Wednesday, 7 May 2025
TheStatesTimes

‘ตร.ไซเบอร์’ เผย 3 ภัยออนไลน์ที่คนร้ายนิยมใช้หลอกเหยื่อ เตือน!! ข้าราชการวัยเกษียณ-ปชช. ระวังกลลวงมิจฉาชีพ

(24 ก.ย. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. เปิดเผยว่า ตามที่ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีข้าราชการต่างๆ ครบกำหนดอายุการรับราชการ หรือที่เรียกว่า ‘เกษียณอายุราชการ’ นั้น ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีมิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกลวงประชาชน หรือนำมาแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบสถิติผ่านระบบศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ที่ผ่านมานั้น พบ 3 เรื่องที่มิจฉาชีพนำมากล่าวอ้าง หรือแอบอ้างในการหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน ดังนี้

1.) หลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยมิจฉาชีพจะสร้างช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ แอบอ้างบุคคล หรือบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการลงทน หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ทองคำ เหรียญดิจิทัล พลังงาน เป็นต้น โดยมีการใช้คำโฆษณาสวยหรู อ้างว่าเป็นการลงทุนของผู้สูงวัยใกล้เกษียณอายุ เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินหลักพันบาท แต่ได้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว

2.) หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์มือถือ โดยมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปยังผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ หรือกำลังจะเกษียณอายุราชการ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง แจ้งว่าจะขอทำการตรวจสอบข้อมูลการรับบำนาญให้ทำการลงทะเบียนยืนยันตัวตน หรือแจ้งว่าจะได้รับเงินประกันบำนาญ ให้ทำการอัพเดตข้อมูล จากนั้น หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมบัญชีกลางปลอม ‘Digital Pension’ ผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือลิงก์ที่ส่งให้ จากนั้น ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินสแกนใบหน้า และให้สิทธิการเข้าถึง และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ กระทั่งมิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย

3.) หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) โดยมิจฉาชีพจะสร้างโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์เป็นชาวต่างชาติ เป็นข้าราชการทหาร หน้าตาดี หลอกลวงผู้เสียหายให้หลงรัก มีความเชื่อใจ อยากมาใช้ชีวิตเกษียณอายุกับผู้เสียหายในประเทศ ต่อมาอ้างว่าจะส่งสิ่งของมาให้ แต่ภายในกล่องเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หลอกผู้เสียหายให้โอนเงินจ่ายค่าขนส่ง ค่ารับรองต่อต้านการฟอกเงิน ค่าภาษี ไปให้กับมิจฉาชีพ

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 – 17 ก.ย.66 การหลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 4 จำนวน 26,827 เรื่อง หรือคิดเป็น 8.18% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 14,313 ล้านบาท การหลอกลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบฯ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 9 มีจำนวน 8,158 เรื่อง หรือคิดเป็น 2.49% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 862 ล้านบาท และการหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 12 มีจำนวน 2,621 เรื่อง หรือคิดเป็น 0.80% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 881 ล้านบาท

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ส่งข้อความสั้น หรือโทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โฆษก บช.สอท.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมายังคงพบว่า มีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มิจฉาชีพมักจะเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เปลี่ยนชื่อหน่วยงานไปตามวันเวลา หรือสถานการณ์ในแต่ละช่วง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ แอบอ้างโครงการของรัฐฯ การหลอกลวงให้อัปเดตข้อมูลเพื่อยืนยันตัวบุคคล หรือหลอกลวงสร้างสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ อาศัยความความโลภ ความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ​ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกันการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวดัง ต่อไปนี้

1.) ระมัดระวังการชักชวนจากคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า หรือเป็นคนต่างชาติหน้าตาดี ที่เข้ามาตีสนิทแล้วชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชันต่างประเทศ อ้างว่าลงทุนแล้วได้ผลกำไรสูง การันตีผลกำไรแน่นอน

2.) มิจฉาชีพมักอ้างว่ารู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยบุคคลที่มักนำรูปและชื่อมาแอบอ้างนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงหรือมีความรู้ด้านการลงทุน พร้อมสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกลวงเหยื่อ

3.) หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่าย โดยเฉพาะเรื่องเงิน” และ “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ”

4.) ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ที่ www.sec.or.th/seccheckfirst

