Sunday, 4 May 2025
TheStatesTimes

‘นายกฯ’ ลุยน้ำท่วมยโสธร มอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้าน ยันรัฐบาลพร้อมดูแล พร้อมให้คำมั่นสัญญาเงินดิจิทัลทำแน่

(7 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านทรายงาม ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้แม้จะไม่ถูกน้ำท่วมแต่ก็ถูกน้ำจากแม่น้ำชีเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนเข้าหมู่บ้านประมาณ 30-60 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน  

โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งรถยกสูงของ ปภ. หมายเลขทะเบียน 53-7093 กรุงเทพมหานครเข้าพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหมู่บ้าน

เมื่อเดินทางมาถึงมีประชาชนรอต้อนรับผูกผ้าขาวม้าให้กำลังใจ โดยมีชาวบ้านบางคนบอกกับนายกฯ ว่าหล่อมาก 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการ พระครูเมธีธรรมบัณฑิต เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมถวายผ้าไตร และจตุปัจจัยไทยธรรม

โดยพระครูฯ ได้มอบพระพุทธบุษยรัตน์จำลอง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ยโสธร พร้อมเหล็กไหลของทางวัด รวมทั้งผูกข้อมือให้พรกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ

โดยช่วงหนึ่งพระครูได้สอบถามนายกฯ และฝากเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะชาวบ้านรออยู่ขอให้นายกฯ ทำสำเร็จ

ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวยืนยันว่า “ขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ ต้องทำครับ เพราะมีคนมาต่อต้าน แต่ก็ไม่กี่คนหรอกครับ แต่เราก็ต้องทำเพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ต้องทำครับ”

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินพบปะกับประชาชนที่มารอ ซึ่งได้นั่งลงพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ว่าอยู่อย่างไรในช่วงน้ำท่วม พร้อมแสดงความเป็นห่วง โดยระบุจะหาแนวทางช่วยเหลือด้วยการยกระดับความสูงของถนนที่เข้าหมู่บ้าน เพื่อให้เดือดร้อนน้อยลงในช่วงที่น้ำท่วมสูง นอกจากนี้จะมีการสร้างสะพานเพิ่มในบางจุด ทำให้ชาวบ้านยกมือไหว้  ซึ่งนายกฯ ได้ตอบกับชาวบ้านว่าไม่ต้องขอบคุณตนเองเพราะสิ่งที่ทำเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

และมีคุณยายวัย 70 ปี บอกกับนายกฯ ว่า ดีใจที่จะได้ใช้เงิน ไม่มีโทรศัพท์ ใช้ไม่เป็นทำไวท่านนายกฯนายกรัฐมนตรีจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรบัตรประชาชนใบเดียวก็พอแล้ว”

ขณะที่บรรดาชาวบ้านโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่านายกฯตัวจริงหล่อ และได้บอกนายกว่า ดีใจหลายๆ นายกฯ ลงมาหา หล่อตัวสูง ก่อนที่จะพูดกระเซ้ากันหลังจับมือนายกฯ ว่า “จับมือได้แต่อย่าบายหรรม” เรียกเสียงฮากระจาย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกกลุ่มสอบถามเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะที่นายเกรียงซึ่งอยู่ด้วยกับนายกรัฐมนตรี จึงได้สอบถามผู้สูงอายุว่ายังอยากใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ไหม คุณยายจึงตอบว่า อยากได้ ขณะที่นายกฯย้ำว่าเรื่อง 30 บาทเราจะดูแลให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องดูแลทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลประชาชน ตนไม่อยากให้ลำบาก ตนมาเพราะต้องการลงพื้นที่เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริงตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาหาเสียงอยากให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พร้อมสอบถามเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งต้องขอให้ผู้ใหญ่พ่อแม่ดูแลบุตรหลานให้ดีๆ

