Thursday, 12 June 2025
TheStatesTimes

เปิดวาร์ป ‘โบว์ พัชรีย์’ พี่เลี้ยง ‘คุณหนูเอวา’ ดีกรีไม่ธรรมดา!! ‘สวย-เก่ง-ใจกล้า-มีทักษะ’

(5 ธ.ค. 67) ขึ้นแท่นเซเลปสาวสี่ขาประจำปี 2024 สำหรับ ‘น้องเอวา’ เจ้าของฉายา ‘คุณหนูเอวาสุดแกลม’ เสือโคร่งสีทอง-เสือโคร่งสตรอว์เบอร์รี แห่ง เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari) ที่ใครเห็นก็อดใจไม่ไหว ตกหลุมรักในหน้าตาสุดแบ๊ว อยากไปเจอตัวเป็น ๆ

แต่นอกจากที่หลายคนจะโดน ‘น้องเอวา’ ตกแล้ว งานนี้เหล่าแฟน ๆ ก็โดนพี่เลี้ยงหญิงแกร่ง ‘คุณโบว์’ พี่เลี้ยงประจำตัวคุณหนูเอวาที่โด่งดังจากคลิปจกพุงน้องเอวาตกด้วยอีกคน ด้วยความใจกล้า แถมเก่ง มีทักษะ เพราะต้องอยู่ร่วมโซนแสดงกับสัตว์นักล่าอย่างเสือโคร่ง ทำให้ใครหลายคนอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

ประวัติส่วนตัว ‘โบว์ พัชรีย์’

นางสาวพัชรีย์ พิพัฒน์วงศ์ชัย (โบว์)

อายุ 25 ปี

จบการศึกษามาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่

ทำงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ฝึกและแสดงสัตว์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง น้องเอวา เสือโคร่งลูกคุณหนูนานกว่า 3 ปี โดยดูแลตั้งแต่เกิด

ม.ทั่วสหรัฐเตือน นักศึกษา-บุคลากรต่างชาติ กลับเข้าประเทศก่อนทรัมป์รับตำแหน่ง

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานเมื่อ 5 ธ.ค. 2024 ว่า มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหรัฐ เช่น มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ออกประกาศเตือนนักศึกษาและบุคลากรต่างชาติให้หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ พร้อมแนะนำให้กลับเข้าสหรัฐก่อนวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์  

มหาวิทยาลัยเหล่านี้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองและสถานะวีซ่า รวมถึงมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อบุคลากรและนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย  

ในประกาศของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ระบุว่า “ภูมิทัศน์ของการย้ายถิ่นฐานมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีชุดใหม่” ขณะที่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยเวสเลียนในคอนเนตทิคัต ได้ออกคำแนะนำให้นักศึกษาและคณาจารย์ต่างชาติเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล พร้อมจัดเซสชันให้ข้อมูลและบริการให้คำปรึกษากฎหมายการย้ายถิ่น  

ย้อนกลับไปในปี 2017 ช่วงต้นสมัยแรกของทรัมป์ เขาเคยออกคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามพลเมืองจากหลายประเทศ รวมถึงเกาหลีเหนือและเวเนซุเอลา เดินทางเข้าสหรัฐ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อนักศึกษาและนักวิชาการจากประเทศเหล่านี้ แม้คำสั่งดังกล่าวจะถูกศาลสั่งยกเลิกในภายหลัง แต่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เตือนว่ามาตรการลักษณะเดียวกันอาจกลับมาใช้ได้ในไม่ช้าหลังจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยรายชื่อประเทศที่ถูกจำกัดอาจขยายไปถึงอินเดียและจีน  

จากข้อมูลของสถาบันการศึกษานานาชาติ (Institute of International Education: IIE) พบว่ามีนักศึกษาต่างชาติกว่า 1.1 ล้านคนศึกษาอยู่ในสหรัฐในปีการศึกษา 2023 โดยนักศึกษาชาวอินเดียมีจำนวนมากที่สุด แซงหน้าชาวจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี  

เบนจามิน สเทิร์น (Benjamin Stern) ที่ปรึกษาด้านการศึกษาสำหรับนักเรียนชาวอินเดีย ระบุว่า ลูกค้าของเขาหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากชัยชนะของทรัมป์ โดยบางคนเริ่มพิจารณาสมัครเรียนในประเทศอื่นแทนสหรัฐเพราะความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

‘มหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ทิวลิปบานที่สวนหลวง ร.๙’ จัดเต็มความงดงาม พร้อมนวัตกรรมด้านพลังงานจาก ปตท.

