่าในสภานิติบัญญัติของโรมาเนีย

นายคาลิน จอร์เจสคูเป็นนักการเมืองผู้ชื่นชอบทฤษฎีสมคบคิดซึ่งยกย่องประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียและไออน อันโตเนสคู (Ion Antonescu) เผด็จการชาวโรมาเนียที่สนับสนุนนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยคาดว่านายคาลิน จอร์เจสคูจะต้องแข่งขันกับนางเอเลน่า ลาสโคนี (Elena Lasconi) ที่สนับสนุนสหภาพยุโรปในการเลือกตั้งรอบสองในวันที่ 8 ธันวาคม 2024 นี้ การที่นายนายคาลิน จอร์เจสคูผู้สมัครที่เป็นมิตรกับรัสเซียได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากประชาชนชาวโรมาเนียนั้นเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับยูเครน 

แม้จะยังห่างไกลจากชัยชนะอย่างสมบูรณ์แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดังกล่าวในประเทศที่รัฐบาลสนับสนุนเพื่อนบ้านยูเครนอย่างแข็งขันเน้นย้ำถึงความเหนื่อยล้าที่เพิ่มมากขึ้นในยุโรป นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การสนับสนุนยูเครนของยุโรป โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาของโรมาเนียครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงผลงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มชาตินิยมที่เป็นมิตรกับรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาของโรมาเนียเน้น

ในช่วงแรกนายคาลิน จอร์เจสคูนักการเมืองหัวรุนแรงอนุรักษ์นิยมซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้สมัครที่มีโอกาสชนะน้อยมากสามารถพลิกกลับมาประสบความสำเร็จได้ด้วยการมีตัวตนบนโซเชียลมีเดียซึ่งช่วยให้เขาได้คะแนนเสียงจากผู้ที่ต่อต้านรัฐบาล ในการนับคะแนนรอบแรกนายคาลิน จอร์เจสคูถูกกล่าวหาว่า TikTok มีอคติให้การสนับสนุนจอร์เชสคูและการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย ทำให้ต้องนับคะแนนใหม่และต้องได้รับการรับรองโดยศาลรัฐธรรมนูญ

ในการเลือกตั้งรัฐสภาพรรคพันธมิตรเพื่อสหภาพโรมาเนีย (AUR) ซึ่งนายจอร์จ ซีมิออน (George Simion) หัวหน้าพรรคถูกห้ามไม่ให้เข้ายูเครนได้คะแนนเสียงเป็นอันดับสอง 18% ตามหลังพรรคโซเชียลเดโมแครตซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่ได้เพียงแค่ 22% พรรคการเมืองขวาจัดอีกสองพรรคได้แก่ พรรค SOS Romania ของส.ส. ไดอานา โซโซอาคา (Diana Șoșoacă) ที่นิยมรัสเซียและพรรคเยาวชน (Party of Young People -POT) ที่เกี่ยวข้องกับนายคาลิน จอร์เจสคูได้รับคะแนนเสียงประมาณ 7.4% และ 6.5% ตามลำดับ ในขณะที่พรรคการเมืองสายกลางที่นิยมตะวันตกได้รับคะแนนเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งรัฐสภา การชนะของพรรคชาตินิยมและโอกาสของจอร์เจสคูในการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้เพิ่มความรู้สึกนิยมรัสเซียในยุโรปให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก