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนว่าสวัสดีพี่น้องชาวจังหวัดยโสธรที่รัก เป็นขวัญและกำลังใจ อย่างล้นหลามให้เราทำงาน การเดินทางเข้ามาตรงนี้ ลำบาก ขนาดมาหนเดียวยังลำบาก เพราะเจอแต่ภาวะน้ำท่วม และได้รับการรายงานว่า ท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมตลอดเป็นเดือน ตนมีความไม่สบายใจ และเห็นใจทุกท่าน การสัญจรไปมาก็ลำบาก จะไปหาหมอก็ลำบาก พืชผลเสียหาย วันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ร่วมมาด้วย เป็นที่บ่งบอกแล้วว่าเราให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ทั้งนี้เรื่องการป้องกันน้ำท่วมทำได้หลายมิติ ในระยะยาวต้องมีการบริหารจัดการน้ำตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เสนอขุดคูคลองเพิ่ม ตรงนี้ถือเป็นแผนระยะยาว แต่ระยะสั้นเรื่องการปล่อยน้ำทางกรมชลประทานรับปากว่าจะไปทบทวนดูแลวิธีกักน้ำปล่อยน้ำ ซึ่งต้องบริหารจัดการกันไป หากเกิดภาวะอุทกภัยหรือน้ำท่วมเกิดขึ้นหน่วยงานทุกหน่วยงานพร้อมไม่ว่าจะเป็นของนายเกรียง  รมช.มหาดไทยที่ดูแลด้านป้องกันสาธารณภัยนายสุทิน กระทรวงกลาโหม

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารราบพัฒนาก็มาดูแลช่วยเหลือบำบัดทุกข์ให้พี่น้องประชาชน แต่เราไม่อยากให้ถึงจุดนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมดูแลสร้างถนนหนทางเข้ามาด้วย โดยสัญญาว่า จะทำถนนและสะพานอีก 2 สะพานที่น้ำท่วม ซึ่งจะต้องจัดการโดยเร็ว และระหว่างที่ตนนั่งรถเข้ามาได้คุยกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายท่านบอกว่าที่นี่อำเภอนี้หมู่บ้านนี้มีความผูกพันมาก มีโครงสร้างสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง พี่น้องไม่ได้ออกไปทำงานนอกเขตอยากอยู่ในเขตพื้นที่ช่วยเหลือจุนเจือด้วยกัน ดูแลผู้แก่ผู้เฒ่าด้วยกัน ผลดีตรงนี้ไม่มีใครทราบ ตนมาที่นี่ไม่มีใครบ่นเรื่องปัญหายาเสพติด เพราะสถาบันครอบครัวแข็งแรงพี่น้องคนแก่คนเฒ่าดูแลลูกหลานดีมีเวลาพูดคุยกันมีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสังคมตัวอย่างที่หลายๆ อำเภอหลายๆ จังหวัด ควรที่จะนำไปพัฒนาต่อ วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพูดคุย แม้มาในสภาพที่น้ำท่วมไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากมาในบริบทที่มีรอยยิ้มอย่างจริงจังและวันนี้ก็ยิ้มสุดๆ หน่อย เพราะมาถึงก็เห็นน้ำท่วม ตนมาเพียงวันเดียวยังเศร้าใจ เข้าใจถึงความลำบาก วันนี้ที่มาที่นี่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ซึ่งทุกคนเข้าใจและสัญญาจะกลับมาดูแลพี่น้องประชาชน

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน จำนวน 300 ชุม และยังได้มอบถุงยังชีพของเกษตรอำเภอให้กับเกษตรกรจำนวน 300 ชุดรวมถึงมะปรางซึ่งเป็นอาหารของปศุสัตว์ในช่วงที่น้ำท่วมรวมถึงต้นกล้าพันธุ์พืชเช่นมะละกอพริกและมะเขือให้กับประชาชนด้วย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างเดินทางกลับตามเส้นทางซึ่งมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะ นายกรัฐมนตรีได้ลงลุยน้ำและนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนตามรายทาง พร้อมให้กำลังใจว่า ขอให้สู้อดทนอีกหน่อยรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ

ผบ.ตร.ห่วงใยความปลอดภัยเด็กและเยาวชนจมน้ำช่วงปิดเทอม ตำรวจน้ำสานต่อความห่วงใย จัดโครงการสอนน้องว่ายน้ำ หวังลดความสูญเสีย

วันนี้ (7 ตุลาคม 2566) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มีความห่วงใยเด็กๆ และเยาวชนที่เล่นน้ำในช่วงปิดภาคเรียนอาจเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้ และการจมน้ำเสียชีวิตนั้นนับเป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่คร่าชีวิตเด็กและเยาวชนไทย โดยเป็นอุบัติภัยที่สามารถป้องกันด้วยการใช้ความระมัดระวัง

