Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

ตร.ภ.ภาค 2 เชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจ เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 เป็นประธานในพิธีเชิดชูเกียรติ ในวาระข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2566 ของตำรวจภูธรภาค 2 

โดยมีผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค 2 คณะที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 เข้าร่วมพิธี ณ ห้องประชุม NICE สวนนงนุช พัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

‘องค์การสวนสัตว์ฯ’ ขอขึ้นค่าตั๋วครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังรายได้ลดลง ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ อนาคตพร้อมเดินหน้าให้เอกชนเช่าพื้นที่หารายได้เสริม

(30 ก.ย.66) นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวกับประชาชาติธุรกิจ ว่า หลังการจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ ปัจจุบันมีสวนสัตว์และโครงการสวนสัตว์อยู่ในความดูแลจำนวน 7 แห่ง ประกอบไปด้วย สวนสัตว์เปิดเขาเขียว, สวนสัตว์เชียงใหม่, สวนสัตว์นครราชสีมา, สวนสัตว์สงขลา, สวนสัตว์อุบลราชธานี, สวนสัตว์ขอนแก่น และโครงการสวนสัตว์คชอาณาจักร ที่ดูแลช้างเร่ร่อนกลับคืนถิ่นอีกจำนวน 200 เชือก

ที่ผ่านมา องค์การสวนสัตว์ฯ ได้พัฒนาสวนสัตว์ จากเดิมที่คนมองว่าเป็นสถานที่กักขังสัตว์ให้เป็นสวนสัตว์สมัยใหม่ หรือ modern zoo ที่คำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ โดยมีพันธกิจ ประกอบไปด้วยการให้ความรู้เป็นแหล่งเรียนรู้ การวิจัยและการศึกษา, การสร้างคนที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลสัตว์, การสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้ให้กับคน และการพักผ่อนสันทนาการ โดยรายได้สวนสัตว์มาจาก 2 ส่วนคือ ค่าบัตรผ่านประตู กับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งปัจุบันไม่เพียงพอที่จะบริหารจัดการสวนสัตว์ทั้งหมดได้

ล่าสุด คณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้มีมติยอมให้องค์การสวนสัตว์ฯ ปรับอัตราค่าบริการเข้าชมสวนสัตว์ใหม่ทั่วประเทศ หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นมากว่า 10 ปี โดยราคาบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่จากเดิม 100 บาทเป็น 130 บาท เด็กเก็บ 20 บาทเท่าเดิม ส่วนชาวต่างชาติ จากเดิม 150 บาทเป็น 250 บาท ยกเว้นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ผู้ใหญ่ จากเดิม 150 บาทเป็น 200 บาท เด็กเรียกเก็บเท่าเดิม 30 บาท ชาวต่างชาติจากเดิม 250 บาทเป็น 300 บาท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เรียกเก็บอัตราค่าบริการเพิ่มสูงกว่าสวนสัตว์ทั่วไป เพราะเป็นค่าบริการ+service ที่ให้คุณภาพการบริการมากกว่าสวนสัตว์ตามปกติ

“เรามีความจำเป็นต้องขึ้นราคาตั๋วเข้าชมสัตว์ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากปรับขึ้นราคาเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากค่าบริหารจัดการ คน อาหาร ต้นทุนในการดำเนินการสวนสัตว์ขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ยกตัวอย่าง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว กล้วยเลี้ยงสัตว์หวีละ 8-11 บาท ปัจจุบัน 18-25 บาท ค่าอาหารสัตว์ก็ปรับสูงขึ้น น้ำมันจากเดิมลิตรละ 17 บาท ตอนนี้ก็เป็น 30 บาท เงินเดือนค่าจ้างบุคลากรของสวนสัตว์ขึ้นหมด ในขณะที่รายได้ของเราลดลง ประกอบกับสวนสัตว์เขาดิน ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่ทำรายได้สูงสุดปิดตัวลงไปหลังปี 2561 แถมเรายังต้องมาเผชิญกับการล็อกดาวน์ จากการระบาดของโควิด-19 เป็นระลอก ๆ ถึง 3 ปีด้วย” นายอรรถพรกล่าว

ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาอัตราค่าบริการเข้าชมสวนสัตว์ ยกเว้นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จะมีการปรับขึ้นราคาแบบขั้นบันได 5 ปี กล่าวคือ หลัง 1 ต.ค. 2566 ปรับขึ้นเป็น 130 บาท ต่อจากนั้นอีก 2 ปีปรับขึ้นเป็น 150 บาท ปีต่อมาปรับขึ้นเป็น 180 บาท และปีสุดท้ายปรับขึ้นเป็น 200 บาท จากเดิมที่ขอขึ้นราคาในปีแรกเป็น 150 บาทเลย ส่วนเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่ให้กับสวนสัตว์ก็ลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน จากเดิมรัฐบาลอุดหนุนเพิ่มให้ปีละ 80% จากรายได้ก็ลดลงมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันอุดหนุนอยู่ที่อัตรา 40% ของรายได้ นั่นหมายถึง สวนสัตว์จะต้องหารายได้เพิ่มขึ้นเตรียมไว้ในอนาคตด้วย

