Tuesday, 6 May 2025
TheStatesTimes

‘สภาอุตฯ’ เปิด 10 อาชีพตลาดแรงงานต้องการสูงในอนาคต ‘ผู้เชี่ยวชาญ AI - เทคโนโลยีการเงิน - วิเคราะห์ข้อมูล’ เนื้อหอม

(27 ก.ย. 66) รายงานข่าวจาก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แจ้งว่า World Economic Forum เปิดเผยข้อมูล 10 อาชีพด้านเทคโนโลยี ที่จะตอบรับกับความต้องการของตลาดในอนาคตไปจนถึงปี 2570 โดยหลังจากนี้จะเร่งประสานสมาชิก ส.อ.ท ตลอดจนหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาข้อมูล ตลอดจนวางแผน รองรับการความต้องการแรงงานที่จะเกิดขึ้น

โดย 10 อาชีพที่มาแรง ประกอบด้วย

1.ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning
2.ผู้เชี่ยวชาญด้าน Sustainability
3.ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอัจฉริยะ
4.นักวิเคราะห์ความปลอดภัยข้อมูล
5.วิศวกรเทคโนโลยีทางการเงิน
6.นักวิเคราะห์ข้อมูล นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล
7.วิศวกรหุ่นยนต์
8.ผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data
9.ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกลการเกษตร
10.ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล จากการที่เทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติ จะถูกนำเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ยังพบว่า มีอาชีพ 5 อันดับแรก ที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีแนวโน้มการเติบโตมากที่สุด ได้แก่

1.ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning
2.ผู้เชี่ยวชาญด้าน Sustainability
3.ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอัจฉริยะ
4.นักวิเคราะห์ความปลอดภัยข้อมูล
5.วิศวกรเทคโนโลยีทางการเงิน

‘รองอ๋อง’ รับ อยากนั่งตำแหน่งสานงานต่อ เพื่อประโยชน์ของ ปชช. โบ้ยถาม ‘ก้าวไกล’ ปมเคาะเลือก ‘ผู้นำฝ่ายค้าน-รองประธานสภาฯ’

(27 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความชัดเจนในตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยังไม่ได้นัดหมายกับตนเพื่อพูดคุยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เราแค่รับทราบว่ามีการประชุมเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการตัดสินใจทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตน และต้องฟังทางพรรคก่อน เพราะตนยังเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลอยู่ เมื่อกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีมติอย่างไรก็ต้องมีการพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า ทางพรรคมีมติที่จะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ จะกระทบกับนายปดิพัทธ์ และต้องตัดสินใจอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า แน่นอน เพราะเราไม่ได้ตัดสินใจทุกอย่างตามอำเภอใจ ทุกอย่างตัดสินใจตามมติพรรค และข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ต้องหารือกันว่าทิศทางใดดีที่สุดกับประเทศ ไม่ใช่ดีที่สุดแค่ตนเอง

“ผมบอกว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวผมเอง แต่เป็นการตัดสินใจด้วยการสะท้อนเสียงประชาชนให้ได้มากที่สุด และมีผลประโยชน์ให้กับประเทศให้ได้มากที่สุด” นายปดิพัทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะเก็บไว้ทั้ง 2 ตำแหน่ง โดยจะขับนายปดิพัทธ์ ไปอยู่อีกพรรค นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนขอฟังจากปากหัวหน้าพรรคคนใหม่ก่อน เพราะตอนนี้เรารับข้อมูลจากคนอื่น อย่างไรก็ตามการตัดใจทั้งหมดไม่ได้มีการตัดสินใจด้วยความกดดัน หรือเป็นการตัดสินใจที่ไร้ทางเลือก แต่เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานว่าเราจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ซึ่งคงจะมีการพูดคุยกันในเร็วๆ นี้

เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวอยากสืบทอดงานของรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ต่อหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คิดว่างานหลายอย่างเสร็จไปแล้ว แต่อีกหลายอย่างต้องใช้เวลา โดยเฉพาะต้องทำหลังจากการส่งมอบอาคารรัฐสภาเสร็จ ตนคิดว่าต้องมีงานระยะยาวที่ตนฝันไว้ว่าอยากเห็น เพื่อสามารถขับเคลื่อนให้รัฐสภาโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นของประชาชนได้ แต่ถามว่างานระยะสั้นบรรลุผลไปแล้วหรือไม่ ก็พอมี