ในช่วงปิดเทอมนี้ กองบังคับการตำรวจน้ำ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดฝึกสอนการว่ายน้ำให้กับเด็ก และเยาวชน ในห้วงเดือนตุลาคมนี้ ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ล่าสุด ตำรวจน้ำสมุยได้จัดโครงการตำรวจน้ำสอนน้องว่ายน้ำ ระหว่างวันที่ 5 -7 ต.ค.66 เวลา 16.00 - 18.00 น. ณ โรงแรมราชพฤกษ์ สมุย รีสอร์ท อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี  โดยมีน้องๆ เด็กและเยาวชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 15 คน 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการจมน้ำของเด็ก และมีหัวข้อการสอนดังนี้ ฝึกการลอยตัว แนะนำอุปกรณ์ช่วยชีวิต การใช้งานอุปกรณ์ แนะนำสาธิตการเอาตัวรอดทางน้ำ เมื่อตกน้ำ สาธิตการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ/CPR การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (ตะโกน โยน ยื่น) และอื่นๆ

ตำรวจไซเบอร์จับเครือข่ายแก๊งสรรพากรปลอม โทรถ่วงเวลาสูบเงินเกลี้ยงบัญชีเกือบ 2 แสน

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 ม.ค.66 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากหญิงปริศนา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดนนทบุรี สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการร้านค้าคนละครึ่งของผู้เสียหาย จากนั้นออกอุบายว่าผู้เสียหายได้ส่วนลดในการชำระภาษี จากนั้นจึงให้ผู้เสียหายแอดไลน์กรมสรรพากรปลอม พร้อมกับทำการโอนสายไปให้ชายอีกคน ระหว่างคุยสายก็ให้ผู้เสียหายทำการกดลิงก์พร้อมกรอกข้อมูลต่างๆ ตามขั้นตอนที่แจ้งจนเสร็จสิ้น หลังจากวางสาย ผู้เสียหายพบว่าเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไป จำนวน 171,112 บาท จึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนเพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีโดยเร็ว จนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย

ต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ธัญญากร อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี หนึ่งในผู้ร่มขบวนการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมหาสารคาม พักอาศัยอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี จึงทำการวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ริมถนนตรงข้าม ซอยแก้วอินทร์ 25 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี

โดยได้แจ้งในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” จากนั้นจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บกสอท. 3 ต่อไป           

กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผบช.สอท.  พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะข่าวฯ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ขจร แย้มชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ

‘ธ.ก.ส.’ สรุปยอด ‘พักหนี้เกษตรกร’ ผ่านแอปฯ BAAC mobile สัปดาห์แรก ชี้ ขอเข้าโครงการทะลุ 1.2 แสนคนแล้ว ย้ำ ทำได้ถึง 31 ม.ค.67 เท่านั้น

(7 ต.ค.66) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งว่า ยอดผู้แจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อย ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC mobile ณ วันที่ 7 ต.ค. 66 เวลา 11.00 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 122,206 ราย หลังจากยอดทะลุ 100,000 รายไปเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ธนาคารเปิดให้แจ้งความประสงค์มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งยังสามารถทำได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดย ธ.ก.ส. จะนำข้อมูลมาพิจารณาเพื่อนัดหมายผู้ผ่านเกณฑ์ไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องและเข้ารับการประเมินศักยภาพ ความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพต่อไป

โดยการแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพียงกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แสดงความประสงค์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ จากนั้นระบบจะมีการประมวลข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อนัดหมายผู้ผ่านเกณฑ์และผู้ค้ำประกันไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ารับการประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้

รวมถึงการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพภายใต้แนวทาง ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่’ เพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังการพักชำระหนี้ พร้อมเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ในการจัดหาปัจจัยการผลิต เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนได้อย่างมั่นคงหลังการพักชำระหนี้

ทั้งนี้ โครงการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี รอบนี้ ลูกหนี้ที่เข้าข่ายต้องมีหนี้ค้างชำระที่มีเงินต้นเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งมีลูกหนี้ที่เข้าข่ายกว่า 2.69 ล้านราย 

‘อิสราเอล’ เดือด ประกาศภาวะสงคราม หลัง ‘ฮามาส’ ยิงจรวดกว่า 5,000 ลูกถล่ม

(7 ต.ค.66) กลุ่มฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซา ปฏิบัติการยิงจรวดถล่มอิสราเอลอย่างต่อเนื่องจำนวนกว่า 5,000 ลูก ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกลุ่มฮามาสว่าเป็นการจุดชนวนนำไปสู่การทำสงครามกับอิสราเอล 