สำหรับเป้ารายได้ของสวนสัตว์ในปีนี้ได้ตั้งไว้ที่ 420 ล้านบาท (31 ก.ย. 2566) ซึ่งเกินเป้าไปแล้วไม่มากนัก หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ก่อนหน้านี้จากช่วงก่อนการระบาด สวนสัตว์ทั่วประเทศเคยทำรายได้อยู่ระหว่าง 500-600 ล้านบาท (หลังปิดสวนสัตว์เขาดิน) พอมาถึงช่วงการระบาดโควิด-19 รายได้รวมลดลงเหลือเพียง 200 ล้านบาท/ปี

“ถือว่าเราโชคดีมากที่การระบาดสิ้นสุดลงในช่วง 3 ปี เพราะในปีที่สุดของการระบาด องค์การสวนสัตว์แทบไม่มีรายได้เข้ามา ต้องใช้เงินเก็บออกมาจ่ายเป็นค่าบริหารจัดการสวนสัตว์ รวมถึงเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ด้วย มาถึงตอนนี้รายได้ก็เริ่มฟื้นตัว ณ วันที่ 3 มีนาคม 2566 มีจำนวนผู้เข้าชมสวนสัตว์ทั้งหมด 3,100,249 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 29,253 คน สรุปรายได้ล่าสุด ณ ปีงบประมาณ 2565 ปรากฏรายได้นอกงบประมาณ 396,380,075.27 บาท มีค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 390,305,116.28 บาท หรือมีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 6,074,958.99 บาทเท่านั้น” นายอรรถพร กล่าว

ส่วนคำถามที่ว่า หลังจากปรับขึ้นอัตราค่าเข้าชมสวนสัตว์หลังวันที่ 1 ต.ค.แล้ว แน่นอนว่า คุณภาพในการให้บริการของสวนสัตว์จะต้องดีขึ้น มีส่วนแสดงสัตว์ใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งตามความจริงแล้ว สวนสัตว์ปรับปรุงการให้บริการมาโดยตลอด เรียกว่า “ทุกอย่างมันมีการปรับปรุงไปก่อนหน้านี้แล้ว การขึ้นค่าตั๋วจึงเป็นการขึ้นราคาตามหลังบริการ ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนการดำเนินกิจการของเรามันปรับขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว” นายอรรถพรกล่าว โดยในอนาคตสวนสัตว์มีโครงการหารายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลเช่าพื้นที่ที่มีศักยภาพในสวนสัตว์แต่ละแห่ง

เคาะ 'สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว' นั่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี หลังนายกฯ เซ็นลงนาม เสริมแกร่งพัฒนาบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 28 ก.ย.66 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ลงนามโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 มีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง นั้น

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 3 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 จึงแต่งตั้ง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

‘ธนกร’ ปลื้ม นทท.แห่มาไทยเพียบ เงินเข้าประเทศกว่า 8 แสนล้านบาท ชี้ เป็นผลพวง ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ สอดคล้อง ‘รัฐบาลเศรษฐา’ เร่งเครื่องเต็มที่

(30 ก.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวแห่บินเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยเรา ตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึง 24 กันยายน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาจากต่างประเทศจำนวนมาก

เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลออกนโยบายเร่งด่วน มาตรการวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวชาวจีนกับคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวอย่างไร  นายธนกร กล่าวว่า จากข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น และมากที่สุดคือ  มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดียและรัสเซีย กลุ่มเหล่านี้ก็เป็นนักท่องเที่ยวที่นิยมมาเที่ยวประเทศไทย อย่างที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลนี้ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นมาตรการเร่งด่วน ที่สำคัญถือเป็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาโดยตลอด และรัฐบาลชุดนี้ก็เร่งเครื่องภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ด้วย 

นายธนกร กล่าวว่า มาตรการเร่งด่วนกระตุ้นการท่องเที่ยว แบบวีซ่าฟรี ให้กับจีนและคาซัคสถาน คาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้อีกมาก โดยเฉพาะช่วงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งปีรวมแล้ว เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เดิมที่ 30 ล้านคน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุดคือ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย รวมรายได้จากการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.15 แสนล้านบาท นักท่องเที่ยวไทย 5.12 แสนล้านบาท 

นายธนกร กล่าวว่า ไม่เพียงเท่านั้น เราก็จะต้องสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวให้มั่นใจว่า เมื่อมาเที่ยวประเทศไทย ต้องเที่ยวอย่างปลอดภัย ประทับใจ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่ปีที่ผ่านมา เข้ามาเที่ยวประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 1 แต่ปีนี้ลดลงมารองจากมาเลเซีย เกิดจากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อประเทศไทยในเรื่องความปลอดภัย ประกอบกับการฟื้นตัวของสายการบินที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่