“ส่วนตัวการได้ทำตำแหน่งนี้ เราได้เห็นพัฒนาการ ได้เห็นงานที่เราสามารถทำได้ และดีกับประเทศด้วย ซึ่งการที่ตนบอกว่า จะทำรัฐสภาให้โปร่งใสคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่ตน แต่เป็นประเทศได้ประโยชน์ ถามว่าอยากอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่ อยาก แต่จะทำได้หรือไม่ได้อยู่ที่ข้อจำกัดต่างๆ” นายปดิพัทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่ายังมีเวลาตัดสินใจจนถึงสมัยประชุมสภาครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไทม์ไลน์ทั้งหมดอยู่ที่พรรคก้าวไกลอย่างไรก็ตาม ตนต้องคุยเรื่องนี้กับพรรคจริงๆ เพราะหากตนไม่ยอมตัดสินใจ ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็ไม่สามารถแต่งตั้งได้ ซึ่งเราต้องวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้รอบคอบ ซึ่งต้องวิเคราะห์และตัดสินใจร่วมกัน เมื่อถามว่า มองความกดดันจากวิปรัฐบาลไว้อย่างไรว่าต้องเลือกตำแหน่งเดียว นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีแรงกดดันมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปดิพัทธ์ได้สวมเสื้อผ้าไหมไทยสีม่วง ลายดอกปีบ จากจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งก่อนหน้านี้นายปดิพัทธ์เคยถูกตำหนิเรื่องการแต่งกายไม่เรียบร้อยมาแล้ว

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมชมงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ให้กำลังใจผู้ประกอบการ “สู้ๆ ทุกอย่างจะกลับมาดีเอง”

(27 ก.ย. 66) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เยี่ยมชมงาน OTOP Midyear 2023 โดยมี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ให้การต้อนรับ และมี นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีน ร่วมเยี่ยมชมงานด้วย

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับกระเช้าจากตัวแทนภาคใต้ ซึ่งได้ขอบคุณรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ที่ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือในการลดค่าน้ำค่าไฟ และการช่วยเหลือเกษตรกรต่าง ๆ นอกจากนี้ ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรียังให้กำลังใจผู้ประกอบการ โดยบอกว่า ให้สู้ๆ และทุกอย่างจะกลับมาดีเอง

นายกฯ ยังได้แวะร้านโอทอปเพชรบูรณ์ โดยนายกฯ ได้ใช้พู่กันเขียนชื่อ เศรษฐา ทวีสิน บนภาพคนแคระที่วาดด้วยน้ำเทียน บนผ้าใยกัญชง ซึ่งภาพคนแคระดังกล่าวเป็นประติมากรรมบนอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นายกฯ กล่าวด้วยว่า วาดยาก เพราะมีรายละเอียดเยอะ

ทั้งนี้ ระหว่างนายกฯ เยี่ยมชมร้านค้าต่าง ๆ ภายในงาน นายเกรียง ยังได้พานายกฯ เข้าไปชมร้านโอทอปผ้าไทยจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้มีการมอบผ้าขาวม้าให้นายกฯ โดยผูกให้ที่เอว

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในงานมีประชาชนที่ทราบว่านายกฯ จะมาเยี่ยมชมได้เข้ามาขอถ่ายภาพเซลฟีจำนวนมาก ขณะที่ผู้ประกอบการ OTOP หลายบูธที่รอถ่ายภาพร่วมกับนายกฯ บอกว่า เสียดายไม่ได้แสดงสินค้าโชว์และไม่ได้ถ่ายรูปด้วย เนื่องจากนายกรัฐมนตรี มีภารกิจต้องเดินทางไปกรมชลประทานต่อ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ จึงทำให้ต้องยกเลิก บางบูทที่เตรียมรอต้อนรับ

‘เยอรมนี’ แจงปม ‘ยูเครน’ ปฏิเสธรับรถถังรุ่นเก่าล้าสมัยที่ส่งไปให้ เหตุเพราะขาดช่างซ่อมชำนาญ เนื่องจากประเทศไม่มีสงครามมานาน

(27 ก.ย. 66) สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์/ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า อาวุธบางส่วนที่เบอร์ลินมอบให้แก่เคียฟ ส่วนหนึ่งในการมอบความช่วยเหลือยูเครนสู้รบกับรัสเซีย อยู่ในสภาพที่แย่ๆ หรือไม่ก็เก่าเก็บล้าสมัย จากการยอมรับของ ‘อันนาเลนา แบร์บ็อค’ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (25 ก.ย.) แบร์บ็อค ยอมรับว่าอาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครนนั้นมีประเด็นปัญหาทางเทคนิคสำคัญๆ และบอกด้วยว่าความพยายามจัดหาอาวุธป้อนแก่เคียฟนั้นยังประสบปัญหาล่าช้าต่างๆ อีกต่างหาก