งาน 'มหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ทิวลิปบานที่สวนหลวง ร.๙' ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในงาน 'พรรณไม้งาม อร่ามสวนหลวง ร.๙' ที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิสวนหลวง ร.๙ และกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นภายใต้แนวคิด 'The Charming of Colorful Town' ระหว่าง 1-10 ธันวาคม 2567 ณ อาคารถกลพระเกียรติ สวนหลวง ร.๙ เป็นอีกหนึ่งงานที่ไม่ควรพลาด เพราะถ้าพลาดปีนี้อาจจะต้องรออีกทีใน 1 ปีข้างหน้า

โดยในส่วนของการจัดแสดงดอกไม้เมืองหนาวนั้น ได้จำลองบรรยากาศเมืองในยุโรป สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชมได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามของดอกไม้เมืองหนาวหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นทิวลิปหลากสี ไฮเดรนเยีย และไม้เมืองหนาวนานาพรรณ

ซึ่งงานนี้ไม่เพียงแต่มีความงดงามของพรรณไม้เมืองหนาวนานาชนิดเท่านั้น แต่ยังได้จัดแสดงเทคโนโลยีการปลูกไม้เมืองหนาวให้เติบโตในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยนวัตกรรมการใช้พลังงานความเย็นที่ได้จากการเปลี่ยนสถานะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากพลังงานความเย็นเหลือทิ้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด  

และนอกจากโซนดอกไม้เมืองหนาวแล้ว ยังมีไฮไลต์สำคัญที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ด้วย นั่นก็คือ โรงเรือนปลูกสตรอว์เบอร์รี่อัจฉริยะขนาดเล็ก ที่นำระบบควบคุมอัจฉริยะมาใช้ติดตามและควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง เพื่อให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นสตรอว์เบอร์รี โรงเรือนนี้พัฒนาจากความสำเร็จของโครงการทดลองปลูกสตรอว์เบอร์รีในโรงเรือนอัจฉริยะที่ จ.ระยอง เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สนใจด้านการเกษตรสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี
กว่าที่จะประสบความสำเร็จสามารถเพาะพันธุ์และปลูกไม้เมืองหนาวได้ดังเช่นปัจจุบัน ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท.

เริ่มจากการจัดตั้งโครงการวิจัย พืชเมืองหนาวในปี 2553 ซึ่งเป็นการศึกษา วิจัย การนำพลังงานความเย็นที่เหลือใช้จากการเปลี่ยนแปลงสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาใช้ประโยชน์ โดยได้ผนวกนำความรู้ทางด้านวิศวกรรมและเกษตรกรรม  มาพัฒนาและยกระดับองค์ความรู้ทางด้านการเกษตรของประเทศ  เริ่มจากการวิจัยเพาะปลูกดอกทิวลิป ลิลลี่ แดฟโฟดิล จนประสบความสำเร็จ และต่อยอดสู่การจัด 'งานมหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว' ซึ่งเป็นการนำพืชเมืองหนาวนานาพันธุ์มาจัดแสดงนิทรรศการ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในองค์รวม

หลังจากความสำเร็จในการเพาะปลูกพืชเมืองหนาว จึงต่อยอดจากไม้ดอกสู่ไม้ผลตระกูลเบอร์รี่ต่าง ๆ อาทิ สตรอว์เบอร์รี่ ในปี 2555 โดยเพาะปลูกในโรงเรือนอัจฉริยะ ซึ่งเป็นระบบปิดที่ทันสมัย ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ปลอดภัยไร้สารเคมี และสามารถให้ผลผลิตต่อเนื่องตลอดปี  จึงทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และมีปริมาณเพียงพอต่อการพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์

