Sunday, 18 May 2025
TheStatesTimes

‘นายกฯ’ เยือนสันกำแพง สร้างแรงบันดาลใจสินค้า OTOP ลั่น!! ต้องพาสู่ตลาดโลก ใต้ ‘มูลค่า-ราคา’ ที่กำหนดได้เอง

(29 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยได้มีชาวสันกำแพง ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวด้วย แต่เมื่อถึงเวลาพิธีกรในงานแจ้งผู้ร่วมงานทราบว่าน.ส.แพทองธาร ส่งกำลังใจมาให้ชาวสันกำแพงทุกคนแทน เนื่องจากติดภารกิจ

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงชาวสันกำแพงได้ส่งเสียงต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความอาทิ "คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่านนายกฯ ช่วยแก้หนี้นอกระบบ, ขอบคุณนายกฯ ทำให้มีอากาศหายใจ ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯเศรษฐารอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ, รักนายกฯ เศรษฐา, ซอฟต์พาวเวอร์อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทย"

จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายชาวสันกำแพงที่มารอต้อนรับ พร้อมถือป้ายรูปน.ส.แพทองธาร  ทำให้ชาวสันกำแพงโห่ร้องดีใจ นอกจากนี้ ชาวสันกำแพงยังระบุอีกว่า "เรารอเงินดิจิทัลอยู่นะคะ" เรียกเสียงปรบมือจากผู้มาร่วมงาน โดยนายกฯ ยิ้ม พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ และแวะทักทายถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านที่สวมผ้าสันกำแพงมาต้อนรับ 

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอทอปของชาวสันกำแพง โดยช่วยหนึ่งนายกฯ ได้เขียนชื่อตนเองเป็นที่ระลึกบนร่มผ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชาวสันกำแพง ก่อนรับมอบร่มกระดาษสาสีแดง พร้อม ‘กางจ้อง’ ให้กับช่างภาพสื่อมวลชนเป็นที่ระลึก อย่างอารมณ์ดี

ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดล ซึ่งได้มีการนำเครื่องปั้นดินเผาช้าง มาให้นายกฯ เขียนชื่อ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเป็นศิลาดล พร้อมอธิบายถึงลวดลายบนตัวช้าง ซึ่งมีตัว S บนตัวช้าง ซึ่งมีความหมายคือ ‘เศรษฐา’ และช้างหมายถึงความโชคดี เพื่อที่ท่านจะได้นำความสุขให้กลับมาสู่ชาวไทย และช้างตัวนี้มีความสง่างาม และภายหลังเคลือบศิลาดลแล้วจะฝากผู้ว่าเชียงใหม่ไปให้นายกฯ จากนั้นได้มอบข้าวต้มมัด โดยระบุว่า “ทำด้วยหัวใจของชาวสันกำแพงให้นายกฯ ได้ชิม”

จากนั้นนายกฯ ได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power โดยนายกฯ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่เตรียมสปีดให้ 2 หน้า ซึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่พวกท่านไม่ค่อยอยากได้ยิน เราพูดความเป็นจริงดีกว่า การที่ได้มานั่งฟังตรงนี้ ทีมงานจัดระดับงานได้ดีมาก เดินเข้ามาแล้วมาเจอพิพิธภัณฑ์ ได้มาดู พูดคุยทราบวิธีการผลิต ซึ่งแตกต่างจากหน้าทำเนียบฯ ได้มาฟังเด็กรุ่นใหม่ เยาวชน ถือเป็นนิมิตหมายอันดี และจังหวัดเชียงใหม่ก็เหมือนเมืองหลวงของเพื่อไทย 