ผลการเลือกตั้งที่ประชาชนชาวโรมาเนียให้การสนับสนุนนายคาลิน จอร์เจสคูอย่างมากส่งผลให้สหรัฐฯ ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการออกมาขู่กรรโชก โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าวอชิงตันกำลังจับตาดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีของโรมาเนียอย่างใกล้ชิดและเตือนโรมาเนียไม่ให้ละทิ้งแนวทางที่สนับสนุนยุโรปถึงขนาดออกมาขู่ว่าจะระงับความร่วมมือด้านความมั่นคงและการลงทุนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทางสหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานของสภาสูงสุดแห่งโรมาเนียด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งกล่าวหาว่ารัสเซียมีกิจกรรมทางไซเบอร์เกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งของประเทศ ในขณะที่นายคาลิน จอร์เจสคูกล่าวว่าเขายินดีที่สหรัฐฯ ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศโรมาเนีย แต่เน้นย้ำว่าความพยายามใดๆ ที่จะแทรกแซงจากภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2024 เจ้าหน้าที่โรมาเนียได้เปิดเผยหลักฐานที่เป็นความลับเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าแคมเปญโซเชียลมีเดียที่ "มีการจัดอย่างเป็นระบบ" และได้รับการสนับสนุนจาก ‘หน่วยงานของรัฐ’ เพื่อสนับสนุนนายคาลิน จอร์เจสคูผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่สนับสนุนรัสเซียในการลงคะแนนเสียง ในขณะที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของโรมาเนีย (The Romanian foreign intelligence agency - SIE) ชี้ให้เห็นถึง ‘การโจมตีแบบผสมผสานของรัสเซียที่ก้าวร้าว รวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์ การรั่วไหลของข้อมูล และการก่อวินาศกรรม’ ที่กำหนดเป้าหมายคือโรมาเนีย รายงานฉบับหนึ่งซึ่งถูกเปิดเผยโดยประธานาธิบดี เคลาส์ อิโอฮานิส (Klaus Iohannis) ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ระบุว่านายคาลิน จอร์เจสคูได้รับการสนับสนุนจากแคมเปญที่ประสานงานโดยผู้ดำเนินการของรัฐบนแพลตฟอร์ม TikTok ของจีน แคมเปญดังกล่าวเริ่มต้นจากบัญชีประมาณ 25,000 บัญชีที่มีการใช้งานสูงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง แม้ว่าผู้สมัครจะอ้างว่าไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณการรณรงค์หาเสียงแต่หน่วยข่าวกรองระบุว่ามีบัญชี TikTok บัญชีหนึ่งที่จ่ายเงิน 381,000 ดอลลาร์ให้กับผู้ใช้ที่สนับสนุนนายคาลิน จอร์เจสคู นอกจากนี้หน่วยงานฯ ยังรายงานด้วยว่ามีการโจมตีทาง ไซเบอร์ 85,000 ครั้งเพื่อเข้าถึงและแทรกแซงข้อมูลการเลือกตั้งโดยใช้วิธีการขั้นสูงที่บ่งชี้ว่า "ผู้ดำเนินการได้รับการสนับสนุนจากรัฐ" กระทรวงมหาดไทยของโรมาเนียยังออกมาระบุว่าแคมเปญดังกล่าวใช้ผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดียซึ่งมีผู้ติดตามรวมกันกว่า 8 ล้านคนเพื่อโน้มน้าวความคิดเห็นของประชาชนในลักษณะเดียวกับแคมเปญข้อมูลของรัสเซียในยูเครนก่อนที่รัสเซียจะรุกราน

การที่สหรัฐออกมาข่มขู่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโรมาเนียต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และสงครามรัสเซีย - ยูเครน โดยสามารถวิเคราะห์ความสำคัญของโรมาเนียต่อสงครามรัสเซียยูเครนและยุทธศาสตร์การต่อต้านรัสเซียของสหรัฐฯและพันธมิตรได้ดังนี้

ความสำคัญของการสนับสนุนของโรมาเนียต่อยูเครน
- โรมาเนียได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของยูเครน โดยให้การสนับสนุนด้านการทหาร เศรษฐกิจ และมนุษยธรรมที่สำคัญ โรมาเนียซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครนยาว 613 กิโลเมตร (380 ไมล์) ถูกคุกคามจากโดรนของรัสเซียที่ตกลงมาในดินแดนของตนระหว่างการโจมตียูเครนในเวลากลางคืน
- ประเทศนี้เป็นหนึ่งในพันธมิตรไม่กี่รายที่จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออตให้กับยูเครน นอกเหนือไปจากรายการอุปกรณ์ลับส่วนใหญ่ที่รายงานว่ารวมถึงระบบจรวดหลายลำกล้อง APRA-40 หรือยานเกราะ TAB-71
- นักบินยูเครนกำลังเรียนรู้การบินเครื่องบินรบ F-16 ที่ศูนย์ฝึกอบรมของพันธมิตรในฐานทัพอากาศ Fetesti ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโรมาเนีย ขณะที่ฐานทัพอีกแห่งมีกำหนดจะเป็นสถานที่ฝึกอบรมสำหรับนาวิกโยธินยูเครน

- ในฐานะเพื่อนบ้านของยูเครน โรมาเนียจึงมีความสำคัญต่อการขนส่งสินค้าเกษตรของยูเครนที่มุ่งหน้าสู่ตลาดโลก ท่ามกลางความพยายามของรัสเซียในการปิดกั้นเส้นทางการค้าในทะเลดำ
- แม้ว่าความสำคัญของเส้นทางโรมาเนียจะลดลงเนื่องจากยูเครนเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ แต่ท่าเรือคอนสแตนตาของโรมาเนียยังคงคิดเป็นสัดส่วนหนึ่งในสี่ของการส่งออกเกษตรของยูเครนจนถึงปลายปี 2024
- ในฐานะส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประเทศที่ถูกปิดล้อม โรมาเนียได้ให้การต้อนรับผู้ลี้ภัยมากกว่า 170,000 คนและสนับสนุนความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดระหว่างประเทศ
- บูคาเรสต์ยังเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลเคียฟและการเข้าร่วมนาโตและสหภาพยุโรปบนเวทีระหว่างประเทศอีกด้วย ความร่วมมือระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านได้แข็งแกร่งขึ้นด้วยสนธิสัญญาความมั่นคงระยะเวลา 10 ปีที่ลงนามเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2024