จากนั้นในปี 2560 ได้นำผลผลิตสตรอว์เบอร์รี่เกรดพรีเมี่ยมออกสู่ตลาด ภายใต้แบรนด์ Harumiki สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบริโภคผลไม้คุณภาพสูงจากต่างประเทศ และใส่ใจสุขภาพ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทำให้ ปตท. ได้คิดค้น พัฒนา และต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติม อาทิ ผลไม้แปรรูป น้ำผลไม้สด รวมถึงผลไม้พันธุ์อื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งการพัฒนาธุรกิจใหม่ต่อยอดธุรกิจเดิมจากค้าปลีกสู่คาเฟ่ Harumiki Farm & Cafe จังหวัดระยอง ได้อย่างงดงาม

ผู้ที่มาชมงาน 'มหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ทิวลิปบานที่สวนหลวง ร.๙' ในปีนี้ นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของพรรณไม้เมืองหนาวที่หาชมได้ยากในประเทศไทย พร้อมกับลิ้มรสสตรอว์เบอร์รี่เกรดพรีเมียมแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมด้านพลังงานที่น่าทึ่งจาก ปตท. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

GC และ KBC ร่วมมือยกระดับการเปลี่ยนผ่าน เดินหน้าสู่ดิจิทัลอัจฉริยะในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

เมื่อวันที่ (4 ธ.ค.67) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีของประเทศไทย และ KBC Advanced Technology Pte Ltd (KBC), a Yokogawa company บริษัทที่ปรึกษาเชิงเทคโนโลยีชั้นนำที่ให้บริการอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของ GC โดยมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) The Intelligent Digital Technology Collaboration Program

ความร่วมมือครั้งนี้จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Advanced Process Simulation ที่ล้ำสมัยและความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของ GC และ KBC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของ GC โดยเริ่มจากการมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และประสิทธิภาพการผลิต (production efficiency) ที่ดียิ่งขึ้น การผสานการวิเคราะห์ขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับการจำลองกระบวนการที่ซับซ้อน (Advanced Process Simulation) จะช่วยให้ GC และ KBC สามารถมีเครื่องมือในการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรม และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างสูงสุด ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ GC สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดปิโตรเคมีและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ตามกลยุทธ์องค์กร

นายพรศักดิ์ มงคลตรีรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจเพื่อความเป็นเลิศ  GC. กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ KBC นี้เป็นการลงทุนตามกลยุทธ์ Holistic Optimization ของ GC ในการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ด้านดิจิทัลของ GC โดยการใช้ประโยชน์จาก Advanced Process Simulation ระดับโลกของ KBC เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มความแข็งแกร่งในด้านเทคโนโลยี สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมาก รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างนวัตกรรม 

Mr. Takayuki Matsubara, Chief Executive Officer (CEO) of KBC กล่าวว่า “KBC รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ GC ผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของ GC โดยการผสานซอฟต์แวร์จำลองกระบวนการ (Process Simulation) ของเรากับ AI เราตั้งเป้าที่จะยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของ GC และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง GC และ KBC นี้เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมการกลั่นและปิโตรเคมี โดยการใช้จุดแข็งร่วมกัน GC และ KBC พร้อมที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้านด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความยั่งยืน และประสิทธิภาพทางธุรกิจโดยรวม

เปิดปมซีอีโอ 'ยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์' ถูกยิง พบกระสุนสลักคำแค้น สะเทือนธุรกิจประกันภัยสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ (4 ธ.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก เกิดเหตุสะเทือนขวัญเมื่อนาย ไบรอัน ธอมป์สัน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตใจกลางย่านแมนฮัตตัน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายตั้งใจดักรอเพื่อหมายเอาชีวิตนายธอมป์สัน

รายงานระบุว่า ธอมป์สัน วัย 50 ปี ถูกยิงเมื่อเวลาประมาณ 06:45 น. ที่บริเวณด้านนอกโรงแรมฮิลตัน บนถนนซิกซ์อเวนิว เพียงไม่นานก่อนที่งานกิจกรรมวันพบปะนักลงทุนประจำปีของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์จะเริ่มขึ้น โดยเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน ขณะที่คนร้ายยังคงหลบหนี