นายธนกร กล่าวว่า ในระยะสั้นและระยะต่อไป เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูง มาพักอาศัยเป็นระยะเวลานาน รัฐบาลอาจส่งเสริมให้ไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ต้นทุนไม่สูงมากนัก แต่นักท่องเที่ยวจะได้รับความประทับใจในการให้บริการด้านสุขภาพ ด้านการพักผ่อน หรือแม้กระทั่งมาใช้ประเทศไทยในการพำนักหรือมาทำงานทางไกล รวมถึง สนับสนุนคนไทยเที่ยวในประเทศแทนการไปเที่ยวต่างประเทศก็จะช่วยรักษาเม็ดเงินหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวภายในประเทศไม่ไหลออกได้

ย้อนคำ ‘บิ๊กตู่’ 8 ปี ทุ่มเท ‘ไม่หันเหสู่ทุจริต-เรียกทรัพย์’ หวังบ้านเมืองใสสะอาด เงินทุกบาททุกสตางค์ถึง ปชช.

จากรายการ ‘ฟังหูไว้หู’ ทางช่อง 9 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ได้เชิญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นแขกรับเชิญ ซึ่งช่วงหนึ่งของรายการ พลเอกประยุทธ์ ได้เล่ามุมมองและเรื่องราวสําหรับผู้นําที่หมดอํานาจ ว่ากลัวหรือไม่ หากมีการไล่บี้ไล่เช็งเหมือนกับที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น หรือต้องติดคุกติดตะรางอย่างเกาหลี ซึ่งในแง่นี้ควรระวังและต้องป้องกันอะไรบ้าง โดยระบุว่า…

“ผมป้องกันมา 8 ปีแล้ว…โดยที่ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์หรือเรื่องทุจริต ผมคิดว่าใจผมยังไม่คิดจะทุจริต และรู้ตัวว่าหากเข้ามาอย่างงี้มันอันตราย…สามารถไปถามได้เลยว่าผมเคยเรียกเงินใครสักบาทไหม…ทุกโครงการเคยเอาเงินมาส่งผมไหม…เพราะฉะนั้นขอยืนยันตรงนี้ว่า บ้านเมืองต้องมีผู้นําที่บริสุทธิ์ หากวันหน้าใครจะมาแกล้งหรือฟ้อง ก็แล้วแต่เถอะครับ…ผมยืนยันในตัวเองเพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าผมไม่มี ดังนั้น ประเทศไทยต้องใสสะอาดในวันข้างหน้าทุกมิติ”

แล้วการตรวจสอบรอบ ๆ ข้าง จะเพิ่มความเข้มข้นได้ขนาดไหน? “มีคิดกันไว้แล้วกับท่านหัวหน้าพรรค ซึ่งคิดว่าวันข้างหน้าต้องมีกฎหมายควบคุมอะไรเพิ่มอีกสักหน่อย ในเรื่องของคณะทํางานที่จะต้องไปติดตาม เพราะวันนี้มีในระบบกันหมดแล้ว แต่ตามแล้วก็เจอบ้างไม่เจอบ้าง มันต้องมีอะไรติดตามกํากับดูแลการทํางานของส่วนราชการเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ซึ่งบางทีมันต้องไปดูเอง คราวนี้การไปดูเองก็เขาก็ต้องไปในนามของรัฐบาล หรือในนามของนายกรัฐมนตรี เพื่อไปตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งอันนี้จะเป็นการตรวจสอบได้ตามระเบียบสํานักนายก ที่ผ่านมาทําตรงนี้ยังไม่ได้ เพราะทำไม่ทัน แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คิดไปแล้ว แต่ไม่ทัน มันต้องอยู่อีกสองปี…”

“แล้วจริงๆ ผมเปิดช่องทางสื่อสารกับประชาชนอยู่แล้ว หากลองไปดูหลายเรื่องที่เราสามารถแก้ไขปัญหาได้มันเป็นเพราะอะไร? เพราะได้มีการเปิดช่องทางติดต่อสื่อสาร คือมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียนที่ทําเนียบรัฐบาล มีสํานักปลัดนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดหลายเรื่องพอรับมา ก็มีการส่งให้ไปแก้ปัญหาหรือหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยมีคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ไปทําไปดูมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประมง หรือเรื่องที่ดินต่างๆ พอทําตรงนี้ผมก็รู้สึกว่าทําแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่ถ้าทําในหน้าที่ในกรอบของที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีบางทีอํานาจมันไม่พอ มันน้อย…เพียงแต่ว่าไปตรวจสอบใบต่างๆ แล้วหาวิธีการว่านายกฯ ควรจะทําอย่างไร แต่ถ้าเรามีคณะทํางานตรงนี้ออกมามันสามารถตามได้หมดเลย แต่ต้องระวังว่ามันจะซับซ้อนกันหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องมีกฎหมาย มีระเบียบออกมา…”

“ผมไม่ต้องการที่จะอะไรกับใครนะ…ผมแค่ต้องการให้บ้านเมืองมันใสสะอาด และเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องลงสู่ประชาชน ลงสู่ประเทศของเรา เพราะเงินเหล่านี้ไม่ได้หามาง่ายๆ…” พลเอกประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย

'โบว์ ณัฏฐา' ยกข้อความ 'หมอพรทิพย์' แจ้งสังคม ทริปนี้ ใช้เงินส่วนตัว วางแผนมานาน และไม่โกรธใคร

(30 ก.ย.66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง กล่าวถึงกรณีหมอพรทิพย์ ถูกเจ้าของร้านคนไทยในไอซ์แลนด์ไล่ออกจากร้านไว้ โดยระบุว่า...