ความสำคัญของโรมาเนียต่อยุทธศาสตร์การต่อต้านรัสเซียของสหรัฐฯและพันธมิตร
- โรมาเนียซึ่งเคยเป็นสมาชิกของสนธิสัญญาวอร์ซอ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของปีกตะวันออกของ NATO และยืนหยัดอยู่แนวหน้าในการพยายามคุกคามรัสเซียของกลุ่มประเทศสมาชิก
- ชายฝั่งทะเลดำของโรมาเนียทำให้โรมาเนียเป็นเส้นทางที่สะดวกสำหรับการขนส่งอาวุธไปยังเคียฟ
- โครงสร้างพื้นฐานทางทหารของ NATO ในโรมาเนียทำหน้าที่เป็นฐานในการยิงโดรน เช่น MQ-9 Reaper เพื่อสอดส่องกิจกรรมของรัสเซียจากน่านฟ้าเป็นกลางเหนือทะเลดำ และอาจช่วยประสานงานการโจมตีของยูเครนต่อดินแดนของรัสเซียได้
- สถานะของโรมาเนียในฐานะประเทศในทะเลดำช่วยให้ NATO สามารถพิสูจน์การมีฐานทัพเรือในส่วนนั้นของโลกได้
- ชายแดนระหว่างโรมาเนียกับมอลโดวาทำให้ NATO สามารถคุกคามทรานส์นีสเตรีย ซึ่งเป็นดินแดนแยกตัวของมอลโดวาที่อยู่ระหว่างมอลโดวาและยูเครน โดยมีกองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซียประจำการอยู่
- ฐานทัพอากาศ Mihail Kogalniceanu ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับคอนสแตนตากำลังขยายตัวและคาดว่าจะกลายเป็นฐานทัพทหารที่ใหญ่ที่สุดของ NATO ในยุโรป การขยายตัวนี้ส่งผลให้โรมาเนียกลายเป็น 'เรือบรรทุกเครื่องบินที่ไม่มีวันจม' ที่อยู่หน้าประตูบ้านของรัสเซีย
- ฐานทัพทหาร Deveselu ใกล้กับคาราคัลเป็นที่ตั้งของระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล Aegis Ashore ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เครื่องยิง Mk 41 เพื่อยิงขีปนาวุธ (เช่น ขีปนาวุธร่อน Tomahawk) ใส่รัสเซีย

หากนายคาลิน จอร์เจสคู ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สอง ‘เขาจะมีความชอบธรรมในสายตาประชาชนในฐานะประธานาธิบดี’ ซึ่งระบบการเมืองของโรมาเนียเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีสามารถหยุดยั้งแนวทางที่สนับสนุนยูเครนของประเทศได้ โดยประมุขแห่งรัฐของโรมาเนียเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพ เป็นประธานสภากลาโหม และเป็นตัวแทนของประเทศในระดับนานาชาติ รวมถึงในสภายุโรปและการประชุมสุดยอดนาโตด้วย ซึ่งหากนายคาลิน จอร์เจสคูได้รับเลือกโอกาสที่โรมาเนียจะหยุดให้การสนับสนุนยูเครนก็จะเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯและพันธมิตรยอมไม่ได้เห็นได้จากการที่เขาหาเสียงด้วยการออกมาพูดต่อต้านความช่วยเหลือทางทหารสำหรับเคียฟและโจมตีฐานทัพนาโตในประเทศว่าเป็น ‘แหล่งน่าละอาย’ ของชาติ 

ซึ่งบทสรุปอนาคตของโรมาเนียชาวโรมาเนียต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าโรมาเนียจะพอกับการให้การสนับสนุนสงครามในยูเครนต่อไปหรือไม่ ซึ่งเราต้องติดตามผลการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีของโรมาเนียที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2024 นี้อย่างใกล้ชิด

โทษจำ 104 ปี ติดจริง 8 ปี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คนเหนือคุก..!!

(7 ธ.ค. 67) เรื่องร้อนจากแนวรบกระทรวงยุติธรรม -กรมราชทัณฑ์ ในรอบสัปดาห์หนีไม่พ้นการได้รับการพักโทษของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ เมื่อ2ธ.ค.2567 โทษติดคุกคดีจำนำข้าว 48 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 4 ครั้ง เหลือโทษจริง 10ปี ติดมาแล้ว 7 ปี..เข้าเกณฑ์พักโทษ  จะพ้นโทษจริง  2571

ก่อนหน้านั้นภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ พักโทษไปเงียบๆ เมื่อเดือนก.ย....จะพ้นโทษจริง 2569