ทั้งนี้ การยิงจรวดโจมตีอิสราเอลครั้งนี้มาจากรอบทิศทาง ส่งผลให้เบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงอายุอยู่ในช่วงวัย 60 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 15 คน

ขณะที่กลุ่มฮามาสปลุกระดมกลุ่มนักรบแห่งการต่อต้านในเขตเวสต์แบงก์ และพันธมิตรอาหรับให้ร่วมกันลุกฮือต่อต้านอิสราเอล โดยมีแนวโน้มว่า การสู้รบครั้งนี้อาจรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่อิสราเอลและกลุ่มฮามาสสู้รบกัน นับตั้งแต่อิสราเอลใช้มาตรการปิดล้อมฉนวนกาซา เมื่อปี 2550 

ชนวนเหตุของความขัดแย้งครั้งนี้ มาจากการที่อิสราเอลปิดจุดผ่านแดนในฉนวนกาซานาน 2 สัปดาห์ เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการจลาจลของชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ และอิสราเอลยอมเปิดจุดผ่านแดนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 ก.ย.

ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า มีเสียงไซเรนเตือนภัยจากการยิงจรวดดังนานหลายนาทีในภาคใต้และภาคกลางของอิสราเอลในช่วงเช้าของวันนี้ (7 ต.ค.) และประชาชนในฉนวนกาซาก็ได้ยินเสียงการยิงจรวด

ชาวบ้านในฉนวนกาซา เปิดเผยว่า พวกเขาได้ยินเสียงการปะทะกันด้วยอาวุธตามแนวรั้วกั้นระหว่างอิสราเอล ใกล้กับเมืองข่าน ยูนิสทางตอนใต้ และได้เห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักรบติดอาวุธจำนวนมาก ขณะที่กองทัพอิสราเอลยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

หน่วยรถพยาบาลของอิสราเอลระบุว่า ทีมต่าง ๆ ได้ถูกส่งไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ใกล้กับฉนวนกาซา และประชาชนได้รับคำเตือนให้อยู่ภายในบ้าน แต่ยังไม่มีรายละเอียดในทันทีเกี่ยวกับการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้น

ด้านสำนักงานของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวว่า เขาจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ 

เปิด 6 เหตุผล!! 99 นักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ ค้าน!! แจกเงินดิจิทัล 10,000

เปิด 6 เหตุผล!! จากนักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์จำนวน 99 คน ที่ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านและเรียกร้องให้ รัฐบาลยกเลิก 'นโยบายแจกเงิน digital 10,000 บาท' เพราะเป็นนโยบายที่ ‘ได้ไม่คุ้มเสีย'

‘เศรษฐา’ นั่งหัวโต๊ะ เล็งแก้ปัญหายาเสพติดเอง ลั่น!! เน้นบำบัดคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่ ดีกว่าจับแล้วล้นคุก

(7 ต.ค.66) ที่สถานีตำรวจภูธรหัวโทน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และคณะ ให้สัมภาษณ์หลังตรวจเยี่ยมโครงการบำบัดยาเสพติด ที่มีแนวคิดจะให้หัวโทนโมเดลเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหายาเสพติด ว่า ใช่ เจ้าหน้าที่รัฐนำโดยสถานีตำรวจภูธรหัวโทนโมเดลเป็นแบบอย่างที่ดี อยากให้หลายท้องที่นำไปคิดว่าควรจะทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า แต่ไม่ใช่อยู่ดีๆ นำไปใส่ท้องที่อื่น ต้องดูความพร้อมและความแข็งแกร่งของชุมชนว่าพร้อมด้วยหรือไม่ ตรงนี้เป็นโมเดลที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทำสำเร็จ มีตัวเลขที่ลดลงอย่างมีนัยและผู้เสพเป็นผู้ป่วยหายคืนสู่อ้อมกอดพ่อแม่พี่น้องได้ และมีอาชีพที่เป็นหลักแหล่งอันนี้น่าชื่นชม

ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวโทนโมเดลไม่ใช่จุดสุดท้ายที่แก้ได้ เพราะบางครั้งเมื่อจับแล้วก็มีการปล่อยออกไปอีก นายเศรษฐา กล่าวว่า หัวโทนโมเดลสรุปไม่ใช่ทางแก้ที่เบ็ดเสร็จอันนี้จริง แต่เป็นส่วนสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหา ถ้าหากบอกว่าผู้เสพต้องจับไปขังคุก ท่านรู้หรือไม่ว่าคุกไทยกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้เสพยาเสพติด 85% หากเจอนิดเดียวแล้วจะไปเป็นผู้ผิดแล้วติดคุก พวกเราจะเต็มไปด้วยผู้เสพ ซึ่งมันควรจะต้องมีวิธีอื่นเพื่อเปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วยดูแลรักษาเขาให้ดีให้มีอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ส่งคืนสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ได้ เรื่องการเผาทำลายยาเสพติดระยะเวลาจะต้องให้น้อยลงเพื่อสังคมจะได้ไม่มีข้อกังขาระหว่างการโอนก่อนจะปฏิบัติการเผามันมีรั่วไหลหรือไม่ การจ่ายเงินสินบนนำจับให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบางทีบอกว่าช้าไปบางทีนาน 1 - 3 ปี มันช้าเกินไปต้องให้มีวิธีการที่กระชับขึ้น และเรื่องการยึดทรัพย์ก็ยังช้าอยู่ ดังนั้นหัวโทนโมเดลไม่ใช่วิธีเดียวที่สำเร็จแต่เป็นส่วนสำคัญ

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตนได้บอกไว้แล้วว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตนจะนั่งหัวโต๊ะเองเพราะมีหลายหน่วยงานทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาธารณสุข มหาดไทย ทุกๆ หน่วยงานต้องได้รับการสั่งการที่ชัดเจน มีผู้บริหารสูงสุดของประเทศนั่งหัวโต๊ะบัญชาการเอง

“ยืนยันว่ายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญและยืนยันปัญหายาเสพติดจะต้องน้อยลงไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

'นายกฯ อุ๊' ยกความจริงตอกหน้า 'นักประวัติศาสตร์-สส.บางพรรค' หลังอ้าง 'อโยธยา' ต้นกำเนิดไทย เพื่อคว่ำสถานีรถไฟอยุธยา

(7 ต.ค.66) นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'นายกฯ อุ๊' นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อ. มหาราช จ. พระนครศรีอยุธยา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ฉบับเซียนพระเครื่อง ขอสวนนักประวัติศาสตร์ซักตั้ง 

ตอนนี้อยุธยากำลังดรามาเรื่องคัดค้านจากนักวิชาการค่ายศิลปวัฒนธรรม

และ สส.จากเขต 1 พรรคก้าวไกล ให้ย้ายสถานีรถไฟฟ้าจากที่เดิม ด้วยเหตุผลว่าทับเมืองโบราณอโยธยา ที่เกิดก่อนกรุงศรีอยุธยา และอยู่นอกเกาะเมืองที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลก มีการจัดเสวนากันในหมู่คนค้านกันเอง ฝ่ายเดียว 

ล่าสุด สุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัติศาสตร์ ถึงกับหัวชนฝา บอกอโยธยา คือ เมืองไทยแห่งแรก ต้นกำเนิดสุโขทัย ไปโน่น รวมถึงภาษาไทยด้วย 

งานนี้ค้านกันสุดตัว 

แต่เสียงคนอยุธยาผ่านโซเชียลต่างๆ มากกว่า 90% สนับสนุนให้สร้างที่เดิมและต้องมีสถานีรถไฟฟ้าที่อยุธยา 

รวมถึงผมก็สนับสนุน เพราะมันจำเป็นและเกิดความเจริญอย่างมาก และรถไฟก็ไม่ได้ผ่ากลางมรดกโลกอย่างที่พวกค้านประดิษฐ์วาทกรรม เขาสร้างแนวเดิมตั้งแต่สมัย ร.5 คนไม่รู้ก็อาจหลง

ระหว่างคำว่า อโยธยา กับ อยุธยา ซึ่งคนละบริเวณกัน 

มาประเด็นที่สุจิตต์ กล่าว ... ผมในฐานะ เซียนพระ นี่แหละ ขอค้านความเห็นสุจิตต์ 

ผมเคยไปที่ เมืองกุ้ยติ้ง มณฑลกุ้ยโจว พบกับนายอำเภอ ซึ่งเป็นคนเผ่าปู้อี ซึ่งคุยภาษาไทยเข้าใจหลายคำเช่น จำนวนนับ เรานับหนึ่ง เขานับเดี่ยว ซึ่งเป็นภาษาไทยโบราณ ที่แปลว่าหนึ่ง จากนั้น สอง สาม สี่ห้า ไปถึงสิบ มีต่างกันสองคำ 