เมื่อสามเดือนก่อน โบว์เคยได้แลกเปลี่ยนพูดคุยสัมภาษณ์ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ในรายการทาง Ringsideการเมือง เมื่อได้เห็นคลิปเหตุการณ์คุณหมอถูกคุกคามที่เผยแพร่กันจึงส่งข้อความไปให้กำลังใจวันนี้

คุณหมอฝากข้อมูลให้ได้รับทราบกัน ดังนี้ค่ะ

“1. เราเป็นเพื่อนเที่ยวถ่ายรูปด้วยกันมานาน หมอเป็นยายกล้อง
2. ทุกปีจะมีทริปต่างประเทศด้วยกัน
3. ใช้เงินส่วนตัว
4. ปกติจะไปช่วงนี้เพราะปิดประชุมสภา ทริปนี้วางแผนมานานเป็นปี แต่บังเอิญปีนี้มีการเลือกตั้ง ทำให้ช่วงปิดประชุมสภาขยับออก
5. หมอและน้องสส.ต่างลาประชุม
6. ส่วนตัวไม่เคยถือสา ไม่โกรธ ไม่อยากให้มีประเด็นวุ่นวายอะไรอีก ไม่อยากต่อความขยายประเด็น
ขอบคุณค่ะ”

‘เดชพล’ เจ้าของเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ประกาศจะไม่ควักเงินหนุนสโมสรอีก หลังแฟนบอลแสดงพฤติกรรมล้ำเส้น แนะ!! หยุดเห็นแก่ตัว-ควรเคารพกัน

เมื่อวันที่ 29 ก.ย.66 เดชพล จันศิริ นักธุรกิจชาวไทย เจ้าของสโมสร ‘นกเค้าแมว’ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ แห่งลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ ประกาศกร้าวจะไม่ยอมเสียเงินเพื่อลงทุนกับสโมสรแห่งนี้อีก โดยอ้างว่าแฟนบอลบางรายแสดงพฤติกรรมล้ำเส้นตนเกินไป

สำหรับเดชพลเข้ามาเทกโอเวอร์เชฟฯ เวนส์เดย์ตั้งแต่เมื่อปี 2015 ส่วนผลงานของทีมในปัจจุบันนั้น ‘นกเค้าแมว’ ลงเตะในลีกฤดูกาลปัจจุบันไปแล้ว 8 นัด ยังไม่ชนะใครเลย เพิ่งเก็บได้เพียง 2 คะแนน อยู่อันดับ 24 ซึ่งเป็นบ๊วยของตาราง

เดชพล กล่าวว่า “ตั้งแต่นี้ไปผมจะไม่สนับสนุนเงินเพิ่มเติมอีก แฟนบอลบางคนจำเป็นต้องเคารพเจ้าของสโมสรให้มากกว่านี้ จงเลิกเห็นแก่ตัวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรดีๆ ให้สโมสร ผมถูกแฟนบอลปฏิบัติด้วยอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งนั่นทำให้ผมไม่อยากสนับสนุนการเงินให้สโมสร”

‘ดีเจปูเป้’ เล่ารายละเอียดโชว์ ‘ลิซ่า’ เซ็กซี่เต็มสิบไม่หัก แถมได้เจอ ‘จีซู-โรเซ่-เฟรเดริก’ และเหล่าคนดังเพียบ!!

(30 ก.ย.66) ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องสำหรับการโชว์บนเวที Crazy Horse ของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ที่ล่าสุด ‘ดีเจปูเป้ ภาธีตา กันตามระ’ จากคลื่น MET107 FM. ที่มีโอกาสได้ไปชมการแสดงรอบแรกของไอดอลสาวชาวไทย ก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดคร่าวๆ ถึงการแสดงที่เกิดขึ้นภายในโรงละคร โดย ‘ดีเจปูเป้’ ได้ต่อสายตรงไปยังรายการวิทยุของคลื่น MET 107 เข้าไปพูดคุยถึงรายละเอียดของโชว์ที่เกิดขึ้นส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส ที่เจ้าตัวยอมรับว่าหลังจบโชว์ก็ถึงขั้นนอนไม่หลับ เพราะยังตื่นตาตื่นใจไม่หาย