แต่ที่เงียบเชียบ..ถ้า ‘เดอะแจ๊ค’ วัชระ เพชรทอง ไม่ออกมาปูดข่าวว่าได้รับการปล่อยตัว-พักโทษไปแล้วเมื่อ 9 ต.ค.2567 สังคมก็คงไม่ได้รับทราบกันก็คือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อภิชาติ  จันทร์สกุลพร แห่งบ.สยามอินดิก้า ขนาด ‘เดอะแจ๊ค’ ออกมาเปิด..หลายคนก็ยังคิดว้าเป็นข่าวลือ เป็นไปไม่ได้  เพราะเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์นายหนึ่ง ออกมาพูดฉอด ๆ ผ่านรายการคุณ ‘หมาแก่’ ช่อง 9อสมท.ว่า..เสี่ยเปี๋ยงยังไม่ได้รับการพักโทษ..เพราะโทษสูง รวมกันถึง 104 ปี ก่อนที่สองวันต่อมา..อธิบดีคุก ต้องยอมรับว่า..พักโทษแล้ว!! 

6 ธ.ค. มีการอธิบายความ แถลงข่าวชุดใหญ่ นำโดยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม ชี้แจงกรณีต่าง ๆ รวมทั้งกรณีเสี่ยเปี๋ยง โดยนายสมบูรณ์อธิบายว่าการพักโทษมี 2 รูปแบบ คือ แบบปกติ นักโทษชั้นกลาง ชั้นเยี่ยม ผ่านจำคุก 2ใน 3 ของกำหนดโทษ แบบที่สอง แบบพิเศษ จำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 และมีอาการป่วยรุนแรงตามกฎหมายกำหนด..

กรณีเสี่ยเปี๋ยงที่อายุเกิน 70 ปีแล้ว เข้ารูปแบบพิเศษ คณะอนุกรรมการลงมติ 8:0 ให้พักโทษ....

อันว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ เป็นที่รู้ ๆ กันดีว่าแนบแน่นกับระบอบทักษิณแบบร่วมหัวจมท้าย..โดยคดีทุจริตเกี่ยวธุรกิจค้าข้าว,บ้านเอื้ออาทร..รวมโทษแล้ว 100 กว่าปี หากไม่พักโทษหรือลดโทษเขาจะติดคุก..พ้นโทษจริงวันที่ 21 พ.ย.2629

เอกสาร..ข้อมูลที่อยู่ในมือกรมราชทัณฑ์แต่ไม่เผยแพร่..แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้เห็นมา ขอสรุปสั้น ๆ บันทึกไว้ให้รับทราบพิจารณากัน ดังนี้..

#กรณีนายอภิชาต..คดีที่ศาลออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดมี 4 คดี

คดีที่ 1  ยักยอกทรัพย์ (ศาลแขวงสมุทรปราการ) จำคุก 3 ปีนับแต่ 27 ต.ค. 2558 -พ้นโทษแล้ว

คดีที่ 2 ยักยอกทรัพย์ จำคุก3ปี ศาลแขวงสมุทรปราการ (หักขัง1,281 วัน) นับแต่ 27 ต.ค.2561 พ้นโทษในวันเดียวกัน

คดีที่ 3 ความผิดพ.ร.บ. การเสนอราคาต่อรัฐ (คดีจำนำข้าวจีทูจี) จำคุก 48 ปี (หักขัง 422 วัน) นับแต่ 27 ต.ค.2561 กำหนดพ้นโทษ 3 ส.ค.2608 

คดีนี้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 5 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2562 เหลือโทษ 32 ปี,ครั้งที่2 เดือนส.ค.2563 เหลือโทษ 21 ปี 4 เดือน,ครั้งที่สาม เดือนธ.ค.2563 เหลือโทษ 14 ปี 2 เดือน,ครั้งที่สี่ เดือนก.ค.2564 เหลือโทษ 9 ปี 5 เดือน ครั้งที่ห้า เดือนธ.ค.2564 เหลือโทษ 6 ปี 3 เดือน..

คดีที่ 4 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ (คดีบ้านเอื้ออาทร) โทษจำคุก 50 ปี นับแต่ 29 ธ.ค.2581 พ้นโทษ 21 พ.ย.2629 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 3 ครั้ง ลดโทษแล้วเหลือ 14ปี 9เดือน 24 วัน  จะพ้นโทษ 7 ก.ย.2579

#ตามเอกสารสรุปว่า ปัจจุบันนายอภิชาตเหลือโทษจำคุกเพียงคดีเดียวคือคดีที่ 4 เหลือกำหนดโทษ 14 ปี 9 เดือน 24 วัน (มีหักขัง 769 วัน) แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษพ.ศ.2567 1ใน 7 ชั้นเยี่ยม ลดโทษ 2 ปี 1 เดือน 12 วัน เหลือโทษ 12 ปี 8 เดือน 12 วันนับแต่ 26 ธ.ค.2566 คดีนี้จำมาแล้ว 2 ปี 9 เดือน 5วัน เหลือโทษจำต่อไปอีก 9ปี 11เดือน 12 วัน จะพ้นโทษ 27 ก.ค.2577