นายกฯ กล่าวว่า การตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เดินเข้ามาผลิตภัณฑ์สวยมาก โดยดูจากแววตาและสีหน้าทุกคนมีความตั้งใจทำงานและเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่างดีเลิศ และเข้าใจความต้องการของตลาดด้วย แต่การที่เราเข้าใจตลาดและทำสินค้าที่ดีออกมาบางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบถึงข้อดีผลิตภัณฑ์ ไม่เป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคนที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำทุก ๆ ประเทศ เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นคู่พาณิชย์ทั้งหลาย ความสำคัญของการตลาดในต่างประเทศ ซึ่งเรามีสินค้าดีเราควรต้องเอาไปเผยแพร่ ไปขาย ไปสร้างตลาดสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เราจะมีดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานที่ชัดเจนต่อไปนี้ จะต้องไปขายของเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือพวกท่านให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยคุยกับรัฐมนตรีอยากหาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัด OTOP ให้มีโอกาสไปขายไปเผยแพร่ เหมือนกับมาทีเดียวแล้วเห็นหมด โดยคำนึงถึงรายจ่ายที่พวกท่านไม่ควรจะต้องมี ซึ่งคงจะต้องพูดคุยกัน เราจะมีการจัดสถานที่ให้ ดีไซน์หน้าร้านให้ เพื่อให้พวกท่านได้มีการมาแสดงสินค้าของพวกท่านเผยแพร่สินค้าเหล่านี้จะติดต่อไปอาจจะมีการเชิญผู้จัดต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมด้วย โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำต่างประเทศ เมื่อไหร่ที่ท่านกลับมาจะได้มาดูและอาจจะต้องมีการใช้ดัชนีชี้วัด วัดความสำเร็จด้วย หากเอาเสื้อไปขายเอากระเป๋าไปขายจะต้องขายเท่าไหร่ มีช้างที่ทำจากเซรามิกจะต้องขายกี่ตัว อันนี้เป็นความหวังและเป็นความคาดหวังของรัฐบาลนี้ที่เราอยากให้มีเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ จนมั่นใจว่าสินค้าพวกท่านเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ แต่ยังมีการสนับสนุนด้านการตลาดเปิดตลาดน้อยไป 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาจนเดินทางไปหลายประเทศ พยายามไปขายสินค้า ไม่ได้ขายแค่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราอยากไปเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งพวกท่านจะได้ขายสินค้าเป็นความหวังคุ้มกับแรงบันดาลใจของทุกคน รัฐบาลนี้เป็นห่วงและอยากส่งเสริมให้พวกท่านมีศักยภาพในเวทีโลก ได้มีพื้นที่บนเวทีโลก และสำหรับเรื่องของแหล่งทุนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญจริงๆแล้วต้องเอาหลักการคิด การแข่งขันมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะยื่นเอาเงินให้อย่างเดียว พวกท่านก็ต้องช่วยตัวเอง ต้องมีการแข่งขัน หากสินค้าดีก็ต้องมีการแข่งขัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยสนับสนุนให้พี่น้องมีแหล่งเงินทุนเข้าถึงได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่ได้ไปยืมเงินจากหนี้นอกระบบ หรือเงินนอก ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำตรงนี้ให้ได้ อีก 2 สัปดาห์ตนจะไปญี่ปุ่น เราก็จะไปนั่งดูและเชิญอาจจะต้องมีการเชิญตัวแทนผู้ประกอบการไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พวกท่านทราบอยู่แล้วว่า แพ็กเกจจิ้งของประเทศญี่ปุ่นสวยมาก 

นายกฯ กล่าวว่า หลายคนอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว อยากให้อยู่ที่นี่สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ตรงนี้เท่าที่สามารถจะทำได้ และเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องสร้างอนาคตและแรงบันดาลใจให้กับพวกท่านอยากอยู่ในพื้นที่ เพราะคงไม่มีใครรู้ประเพณีวัฒนธรรมและสินค้าของพวกเราเท่ากับทุกท่านที่เกิดและโตที่นี่ จึงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกท่านทุกคนในการที่จะทำต่อไป รวมถึงเรื่องของการดีไซน์ต้องเข้าใจถึงความต้องการตลาดโลกจึงอยากให้มีการช่วยเหลือตรงจุดนี้ ฉะนั้นการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันจะช่วยดีไซน์ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกท่านให้ดูดีสามารถไปแข่งขันในเวทีโลกได้ เหล่านี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือ

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการสะดุดจากสถานการณ์โควิดโลก เหล่านี้ไม่สามารถการันตีได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก ถือเป็นการทำลายโอกาส ฉะนั้นความพร้อมทางออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องทำให้พวกท่านมีความหวังและแรงบันดาลใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เรื่องหนึ่งของรัฐบาลนี้ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ 2-3 เดือนก็จะพยายามกลับมาอีก ด้วยมีข้อเสนอแนะและอยากจะพาท่านไปสู่เวทีโลกในอีกหลาย ๆ ประเทศ หน้าที่ของรัฐบาลสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านมีขวัญและกำลังใจในการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

หยุดอวดเครดิตทางสังคมด้วย ‘การสร้างหนี้’ เพราะ ศก.ยุคนี้ ‘ไม่มีหนี้ = ลาภอันประเสริฐ’

ความเชื่อที่กล่าวว่า การเป็นหนี้ เป็นการแสดงถึงการมีเครดิตที่ดี อาจใช้ไม่ได้กับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมในยุคปัจจุบัน

เดือนมิถุนายน 2566 มีข้อมูลจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ระบุว่าหนี้ครัวเรือนของไทย มีจำนวนสูงถึง 15.96 ล้านล้านบาท

สำหรับการกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือ บุคคลกับสถาบันการเงิน อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า 2,000 บาท หากมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ยืมภายหลัง หากมีการผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้จะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้

แต่หากมีการ ส่งข้อความทางแอปพลิเคชันต่าง ๆ มีข้อความการพูดคุย ยืมเงินกัน และสามารถระบุตัวตน ผู้ยืมได้ โดยเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีลักษณะ เข้าถึงได้ นำกลับมาใช้ได้ และความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ก็สามารถนำมาฟ้องร้องกันได้ 

ดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินกัน ห้ามคิดเกินร้อยละ 15 ต่อปี หรือร้อยละ 1.25 ต่อเดือน แต่หากเป็นสถาบันการเงิน อาจจะสามารถคิดดอกเบี้ยได้เกินกว่านี้