5.) ระวังการกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือที่ส่งมาให้ทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือช่องทางที่ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของหน่วยงานนั้นๆ

6.) ระวังการรับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก โดยมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นจริงหรือไม่ ผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ หรือผ่านเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง

7.) การติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน App Store หรือ Play Store จะมีความปลอดภัยมากกว่า แต่จะต้องตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวเป็นของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ป้องกันมิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชันปลอมนั้นขึ้นมา

8.) ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงบนสื่อสังคมออนไลน์

9.) หมั่นติดตามข่าวสารของทางราชการอยู่เสมอ

ชลบุรี-นักวิ่งไทย-เทศ ร่วมแข่ง LOMA RUN ON THE BEACH 2023 คึกคัก 

เวลา 04.45 น. วันที่ 24 ก.ย.66 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมและมอบรางวัลในการแข่งขันเดิน-วิ่ง การกุศล "LOMA RUN ON THE BEACH 2023" โดยมี พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ สารวัตรจราจร สภ.เมืองพัทยา นางสาวไพรชิตร เจตะภัย เจ้าของลิขสิทธิ์ LOMA RUN ON THE BEACH ทีมงานมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย ร่วมเป็นเกียรติในการปล่อยตัวนักกีฬา ณ ชายหาดจอมเทียน บริเวณลานดงตาล (ใกล้ สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล)

สำหรับกิจกรรม เดิน-วิ่ง การกุศล "LOMA RUN ON THE BEACH 2023" จัดโดยความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยา และมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ณ ชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบของเมืองกีฬา (Sport City) ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยาและนักท่องเที่ยว มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ รวมทั้งสนับสนุนงานการกุศลเพื่อเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนงานช่วยเหลือเด็กของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย และสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของ โรงพยาบาลเมืองพัทยา

โดยแบ่งการแข่งขัน ออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะ 21 กิโลเมตร (Haft Marathon), ระยะ 10 กิโลเมตร (Mini Marathon) และระยะ 5 กิโลเมตร (Fun Run) ซึ่งในปีนี้พบว่า มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติ จำนวนกว่า 1,800 คน เข้าร่วมการแข่งขันในประเภทต่างๆ อย่างคึกคัก นอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่สร้างสีสันและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับเมืองพัทยา ได้อีกทางหนึ่งด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

เชียงราย "จับอีกแล้ว" ทหารทัพเจ้าตาก ปะทะกลุ่มขบวนการยึดไอซ์ 225 กิโลกรัม ชายแดนแม่สาย"

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงปลายปีงบประมาณ 2566 แต่หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2566 เวลา 09.45 นาฬิกา พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี  ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้ลงพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ จากกรณีที่เมื่อเวลา 00.30 นาฬิกา ที่ผ่านมา กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้จัดกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนบริเวณพื้นที่ บ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 7 คน แบกเป้สัมภาระเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธไม่ทราบชนิด ยิงใส่ฝ่ายเรา จึงได้เกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย จึงได้ประสานเพื่อขอกำลังเพิ่มเติม จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเมื่อเวลา 06.00 นาฬิกา จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบสามารถยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 9 เป้ๆ ละ 25 กิโลกรัม น้ำหนักรวมประมาณ 225 กิโลกรัม  

ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่ากลุ่มขบวนการได้ลักลอบลำเลียงข้ามแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่แบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากตรวจสอบของกลางเสร็จแล้ว หน่วยได้นำของกลางทั้งหมดส่งให้สถานีตำรวจภูธรเกาะช้าง เพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

‘สุริยะ’ เดินหน้าลุยโครงการพัฒนาคมนาคม ‘อุดรธานี-สกลนคร’ สั่งซ่อมบำรุงเส้นทางสัญจร เพิ่มความสะดวก-ปลอดภัยแก่ ปชช.