#เอกสารสรุปว่านายอภิชาติได้รับการปล่อยตัวพักโทษ(กรณีมีเหตุพิเศษ เจ็บป่วยร้ายแรง และอยู่ระหว่างการคุมประพฤติของพนักงานคุมประพฤติ โดยมีการประชุมเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2567 และปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ ร.พ.รามาธิบดี เนื่องจากยังพักรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ดังกล่าว   

รวมระยะเวลาที่นายอภิชาติติดคุก 8 ปี 11 เดือน 18 วัน ก่อนที่จะได้รับการพักโทษ..โดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม

ข้อมูลทั้งหมดตามนั้น..ในขณะที่คดีทางแพ่งที่เสี่ยเปี๋ยงและใครต่อใครต้องชดใช้ความเสียหาย (คดีจำนำข้าว) ให้กับแผ่นดิน วันนี้ก็ยังมีความชัดเจน..ชัดเจนอยู่อย่างเดียวทุกปีรัฐต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้ความเสียหายอันเนื่องจากคดีจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์...

‘ยิ่งลักษณ์’ ที่จะกลับในปีหน้าด้วยยานวิเศษ..พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560, กฎกระทรวง 2563 และระเบียบราชทัณฑ์ 2566 ว่าด้วยคุกนอกเรือนจำ..ดังที่ได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว..ฟันธง!!

‘ท็อปนิวส์’ แจง!! ถูกแอบอ้าง นำโลโก้ไปใช้ ลั่น!! จะดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว ให้ถึงที่สุด

(7 ธ.ค. 67) ‘ท็อปนิวส์’ ชี้แจงกรณีมีบุคคลการทำคลิปข่าวปลอม อ้างเป็นสำนักข่าวท็อปนิวส์ และโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ‘สมชาย ชอบชาย’ ซึ่งได้ลอกเลียนแบบ แบนเนอร์ข่าวและนำโลโก้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชนและทำให้สำนักข่าวท็อปนิวส์ได้รับความเสียหาย

‘ท็อปนิวส์’ ยืนยันว่า การเผยแพร่ดังกล่าว ‘ไม่เกี่ยวข้อง’ กับ ท็อปนิวส์ แต่อย่างใด 
ในการนี้ ท็อปนิวส์ จึงขอประกาศให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวหยุดการกระทำที่ทำให้ ท็อปนิวส์ ได้รับความเสียหายในทุกรูปแบบ โดยการนำ ชื่อท็อปนิวส์ ไปใช้ แล้วเผยแพร่ข้อความให้เกิดความเข้าใจผิดต่อ ท็อปนิวส์ เราจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ทั้งนี้ แฟนข่าว TOP News สามารถติดตามข่าวสารจากช่อง Facebook ทางการของเรา ดังนี้

TOP News : https://www.facebook.com/TopNewsLiveThailand

TOP News Online : https://www.facebook.com/topnewslive2021

TOP News Live : https://www.facebook.com/TopNewsLiveOfficial

‘พล.ต.ท.เรวัช’ เผย!! ‘ท่านพีระพันธุ์’ ตั้งให้เป็นประธานสอบทุจริต ลั่น!! ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก ไม่มียกเว้น

(7 ธ.ค. 67) พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ตำรวจมือปราบผู้ซื่อสัตย์และเที่ยงตรง ได้โพสต์คลิป โดยมีใจความว่า ...

ผมได้รับการติดต่อจาก ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ติดต่อทาบทามมาขอให้ผมเป็นประธาน 

สอบสวนเกี่ยวกับการไม่ชอบมาพากลของการ จัดซื้อจัดจ้าง ของหน่วยงานในสังกัดดูแลของท่าน

สืบเนื่องมาจากในการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จะจ้างบริษัทมาขนถ่านหิน เงินงบประมาณ 7,250 ล้าน แล้วมันจัดซื้อจัดจ้างกันยังไงไม่รู้ ไปจัดวิธีพิเศษ จัดวิธีพิเศษไม่มีการประมูลแข่งขันกันอะไรกัน 

ผมก็ยินดีทําเพื่อประเทศชาติ แล้วมันจะทําให้ผลประโยชน์ตกแก่ประชาชน จะได้ประหยัดงบประมาณ อาจจะทําให้ค่าไฟฟ้าถูกลง

ผมยินดี และเต็มใจ ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าคงจะเซ็นแต่งตั้งให้ผมเป็นประธานตรวจสอบ

แต่ผมก็กราบเรียนท่านว่า ถ้าตั้งผมแล้วเนี่ยอย่าให้ใครมาขอนะ ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิดนะ ใครถูกก็ว่าไปตามถูกนะ