ในส่วนของ ‘หนี้นอกระบบ’ คือ หนี้ที่เจ้าหนี้ไม่ใช่สถาบันการเงิน อาจมีการคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันมากถึงร้อยละ 20 และมีการทวงหนี้กันแบบรุนแรง 

ทว่า การทวงหนี้มีกฎหมายควบคุม ต้องทวงกับตัวลูกหนี้เท่านั้น วันธรรมดาทวงได้ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม วันเสาร์และอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทวงได้ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ห้ามข่มขู่ ห้ามใช้ความรุนแรงหรือดูหมิ่น จดหมายทวงหนี้ห้ามเป็นไปรษณียบัตรหรือเป็นจดหมายเปิดผนึก และห้ามทวงหนี้เกินวันละ 1 ครั้ง

การทวงหนี้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีโทษจำคุก ตั้งแต่ไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสน หรือสูงสุดจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าแสน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความจำเป็นในการใช้ชีวิต อาจเป็นเหตุผลสำคัญให้เราต้องยินยอมเป็นหนี้ อย่างไรก็ตามหากเราสามารถบริหารจัดการความจำเป็นให้พอดีกับการใช้ชีวิตได้ เราจะพบว่า การไม่เป็นหนี้นั้น เป็นลาภอันประเสริฐอย่างยิ่ง

ส่องผลงาน ‘รมว.พิมพ์ภัทรา’ ก.อุตสาหกรรม ดึงทุนนอกปักหมุดฐานผลิตในไทย

ประเทศไทยยังเนื้อหอม!!

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘ภาคอุตสาหกรรมการผลิต’ ยังคงเป็นกำลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และภายใต้การบริหารงานเชิงรุกของ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หลังรับตำแหน่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เร่งดึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาปักหมุดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อผลักดันไทยไปสู่เป้าหมายศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน

ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นภาพการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตของไทยชัดเจนมากขึ้น เมื่อกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ต่างทุ่มเม็ดเงินก้อนโตปักหมุดลงทุนสร้างโรงงานในไทย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต จำหน่ายและส่งออก หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นหลาย ๆ อย่าง ไล่เลียงตั้งแต่ มาตรการอุดหนุนให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนให้กลุ่มทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นฮับในการส่งออก โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมไปถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ที่สนับสนุนการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิต EV ในประเทศอย่างต่อเนื่อง

1 ธันวาคม พ.ศ. 2487 ธนาคารกรุงเทพ เปิดให้บริการเป็นวันแรก

วันนี้เมื่อ 79 ปีก่อน ธนาคารกรุงเทพ เปิดทำการวันแรก ปัจจุบันเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 6 ของอาเซียน และเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม

ธนาคารกรุงเทพเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2487 มีสำนักงานใหญ่แห่งแรกเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหาในย่านราชวงศ์ ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) ร่วมกับคุณหลวงรอบรู้กิจ มีทุนจดทะเบียน 4.0 ล้านบาท มีพนักงานรุ่นแรก 23 คน คณะกรรมการบริหารประกอบด้วย พล.อ.เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เป็นประธาน และหลวงรอบรู้กิจ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนแรกและเป็นผู้ริเริ่มสร้างฐานลูกค้าของธนาคารด้วยการบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 ธนาคารกรุงเทพได้ขยายสาขาไปต่างประเทศ แห่งแรกคือที่ ฮ่องกง ต่อมาได้ไปเปิดที่ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาได้ไปเปิดที่ สิงคโปร์

จากนั้น ในปี 2518 ธนาคารกรุงเทพ ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นธนาคารแห่งแรกของไทยที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย

ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศ มีสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 3.80 ล้านล้านบาท มีสาขาทั้งหมดกว่า 1,135 สาขา เครื่องเอทีเอ็มกว่า 9,362 เครื่อง สาขาไมโคร (Micro Branch) ที่เปิดให้บริการ 7 วัน มีเครือข่ายสาขาต่างประเทศ 31 แห่ง ในเขตเศรษฐกิจสำคัญ 14 แห่ง นอกเหนือจากสาขาอีกประมาณ 300 แห่ง ของธนาคารเพอร์มาตา ประเทศอินโดนีเซีย ที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 (ข้อมูลเมื่อปี 2565)

‘หัวเว่ย’ เดินหน้ารุดอุตสาหกรรม ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ในจีน อาศัย ‘เทคโนโลยี’ ที่เชี่ยวชาญเป็นจุดขายร่วมธุรกิจ

(29 พ.ย.66) ‘หัวเว่ย’ บริษัทโทรคมนาคมและสมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน กำลังขยายการจำหน่ายเทคโนโลยีหัวเว่ยในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และย้ำว่าบริษัทไม่ได้ผลิตรถยนต์ แต่ขายส่วนประกอบด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบปฏิบัติการ Harmony OS และผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือการทำงานร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อสร้างแบรนด์อีวีใหม่ ๆ

โดยเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) หัวเว่ยยืนยันว่า บริษัททำงานร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ในท้องถิ่นเพื่อผลิตรถยนต์รุ่นใหม่อย่างน้อย 4 รายในจีน หลังมีข่าวว่าหัวเว่ยร่วมทุนกับฉางอัน ออโตโมบิลเพื่อผลิตเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์

หัวเว่ยยังทำงานร่วมกับ Chery เพื่อผลิตเทคฯยานยนต์ให้กับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Luxeed ที่เปิดตัวซีดาน S7 เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) รวมถึง BAIC Motor และ JAC Motor ซึ่ง BAIC เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Arcfox ใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยเรียบร้อยแล้ว แต่ JAC ยังไม่ตอบคำขอแสดงความเห็น

‘ทู เล่อ’ ผู้ก่อตั้งซิโน ออโต้ อินไซด์ บริษัทที่ปรึกษาในปักกิ่ง เผยว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนที่ผลิตภัณฑ์ยังขาดเทคโนโลยีสำคัญ พึงพอใจที่จะใช้เทคฯ ของหัวเว่ยมากกว่าที่อื่น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะทราบว่าโซลูชันของหัวเว่ยดีกว่าคู่แข่งอย่างไร และหัวเว่ยก็เหมือนบริษัทเทคฯ อื่น ๆ ที่เห็นโอกาสในตลาดยานยนต์อีวีและลงมือทำทุกอย่างเต็มที่

ด้าน ‘เทนเซ็นต์’ ที่บริหารจัดการแอปพลิเคชันวีแชท วางแผนเปิดตัวรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 และประกาศเมื่อปลายเดือน ต.ค. ว่าบริษัทมีระบบปฏิบัติการเป็นของตนเองแล้ว เรียกว่า HyperOS

>> ธุรกิจอีกส่วนหนึ่งของหัวเว่ย

หลังสหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย และห้ามให้บริษัทซื้อซัพพลายเออร์จากสหรัฐ รวมถึงใบอนุญาตเข้าถึงกูเกิลเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ หัวเว่ยจึงสร้างระบบปฏิบัติการ Harmony OS ขึ้นมาแทน

ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หัวเว่ยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยี 103,500 ล้านหยวน ขณะที่โซลูชันยานยนต์อัจฉริยะ รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) มีรายได้ 1,000 ล้านหยวน

‘ริชาร์ด ยู’ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์และสินค้าอุปโภคบริโภค เผยแนวทางการร่วมงานกับผู้ผลิตรถยนต์ไว้ 3 แนวทาง ได้แก่

1.บริษัทปฏิบัติตนเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนประกอบ
2.บริษัทจำหน่ายชุดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีรถยนต์ที่เรียกว่า ‘Huawei Inside’ ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ออกแบบยานยนต์เอง
3.บริษัทควบคุมการออกแบบ Huawei Inside ส่วนใหญ่ รวมถึงการจำหน่าย และการทำการตลาด ขณะที่ผู้ผลิตยานยนต์ผลิตรถยนต์เอง

2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติยุบ 3 พรรคการเมือง ‘พลังประชาชน - ชาติไทย - มัชฌิมาธิปไตย’

วันนี้เมื่อ 15 ปีก่อน ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ยุบ 3 พรรคการเมือง ‘พลังประชาชน - ชาติไทย - มัชฌิมาธิปไตย’ ปมทุจริตการเลือกตั้งปี 2550

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 12.00-13.32 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยกรณีอัยการสูงสุดมีคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เนื่องจากกระทำผิดทุจริตการเลือกตั้ง เมื่อปี 2550 โดยศาลฯ มีคำสั่งให้ยุบพรรคทั้ง 3 พรรค รวมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งต่อกรรมการบริหารพรรคเป็นจำนวน 37 คน, 43 คน, และ 29 คน ตามลำดับ มีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญคำสั่งให้ยุบพรรคสามารถสรุปได้ดังนี้

สำหรับกรณีของ ‘พรรคพลังประชาชน’ นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า กรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคกระทำการฝ่าฝืนและขัดต่อ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ที่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต และได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่พรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ ต้องร่วมรับผิดชอบ

ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคำแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกร้องฟังไม่ขึ้น เนื่องจากนายยงยุทธ เป็นนักการเมืองหลายสมัย มีฐานะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดที่จะไม่กระทำการใด ๆ อันฝ่าฝืนกฎหมาย แต่นายยงยุทธ ติยะไพรัช กลับกระทำผิดเสียเอง

นอกจากนี้กรณีที่พรรคพลังประชาชนโต้แย้งว่าได้จัดการประชุมชี้แจงเพื่อกำชับไม่ให้ผู้สมัครของพรรคกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งแล้วก็ตามนั้น ศาลเห็นว่าแม้พรรคจะมีการกระทำดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นความรับผิดในการที่กรรมการบริหารพรรคจะไปกระทำผิดเอง เพราะทำให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้มีผลบังคับใช้