(24 ก.ย. 66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญ ของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและสกลนคร และลงพื้นที่ก่อสร้างโครงข่าย ทางหลวง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วย นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม, นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร, นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง, นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท, นายปริญญา แสงสุวรรณ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมลงพื้นที่ โดยมี นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนร่วมให้การต้อนรับ เมื่อวันที่  23 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมแขวงทางหลวงอุดรธานีที่ 1 จังหวัดอุดรธานี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและสกลนคร ให้ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่และสามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อความอุดมสุขของประชาชน จึงได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและสกลนคร ดังนี้

การพัฒนาทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี
1.) โครงการทางหลวงที่ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ได้แก่ ทล.216 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี (ด้านตะวันออก) ทล.2 ตอน บ้านห้วยหินลาด - อำเภอโนนสะอาด และ ทล.2023 ตอน อำเภอกุมภวาปี - บ้านโนนสวรรค์ ระยะทางรวม 57 กิโลเมตร

2.) โครงการทางหลวงที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ ทล.2 ตอน อุดรธานี - อำเภอสระใคร (เป็นตอนๆ) ดำเนินการบูรณะพร้อมขยายถนนเป็น 6 ช่องจราจร คืบหน้า ณ เดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 90.20% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567

3.) โครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมของบประมาณปี 2567 ได้แก่ ทล.2263 ตอน อุดรธานี - บ้านเพีย (กุดจับ) งานซ่อมสะพานข้ามลำน้ำปาว ทล.2023 ตอน น้ำฆ้อง - ศรีธาตุ ทล.2350 ตอน หนองหาน - กุมภวาปี ทล.2096 หนองเม็ก - คำตากล้า และ ทล.2022 ตอน นิคม - บ้านดุง

นอกจากนี้ มีแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคตในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีอีก  5 โครงการ ระยะทางรวม 229.69 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้างรวม 27,596 ล้านบาท

การพัฒนาทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดสกลนคร
1.) โครงการทางหลวงที่ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ได้แก่ ทล.2 สกลนคร - นครพนม ตอน 1 และ 2 และ ทล.2 อำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ตอน 1 และ 2 ระยะทางรวม 83 กิโลเมตร

2.) โครงการทางหลวงที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ ทล.223 สกลนคร - อำเภอธาตุพนม ตอน สกลนคร - อำเภอนาแก ขยายเป็น 4 ช่องจราจร ความคืบหน้า ณ เดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 95.62% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2566

3.) โครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมของบประมาณปี 2567 ได้แก่ ทล.222 ตอน พังโคน - หนองแวงทล.2218 ตอน คำเพิ่ม - ห้วยบาง และ ทล.227 ตอน บ้านผาสุก - พังโคน

นอกจากนี้ มีแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคตในพื้นที่จังหวัดสกลนครอีก 10 โครงการ ระยะทางรวม 207 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้าง 10,140 ล้านบาท

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วย ถนนสาย ทล.2263 สายอุดร - กุดจับ ตรวจสอบความชำรุดของสะพานลำน้ำปาว เชื่อมต่อระหว่างอำเภอกุมภวาปีและอำเภอศรีธาตุ โครงการขยายช่องทางจรจรบน ทล.2023 สายน้ำฆ้อง - วังสามหมอ ตั้งแต่เมืองเก่า (บ้านพันดอน) ถึงเมืองใหม่ อำเภอกุมภวาปี ตรวจสอบและศึกษาการออกแบบโครงการขยายช่องจราจรถนน ทล.2350 ตอน หนองหาน - กุมภวาปี และ ทล.2022 สายสุมเส้า - บ้านดุง

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้พบปะพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีที่มารอต้อนรับ พร้อมรับฟังความคิดเห็น และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำมาพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงฯ ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับรูปแบบวิถีชีวิต ครอบคลุมทุกมิติ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการ ดังนี้

1.) ให้ ทล. ทช. และหน่วยงานอื่น ๆ รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้แทนประชาชนให้มากขึ้น เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่

2.) ให้พัฒนาเส้นทางคมนาคมรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลก 2569 ณ จังหวัดอุดรธานี

3.) จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชน พบว่า มีบางเส้นทางผิวทางชำรุด คับแคบ ไม่สะดวกในการเดินทาง ซึ่ง ทล. ได้ดำเนินการซ่อมบำรุงเพื่อบรรเทาปัญหาในเบื้องต้น ตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปี 2566 แล้ว ดังนั้น เพื่อให้โครงข่ายคมนาคมขนส่งมีประสิทธิภาพ มีความสะดวก ปลอดภัย และแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ตนจะเร่งรัดการจัดสรรงบประมาณให้ ทล. ทช. นำมาพัฒนาเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียงต่อไป