ใครผิดก็ต้องรับกรรมไปนะ

ผมไม่ไปสนใจทั้งนั้น ว่าใคร จะเป็นอะไรยังไง ถ้าผิดก็ต้องว่าตามผิด ถูกก็ว่าตามถูก ท่านบอกท่านตัดสินใจเลือกผมเพราะรู้ว่าผมเป็นคนไม่ยอมใคร ถูกก็ถูกผิดก็ผิด

มันก็เป็นนิสัยของผมมาตั้งแต่ผมยังเป็นดํารงตําแหน่งแค่เป็นสารวัตร

ตอนนั้นเป็นสารวัตรตลาดไร่เก่าปี 2537 มันก็มีการจัดประมูลงานของแขวงการทางที่แขวงการทางที่ชายทะเล ผู้รับเหมามากันหลายร้อยเลยต่างคนต่างขนอาวุธยุทธภัณฑ์กันมาข่มขู่กัน มาล็อกงาน ล็อกกันไม่ให้บริษัทอื่น มาซื้อซองเข้าประมูลได้

ผมเห็นคนมันมาผิดปกติ ผมก็เอากําลังตํารวจไปปิดล้อม ตรวจค้น ผมจับหมด ได้ข้าวหลามเนี่ย!! ใช้คําว่าเป็นร้อยกระบอกครับ เป็นเข่งนะครับ ผมไม่ยอม แล้วผมก็อยู่ในที่ประมูลด้วย ประมูลแข่งกันไปผลประโยชน์ตกแก่แผ่นดิน

อย่ามาล็อกกัน จับดําเนินคดีหมดนะครับ

ถือว่าพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาติ

หลังจากนั้น นายช่างมันรู้กัน มันไม่กล้ามาประมูลกันในเขตผมเลยนะครับ ไม่กล้ามาประกวดงาน ในเขตผมเลยนะครับ

อีกครั้งหนึ่งผมมาเป็นผู้กํากับที่บ้านโป่ง ก็มีการประมูลงานกัน ของกรมชลประทาน

ผมจับดําเนินคดีหมดครับ ผมไม่ยอมหรอกครับ 

เอาแฟร์แฟร์กัน!!

ป้ายรถเมล์ ถูกเทปูนจนมิด เหลือแต่เก้าอี้ ชี้!! ผลงาน ‘สำนักการโยธา กทม.’

(7 ธ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘สนามข่าวเมืองปราการ’ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า …

‘ไม่คุยกันอีกแล้ว รื้ออันไหนทำใหม่ดีล่ะ 7-11 ตรง ซ.เทพรัตนโมลี 21 ถ.หลวงแพ่ง’ 

พร้อมกับแนบภาพป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง ที่ระบุว่า อยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ซอยเทพรัตนโมลี 21 ถนนหลวงแพ่ง เป็นภาพที่กำลังก่อสร้างทางเดินเท้าใหม่ ทำให้มีการเทปูนทับพื้นเดิม ส่งผลให้ความสูงของพื้นปูนนั้น ขึ้นมาอยู่เทียบเท่ากับที่พักนั่งรอรถเมล์ของเดิม จนชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากนั้น

ลักษณะงานเป็นการปรับปรุงผิวจราจรและทางเท้า ท่อระบายน้ำ ฝาระบายทั้งระบบ แต่ภาพที่ได้เห็นไม่มีการรื้อศาลาที่พักผู้โดยสารออก กลับเทคอนกรีตทับไปเลย จากเก้าอี้นั่งปกติกลายเป็นเก้าอี้ไว้สำหรับนั่งพับเพียบตามมารยาทไทย

ในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างก็เหมือนเดิมตามสไตล์ กทม. ข้อมูลในระบบแจ้งว่าใช้วิธีประมูลงานแบบอีบิดดิ้ง แต่มีผู้ซื้อซอง ยื่นซอง เสนอราคา แค่เจ้าเดียวแล้วก็คว้างานไป

ชื่อโครงการปรับปรุงถนนหลวงแพ่ง ช่วงจากสำนักงานประปาสาขาสุวรรณภูมิ ถึงคลองพระยาเพชร พื้นที่เขตลาดกระบัง-กทม.

งบประมาณ 177,677,660 บาท

เลขที่โครงการ 66119124096

งานนี้ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขด่วน!!