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า มือปืนดักรอ Brian ขณะเดินอยู่ริมถนน จากนั้นใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงเขา 6 นัด โดยมีการใช้กระบอกเก็บเสียง ปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุถูกสลักข้อความว่า 'Delay' (ยืดเยื้อ), 'Deny' (ปฏิเสธ), และ 'Depose' (โยนคดีทิ้ง) ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ เนื่องจากมีอัตราการปฏิเสธการจ่ายเงินประกันสูงถึง 32% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มบริษัทประกันสุขภาพทั้งหมด อีกทั้งยังมีอัตราการปฏิเสธการจ่ายเบื้องต้นสูงถึง 90% ส่งผลให้มีคดีความฟ้องร้องระหว่างผู้เอาประกันชาวอเมริกันกับบริษัทเป็นจำนวนมาก

การปฏิเสธการจ่ายเงินของบริษัทส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่มีเงินประกันมาจ่าย โรงพยาบาลจะต้องหยุดการรักษาชั่วคราว  

การลอบยิงดังกล่าวส่งผลให้ชาวเน็ตวิจารณ์เหตุการณ์นี้อย่างกว้างขวาง หลายคนแสดงความเห็นว่ามือปืนอาจเป็นตัวแทนของผู้ที่ทนไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมจากระบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ และถึงแม้ตำรวจจะสามารถจำกัดวงผู้ต้องสงสัยจากจำนวนคนที่เคยถูกปฏิเสธการจ่ายเงินเหลือเพียง 25 ล้านคน แต่การจับกุมมือปืนอาจไม่ใช่เรื่องง่าย

เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาบริษัทประกันภัยรายอื่น ๆ ของสหรัฐ ต่างทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้บริหารระดับสูงอย่างเร่งด่วน อาทิ CVS Health อีกหนึ่งบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ได้นำภาพถ่ายและข้อมูลของทีมผู้บริหารทั้งหมดออกจากเว็บไซต์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น   

โรเบิร์ต ดามิโก อดีตเจ้าหน้าที่ FBI และผู้ก่อตั้งบริษัท Sierra One Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยระบุว่า การนำรูปภาพออกจากเว็บไซต์สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการลดความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีจะสามารถระบุตัวและเข้าถึงผู้บริหารได้ง่าย อีกทั้งยังบอกว่า ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจด้านสุขภาพในสหรัฐฯ เผชิญกับความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น จนต้องสำรวจมาตรการความปลอดภัยใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของอาชญากรรมรุนแรง

ทั้งนี้ เหตุการณ์การเสียชีวิตของธอมป์สันเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่ผู้บริหารระดับสูงต้องเผชิญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการประกันภัย ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง 

ทรัมป์เสนอตั้ง 'เดวิด เปอร์ดู' นั่งทูตมะกันในปักกิ่ง อดีตสว.ผู้หนุนชาติเอเชียเป็นฐานผลิตสินค้านอกจีน

(6 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่แถลงการณ์เสนอชื่อนายเดวิด เปอร์ดู นักธุรกิจและอดีตวุฒิสมาชิกจากรัฐจอร์เจีย ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนคนใหม่ โดยขั้นตอนต่อไปนายเปอร์ดูจะต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจากวุฒิสภาเสียก่อน  

“ผมขอประกาศว่า อดีตวุฒิสมาชิกสหรัฐ เดวิด เปอร์ดู ได้ตอบรับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คนต่อไป ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในวงการธุรกิจระหว่างประเทศในฐานะผู้บริหารบริษัท Fortune 500 และการทำหน้าที่ในวุฒิสภาสหรัฐ เขาจึงมีคุณสมบัติโดดเด่นที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเราและจีน” ทรัมป์ระบุ

หากวุฒิสภาให้การอนุมัติ เปอร์ดู วัย 74 ปี เขาจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการบริหารและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดความตึงเครียดทางการค้ามากขึ้น เนื่องจากทรัมป์เคยประกาศชัดเจนว่า จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราขั้นต่ำ 10% และอาจสูงถึง 60% ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี  

สำรับประวัติของเปอร์ดู เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกิจในเอเชียเป็นอย่างดี เคยอาศัยอยู่ในฮ่องกงและสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของเขาแตกต่างจากทรัมป์ในประเด็นสำคัญหนึ่ง คือ เปอร์ดูสนับสนุนการใช้ชาติในเอเชียนอกประเทศจีนเป็นฐานการผลิตสินค้าบางชนิดเพื่อลดต้นทุนด้วยค่าแรงที่ถูกกว่า ในขณะที่ทรัมป์มุ่งเน้นให้สหรัฐผลิตสินค้าเองให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ทรัมป์ยังระบุเพิ่มเติมว่า ในฐานะสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียงคนเดียวที่เคยทำงานในคณะกรรมการด้านการทหารและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา เปอร์ดูจะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์เพื่อรักษาสันติภาพในภูมิภาค และสร้างความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพกับผู้นำจีน 