แบร์บ็อค ยอมรับว่ายูเครนจะไม่ได้รับประโยชน์จากคำสัญญาจัดหาอาวุธ เนื่องจากยังคงดำเนินการไม่ลุล่วง หรือไม่ก็ยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ส่งมอบไปนั้นไม่สามารถใช้งานได้ “ระบบของเราบางส่วนเป็นรุ่นที่เก่ามากๆ และเราเคยบอกตั้งแต่ตอนแรกว่าบางส่วนใช้งานไม่ได้” เธอกล่าว พร้อมอธิบายว่าประเด็นปัญหาดังกล่าวมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า เยอรมนีไม่ได้สู้รบในสงครามหลักๆ หนึ่งใดมานานหลายทศวรรษแล้ว

“ครั้งที่เราส่งมอบบางอย่าง มันจำเป็นต้องใช้งานได้ในภาคสนาม” เธอเน้นย้ำ พร้อมระบุว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมเยอรมนีถึงไม่มอบขีปนาวุธพิสัยไกล Taurus แก่ยูเครน อาวุธที่เธอให้คำจำกัดความว่าล้ำสมัยอย่างที่สุด “มันคืออาวุธใหม่ที่สุดที่เรามี ดังนั้น เราจำเป็นต้องชัดเจนทุกรายละเอียด วิธีการทำงานของมัน ใครที่สามารถใช้งานมันได้ ใช่ มันต้องใช้เวลาสักพัก แต่ครั้งที่เราส่งมอบมัน มันจำเป็นต้องทำงานอย่างได้ผล” เธอกล่าว พร้อมบอกว่าจะใช้การพิจารณาแบบเดียวกันกับอาวุธอื่นๆ ที่ผลิตโดยเยอรมนี

ยูเครนร้องขอขีปนาวุธ Taurus นานหลายเดือนแล้ว ในขณะที่มันมีพิสัยทำการ 500 กิโลเมตรและบรรทุกหัวรบหนัก 500 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม แม้สื่อมวลชนรายงานว่า เยอรมนีกำลังวางรอบการทำงานสำหรับการส่งมอบ แต่แบร์บ็อคแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวังเมื่อช่วงกลางเดือน ว่า การส่งมอบคงจะยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะว่า “จำเป็นต้องทำงานในทุกรายละเอียดก่อนหน้านั้นเสียก่อน”

เยอรมนีลังเลที่จะจัดหาขีปนาวุธแก่ยูเครน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลาย หากว่าเคียฟใช้มันโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์ Der Spiege รายงานอ้างแหล่งข่าววงในระบุว่า ยูเครน ปฏิเสธที่จะรับรถถังรุ่นเก่าล้าสมัย เลพเพิร์ด 1 จำนวน 10 คัน เนื่องจากพวกมันอยู่ในสภาพขาดการบำรุงรักษา ในรายงานข่าวบอกด้วยว่า พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนแจ้งกับฝ่ายเยอรมนี ว่ารถถังเหล่านั้น ซึ่งเดินทางถึงโปแลนด์แล้ว จำเป็นต้องผ่านการซ่อมบำรุงเสียก่อน แล้วถึงจะสามารถส่งเข้าประจำการในแนวหน้า ทว่าพวกเขาไม่มีทั้งบุคลากรซ่อมบำรุงและอะไหล่ที่จะทำเช่นนั้น

รัสเซียกล่าวเตือนตะวันตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อการจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน โดยชี้ว่ามันรังแต่จะทำให้ความขัดแย้งลากยาว โดยไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ในท้ายที่สุดใดๆ

‘โลตัส’ ปูพรม ‘Pet Friendly Mall’ 100 แห่ง ให้เจ้าของสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาช้อปปิ้งได้

(27 ก.ย.66) นางสาวเบญจวรรณ อ่องศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารพื้นที่ศูนย์การค้า โลตัส อธิบายว่า โมเดล Pet Friendly Mall นี้ จะเป็นสาขาที่เจ้าของสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้บริการพร้อมกันได้ในส่วนโซนศูนย์การค้า ร้านค้าและร้านอาหารบางร้านที่มีความเหมาะสม รวมถึงมีโซนที่สัตว์เลี้ยงสามารถเข้าได้