ส่วนที่มีข้อโต้แย้งว่าผลการสืบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ละเมิดสิทธิและไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมนั้น ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่า กกต.มีหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาล และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายมาอย่างถูกต้องแล้ว

สำหรับกรณีของ ‘พรรคมัชฌิมาธิปไตย’ และ ‘พรรคชาติไทย’ ในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตยและนายมณเฑียร สงฆ์ประชา รองเลขาธิการพรรคชาติไทยนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินไปในทิศทางเดียวกันคือวินิจฉัยให้ยุบพรรคและตัดสิทธิเลือกตั้งแก่กรรมการบริหารพรรคคนละ 5 ปี

อย่างไรก็ดี ในส่วนข้อโต้แย้งของพรรคมัชฌิมาธิปไตยเกี่ยวกับสถานภาพการเป็นกรรมการบริหารพรรคนั้น ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่าแม้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จะได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคไปตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2550 อันจะมีผลให้กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นสภาพไปด้วยก็ตาม แต่ยังมีข้อกำหนดที่ให้กรรมการบริหารพรรคต้องทำหน้าที่รักษาการต่อไปจนกว่านายทะเบียนพรรคการเมืองจะตอบรับการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น จึงถือว่านายสุนทร ยังคงทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตย อยู่ในขณะเกิดเหตุ แม้จะมีสถานภาพเป็นเพียงผู้รักษาการก็ตาม อันเป็นเหตุให้การกระทำใด ๆ ของกรรมการบริหารพรรคที่ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มีเหตุให้ต้องยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว

ตร. แนะนำ 3 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ “แจ้งความ รีพอร์ต บอกเพื่อน”

วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2566) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงบนสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งคนร้ายมักจะใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแนะนำ 3 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อรู้ตัวว่าถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ นั่นคือ “แจ้งความ รีพอร์ต บอกเพื่อน” โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.“แจ้งความ” เมื่อรู้ตัวว่าถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ จะต้องรีบดำเนินการรวบรวมหลักฐานเบื้องต้น เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้ใช้งานบัญชีดังกล่าว โดยข้อมูลสำคัญที่ต้องใช้ประกอบการแจ้งความคือ ชื่อบัญชีปลอม ภาพบันทึกหน้าจอ และ URL ของบัญชีปลอม

2.“รีพอร์ต” ให้ทำการรายงาน (Report) บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมดังกล่าว ไปยังผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ดำเนินการตรวจสอบและปิดกั้นการเข้าถึงบัญชีปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายนำบัญชีปลอมดังกล่าวไปหลอกลวง สร้างความเสียหายกับผู้อื่น

3.“บอกเพื่อน” ให้รีบแจ้งเพื่อน ๆ ในสื่อสังคมออนไลน์และทุกช่องทางให้รู้ว่า ท่านถูกปลอมบัญชี และยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ใช้งานบัญชีปลอมดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนของท่าน ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย อีกทั้งการบอกให้เพื่อนช่วยรีพอร์ตบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม จะช่วยให้ผู้ให้บริการปิดกั้นการเข้าถึงบัญชีปลอมดังกล่าวรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ซึ่งหากพี่น้องประชาชน ทำตาม 3 สิ่งที่ต้องทำ ที่ได้กล่าวมาข้างตน ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ ช่วยให้สามารถปิดกั้นบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมได้อย่างรวดเร็ว ลดโอกาสที่คนร้ายจะสามารถนำบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมไปหลอกผู้อื่น หรือบุคคลใกล้ตัว

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เปิดฉาก!! ‘Motor Expo 2023’ ระดมค่ายรถ 63 แบรนด์ดัง พ่วงจัดแสดง ‘เรือ-อากาศยาน’ ห้ามพลาด 30 พ.ย.-11 ธ.ค.นี้

(29 พ.ย.66) กระหึ่มแล้ว!! งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 โดยปีนี้จัดงาน ภายใต้แนวคิด ‘ยานยนต์ : ความหมายที่มากกว่า-Mobility : Imagination and Beyond’ มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงมีธุรกิจ เรือ และเพิ่มการจัดแสดงอากาศยาน ทำให้งานมีความสมบูรณ์แบบจากการแสดงยานยนต์ครบวงจรทั้งทางบก เรือ และอากาศเป็นครั้งแรก

รถยนต์ 40 แบรนด์ ได้แก่ AION, AUDI, BENTLEY, BMW, BYD, CHANGAN, FORD, GWM, HONDA, HYUNDAI,ISUZU, JEEP, KIA, LEXUS, LOTUS,MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NETA, NEX, NISSAN, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, SMOGO, SUBARU, SUZUKI, TATA, TESLA, TOYOTA,VOLVO, WULING รวมถึงชุดแต่ง และรถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระ ได้แก่ BMW MPERFORMANCE, CARLSSON, M’Z SPEED และ SWIFT

รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA VOLANTIS, BMW, CINECO, CYCLONE, EM EV BIKE THAILAND, FELO, HANWAY, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, I-MOTOR, KAWASAKI, LAMBRETTA, LYVA, RAPID, ROYAL ALLOY, ROYAL ENFIELD, SCOMADI,SMOGO, SOLAR, SUZUKI, TRIUMPH, YAMAHA และ ZEEHO