‘เอกนัฏ’ หยิบไอเดีย ‘ญี่ปุ่น’ แก้ปมลักลอบทิ้งกากพิษ เสริมร่าง กม.กากอุตสาหกรรม - ปั้นนิคมฯ Circular

‘เอกนัฏ’ หยิบไอเดีย ‘ญี่ปุ่น’ เสริมร่างกฎหมายกากอุตสาหกรรม-ปั้นนิคมฯ Circular ด้าน กนอ. ขยายใช้ระบบติดตามกากสารพิษ Real Time ใน 14 นิคมฯ ลดโอกาสการลักลอบทิ้ง 

(6 ธ.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการเข้าพบหารือกับ นายนาคาดะ ฮิโรชิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม (MOEJ) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองประเทศ ในระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น และกระทรวงอุตสาหกรรมไทย มีความร่วมมือที่ดีอย่างยาวนาน โดยเฉพาะด้านการจัดการกากอุตสาหกรรม ผ่านบันทึกความร่วมมือ (MOC) ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งรัฐบาลไทยมีความตั้งใจอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้ง และการจัดการกากอุตสาหกรรมทั้งระบบอย่างเร่งด่วน โดยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือของทั้งสองประเทศจะสามารถทำให้ก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปได้

“ในการหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาแนวทางการกำกับดูแลโรงงาน และการจัดการกากอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น มาปรับใช้ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกองทุนปฏิรูปอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน ที่กระทรวงฯ กำลังดำเนินการอยู่” นายเอกนัฏ ระบุ

นายเอกนัฏ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน) แห่งแรกในพื้นที่ EEC ด้วยว่า ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการรีไซเคิล และการลดของเสียจากทางญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Circular ของไทย ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการเกิดของเสีย และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน

ด้าน นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมมือกับศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมนานาชาติ (International Center for Environmental Technology Transfer : ICETT) แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมไทย มุ่งสู่อุตสาหกรรม (Green Industry) และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ

“ความร่วมมือกับ ICETT ตลอดจนลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) กับสำนักฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและวัฏจักรของวัสดุ กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม มุ่งเน้นแลกเปลี่ยนข้อมูล นโยบาย และองค์ความรู้เพื่อจัดการกากของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด” นายณัฐพล กล่าว

ขณะที่ นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นได้พัฒนาแนวทางการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กนอ.เองก็มีการพัฒนาระบบติดตามการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมแบบทันสถานการณ์ (Real-Time) มาตั้งแต่ปี 2562 โดยเริ่มนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเป็นแห่งแรก เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน โดยระบบนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตรวจสอบเส้นทางการขนส่งกากอุตสาหกรรมได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ณ สถานที่รับกาก ลดโอกาสการลักลอบทิ้ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชน และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมและสังคม สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับล่าสุด เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566

“กนอ.ได้ขยายผลระบบติดตามการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมแบบ Real Time ใน 14 นิคมอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอย่างผิดกฎหมาย สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมที่สะอาด สอดรับแนวทางส่งเสริม BCG Economy และ Carbon Neutral ที่เป็นโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” นายสุเมธ ระบุ

ยกย่อง 'อาคารรพินทร' อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม เปลี่ยนโรงยิมเก่าสู่ออฟฟิศและโรงเรียนของสถาปนิก

(6 ธ.ค.67) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ประกาศมอบรางวัล UNESCO Asia-Pacific Awards for Cultural Heritage Conservation ประจำปี 2024 ซึ่งรางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่ยูเนสโก ยกย่องความพยายามของบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ในเอเชียและแปซิฟิกในด้านการบูรณะ และอนุรักษ์อาคารที่มีคุณค่าทางมรดกทางวัฒนธรรมในแต่ละชาติทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยรางวัลนี้มีการมอบให้กับองค์กรต่างที่อนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมดีเด่นมาตั้งแต่ปี 2000 โดยพิจารณาจากเกณฑ์ 3 ประการ ได้แก่ ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่ ความสำเร็จเทคนิคทางสถาปัตย์ และผลกระทบด้านความยั่งยืน