‘โหรวันชัย’ พยากรณ์กลางมิ.ย.68 ‘พญามังกรทักษิณ - รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง’ เผชิญธาตุไฟ ชี้!! บริหารดีก็รุ่งโรจน์ แต่ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ จะเป็นเหมือนไฟบรรลัยกัลป์

(7 ธ.ค. 67) นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์ข้อเขียน เรื่อง ‘งูไฟ…กับรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง’ ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า จะไม่พูดถึงตัวเลขและดวงดาวต่าง ๆ เพราะหมอดูหลายคนออกมาพูดกันมากแล้ว มะโรงงูใหญ่ก็เร่ง มะเส็งงูเล็กก็กำลังจะมา เรียกว่า ทั้งมังกรใหญ่มังกรเล็กอยู่คู่กับรัฐบาลเพื่อไทยเกือบ 2 ปี มีพญามังกรทักษิณเป็นหัวแรง ทั้งพ่อทั้งลูกคือมังกรเล็กมังกรใหญ่ในรัฐบาล และปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้ นักษัตรปีงูเป็นธาตุไฟ ทั้งเร่าร้อน ร้อนแรง ทั้งมีแสงสว่างไสวและพร้อมที่จะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา

ธาตุไฟปีมะเส็งนี้มีทั้งคุณและโทษ รัฐบาลถ้าบริหารจัดการดีก็สว่างไสวรุ่งโรจน์โชติช่วง ถ้าไม่ดีไฟก็พร้อมที่จะลุกไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์ เผาไหม้ทั้งนายกฯและรัฐบาล จะเกิดการปะทุประท้วง ชุมนุมขับไล่ ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ลุกขึ้นมาปะทะกัน สุมไฟแห่งความขัดแย้ง จะเกิดการเผาไหม้เร่าร้อนรุนแรงอีกครั้ง นายวันชัยระบุ

นายวันชัยระบุอีกว่า ดวงชะตาฟ้าลิขิต ทั้งดวงดาวของประเทศ นายกฯอุ๊งอิ๊ง และคุณทักษิณบรรจงลงตัวเดินหน้ามาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงกลางเดือนมิถุนายน 2568 หกเดือนต่อแต่นี้เป็นการชี้ชะตา วัดพลังแห่งธาตุไฟ จะสว่างไสวหรือเผาไหม้ก็อยู่ที่ช่วงนี้แหละ ผลงานและการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องเศรษฐกิจ การกินดีอยู่ดี เหมือนไฟสุมขอนที่พร้อมจะปะทุให้สว่างไสวรุ่งโรจน์รุ่งเรือง หรือเผาไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์ก็ได้

ดวงชะตาของประเทศและผู้นำมาถึงกาลนี้แล้วต้องเร่งเครื่องสร้างผลงาน แก้ปัญหาให้สำเร็จให้ได้โดยเร็ว จึงจะทำให้อยู่ได้ไปตลอดรอดฝั่งทั้งประชาชนและรัฐบาล แต่ถ้ายังเหมือนเดิม อีหลุกขลุกขลักเหมือนที่ผ่านมา ความยุ่งเหยิงวุ่นวายโกลาหลก็จะบังเกิด เมื่อถึงตอนนั้น จะงูเล็กงูใหญ่หรือบริวารว่านเครือก็จะแตกกระสานซ่านเซ็นกระจุยกระจายมอดไหม้กันไปหมด ปีมะเส็งแห่งธาตุไฟนี้ จะเป็นธาตุไฟแตก หรือธาตุไฟที่รุ่งเรืองสว่างไสว คอยดูกันต่อไป นายวันชัย ระบุคำทำนาย

‘หมอวรงค์’ จวกยับ!! กรณีพักโทษ ‘คดีโกง’ ชี้!! เป็นการร่วมมือกัน ทำลายประเทศชาติ

(7 ธ.ค. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า …

‘ระวัง!! ประชาชนไม่เชื่อมั่น’

เป็นที่ฮือฮาของสังคม หลังจากรัฐบาลแพทองธารเข้ามาบริหารประเทศ เกิดปรากฏการณ์นักโทษชั้น 14 ที่เชื่อได้ว่าไม่ยอมติดคุกสักวัน จากคดีทุจริต 3 คดี

ถัดมาล่าสุด ผู้ต้องหาคดีรับจำนำข้าว ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 48 ปี บางราย 36 ปี บางรายนอกจากถูกจำคุกคดีจำนำข้าว 48 ปี ยังมีคดีบ้านเอื้ออาทร อีก 50 ปี ล้วนได้ออกจากเรือนจำ

นับรวมการติดคุกเฉลี่ยแล้ว 7 ปี

เราต้องยอมรับว่า คดีทุจริตที่เกิดจากนักการเมือง ต้องถือว่าเป็นคดีร้ายแรง พอๆกับคดีค้ายาเสพติด หรือแม้แต่คดีฆ่าข่มขืน เพราะการทุจริตเป็นการทำลายโอกาสของประชาชน มีผลกระทบต่อการพัฒนาการอยู่ดีกินดีของประชาชน

การที่กรมราชทัณฑ์จะมาอ้างว่า เนื่องจากผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์ที่ต้องพักโทษ แต่เพราะคดีทุจริตเป็นคดีร้ายแรงที่ทำลายชาติ ท่านจะใช้มาตรฐานคดีปกติมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ท่านควรต้องมีเกณฑ์ต่างหาก เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวต่อการทำผิด