นอกเหนือจากนี้ ยังมีรถมือสอง 4 แบรนด์ ได้แก่ BMW PREMIUM SELECTION, JUST CAR,MERCEDES-BENZ CERTIFIED, PRE-OWNED VEHICLES และ VOLVO SELEKT รวมทั้งพื้นที่ JOIN BOAT PLATFORM โดยงาน MOTOR EXPO 2023 ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเรือจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเรือ และการท่องเที่ยวทางน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยจัดแสดงเรือมากกว่า 10 ลำ

นอกจากนี้ ยังจัดแสดงโซนอากาศยานเป็นครั้งแรก โดยร่วมกับ สถาบันการเรียนการสอน เทคโนโลยี นวัตกรรม บริการภาคพื้น และเช่าเหมาลำรวม 14 องค์กร ได้แก่ โรงเรียนการบินไทยอินเตอร์ไฟลอิ้ง, สมาคม Blue Bird, สมาคมกีฬาทางอากาศ,สถาบันการบินพลเรือน, EASY 2018, PULSE SCIENCE, TOP Engineering, MU Space and Advanced Technology, YAMAHA, SIT, AAS, สยาม ซีเพลน, First Global Jet และ SAVIATION

สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ...ชิงรถ/ซื้อบัตร...ชิงรถ/ซื้อสินค้า...ชิงรถ/ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิ๊กไบค์/ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้

‘ซื้อรถ...ชิงรถ’ เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงานมีสิทธิ์ชิงรถยนต์ NEW MG HS PHEV Dมูลค่า 1,299,000 บาท

‘ซื้อบัตร...ชิงรถ’ ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA V มูลค่า760,000 บาท

‘ซื้อสินค้า...ชิงรถ’ เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้นการจอง/ซื้อรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถใช้แล้ว) มีสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T ราคา 529,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

‘ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิ๊กไบค์’ เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์HONDA รุ่น XL750 TRANSALP 2023 มูลค่า 394,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

‘ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล’ ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน MOTOR EXPO APPLICATION โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566-31 ธันวาคม 2566 มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล

พิเศษสำหรับผู้ชมงานมีบริการ ‘MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR’ เป็นแพ็กเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 700 บาท รับสิทธิพิเศษ ที่จอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 2 ใบ บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ และซื้อสินค้าที่ระลึก MOTOR EXPO ลด 10%

ทั้งนี้ งาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40’ จัดระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม motorexpo.co.th,FB : MotorExpo, IG : Motorexpoth, YouTube : IMCOnlineTH, Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

มูลนิธิบุณยะจินดา เพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัวมอบทุนสนับสนุนข้าราชการตำรวจดีเด่นต้นแบบและพลเมืองดี ทุนสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่  และทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2566

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล  ผบ.ตร. พร้อมด้วย คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ประธานกรรมการมูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว เป็นประธานในพิธีมอบถ้วยรางวัลและประกาศเกียรติยศแก่ข้าราชการตำรวจและพลเมืองดีผู้มีผลงานดีเด่นเป็นต้นแบบและมอบทุนสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจผู้ที่เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2566 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำหรับในปี 2566  มีข้าราชการตำรวจและพลเมืองดีเข้ารับรางวัลประเภทต่างๆ จำนวน 6 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 25 นาย เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 450,000 บาท ดังนี้

รางวัลประเภท กลุ่มสัญญาบัตร ถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินทุนสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ พ.ต.ท.สมชาย หัดขะเจ รอง ผกก.สส. บก.สส.จชต.ภ.9
รางวัลประเภท กลุ่มชั้นประทวน ถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินทุนสนับสนุนจำนวน 40,000 บาท จำนวน 3 รางวัล ได้แก่
 1. จ.ส.ต.รณชัย  ภักดี  ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.นราธิวาส ภ.9
 2. ด.ต.วีรชัย   คำแก้ว  ผบ.หมู่ กก.ตชด.32 (ทำหน้าที่ครูใหญ่ รร.ตชด. เจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 4) บช.ตชด.
 3. ด.ต.อารยะ  ป้อมค่าย ผบ.หมู่ งานปฏิบัติการจราจรฯ 2 (โครงการพระราชดำริ) กก.6 บก.จร. บช.น.
 / รางวัลประเภท...