ในปี 2024 คณะกรรมการตัดสินได้ประกาศยกย่องโครงการดีเด่นด้านการอนุรักษ์อาคารที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมทั้งสิ้น 8 รางวัล ทั้งในประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยในปีนี้ UNESCO ได้มอบรางวัลสาขา New Design in Heritage Context ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับสิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้นใหม่ที่ยังคงรักษาคุณค่าดั้งเดิมของพื้นที่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเอาไว้อย่างกลมกลืน ให้แก่ อาคารรพินทร สถาบันอาศรมศิลป์ จากความเปลี่ยนแปลงอันโดดเด่นที่พัฒนาอาคารจากโรงยิมเก่าสู่พื้นที่ทำงานและห้องเรียนสำหรับเหล่าสถาปนิกและภูมิสถาปนิกของสถาบัน

UNESCO ระบุในคำแถลงว่า อาคารรพินทร สถาบันอาศรมศิลป์ ได้รับรางวัลจากยูเนสโกในหมวดการออกแบบใหม่ในบริบทมรดกทางวัฒนธรรม สำหรับความเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งในงานด้านสถาปัตย์ที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน โดยเปลี่ยนจากโรงยิมเก่าที่เคยใช้ประโยชน์เพียงด้านเดียว สู่การเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนและการทำงานของเหล่าสถาปนิก ซึ่งได้ปรับปรุงโรงยิมที่ไม่ได้ใช้ให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพและมีเสน่ห์สำหรับสถาปนิกและนักออกแบบชุมชน

การออกแบบของอาคารได้รับการผสมผสานระหว่างความร่วมสมัยและโครงสร้างเดิมได้อย่างลงตัว โดยการรักษาพื้นที่โล่งและโปร่งสูงของอาคารไว้ พร้อมกับการใช้วัสดุที่เรียบง่ายเพื่อเสริมความสวยงามและสร้างความสมดุลให้กับประวัติศาสตร์ของอาคาร นอกจากนี้ การออกแบบสีเขียวที่ใช้การระบายอากาศธรรมชาติและการจัดสวนที่ร่มรื่นยังแสดงให้เห็นถึงการมุ่งมั่นในหลักการของการสร้างอาคารที่ยั่งยืน ซึ่งทำให้โครงการนี้กลายเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ นอกเหนือจากอาคารรพินทร สถาบันอาศรมศิลป์แล้ว ในปีนี้ยูเนสโกยังได้มอบรางวัลประเภทอื่น ๆ อาทิ รางวัลอนุรักษ์ย่านประวัติศาสตร์แก่ ถนนกูนันในเมืองอี้ซิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน โครงการอนุรักษ์วัดอาบัทซาเยชวราร์ในเมืองธุกคัตชี รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย ได้รับรางวัลเกียรติยศ Award of Distinction ขณะที่โครงการอนุรักษ์อีกสี่โครงการได้รับรางวัลความดีเยี่ยม (Award of Merit) ได้แก่ โครงการอนุรักษ์ร้านน้ำชาเกวนหยินฮอลล์ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน, โครงการอนุรักษ์หอเฮหลูในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน, โครงการอนุรักษ์ BJPCI ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย และโครงการอนุรักษ์หอคอยสังเกตการณ์ในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์

‘นอท สลากพลัส’ ฮุบ EE นั่งประธานบอร์ดเอง พร้อมเพิ่มทุนขาย PP ทิ้งกัญชงกัญชาปรับสู่ธุรกิจ Tech

(6 ธ.ค.67) บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) เปิดเผยว่า นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือนอท สลากพลัส ได้ทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2567 จำนวน 1,607,000,000 หุ้น คิดเป็น 57.81% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ซึ่งส่งผลให้นายพันธ์ธวัช กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท

จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทในครั้งนี้ การที่นายพันธ์ธวัช ถือหุ้นในบริษัทเกินกว่า 25% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทนั้น มีผลทำให้นายพันธ์ธวัช มีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการ (Mandatory TenderOffer) โดยราคาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการจะเท่ากับ 0.14 บาทต่อหุ้น