“ตอนแรกไม่รู้ว่าเขาให้นั่งที่ไหนเพราะไม่ได้บอก ก็เลยต้องไปที่นั่นประมาณ 4 โมงเย็น จริงๆแล้วโชว์เริ่ม 1 ทุ่มครึ่ง ก็เลยเดินไปถามบอดี้การ์ดว่า เราต้องมาเข้าแถวกี่โมง แล้วที่นั่งจัดสรรยังไง First Come First Serve ใครไปถึงก่อนได้นั่งก่อนหรือเปล่า? การ์ดก็บอกว่าประมาณนั้น เราก็เลยโอเค ฉันต้องเข้าทางไหนอะไรยังไง ก็เลยไป survey ดูช่องทางก่อน แล้วไปถึงอีกทีประมาณ 6 โมงนิดๆ เขาบอกว่าจริงๆมา 6 โมงครึ่งก็ได้ แต่เราไม่เอา เกิดได้ไปอยู่ข้างหลังใช่ไหม ซึ่งจริงๆก็มีคนมาตั้งแถวแล้วนิดๆ เขาก็จะมีคอกกั้น แล้วก็จะมีโซนวีไอพี มีปาปารัสซีมารออยู่ ก็เลยคิดในใจว่า ต้องมีคนสำคัญมาเพราะไม่งั้นคงจะไม่มีปาปารัสซีมาตั้งกล้องเป็นแนว แล้วก็มีช่องวีไอพี ก็แอบคิดเยอะว่า ‘อุ๊ย ถ้า BlackPink เมมเบอร์คนอื่นมามันจะเลิศมากเลยนะ เฟรเดริก จะมาไหม’ นี่คือความคิดในใจ”

“พี่ไปรอต่อแถว ก็พยายามเซลฟี่ แล้วก็มีผู้หญิงเป็นคนเอเชีย มาช่วยถ่ายรูปให้ก็คุยภาษาอังกฤษกัน ไปๆ มาๆ เป็นคนไทยจ้า ปรากฏว่าคนไทยอยู่ข้างหลัง เป็นคนไทยค่อนข้างเยอะ แล้วก็จะมีกลุ่มพี่น้องคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนจีน คนเกาหลีใต้ก็มา ก็เลยเข้าไปแล้วก็บอกกับคนไทยคนนั้นว่าเดี๋ยวเราไปนั่งด้วยกันนะ แล้วก็มีสไตลิสต์ฝรั่งเศสอีกคนหนึ่ง คือเราก็ผูกสัมพันธ์กับคนที่ต่อแถว เรา 3 คนก็เลยไปนั่งด้วยกัน พอเข้าไปข้างใน คือพี่ต้องบอกก่อนว่า พี่ได้ยินข่าวว่ามีพวกที่เอาบัตรไปรีเซลราคาหลักล้านจริงหรือเปล่า? จะบอกว่าใครคิดจะรีเซลเป็นไปไม่ได้ คือ หนึ่ง ตอนคุณซื้อบัตร คุณต้องระบุชื่อ - นามสกุลอยู่แล้ว นึกออกไหม? แล้วก็ในบาร์โค้ดเนี่ย ไปถึงปุ๊บเขาสแกนปั๊บแล้วก็จะขึ้นชื่อ - นามสกุล เขาก็จะขอดูเอกสารประจำตัว ก็เอาเอกสารให้เขาดู คนที่ซื้อต่อบอกเลยว่าคุณจะเสียเงินเปล่า เพราะว่ามันไม่ได้ และที่สำคัญ เขามีตั๋วอีกอัน เขาปรินต์เป็นปรินต์สีให้เรา แยกออกมาอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นบอกเลยคุณจะมาโกง จะมาโฟโต้ช็อปมันเป็นไปไม่ได้เลย”

“พอเราผ่านตรงนั้น เนื่องจากว่าเพื่อนๆ ใหม่ที่เราเพิ่งจะมาผูกมิตรกันเขาบอก เออ เดี๋ยวเรา 3 คนนั่งด้วยกันได้ไหม คือเขาก็จะจิ้มหน้าจอเหมือนกับร้านอาหาร เราก็ลุ้นว่าเขาจะพาเราไปนั่งข้างหลังหรือเปล่า ปรากฏว่าได้นั่งแถวที่ 4 ทางขวาจากเวที ซึ่งก็ไม่ได้ใกล้แต่แถวหน้ายังว่าง แต่หันไปข้างหลังเห็นมีโซฟาแล้วก็จะมีแชมเปญ ซึ่งมันให้ความหรูหรา มันให้ความรู้สึกกับเราว่ามันต้องมีคนสำคัญมานั่งตรงนี้แน่ๆเลย ไอ้เราก็คิดว่า ใครจะมาๆ เดี๋ยวลุ้นกัน แต่สักพักหนึ่งก็จะมีผู้ชายมาร้องเพลงเหมือนกับเพลงคลาสสิกโบราณ แล้วก็เอนเตอร์เทนคนตามแถวที่นั่ง แล้วก็ได้ยินเสียงกรี๊ด ฉันก็หันไปมอง อ้าว ผมทอง จะเป็นใครไปไม่ได้เลย ‘โรเซ่’ ก็เดินเข้ามา แล้วก็มีผู้หญิงใส่หน้ากากอนามัยสีดำ ใครก็ไม่รู้เราก็นึกว่าเป็นผู้จัดการโรเซ่หรืออะไร พอเขานั่งปุ๊บ ถอดหน้ากากออกมาเป็น ‘จีซู’ นั่งใกล้กันมาก”