‘สาวแมนเชสเตอร์’ ดวงดี!! ซื้อภาพวาดจิตรกรดัง ‘เอ็น.ซี.ไวเอธ’ ราคาเพียง 4 ดอลลาร์ จากร้านมือสอง แต่ขายได้เกือบ 7 ล้าน

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 เว็บข่าวต่างประเทศรายงาน ภาพวาดที่ถูกซื้อจากร้านขายของมือสองในเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา ในราคา 4 ดอลลาร์ ราว 144 บาท ปรากฎว่าเป็นภาพวาดของ เอ็น.ซี.ไวเอธ จิตรกรเอกชาวรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกาที่ทำราคาประมูลได้สูงถึง 191,000 ดอลลาร์ ราว 6,856,900 บาท

ข่าวระบุภาพวาดดังกล่าวมีชื่อว่า ‘ราโมนา (Ramona)’ เป็นผลงานภาพวาด 1 ใน 4 ภาพที่ไวเอธ วาดสำหรับหนังสือนิยายเรื่องราโมนา ของ เฮเลน ฮันต์ แจ็กสัน ฉบับปี 1939 ขณะที่ฉบับแรกตีพิมพ์ปี 1884 โดยภาพวาดดังกล่าวเป็นภาพของเด็กสาวกำพร้ำกำลังทะเลาะกับแม่บุญธรรมของเธอ

สำนักประมูลบอนแฮมส์ สกินเนอร์ อ้างผู้เชี่ยวชาญผลงานของไวเอธ ให้ความเห็นว่าภาพวาดดังกล่าวคาดว่าเป็นภาพวาดของไวเอธที่หายไปนานมาก แต่ต่อมาตกอยู่ในมือของหญิงชาวเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิว แฮมป์เชียร์ ที่ซื้อภาพวาดนี้มาจากร้านเซฟเวอร์ (Savers) ร้านขายของมือสองแถวบ้านในราคา 4 ดอลลาร์ (ประมาณ 143 บาท) และแขวนภาพวาดนี้บนฝาผนังที่บ้านสักพัก ก่อนจะนำไปเก็บไว้ตู้เสื้อผ้า

ข่าวระบุภาพวาดดังกล่าวมีชื่อว่า ‘ราโมนา (Ramona)’ เป็นผลงานภาพวาด 1 ใน 4 ภาพที่ไวเอธ วาดสำหรับหนังสือนิยายเรื่องราโมนา ของ เฮเลน ฮันต์ แจ็กสัน ฉบับปี 1939 ขณะที่ฉบับแรกตีพิมพ์ปี 1884 โดยภาพวาดดังกล่าวเป็นภาพของเด็กสาวกำพร้ำกำลังทะเลาะกับแม่บุญธรรมของเธอ

สำนักประมูลบอนแฮมส์ สกินเนอร์ อ้างผู้เชี่ยวชาญผลงานของไวเอธ ให้ความเห็นว่าภาพวาดดังกล่าวคาดว่าเป็นภาพวาดของไวเอธที่หายไปนานมาก แต่ต่อมาตกอยู่ในมือของหญิงชาวเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิว แฮมป์เชียร์ ที่ซื้อภาพวาดนี้มาจากร้านเซฟเวอร์ (Savers) ร้านขายของมือสองแถวบ้านในราคา 4 ดอลลาร์ (ประมาณ 143 บาท) และแขวนภาพวาดนี้บนฝาผนังที่บ้านสักพัก ก่อนจะนำไปเก็บไว้ตู้เสื้อผ้า

‘ดร.หิมาลัย-สส.สัญญา’ รับมอบข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนนครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย-ขาดแคลนอาหาร ตามโครงการ ‘ใจถึงใจ’

(24 ก.ย. 66) ‘มูลนิธิพระราหู’ โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหูพร้อมด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ เขต 3 รวมทั้ง พ.อ.วาทิน เปริญกุล ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และ คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมคณะ ‘ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน’ ได้ร่วมรับมอบข้าวสาร จำนวน 10 ตัน ที่สนับสนุนจัดซื้อจากวิสาหกิจชุมชน ตำบลหนองกระเจา อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการ ‘ใจถึงใจ’