ทั้งนี้จะมีเงื่อนไขการพาสัตว์เลี้ยงเข้าศูนย์การค้าเพื่อยังคงมาตรฐานด้านคุณภาพและการควบคุมเรื่องสุขอนามัย ประกอบด้วย

- สัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกระเป๋า หรือรถเข็นของตัวเองเท่านั้น
- ลูกค้าต้องนำอุปกรณ์สำหรับใส่สัตว์เลี้ยงมาเอง และต้องปิดมิดชิด
- ไม่สามารถอุ้ม หรือจูงสัตว์เลี้ยงเดินในบริเวณห้างได้
- ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าโซนซูเปอร์มาร์เก็ต
- ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร้านอาหารได้ (บางร้านอาหารสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ โดยจะมีป้าย Pet Welcome Restaurant หรือสอบถามหน้าร้านอีกครั้ง)

โมเดล Pet Friendly Mall จะนำร่องในโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต จำนวนกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ อาทิ โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์, โลตัส พัฒนาการ, โลตัส รามอินทรา, โลตัส เลียบคลองสอง, โลตัส ลาดกระบัง, โลตัส บางนา-ตราด, โลตัส เชียงใหม่ (คำเที่ยงและหางดง), โลตัส ชลบุรี, โลตัส จันทบุรี, โลตัส โคราช, โลตัส อุบลราชธานี, โลตัส สุราษฎร์ธานี, โลตัส ภูเก็ตและอื่น ๆ

ทั้งนี้สามารถเช็ครายชื่อสาขาได้ที่ https://corporate.lotuss.com/en/news/corporate/pet-friendly-mall1-en/

นางสาวเบญจวรรณ เสริมว่า โมเดลนี้มุ่งรับเมกะเทรนด์ ‘Pet Humanization’ ปรากฏการณ์ที่คนรักสัตว์เลี้ยงมองน้อง 4 ขาเป็นเสมือนคนในครอบครัว ดูแลเป็นลูกหลาน ซึ่งกำลังเติบโตทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย

“Pet Friendly Mall จะช่วยเติมเต็มการเป็น SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนในชุมชน ที่มีพื้นที่รองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวทุกเพศ ทุกวัย รวมทั้งสัตว์เลี้ยงแสนรักด้วย”

‘คุณลุงผู้รวยน้ำใจ’ ใช้แผ่นปูนเรียงเป็นทางเดินให้ ปชช.สัญจร หลังฝนตกหนักทำน้ำท่วมกรุง โซเชียลชม!! ลุงทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น

(27 ก.ย. 66) ชีวิตคนกรุงเมื่อต้องเผชิญกับวันฝนตก น้ำท่วม ก็จะพบกับความทุลักทุเลในการเดินทาง แต่คลิปนี้เชื่อว่าทำให้หลายคนรู้สึกใจฟูขึ้นมาบ้าง โดยผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อว่า ‘saiikhim_is’ ได้โพสต์คลิปคุณลุงท่านหนึ่ง กำลังช่วยเหลือผู้เดินทางหลายคนที่ต้องลุยน้ำท่วมขัง ด้วยการใช้แผ่นปูนมาเรียง ปูเป็นทางเดินบนน้ำท่วมขัง เพื่อให้ผู้คนได้เดินข้ามไปโดยที่ไม่ต้องลุยน้ำ

เจ้าของคลิปบอกว่า “เมื่อฝนตกน้ำท่วม ชาวออฟฟิศนับร้อยต้องกลับบ้าน ขอบคุณคุณลุงมากๆค่ะ ความใจดีของคุณลุง ทำให้โลกนี้ สดใสขึ้นเป็นกองค่ะ” คลิปนี้มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 2.2 ล้านครั้ง ต่างก็ชื่นชมคุณลุงจำนวนมาก

ศาลพิพากษาให้ 'กรมที่ดิน' ชดใช้ 'ธนาธร' 4.9 ล้านบาท ปมสั่งเพิกถอน 'น.ส.3ก.' ราชบุรี เนื้อที่ 81 ไร่เศษ