“คือโชว์นี้บอกเลยว่าไม่เสียดายเงินเลย 9,500 บาท มันคุ้มเงินมาก แล้วแต่นานาจิตตัง แต่จะบอกว่าที่นั่งประมาณร้อยกว่าที่ มันเล็ก มันใกล้เวทีมาก มันทั่วถึงกัน เรามีความรู้สึกว่าเหมือนเราเป็นผองเพื่อนกับ โรเซ่, จีซู แล้วแค่นั้นไม่พอจ้ะ ไคอา เกอร์เบอร์ ลูกสาว ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด เธอเป็นนางแบบ Celine กับ ลิซ่า มากับแฟนก็คือ ออสติน บัทเลอร์ มาด้วยกัน 2 คนมาปุ๊บก็ทักทาย จีซู, โรเซ่ แล้วก็มานั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง ฉันหันไปก็เจอ 4 คนเลย มันคือฝันที่ไม่กล้าฝันนึกออกไหม แล้วสักพักหนึ่ง โชว์กำลังจะเริ่มในอีก 15 นาที ฉันก็เห็นน่าจะใช่ เฟรเดริก หรือเปล่า? ปรากฏว่า ใช่! แล้วไม่ใช่แค่เฟรเดริก แต่ทีนี้จะไม่ฟันธงอะไรนะ แต่จะมาเล่าว่า ถ้าเขาเป็นแค่เพื่อนกันก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีและสนิทระดับหนึ่งเพราะ เฟรเดริก ไม่ได้มาคนเดียว แต่มาทั้ง พ่อ คุณพ่อของเขา คุณ เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ ที่รวยที่สุดในโลกน่ะมา แม่มา น้องชายชื่อ ฌอน ก็มา แล้วก็มานั่งตรงหลังดิฉันที่เป็นโซฟาอลังการ และความลัลล้าของเรา เราก็เลยหยิบแก้วไวน์แล้วหันไปยกทักทาย เฟรเดริก ก็ยิ้มให้ เป็นอะไรที่น่ารักดี เป็นอะไรที่เผาขนมาก แล้วสักพัก โรซาเลีย นักร้องสเปนก็มา ต้องบอกว่าเมื่อคืน ( 28 ก.ย. ) เป็นอะไรที่ ว้าว เกินฝันมาก”

“ในส่วนของโชว์ ต้องบอกว่า นี่คือคาบาเรต์สำหรับผู้ใหญ่นะคะ เราจะไม่มาโลกสวยยูนิคอร์น อะไรที่เป็น BlackPink ก็อยู่ในกรอบของเขา แต่อันนี้คือคาบาเรต์คุณต้องเข้าใจมันคืองานศิลปะการเต้น แต่ว่า ลิซ่า ไม่ได้เปลือยอก ย้ำ! ใครที่มาเขียนคอมเมนต์ค่อนข้างจะไปในทางลามกจกเปรตขอให้คุณแก้ความคิดนั้นใหม่นะคะ อันนี้คือการเต้นแบบมีศิลปะ แดนเซอร์ทุกคนคือเตะขา เท้านี่เลยหัวขึ้นมาเลยนะ มีทักษะกายกรรม ส่วน ลิซ่า ก็คือแต่งตัวเซ็กซี่กว่าการขึ้นเวที BlackPink ก็ต้องบอกว่า กางเกงในคือกางเกงใน ข้างหลังเป็นจีสตริงเป็นตองก็คือเข้าง่ามไปเลยจ้ะ แต่เราไม่ได้มองตรงนั้นเพราะว่ามันคือโชว์ที่ทุกคนแต่งแบบนั้น คนอื่นเปลือยอกด้วยซ้ำ”