...ผมนับ สามสิบสาม เขาก็นับสามสิบสาม
...เราเรียกกินน้ำ เขาเรียก เกิ่นน้ำ 
...เราเรียกกินข้าว เขาเรียก เกิ่นข้าว 

...เราเรียกสรรพนามแทนตัว ว่า กู เขาก็เรียกว่ากู
...เรียก คู่สนทนา ว่า มึง เขาก็เรียกว่า มึง
...และยังมีอีกหลายคำ แสดงให้เห็นถึง วัฒนธรรมรากของภาษาไทยที่ชัดเจนมาก 

คุยไปคุยมาแทบจะนับญาติกันตั้งแต่ยุคโบราณ รู้สึกได้ถึงรากเดียวกัน

ที่เด็ดกว่า คือ ไปเจอ ขนมบัวลอยไข่หวาน กับแกงส้ม ที่นี่ด้วย แต่รสชาติอ่อนกว่าเรา ... อาหารไทยหรืออาหารจีนดีล่ะแบบนี้?

ชนเผ่าปู้อี้ ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า เกี่ยวกับต้นรากคนไทยแน่นอน ... ภาษาพ่อขุนราม มึง กู เขาใช้กันปกติ 

สุจิต วงษ์เทศ บอกว่า ต้นรากของชาติไทยคือ อโยธยา 

แล้ว ทวารวดี ที่พบกระจายไปทั่ว ภาคกลาง อู่ทอง ตะวันตก เมืองกาญจนบุรี นครปฐม อีสาน นาดูน ตะวันออก ก็พนัสนิคม อายุพันกว่าปี ล่าสุด ศรีเทพ ที่เพชรบูรณ์ 

แถมศรีวิชัย ตั้งแต่สุราษฎร์ธานีที่ไชยา ตามพรลิงค์ที่ นครศรีธรรมราช 

ไปจรดยะลาปัตตานี ไม่ต้องลามไปถึงต้นทางศรีวิชัยที่อินโดนีเซียก็ได้ 

ศรีวิชัยอายุพันกว่าปี หลักฐานคือ พระเครื่องกรุต่างๆ สมัยทวารวดี ศรีวิชัย นี่แหละเพียบ

ยืนยันการมีอยู่ของอาณาจักรก่อนอโยธยาแบบไม่เห็นฝุ่น ในพื้นที่ประเทศไทยปัจจุบัน

ที่โบราณยังไม่เคยมีคำว่าประเทศไทย แต่ก็ถือว่าเป็นเมืองต่างๆ ต้นรากรวมเลือดเนื้อผสมกันเป็นชาติเชื้อไทย ทุกวันนี้ หาใช่ เพียงแค่ อโยธยา ดังที่สุจิตต์กล่าวอ้างโมเมแต่อย่างใด เพียงเพื่อค้านการสร้างรถไฟฟ้าสถานีอยุธยา 

พระเครื่องคือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่บ่งบอกยุคสมัยและความเจริญ ของเมืองได้ อโยธยา ไม่พบพระกรุไหน หรือสิ่งปลูกสร้างไหน อายุเกินกว่าหนึ่งพันปี 

สุโขทัยก็เจ็ดร้อยกว่าปี 
อยุธยานับถึงปัจจุบันก็หกร้อยกว่าปี เท่านั้น 

อโยธยาก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจะแก่เก่าถึงพันสามร้อยปีเทียบชั้นกับทวารวดีหรือศรีวิชัยได้ แต่อย่างใด 

เซียนพระขอค้านนักประวัติศาสตร์ ชั้นครู สักหน่อยนะครับ

'กรมสมเด็จพระเทพฯ' ทรงถือไฟฉายขณะพระราชทานโอวาทบัณฑิตจุฬาฯ แก้ไขเหตุเฉพาะหน้า สร้างความตื้นตันใจข้าเฝ้าเหล่าทูลละออง

ภายหลังจากเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ ไปยังหอประชุม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2565

ทว่าได้เกิดไฟฟ้าดับระหว่างพิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่จุฬาฯ

อย่างไรก็ตามพระองค์ฯ ทรงแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ง่ายดาย โดย ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว 'Tongthong Chandransu' เกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า...