-2- รางวัลประเภท ประกาศเกียรติบัตร พร้อมเงินทุนสนับสนุน จำนวน 10,000 บาท 
ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ จำนวน 16 รางวัล ได้แก่
ด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดีเด่น
 1. พ.ต.อ.พันษา  อมราพิทักษ์  ผกก.สน.ทองหล่อ บก.น.5 บช.น.
 2. พ.ต.อ.อาทิตย์  ฉัตรชัยรัตนเวช ผกก.สภ.จัตุรัส ภ.จว.ชัยภูมิ ภ.3
 3. พ.ต.อ.จตุรงค์  กลิ่นศรีสุข  ผกก.สภ.แวง ภ.จว.สกลนคร ภ.4
 4. พ.ต.ท.บัณฑิต  หัตถพิถีพันธุ์  รอง ผกก.ป.สภ.ตะกั่วป่า ภ.จว.พังงา ภ.8
 5. พ.ต.ท.โสภาส  ถนนทิพย์  สวป.สภ.เมืองสมุทรสาคร ภ.7
ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดีเด่น
 6. พ.ต.ท.วีรศักดิ์  รัตนประยูร  สว.กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. ด้านสอบสวนดีเด่น
 7. พ.ต.ท.อุทิศ  สุดใจ   รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ท่าเรือ บก.น.5 บช.น.
 8. พ.ต.ท.หญิง กนกลักษณ์ บวรสุคนธชาติ สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.2 บช.ปส.
 9. พ.ต.ต.กิตติศักดิ์  แก้วมี  สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ยะลา ภ.9 ด้านสืบสวนดีเด่น
 10. พ.ต.อ.ธราดล  เหมพัฒน์  ผกก.สภ.ทับคล้อ ภ.จว.พิจิตร ภ.6
 11. พ.ต.อ.ลิขิต  กล้วยดำรง  ผกก.1 บก.ปส.4 บช.ปส.
 12. พ.ต.ท.พูนสุข  เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1
 13. พ.ต.ต.ภาณุวิทย์  เพชรแทน สว.กก.สส.2 บก.สส.ภ.2
 14. พ.ต.ต.ณัฐพล  เสียมไหม  สว.กก.4 บก.สอท.3 บช.สอท. ด้านจราจรดีเด่น
 15. พ.ต.ต.สิทธิชัย  ประดับ  สว.จร.สภ.หาดใหญ่ ภ.จว.สงขลา ภ.9 ด้านอำนวยการดีเด่น
 16. พ.ต.อ.อภิรัตน์  เปี่ยมพูล  ผกก.1 บก.สอ.บช.ตชด. /รางวัลประเภท...

-3- รางวัลประเภท ประกาศเกียรติคุณพลเมืองดี พร้อมเงินทุนสนับสนุน จำนวน 10,000 บาท จำนวน 2 รางวัล ได้แก่
1. นายสมยศ เก็มกาแมน และ นายอามีน เก็มกาแมน
เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2566 นายสมยศ เก็มกาแมน และนายอามีน เก็มกาแมน 
สองพ่อลูกไรเดอร์พลเมืองดีขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพบเหตุการณ์ บริเวณหน้าห้างแห่งหนึ่ง
ริมถนนบางนา-ตราด ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัด สมุทรปราการ ได้ยินเสียงร้อง
ขอความช่วยเหลือจากหญิงชาวเมียนมา อายุ 46 ปี ว่ามีคนร้าย (นายนที วงดนตรี อายุ 40 ปี) กระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จึงได้ขี่ รถจักรยานยนต์ไล่กวดคนร้าย จนรถคนร้ายเสียหลักพุ่งชนแท่งแบร์ริเออร์ ก่อนจะวิ่งข้ามถนน จะไปขึ้นรถแท็กซี่ แต่ถูกรถกระบะชนซ้ำ แต่ไม่หยุด 
ลุกวิ่งข้ามถนน ลุกขึ้นวิ่งหนีอีกรอบ 2 พ่อลูกไรเดอร์จึงวิ่งตามไปช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัว เหตุเกิดพื้นที่ สภ.บางแก้ว ภ.จว.สมุทรปราการ

2. นายณรินทร์ธร รัตน์วงศ์ไพศาล
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 15.48 น. นายหวังหวา (ผู้ต้องหา) อายุ 63 ปี 
ได้เข้ามาขอซื้อแหวนทองคำน้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 วง ณ ร้านทองชัยสุวรรณ ปากซอยจอมทอง 14 น.ส.ธิยรัตน์ อริยเมธฐานนท์ (ผู้เสียหาย) ได้หยิบขึ้นมาให้ดูแล้ว นายหวังหวาได้ชักอาวุธปืนปลอมออกมาขู่ ทำให้ น.ส.ธิยรัตน์ฯ ตกใจกลัว และได้วิ่งเข้าไปหลบหลังร้าน จากนั้นนายหวังหวาฯ ได้หยิบรีโมทของทางร้านกดเปิดประตูร้านทองชัยสุวรรณ แล้ววิ่งหลบหนีไปภายในซอยจอมทอง 14 
แต่นายณรินทร์ธรฯ เห็นเหตุการณ์จึงได้วิ่งติดตามจับกุม นายหวังหวาฯ ได้บริเวณสุดซอยจอมทอง 14 แขวง บางค้อ เขตจอมทอง กทม. น.ส. ธิยรัตน์ฯ และนายณรินทร์ธรฯ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่
สายตรวจ สน.บางขุนเทียน มารับตัวนายหวังหวา เหตุเกิดพื้นที่ สน.บางขุนเทียนกรุงเทพมหานคร
รางวัลประเภท ประกาศเกียรติยศสดุดีวีรกรรม พร้อมทุนสนับสนุน จำนวน 25,000 บาท จำนวน 2 รางวัล ได้แก่
1. ด.ต.ตุแวเลาะ ลอมะ ดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ยะรัง จว.ปัตตานี ในพื้นที่ 3 จชต. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2541 - วันที่ 28 ส.ค.2566 รวมกว่า 25 ปี 
ทายาท  นางตูแวเราะฮานี ลอมะ (ภรรยา)
2. ส.ต.ท.บุญกีนี ดือเร๊ะ ดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ยะรัง จว.ปัตตานี ในพื้นที่ 3 จชต. ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 - วันที่ 28 ส.ค.2566 รวมกว่า 4 ปี
ทายาท นายอิลีหยัด  ดือเร๊ะ (บิดา)