โดยมี นายณัฐวุฒิ อรุโนธา ปลัดอาวุโส อำเภอชุมแสง พร้อมด้วย นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา นางสรัญชณา กันสุข กำนันตำบหนองกระเจา นายทศพร เชาว์วิเศษ เกษตรตำบลหนองกระเจา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ แพทย์ฯ สารวัตร ตำบลหนองกระเจา และสมาชิกกลุ่มสิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรม IT อินทรีย์บ้านเนินตะโก ม.11 ตำบลหนองกระเจา อ.ชุมแสง ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารครั้งนี้

จากนั้น ดร.หิมาลัย และนายสัญญา นิลสุพรรณ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อรับมอบข้าวสารจากการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จำนวนอีก 10 ตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการใจถึงใจ

โดยมี นายสำรวย พระโพธิ์ นายก อบต.เกยไชย นางกัลย์ชพร รอดบำรุง สจ. นครสวรรค์ นายชัยยันต์ กองอรรถ ปลัด อบต.เกยไชย คุณสำอางค์ เปี่ยมส้ม ผู้ใหญ่ ม.7 เกยไชย นายมานพ เกตุศรีเนียม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นายนพดล มั่นศักดิ์ ผู้จัดการมูลนิธิการจัดการความรู้และเครือข่ายโรงเรียนชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารดังกล่าว

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนครั้งนี้ โดย มูลนิธิพระราหู ร่วมกับ ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน โดย สส.สัญญา นิลสุพรรณ ได้ร่วมลงพื้นที่มารับมอบในการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ซึ่งเป็นดำริของท่าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ ได้มีแนวคิดจากการจัดกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ในการซื้อข้าวสารต่างๆ ไปแจกให้กับประชาชน และชาวบ้านที่มีความขาดแคลนและต้องการ แทนที่เราจะไปซื้อจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่างๆ ซึ่งเขาสามารถดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว เราจึงมีแนวคิดหันมารับซื้อจากวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรชาวนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายข้าวสาร รวมทั้งเพื่อใช้ในการแจกจ่ายถุงยังชีพ ช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยต่างๆ ตามโครงการใจถึงใจ

ดร.หิมาลัย กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ได้รับความรู้มากมาย พร้อมรับรู้ปัญหาต่างๆจากการที่ชาวบ้านได้มาร้องเรียน เนื่องจากพื้นที่ตำบลนี้ขาดแคลนน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องต่อสู้กับ ดิน ฟ้า อากาศ ผมขอยกย่องกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกรชาวนาทุกท่าน ที่ยังช่วยรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ พร้อมกับดำเนินตามรอยพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านให้ไว้กับพวกเราทุกคน ให้รักษาแผ่นดินนี้ไว้เป็น อู่ข้าว อู่น้ำ ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา หลายประเทศที่ร่ำรวยเศรษฐกิจใหญ่โตมหาศาล ยังเอาตัวรอดไม่ได้ แต่ประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็น อู่ข้าว อู่น้ำ เรารักษาแผ่นดินนี้ไว้เพื่อทำเกษตรกรรม เราสามารถเอาตัวรอดได้

“ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่เกษตรกรชาวนาและผู้นำชุมชน ที่มีความกล้าหาญ ถึงแม้จะเจออุปสรรค ปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ขาดแคลนน้ำ ฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล แต่ก็ยังช่วยกันรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ให้ลูกหลานได้ ผมมีความรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งครับ” ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู  กล่าว

‘มูลนิธิเอเชีย-ศธ.’ เปิดตัวเว็บไซต์ ‘Thailand Leadership’ ส่งเสริมการพัฒนาความเป็นผู้นำ ผอ.โรงเรียนทั่วประเทศ

(24 ก.ย. 66) มูลนิธิเอเชีย ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพมหานคร, สถานทูตออสเตรเลีย และเหล่าพันธมิตร จัดงานเปิดตัว www.Thailandleadership.org เว็บไซต์พัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของ ผอ.โรง เรียนทั่วประเทศ นำเสนอทักษะผู้นำทางวิชาการที่ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาประสบความสำเร็จ ผ่าน 3 เมนูหลักคือลงมือปฎิบัติ, พัฒนาวิชาการ และสร้างสรรค์งานวิจัย ในรูปแบบของข่าวสาร งานวิจัย บทความ คลิปวิดิโอ พอดแคสต์ สารคดี ฯลฯ จัดทำโดยนักวิชาการที่มีชื่อเสียง ตั้งเป้าเป็นคลังความรู้ออนไลน์ด้านการศึกษา ขับเคลื่อนพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันนวัตกรรมล้ำสมัย เชื่อม ต่อชุมชน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่าย นำประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ที่เป็นมานานกว่า 20 ปี