"เมื่อกระแสไฟฟ้าเกิดขัดข้อง
จึงต้องทรงแก้ไขเฉพาะหน้า
เดชะพระเชาวน์ปัญญา
และพระมหากรุณาเป็นเทียนทอง
ทรงไฟฉายไว้ในพระหัตถ์มั่น
พระราโชวาทประสาทสรรมิบกพร่อง
ตื้นตันใจข้าเฝ้าเหล่าทูลละออง
เสมือนต้องมนตราสวามิภักดิ์
เพราะทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง
หน้าที่ไม่ทรงวางแม้เหนื่อยหนัก
เรื่องจริงของแท้แน่ใจนัก
กราบพระบาทพึ่งพำนักเป็นหลักเอย"

ขณะที่ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Jessada Denduangboripant' ระบุว่า...

เป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจมากแต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยครับ เกิดไฟฟ้าดับระหว่างพิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่จุฬาฯ เมื่อวันพฤหัสครับ

ผมก็ไปรับเสด็จอยู่ในห้องรับรองของหอประชุมจุฬาฯ ด้วย ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยจุฬาฯ พอหอประชุมไฟฟ้าดับไฟตกขึ้นมา เราก็ตกใจกันมากเลย ว่าพิธีจะเป็นปัญหายังไงบ้าง

ยังดีว่าไฟฟ้ากลับมาปรกติในเวลาไม่นาน พอเสร็จในส่วนของการพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว ท่านก็ทรงออกมาเล่าให้ฟังว่าทรงต้องแก้สถานการณ์อย่างไรบ้าง เพื่อให้พิธีดำเนินต่อไปได้โดยไม่สะดุด .. เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงครับ

ป.ล. มีข้อมูลเพิ่ม (จากคอมเมนต์ด้านล่าง) ดังนี้ครับ "เหตุสุดวิสัยครับ มีนกบินชนตู้ไฟฟ้า แล้วมันมีห้วงที่รอไฟสำรองเซ็ทระบบ ประมาณ 1-2 นาทีครับ แต่บังเอิญมันเกิดช่วงที่พระราชทานพระโอวาทพอดี"

เพื่อนร่วมงานอาลัย ‘นพ.สุขเกษม กุลจิตติสำราญ’ เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ยกเป็นบุคคลต้นแบบผู้พัฒนาการแพทย์เกาะสมุย แม้ป่วยหนักก็ไม่ทิ้งคนไข้

ในโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ไว้อาลัยต่อการจากไปของ นพ.สุขเกษม กุลจิตติสำราญ อายุ 53 ปี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติงานในตำแหน่ง แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม โรงพยาบาลเกาะสมุย หลังเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว

ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ต่างยกให้ นพ.สุขเกษม เป็นคุณหมอศัลยกรรมมือหนึ่งในเกาะสมุย ขณะที่ทางด้านเพื่อนร่วมงานได้มีการเผยภาพ เมื่อครั้ง นพ.สุขเกษม มีอาการป่วยและอยู่ระหว่างการรักษาตัว แต่ยังคงทำหน้าที่แพทย์มาผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ ทั้งที่ตนเองต้องใส่สายออกซิเจน พร้อมกับยกย่องให้เป็นบุคคลต้นแบบทางการแพทย์ เนื่องจากหลายสิ่งที่ท่านริเริ่มทำถือเป็นคุณงามความดีที่ยังคงเหลืออยู่ให้ระลึกถึง

นอกจากนี้ นพ.สุขเกษม เคยได้รับรางวัลแพทย์ตัวอย่างภาคใต้ปี 2562 ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เนื่องจากมีผลงานดีเด่นจำนวนมาก เช่น เป็นแพทย์ที่รักษาช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินที่ต้องได้รับการผ่าตัดในพื้นที่เกาะสมุย

นอกจากนี้ นพ.สุขเกษม ยังพัฒนาโครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการทำ Colonoscope อ.เกาะสมุย เป็นแพทย์ผู้ริเริ่มโครงการตรวจหามะเร็งเต้านม รวมถึงจัดตั้งทีมงานเพื่อรับบริจาคอวัยวะเพื่อใช้ในการรักษา

สำหรับกำหนดสวดพระอภิธรรม ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2566 และในวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดคงคาราม ลิปะใหญ่ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top