‘ศาลปกครองกลาง’ พิพากษาให้ ‘กรมที่ดิน’ ชดใช้ค่าเสียหาย ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ 4.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ปมออกคำสั่งเพิกถอน ‘น.ส.3 ก.’ จ.ราชบุรี เนื้อที่ 81 ไร่เศษ ชี้แม้ที่ดินทั้ง 2 แปลง จะออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็น ‘บุคคลภายนอก’ ที่ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต-เสียค่าตอบแทน

(27 ก.ย. 66) ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2218/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 1839/2566 ซึ่งเป็นคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ผู้ฟ้องคดี) ฟ้องกระทรวงมหาดไทย (มท.) กับพวกรวม (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำละเมิดอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง กรณีอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ในพื้นที่ จ.ราชบุรี ของนายธนาธร

โดยศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 4,912,311.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดใน พ.ร.ฎ.ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ของต้นเงินจำนวน 4,785,782.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลแต่บางส่วนตามส่วนของการชนะคดีแก่ผู้ฟ้องคดี ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 3 และที่ 2 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

เนื่องจากศาลฯเห็นว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่าง ๆ ตามหลักวิชาการที่ดินประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดิน มาตราส่วน 1 : 30,000 ระวาง 4836 II 5006 แล้วเห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี อยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2521 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85

และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี”ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ.2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3. ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497

จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย รองอธิบดี ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมาย จึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ได้

ดังนั้น คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี อาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 ออกให้แก่นาย อ. และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 ออกให้แก่นาย ช. เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2521 ตามโครงการเดินสำรวจโดยมิได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

ต่อมา นาย อ. และนาย ช. ได้จดทะเบียนขายให้แก่ บริษัท ร. เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2528 หลังจากนั้น บริษัท ร. ได้จดทะเบียนขายรวมสองแปลงให้แก่นาย ส. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 และนาย ส. ได้จดทะเบียนขายรวมสองแปลงให้แก่ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2543

ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้รับความเสียหาย เมื่อนายอำเภอจอมบึงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กระทรวงมหาดไทย) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ความรู้ความชำนาญและความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบสภาพและที่ตั้งของที่ดินว่าเป็นที่ดินที่ต้องห้ามออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามกฎหมายหรือไม่

ซึ่งตามวิสัยและพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เมื่อนายอำเภอจอมบึง ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องไม่รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึง

แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) จึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึงในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

ส่วนในการพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับ ณ วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 และไม่ปรากฏว่ามีราคาซื้อขายที่ดินกันตามปกติในท้องตลาดในวันดังกล่าว

จึงเห็นควรกำหนดค่าเสียหายโดยเทียบเคียงจากบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม รอบบัญชี ปี พ.ศ.2559–พ.ศ.2562 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาจอมบึง ประกาศกำหนด เนื่องจากอัตราดังกล่าวเป็นการกำหนดราคาที่ดินที่มีความเป็นกลางและใช้บังคับอยู่จนถึงวันที่มีการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)

เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 มีเนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 160 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 2,800,000 บาท และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 มีเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 190 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 2,900,730 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 5,700,730 บาท

อย่างไรก็ดี ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 4,785,782.98 บาท ศาลจึงไม่อาจพิพากษาเกินคำขอของผู้ฟ้องคดีได้ และผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ทำละเมิด คือ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 จนถึงวันที่ฟ้องคดี (10 ตุลาคม 2565) คิดเป็นดอกเบี้ยก่อนฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 126,528.23 บาท ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,912,311.21 บาท

ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีเป็นรายเดือน เดือนละ 13,666.67 บาท นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และค่าเสียหายจากการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน โดยค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 จนถึงวันฟ้องคิดเป็นเงินจำนวน 86,555.57 บาท นั้น เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เคยเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน และไม่เคยมีรายได้จากที่ดินแปลงพิพาท อีกทั้งผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างลอยๆ ปราศจากพยานหลักฐานการให้เช่าที่ดิน กรณีจึงถือไม่ได้ว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายตามที่กล่าวอ้าง ศาลจึงไม่กำหนดค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี

สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3. ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน และเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา ตามลำดับ ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ใช้อำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3. ก.) ทั้งสองแปลงของผู้ฟ้องคดี

เนื่องจากตำแหน่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามมิให้ดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497

ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวจึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า คำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2565 กรมที่ดิน โดยคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในพื้นที่ ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111-1-69 ไร่ ที่ได้ออกเมื่อปี 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศมิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน

เนื่องจากที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ซึ่งต่อมาได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อปี 2527 จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวร และเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3 ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) ข้อ 3 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า น.ส.3 ก.ดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรเพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ

‘รัสเซีย’ เล็งแบนนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่น ปมปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีสู่ทะเล

สำนักงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซีย (Rosselkhoznadzor) ระบุในวันอังคาร (26 ก.ย.) ว่า รัสเซียกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการตามจีนในการสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเล หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในวันพฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. และวางแผนที่จะหารือเรื่องดังกล่าวกับญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากจีน หลังปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงสู่ทะเลในเดือนที่ผ่านมา โดยจีนได้ตอบโต้การดำเนินการดังกล่าวด้วยการสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลทั้งหมดจากญี่ปุ่น

สำนักงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซียระบุว่า รัสเซียได้หารือเรื่องการส่งออกอาหารญี่ปุ่นกับจีน โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์อาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของจีน และกำลังพยายามเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

“เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงเรื่องการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในอาหารแล้ว สำนักงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซียจึงพิจารณาที่จะจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากปลาของญี่ปุ่นเช่นเดียวกับจีน” สำนักงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซียระบุในแถลงการณ์ พร้อมกล่าวเสริมว่า “รัสเซียจะสรุปการตัดสินใจหลังเจรจากับทางญี่ปุ่นแล้ว”

สำนักงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซียระบุว่า ได้ส่งจดหมายถึงญี่ปุ่นแล้ว เพื่อขอนัดหมายการประชุม พร้อมขอให้ญี่ปุ่นส่งข้อมูลการทดสอบรังสีในผลิตภัณฑ์ปลาส่งออกของญี่ปุ่นภายในวันที่ 16 ต.ค ซึ่งรวมถึงสารทริเทียม

สำนักงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอาหารของรัสเซียระบุว่า รัสเซียนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น 118 ตันในปีนี้

ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นระบุว่า น้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีนั้นปลอดภัยดี เนื่องจากได้รับการบำบัดเพื่อขจัดสารรังสีออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงแค่สารทริเทียมเท่านั้น เนื่องจากเป็นสารที่ยากที่จะแยกออกจากน้ำได้ และการปล่อยน้ำปนเปื้อนดังกล่าวสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ญี่ปุ่นระบุว่า ข้อครหาจากรัสเซียและจีนนั้นไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

‘WeTV’ เปิดแผนธุรกิจปี 67 ‘ลุยปั้นคอนเทนต์-เพิ่มฟีเจอร์ใหม่’ พร้อมดึง ‘จ้าวลู่ซือ’ เมกะสตาร์จีนขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์

(27 ก.ย.66) นางสาวกนกพร ปรัชญาเศรษฐ ผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานของเทนเซ็นต์ วิดีโอมีการเติบโตสอดคล้องกับ WeTV ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลมาจากการแข่งขันอย่างดุเดือดของตลาดวิดีโอสตรีมมิง หรือ Over-the-top (OTT) จากผู้เล่นมากมายในตลาด อีกทั้งคอนเทนต์จีนและศิลปินจีนกำลังได้รับความนิยมจากกลุ่ม Gen X, Y และ Z ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ WeTV มีจำนวนผู้ใช้งาน MAU (Monthly-active user) เพิ่มขึ้นกว่า 20% และมีการเติบโตของรายได้จากการให้บริการสมาชิกแบบ Subscription เพิ่มขึ้น 40%

“รายได้จากการสมัครสมาชิกแบบ Subscription ของ WeTV ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 62% มียอดการดาวน์โหลด 45 ล้านครั้ง จำนวนผู้ใช้งาน MAU 13.5 ล้านคน ทำให้เราเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานแบบรับชมโฆษณา (Advertising Video On Demand หรือ AVOD) และผู้นำอันดับสองในส่วนผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิก (Subscription Video On Demand หรือ SVOD) รวมถึงคนไทยยังนิยมรับชมคอนเทนต์ของ WeTV ผ่านอุปกรณ์ Home Entertainment มากขึ้น โดยมีสัดส่วนเติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน”

โดยรายละเอียดแผนธุรกิจของ WeTV ประเทศไทย ในปี 2567 จะเน้นไปที่การเชื่อมโยงอีโคซิสเต็ม แบ่งเป็น 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