“ลิซ่า ตอนแรกโผล่หน้ามาจากหน้าม่านนิดหนึ่ง แล้วก็คนกรี๊ด ทางแดนเซอร์ของ Crazy Horse ก็จะเต้นไป แต่หลักๆ ลิซ่า จะโชว์เต็มๆ 2 เพลงด้วยกันก็คือ ‘But I am a good girl’ ในหนัง Burlesque ที่ คริสตินา อากีเลร่า เคยแสดง กับ แชร์ น้องก็ลิปซิงค์ เพลงนั้น แล้วก็มีอีกเพลงหนึ่ง Crisis? What Crisis! ก็เป็นเหมือนสาวทำงาน เจอภาวะตลาดหุ้นดิ่งแล้วก็เครียด นั่งพิมพ์ดีด แล้วก็ปาแว่นออกไป เป็นนักบัญชี เสร็จแล้วก็ถอดเสื้อ แล้วก็วาดลวดลายความเซ็กซี่ มันดี มันใช่ ความจัดเต็มอะนะคือ เราจะไม่มาวิพากษ์วิจารณ์อะไร ถ้าคุณบอกว่า ‘โอ๊ย ไม่เหมาะกับน้อง น้องควรจะอ่อนใส’ อันนั้นแล้วแต่ความคิดของคุณ แต่นี่มันคือสถานที่ที่มันเหมาะ และที่สำคัญ โทรศัพท์มือถือเขาให้เราใส่ในซองที่มันล็อกจนเปิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปแต่ก็เห็นมีบัญชี TikTok จีนหรืออะไรที่แอบเอาไปถ่าย อันนั้นอะน่าเกลียด แต่ก็เอาเป็นว่าเซ็กซี่เผ็ดเบอร์สิบ แล้วคือความสวย ความน่ารัก ความมั่นใจ ฉันขอบอกเลยว่าถ้าถึงแม้ ลิซ่า ไม่ได้โชว์ แค่มาดู Crazy Horse อย่างเดียวก็คุ้ม เพราะว่ามันใกล้ชิดมาก เวทีอาจจะเล็ก มันคล้ายๆกับเวทีคณะนิเทศอะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่เวทีใหญ่ มันเวทีระดับมหาวิทยาลัย แต่ว่า แสง สี เสียง เขาอลังการ แล้วก็การเต้น การอะไร เขาพร้อมเพรียง แล้วมันดู ว้าว แล้วคือมันออกมาเป็นความคิดที่มันสร้างสรรค์ แปลกใหม่ ฉันเลยเข้าใจได้ว่า การที่ไม่ให้คนไปถ่ายคลิปเพราะว่าเดี๋ยวคนก็ไปดูดไอเดีย ไปขโมยเขา ไปก็อปโชว์อะไรแบบนี้ แต่ของ ลิซ่า มันดีมาก และพี่ไม่เคยไปดูคอนเสิร์ต BlackPink เลย นี่คืองานแรกที่ได้เห็นศักยภาพของน้อง มัน Bravo! มากระหว่างที่ดูฉันก็ต้องแอบหันไปเช็คว่าหน้าตาแต่ละคนเป็นยังไง ก็มีแอบยกแก้วหยอกเอิน เขาจะยกกลับหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ฉันก็เฟี้ยวฟ้าวอะไรไป ฉันก็เห็นความสุขบนหน้าของบรรดาแขกวีไอพีที่มา จีซู ก็ยิ้มๆ ปรบมือ ทุกคนดูแฮปปี้ มันคือความสุข มันคือความบันเทิง”

“ถ้ารายละเอียดเยอะๆเดี๋ยวจะขออนุญาตไปเล่าในเพจของตนเอง อาจจะทำเป็นนิยายภาพ เพราะว่ามันจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พอเราเล่ามันก็อาจจะนึกภาพไม่ค่อยออก เดี๋ยวจะพยายามหาภาพมาประกอบ แต่เอาเป็นว่าทักษะของน้องจากการฝึก ไม่รู้ว่าฝึกล่วงหน้ากี่วัน แต่ก็ถือว่า เป๊ะ! แล้วก็การที่ ชุดมันอาจจะ แรง! สำหรับบางคนที่แบบ ‘อู้หู! อย่างนี้เลยเหรอ? จีสตริงเลยเหรอ? แบบ ว้าว’ ซึ่งมันก็จะมีท่อนบนในชุดที่นางนั่งเป็นเลขา นางก็จะค่อยๆ Strip Strip Strip ( ถอดๆๆ ) แล้วมันก็จะเหลือเป็น Lingerie ชุดชั้นในแบบฝรั่งเศส ที่มันจะเต็มตัวแล้วค่อยถอดคอร์เซ็ตออกมา โยนคอร์เซ็ตออกไป ก็จะเป็นยกทรงที่ซีทรูแต่ว่าก็จะปิดจุกเอาไว้ มันก็เซ็กซี่แต่มันก็ไม่ได้ อี๋ อนาจาร จ้ำบ๊ะ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย กรุณาเปิดใจ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องดู ฉันพูดแค่นี้ มันดูมีความเย้ายวน”