ดังนั้น บริษัทจะดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย รวมถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของนายพันธ์ธวัช ในครั้งนี้

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.67 อนุมัติแต่งตั้งนายพันธ์ธวัช ให้ดำรงตำแหน่งประธาน กรรมการ และกรรมการใหม่แทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างอยู่ พร้อมอนุมัติการเปลี่ยนชื่อของบริษัทจากเดิม 'บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน)' และชื่อภาษาอังกฤษ 'Eternal Energy Public Company Limited' เปลี่ยนเป็น 'บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน)' และชื่อภาษา อังกฤษ 'TECHLEAD NPN PUBLIC COMPANY LIMITED'

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,720,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 4,970,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 7,690,000,000 บาท โดยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลใน วงจำกัด (Private Placement : PP) จำนวน 2,720,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท หรือคิดเป็น 49.12% ของทุนชำระ แล้วของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนชำระแล้ว ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.19 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 516,800,000 บาท เพื่อ เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด

รายชื่อบุคคลในวงจำกัด จำนวนหุ้นที่ได้รับ มูลค่าหุ้นที่ได้รับ สัดส่วนการถือหุ้นภายหลังการเข้าทำการจัดสรร (หุ้น) การจัดสรร(บาท) รายการ (ร้อยละ)

1.นายคีรีภัทร์ ศุภสินประภาพงศ์ 1,038,142,857 หุ้น 197,247,143 บาท  คิดเป็น 18.88%
2.นายไพบูลย์ ทรงเพ็ชรมงคล 541,181,818 หุ้น 102,824,545 บาท คิดเป็น 9.84%
3.นายวิชิต จิรัฐิติเจริญ 407,071,429 หุ้น 77,343,571 บาท คิดเป็น 7.40%
4.นายจักรวิตร ภัทรจินดา 383,603,896 หุ้น 72,884,740 บาท คิดเป็น 6.97%
5.น ส.สุกัญญา ทิพย์มณี 350,000,000 หุ้น 66,500,000 บาท คิดเป็น 6.36%
รวม 2,720,000,000 หุ้น 516,800,000 บาท คิดเป็น 49.45%

บริษัทได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจจากที่บริษัทมีรายได้จากธุรกิจกัญชงและกัญชา แต่เนื่องจากธุรกิจนี้มีอัตราความเสี่ยงสูงจากการ เปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และยังมีวงจรเงินสดที่ช้า จึงมีแนวทางในการขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโต โดย สามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอให้บริษัท และสร้างความแข็งแกร่งให้ฐานะการเงินของบริษัท อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทในอนาคต ตลอดจนเป็นการเพิ่มศักยภาพและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถาบันการเงิน

โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ธุรกิจ Tech) ซึ่งรวมถึง (1) ธุรกิจสื่อ เทคโนโลยี (Technology Media) (2) ธุรกิจให้บริการชำระเงิน (Payment Gateway Solution) และ/หรือ (3) ธุรกิจแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace Platform)

เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจ Tech เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตจากการสร้างรายได้และความสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นที่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ และเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ซึ่งได้แก่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตและใช้เวลากับอุปกรณ์สื่อสารกันมากขึ้น ทำให้สื่อออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศไทยและเศรษฐกิจโลก

โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคและผู้ขายหรือภาคธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ต บริษัทจึงมีความสนใจในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทอย่างสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่ น้อยกว่า 12% และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต (Potential Upside) จากธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์

ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินทุนที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามรายการ Private Placement ไปใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจ Tech ประมาณ 467-517 ล้านบาท ภายในปี 2568 และใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทไม่เกิน 50 ล้านบาทภายในปี 2568

6 ธันวาคม พ.ศ. 2443 ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม'

วันนี้ เมื่อ 124 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์จำนวน 33 รูป จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'ดุสิตวนาราม' ต่อท้ายชื่อวัด เรียกรวมว่า 'วัดเบญจ มบพิตรดุสิตวนาราม' 

ทั้งนี้ เดิมวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดโบราณชื่อ 'วัดแหลม' หรือ 'วัดไทรทอง' ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า 'วัดเบญจมบพิตร' 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top