>> 1.กลยุทธ์ด้านออริจินัลคอนเทนต์

WeTV ORIGINAL จะเจาะไปที่คอนเทนต์กลุ่มซีรีส์วาย และรายการไอดอลเซอร์ไววัล CHUANG ASIA ที่เป็นเรือธงในการทำตลาด รวมถึงการนำเสนอออริจินัล คอนเทนต์ที่มีความหลากหลายจากเทนเซ็นต์ วิดีโอ

โดยในปี 2566 WeTV จะส่งท้ายปีด้วยการส่งซีรีส์ ‘เด็กฝึกหน้าใส เติมหัวใจนายหญิง’ (Intern in My Heart) ผลิตโดย บราโว่ สตูดิโอส์ ในเครือ จีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไปออกอากาศพร้อมกันกับประเทศจีน และในปีหน้า WeTV เตรียมผลิตซีรีส์วายที่เป็น WeTV ORIGINAL 6-8 เรื่อง ร่วมกับผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Kongthup Production, Dee Hup House และ Mandeework ฯลฯ

อีกทั้ง WeTV ยังแต่งตั้ง ‘จ้าวลู่ซือ’ นักแสดงดาวรุ่งจากจีนที่มีผลงานมากมาย และมีฐานแฟนคลับทั่วโลกเป็น ‘Global Ambassador’ มาช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ WeTV ไปยังผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น

“ไฮไลต์สำคัญของ WeTV ในปี 2024 คือการเปิดตัวเมกะโปรเจกต์อย่าง CHUANG ASIA รายการไอดอลเซอร์ไววัลจากเทนเซ็นต์ วิดีโอ เพื่อเฟ้นหาไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มแรกที่จะแจ้งเกิดจากประเทศไทย โดยมี ‘แจ็คสัน หวัง’ เข้ามารับบทบาท ‘Lead Mentor’ และได้ค่าย RYCE Entertainment มารับหน้าที่ดูแลการเดบิวต์เกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มแรกจากรายการ ซึ่ง CHUANG ASIA ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ Have Fun Media, RYCE Entertainment, one31, GMMTV, และ 411 Entertainment ที่เข้าร่วมเสริมความแข็งแกร่งในด้านการผลิตรายการ และการพัฒนาศักยภาพศิลปินที่ได้เดบิวต์ภายใต้มาตรฐานระดับโลก โดยรายการ CHAUNG ASIA จะเริ่มออกอากาศในช่วงเดือน ก.พ. 2567 รับชมพร้อมกันทั่วโลกได้ทาง WeTV และออกอากาศทางโทรทัศน์ผ่านช่อง one31 รวมทั้งยังเตรียมออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย” นางสาวกนกพรทกล่าว

>> 2.กลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งาน

เชื่อมบริการจากโลกออนไลน์สู่โลกออฟไลน์ และสร้างคอมมูนิตี้ให้แข็งแกร่ง เช่น การเปิดตัวฟีเจอร์ ‘Bubble’ ที่ให้แฟน ๆ สามารถแชตพูดคุยกับศิลปินและดาราที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในปีหน้า และเชื่อมโยงประสบการณ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ รวมถึงมีฟีเจอร์สำหรับนักโฆษณาอย่าง New VDO Splash Screen ที่จะช่วยเพิ่ม CTR ได้ถึง 100% เป็นต้น

นางสาวกนกพร กล่าวทิ้งท้ายว่า จากแผนกลยุทธ์ทั้งการผลิตออริจินัล คอนเทนต์กับพันธมิตรผู้ผลิตชั้นนำ รวมถึงการเฟ้นหาศิลปินและนักแสดงมาร่วมงานในโปรเจกต์ของ WeTV โดยจะร่วมมือกับ ‘เฮดไลเนอร์ ไทยแลนด์’ (HEADLINER THAILAND) ธุรกิจบริหารจัดการและพัฒนานักแสดง-ศิลปินแบบครบวงจรที่เปิดโอกาสให้เป็นศิลปินทำงานในวงการบันเทิงไทย

28 กันยายน พ.ศ. 2549 สนามบินสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการเป็นทางการครั้งแรก

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนาน 45 ปี

สนามบินสุวรรณภูมิ มีชื่อเดิมว่า สนามบินหนองงูเห่า ตั้งอยู่บน ถ.บางนา-ตราด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ว่าจ้างบริษัท ลิชฟิลด์ มาศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2503 เนื่องจากต้องการให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมืองและตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางการบินในทวีปเอเชีย

สำหรับของสนามบินสุวรรณภูมิ มีความหมายว่า ‘แผ่นดินทอง’ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อให้เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2543 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top