ท่านเห็นไหมว่า นักโทษคดีทุจริต ที่พวกท่านให้การพักโทษกรณีพิเศษ วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง คนพวกนี้สำนึกผิดหรือไม่ นอกจากไม่สำนึกผิด คนคนนี้กำลังจะสร้างปัญหาเดิมๆของประเทศ และดูแนวโน้มแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหนักกว่าเดิม ท่านเคยประเมินหรือไม่

พวกท่านทราบไหมว่า กว่ากระบวนการตรวจสอบการทุจริตของนักการเมือง จะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานได้ ต้องทุ่มเทการทำงาน มากขนาดไหน กว่าจะผ่านป.ป.ช. ผ่านอัยการและไปต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา เตรียมข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ นำพยานมาเบิกความ

ทุกฝ่ายต้องทำงานด้วยความยากลำบาก ทั้งต้องอาศัยความตั้งใจ ความทุ่มเท เพื่อเก็บกวาดประเทศให้สะอาด และศาลฎีกาฯใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมพยานหลักฐาน จนมีคำพิพากษาออกมา แต่สุดท้ายมาจบแบบไม่รับผิดชอบของราชทัณฑ์ ที่สำคัญคนที่ได้รับการพักโทษก็ไม่สำนึก

เพราะกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำของประเทศ เป็นแบบนี้ การที่หวังจะเก็บกวาดประเทศไทยให้สะอาด นับวันจะยิ่งหนักกว่าเดิม สิ่งที่เห็นรัฐบาลชุดนี้ ดำเนินการเรื่องจัดการทุจริตจึงไม่ต้องหวัง ก็เหลือแต่องค์กรตรวจสอบ ที่ควรจะทำงานด้วยความรวดเร็ว

ระวังนะประชาชน นอกจากไม่เชื่อมั่นนักการเมือง จะไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมรวมทั้งราชทัณฑ์ ไม่เชื่อมั่นระบบตรวจสอบขององค์กรอิสระ อาจจะลามไปสู่ การไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ ไม่ต้องโทษใคร แต่ต้องโทษทั้งนักการเมือง องค์กรอิสระ ข้าราชการที่มีส่วนร่วมมือกันทำลายประเทศ

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567 : ‘คำสอนพระพุทธเจ้านำมาใช้อย่างไร?’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘คำสอนพระพุทธเจ้านำมาใช้อย่างไร?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : มีธรรมะหมวดไหนที่จะทำให้เรารวยได้?

พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : มีธรรมะอยู่หมวดหนึ่ง เรียกสั้น ๆ ว่าหัวใจเศรษฐี คำย่อ คือ อุ อา กะ สะ
อุ คือ อุฏฐานะสัมปทา ขยันหมั่นเพียรหาทรัพย์สินเงินทอง
อา คือ อารักษ์สัมปทา เมื่อได้ทรัพย์รู้จักบริหารทรัพย์สินให้เป็น
กะ คือ กัลยาณมิตตตา คบคนดี คบคู่ค้าดี คบผู้ร่วมงานดี
สะ คือ สมชีวิตา การเลี้ยงชีพแต่พอสมควร ใช้ชีวิตอย่างไม่ฝืดเคืองและไม่ฟุ่มเฟือย แบบพอดีพอดี
ไม่ใช่พอดีธรรมดา แต่ต้องรู้จักพอเพียงพอดีพอประมาณ แล้วที่สําคัญคือพอใจนี่ก็คือสอนให้รวย

8 ธันวาคม ของทุกปี วันนักศึกษาวิชาทหาร รำลึกวีรกรรมหาญกล้าเยาวชนไทย

จากวีรกรรมอันกล้าหาญของ 'ยุวชนทหาร' ที่ร่วมกับทหาร ตำรวจ และราษฎรอาสา ต่อต้านทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร และในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484

เพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญของเยาวชนดังกล่าว กรมการรักษาดินแดน หรือ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ในปัจจุบัน จึงได้ขออนุมัติไปยังกองทัพบก ในปี พ.ศ.2542 เพื่อกำหนดเป็นวันสำคัญสำหรับนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งในการนี้ กองทัพบก ได้เห็นชอบ และอนุมัติให้ถือเอา วันที่ 8 ธันวาคม เป็น 'วันนักศึกษาวิชาทหาร'

โดยมอบให้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบในส่วนกลาง สำหรับในส่วนภูมิภาค มอบให้ ศูนย์การฝึกหรือหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบก เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้ประกอบพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร พร้อมกันทั่วประเทศ

สำหรับการสวนสนามของ นศท. นั้น ได้เริ่มจัดขึ้นในส่วนกลาง เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2509 ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) โดยมี จอมพล ถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี และได้ประกอบพิธีดังกล่าว ในห้วงประมาณ เดือนพฤศจิกายน เรื่อยมา

ถือได้ว่าพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารนั้น เป็นพิธีสําคัญและเป็นเกียรติแก่นักศึกษาวิชาทหารทุกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top