“พี่ว่าการแสดงนี้เก่งมาก คือเขาเลือกร่างกาย เราควรมีความสุขกับร่างกาย โดยเฉพาะเพศหญิงร่างกายเราสวย คือนักเต้นทุกคนไม่จำเป็นต้องอึ๋ม ไม่ต้อง คือทุกคน อย่างน้อยเป็นแดนเซอร์ก็ไม่ควรต้องมีหน้าท้องแต่ว่าเขามีหลากหลายสีผิว หลากหลายไซส์ของหน้าอก มันอยู่ที่ความฉลาดในการเต้น แล้วมันไม่ง่าย บางคนมาห้อยหัวบนถาดหมุน จะก้าวขา ก้าวอะไรให้ดูสวย สง่า มันต้องฝึก มันเหมือนกับนักกายกรรม เพราะฉะนั้นอันนี้ถ้าใครจะมาปรามาสว่า ‘อุ๊ย ไม่โอเค ชั้นต่ำ’ อะไรแบบนี้ กรุณากลับบ้านแล้วไปตบหน้าตามอายุตัวเองเลยนะจ้ะ เพราะว่ามันหยามมาก นี่มันคือโชว์ที่จะมาเล่นเองไม่ได้ คุณต้องผ่านการทำการบ้านมาอย่างหนัก แล้วต้องบอกเลยว่า ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ”

“พอโชว์จบ แขกวีไอพีก็เข้าไปหลังเวทีเพื่อแสดงความยินดี ส่วนเราก็มารออยู่ด้านหน้า ลิซ่า ออกมาสุดท้าย มาแจกลายเซ็นแฟนคลับ มารับดอกไม้ แล้วก็ขึ้นรถกลับ”

ส่วนงานนี้ใครอยากจะซึมซับบรรยากาศอย่างละเอียด ก็รอติดตามได้ที่เพจ ‘DJ ปูเป้ สาวเซ็กซี่สะบึมอารมณ์’ ที่เตรียมจะเล่าถึงโชว์ Crazy Horse ของ ลิซ่า แบบจัดหนักจัดเต็มในเร็วๆนี้ได้เลย

'คนไทยในเบลเยียม' แห่ให้กำลังใจ 'คุณหมอพรทิพย์' ฝาก!! ขอให้ไปเที่ยวเบลเยียม ยินดีต้อนรับเสมอ

(30 ก.ย.66) หลังจากกระแส ชาวเน็ตแชร์คลิป หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เดินทางไปท่องเที่ยวอยู่ที่ประเทศไอซ์แลนด์ ถูกเจ้าของร้านอาหารชาวไทยในประเทศไอซ์แลนด์ ชี้นิ้วขับไล่ให้ออกจากร้าน โดยเจ้าของร้านให้เหตุผลว่า รับไม่ได้สิ่งที่ สว.พรทิพย์ ทำกับประเทศไทย เกลียดฝังใจมาก ทั้งที่เคยชื่นชอบ สว. คนนี้มากในอดีต แต่ตอนนี้รับไม่ได้ จึงต้องไล่ออกจากร้าน

ล่าสุด กลุ่มคนไทยในเบลเยียม ได้ร่วมกันโพสต์ข้อความให้กำลังใจ #หมอพรทิพย์ กันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น…

“คุณหมอคะ มาเบลเยียมได้ไหมคะ ร้านเล็กๆ ของหนู ยินดีต้อนรับคุณหมอด้วยใจค่ะ หนูเห็นคลิปแล้วแทบอยากร้องไห้เลยค่ะ หนูเป็นอีกหนึ่งเสียงที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยใจจริง ถึงหนูจะมีไม่มาก แต่หนูจะต้อนรับคุณหมอด้วยใจทั้งหมดที่หนูมีเลยค่ะ”, “เป็นกำลังใจให้คุณหมอทำดีต่อไปค่ะ” เป็นต้น

ซึ่งคุณหมอพรทิพย์ ก็ได้เข้ามาตอบกลับคอมเมนต์เหล่านี้ว่า “ขอบคุณค่ะ ไม่รับมันมา ทุกสิ่งที่ทำก็กลับเข้าตัวค่ะ” 

'ผศ.ดร.อานนท์' โพสต์!! ปม ‘หมอพรทิพย์’ ถูกไล่ออกจากร้านอาหาร ชี้!! การเลือกปฏิบัติแบบนี้ นับเป็นสิ่งผิดกม.ที่ทุกประเทศบัญญัติไว้

(30 ก.ย.66) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก 'Arnond Sakworawich' ระบุว่า…

การไล่คุณหญิงหมอพรทิพย์ออกจากร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ ​เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเรียกว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยความแตกต่างทางความเชื่อด้านการเมือ​ง​ รัฐธรรมนูญ​ของแทบทุกประเทศได้บัญญัติเรื่อง​ Unfair treatment กับ​ Discrimination เอาไว้แทบทั้งนั้นรวมทั้งประเทศไทยด้วย​ ทั้งนี้ยังเป็นการหมิ่นประมาทร้ายแรงด้วย

ในทางประชาธิปไตยนั้นสิ่งที่เชฟคนไทยทำกับคุณหญิงหมอก็ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะไม่ยอมรับความเห็นต่าง ในทางมารยาทสังคมก็ถือว่าทรามมาก ในทางธุรกิจก็ถือว่าล้มเหลวสุดที่ปฏิบัติกับลูกค้าเช่นนี้​ ชื่อเสียงของร้านพังย่อยยับ​ เชฟสามกีบคงต้องตกงาน​ในไม่ช้า

สวัสดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top