-4- เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 เวลาประมาณ 22.50 น. กำลังชุดปฏิบัติการร่วม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อยเวร 20 สภ.ยะรัง กับเจ้าหน้าที่ อส.อ.ยะรัง จำนวน 1 ชป. ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะรัง 6 นาย (1.ด.ต.ตุแวเลาะ ลอมะ 2.ส.ต.ท.บุญนี ดือเระ 3.ส.ต.ท.อิสมาแอ็น จิตหลัง 
4.ส.ต.ท.ศราวุฒิ สูสัน 5.ส.ต.ต.ธนทัต โชคมาก 6.ส.ต.ต.ธวัช เส็นฤทธิ์) และ อส.อำเภอยะรัง 2 นาย (1.นายชาญวิทย์ ดอเล็าะ 2.นายณรงค์ หระแก้ว) ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนด้วยรถยนต์สายตรวจของ สภ.ยะรัง 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นของตำรวจ 1 คัน และอส.ยะรัง 1 คัน โดยทำการ ลาดตระเวนจาก สภ.ยะรัง มาตามถนนสาย 4061 (ยะรัง – มายอ) หมู่ 3 ต.ยะรัง 
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึง บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลยะรัง ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณริมถนนข้างทาง พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนยิงถล่ม
ใส่กำลังเจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง หลังยิงปะทะกันพักใหญ่ กลุ่มคนร้ายจึงได้ล่าถอยหลบหนีไป ภายหลังเกิดเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 5 นาย เสียชีวิต 2 นาย (ด.ต.ตุแวเลาะ 

ลอมะ และส.ต.ท.บุญกีนี ดือเระ) และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน เสียชีวิต 2 นาย
ทั้งนี้ มูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัวได้ให้มีการมอบทุนสงเคราะห์แก่ข้าราชการตำรวจผู้ได้รับบาดเจ็บจาการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวผู้สร้างคุณประโยชน์ต่อทางราชการและสังคม  จำนวน 164 นาย พร้อมทุนสงเคราะห์ จำนวนกว่า 646,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- กรณีการเสียชีวิต  จำนวน  10   รายรายละ 20,000 บาท
- กรณีการบาดเจ็บสาหัส จำนวน  46   รายรายละ   5,000 บาท
- กรณีการบาดเจ็บ  จำนวน  108   รายรายละ   2,000 บาท
และได้จัดให้มีการมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจ รวมมูลค่ากว่า 1,034,000 บาท โดยแบ่งเป็นทุนการศคึกษาแบบต่อเนื่อง ระดับปริญญาโทต่างประเทศ โดยมอบทุนให้นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นละ 1 คนๆละ 1,000,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 ปี

ปีการศึกษาละ 500,000 บาท สำหรับในปี 2566 มอบให้กับ ร.ต.ต.ณัฐกานต์ ศรีสุกใส
เกรดเฉลี่ย 3.92 นรต.รุ่นที่ 76 และทุนการศึกษาแบบครั้งเดียวไม่ต่อเนื่อง ซึ่งมอบให้แก่บุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจที่ศึกษาในระดับตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี โดยแบ่งเป็น
- ระดับปริญญาโท  จำนวน          1   ทุน       ทุนละ   500,000 บาท
- ระดับปริญญาตรี  จำนวน        10   ทุน       ทุนละ     10,000 บาท

 / - ระดับมัธยมศึกษา...

-5-

- ระดับมัธยมศึกษา  จำนวน    52   ทุน    ทุนละ   5,000 บาท
- ระดับประถมศึกษา  จำนวน   58   ทุน    ทุนละ   3,000 บาท
 มูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว ได้มีการดำเนินกิจกรรม
เพื่อสนองคุณความดีและตอบแทนคุณประโยชน์แก่ข้าราชการตำรวจผู้เสียสละ และเป็นแบบอย่าง
ที่ดีแก่สังคมเป็นประจำในทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อสืบสานเจตนารมณ์
ของ พล.ต.อ.พจน์  บุณยะจินดา อดีตประธานมูลนิธิ ที่มีความประสงค์ที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ อำนวยประโยชน์เพื่อสังคมและส่วนรวมตลอดไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวสาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top