นายโทมัส พาร์ค ผู้แทนมูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า “มูลนิธิเอเชียได้จับมือกับสถาน ทูตออสเตรเลียทำงานร่วมกันมานาน 6 ปีแล้ว ซึ่งโจทย์ที่ทั้งสององค์กรให้ความสำคัญก็คือจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ที่มีมานานนับ 20 ปี โดยสรุปต่างมีความเห็นตรง กันว่าจะต้องมีการปฏิรูปการศึกษา โดยมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหา 2 ประการคือ 1)การเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบการศึกษาไทย ซึ่งเป็นเรื่องโครงสร้างทั้งระบบและเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก และ 2)ลดความไม่เท่าเทียมกันในระบบการศึกษา ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก ทั้งในโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึงโรงเรียนในพื้นที่ชนบทและในเมือง”

ด้าน ดร.รัตนา แซ่เล้า เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและวิจัย มูลนิธิเอเชีย ได้กล่าวถึงที่มาของการจัดทำเว็บไซต์ว่า…

“ในปี พ.ศ.2561-2564 ทางมูลนิธิฯ ได้มีการจัดทำ โครงการวิจัยเรื่องจากความท้าทายสู่คุณภาพการศึกษาของประเทศไทย : กฎระเบียบ การบริหารทรัพยากร และความเป็นผู้นำ ที่ได้มุ่งเน้นศึกษาโครงสร้างและบทบาทของ ‘ตัวกลาง’ ระหว่าง ‘ผู้กำหนดนโยบายการศึกษาของชาติ’ และ ‘ผลผลิตทางการศึกษา’ นั่นคือ ‘ผู้อำนวยการสถานศึกษา’ ในฐานะ ‘กล่องดำทางการศึกษา’ หรือ ‘แกนหลักผู้สื่อสารถ่ายทอดนโยบาย’ จากภาครัฐออกสู่โรงเรียนทั่วประเทศ

บทสรุปที่ได้คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จะต้องมีบทบาท เป็นผู้นำทางวิชาการ ซึ่งยากง่ายแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละท้องถิ่น และนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด ทำให้เกิดข้อเสนอแนะหลากหลายแนวทาง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการแก้ไขให้เหมาะสม กับการบริหารจัดการในแต่ละโรงเรียน

ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ทางมูลนิธิฯ จึงได้จัดทำเว็บไซต์ www.Thailandleadership.org ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของ ผอ.โรงเรียน นำเสนอทักษะที่ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษา ประสบความสำเร็จ และเพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจสำหรับบ่มเพาะ ‘ผู้นำทางวิชาการ’ ในประเทศไทย จัดทำเป็นรูปแบบเว็บไซต์ ที่ประกอบด้วย 3 เมนูหลัก คือ

1.) ลงมือปฎิบัติ
2.) พัฒนาวิชาการ
3.) สร้างสรรค์งานวิจัย

ซึ่งได้เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกรอบด้าน ทั้งข่าวสาร งานวิจัย บทความ คลิปวิดิโอ พอดแคสต์ สารคดี ฯลฯ จากนักวิชาการด้านการศึกษาผู้มีชื่อเสียง นำโดย ดร.รัตนา แซ่เล้า และผู้ร่วมให้คำแนะนำในการจัดทำเว็บไซต์ นำเสนอทฤษฎี และนานาสาระด้วยตนเอง เช่น ศ.ดร.ฟิลิป ฮาลิงเจอร์, รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์, ดร.สุกรี นาคแย้ม, ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค, ดร.วงอร พัวพันสวัสดิ์, รศ.ดร.ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง, รศ.ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ, และ รศ.ดร.ธีรภัทร กุโลภาส ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการ, กรุงเทพมหานคร, มูลนิธิอานันทมหิดล และทางช่อง 9 MCOT HD

โดยคาดหวังว่าเว็บไซต์นี้ จะเป็นคลังความรู้ออนไลน์ด้านการศึกษา ที่ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อเชื่อมต่อชุมชนผู้นำทางวิชาการ ให้เกิดการสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิด เห็นและสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เป็นรากฐานเชื่อมต่อพัฒนาสู่ความร่วมมือในระดับสากล”

ภายในงานเปิดตัวเว็บไซต์ฯ ได้มี นางพุทธชาต ทองกร รองผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารงานการพัฒนาศักย ภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEMC) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวง ศึกษาธิการ เดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายให้ความรู้โดยนักวิชาการที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ศ.ดร.ฟิลลิป ฮาริงเจอร์ ในหัวข้อ ‘ผู้นำทางวิชาการกับการพัฒนาการศึกษาไทย’, รศ.ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ ในหัวข้อ ‘ผู้นำกับความสำเร็จของโรงเรียน’ และการจัดทำวอดแคสต์, รศ.ดร.ธีรภัทร กุโลภาส ในหัวข้อ ‘นโยบายปฎิรูปการศึกษา จากกระทรวงสู่ห้องเรียน’, รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ในหัวข้อ ‘แชร์กลยุทธ์ จุดไอเดียผู้บริหาร’ และ ดร.ชลตวรรณ ขุมเพ็ชร, ดร.ธราธร ตันวิพงษ์ตระกูล และคุณชัญฌัญญ์ ธนันท์ปพัฒน์ ในหัวข้อ ‘การทำสารคดีสั้นเรื่องแรงบันดาลใจจากการทำงาน’ เป็นต้น

โดยผู้อำนวยการโรงเรียน, นักวิชาการด้านการศึกษา และประชาชนที่สนใจ จะสามารถเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ที่ www.Thailandleadership.org ได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 062-7341267 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

‘ตร.ไซเบอร์’ บุกค้นบ้าน-คุมตัวหนุ่มแฟนเก่า ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ ยึดอุปกรณ์ไอทีทุกชิ้น พร้อมสอบปากคำ ปมภาพหลุดว่อนเน็ต

(24 ก.ย. 66) จากประเด็นร้อนของนักร้องสาว เบียร์ ภัสรนันท์ หรือ ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ ที่ก่อนหน้านี้เจอเพจหนึ่ง ได้ออกมาเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมของของเบียร์ ด้านแฟนคลับและชาวเน็ตออกโรงปกป้องเธออย่างเต็มที่ เนื่องจากเธอนั้นตกเป็นผู้เสียหาย และเมื่อวันที่ 23 กันยายน เบียร์ได้อกอมาโพสต์ชี้แจงประเด็นนี้อย่างละเอียดยิบในพื้นที่โซเชียลของตนเอง โดย เบียร์ ยอมรับว่าภาพและคลิปที่ออกมาเป็นเธอเอง และ เบียร์ ได้เผยว่าแฟนเก่านอกวงการของเธอนั้นเป็นผู้กระทำ ทั้งนี้ เบียร์ ยังทิ้งท้ายว่าต่อจากนี้จะปล่อยให้ทางต้นสังกัด ผู้จัดการ และเป็นให้เป็นเรื่องกฎหมายต่อไป

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา มีรายงานว่า เบียร์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน หลังจากที่สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จากความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 22 ก.ย. ทางด้านพนักงานสอบสวนได้ทำการออกหมายค้นบ้าน และทำการเข้าคุมตัวแฟนเก่าคนดังกล่าว พร้อมยึดอุปกรณ์ไอทีทุกชนิด เพื่อให้ทาง บก.ตอท.ตรวจสอบ และหาหลักฐาน จากนั้นจึงได้ทำการนำตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี โดยทางอดีตคนรักของ เบียร์ ได้เผยเบื้องต้นว่า “ตนไม่ทราบว่าภาพดังกล่าวนั้นหลุดออกไปได้อย่างไร” ในส่วนรายละเอียดต่างๆ อยู่ในสำนวน และอยู่ในระหว่างการดำเนินการขั้นต่อไป

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ฝากประชาสัมพันธ์ประเด็นดังกล่าวถึงผู้คนทั่วไปว่า เมื่อพบเห็นการกระทำในลักษณะนี้อย่าเข้าไปดู เข้าไปแสดงความคิดเห็น หรือแชร์ออกไป เพราะนั้นอาจจะเข้าข่ายการกระทำความผิด เพราะเมื่อยิ่งส่งต่อ ยิ่งเป็นการตอกย้ำผู้เสียหายและส่งเสริมการกระทำอันไม่เหมาะสม และยังบอกว่าอีกว่า การกระทำลักษณะนี้แม้จะเกิดความยินยอม ไม่มีการบังคับ แต่หากมีการเผยแพร่ออกไป ก็สามารถส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและหน้าตาของบุคคลนั้น และมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

‘ทีมแพทย์สหรัฐฯ’ ปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ สำเร็จรายที่ 2 ของโลก จุดความหวังใหม่ให้มนุษยชาติ แก้ปัญหาการขาดแคลนอวัยวะมนุษย์

(24 ก.ย. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจให้กับ ‘นายลอว์เรนซ์ ฟาเซ็ตต์’ ทหารผ่านศึกของกองทัพเรือสหรัฐฯ วัย 58 ปี โดยใช้หัวใจหมูที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม ทำให้เขากลายเป็นคนไข้คนที่ 2 ของโลกที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์เคยผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจหมูให้กับคนไข้รายหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม คนไข้คนดังกล่าวเสียชีวิตหลังการผ่าตัด 2 เดือนต่อมาเนื่องจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงสุขภาพของคนไข้ที่ไม่ดีก่อนหน้าการผ่าตัด

ทั้งนี้ การปลูกถ่ายหัวใจหมูในมนุษย์ครั้งล่าสุดได้มีขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 ก.ย.) ให้แก่นายฟาเซ็ตต์ ผู้ไม่สามารถเข้ารับการบริจาคหัวใจมนุษย์ได้ เนื่องจากป่วยด้วยโรคหลอดเลือดและมีอาการแทรกซ้อนจากการเลือดออกภายใน หากเขาไม่ได้เข้ารับการปลูกถ่ายหัวใจดังกล่าว นายฟาเซ็ตต์อาจมีอาการหัวใจล้มเหลวในอนาคตอันใกล้

ฟาเซ็ตต์กล่าวก่อนหน้าการผ่าตัดว่า “ความหวังสุดท้ายที่ผมมี คือ การใช้หัวใจหมูในการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสปีชีส์ หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า ‘Xenotransplantation’ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีหวังแล้ว” ภายหลังจากการผ่าตัด มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ระบุว่า นายฟาเซ็ตต์สามารถหายใจได้ด้วยตนเองและหัวใจใหม่ของเขากำลังทำงานได้ดี โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือต่างๆ ช่วยเหลือ รวมถึงสามารถนั่งบนเก้าอี้และหยอกล้อกับคนอื่นๆ ได้แล้ว โดยขณะนี้เขากำลังรับยาต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของเขาทำลาย หรือต่อต้านอวัยวะใหม่การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสปีชีส์นั้น อาจสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนอวัยวะมนุษย์อย่างรุนแรง

โดยขณะนี้มีชาวอเมริกันกว่า 1 แสนคน กำลังรอเข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ อย่างไรก็ดี การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสปีชีส์นั้นมีความท้าทายมาก เพราะระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้จะโจมตีอวัยวะใหม่ที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่าย

‘ภูมิธรรม’ เดินหน้าลดราคาสินค้า-ดึงร้านธงฟ้ารับดิจิทัลวอลเล็ต หนุน ปชช.ได้สินค้าราคาถูก-ลดค่าครองชีพ คาด ต.ค.นี้ ชัดเจน

‘ภูมิธรรม’ ย้ำลดราคาสินค้าได้เห็นแน่ หลังทำการวิเคราะห์ต้นทุนรายตัว เริ่มเห็นสัญญาณดี แม้จะลดไม่ได้ทั้งหมด แต่มีแน่ คาดต้น ต.ค.นี้ ชัดเจน ส่วนการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด จะเดินหน้าต่อไป เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ให้สามารถซื้อสินค้าราคาประหยัด และลดภาระค่าครองชีพ เผยจะดึงร้านธงฟ้า เข้าร่วมใช้จ่ายในโครงการดิจิทัล วอลเล็ตด้วย

(24 ก.ย. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมชมการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ที่วัดบำเพ็ญเหนือ/วัดบางเพ็งใต้ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังติดตามการลดราคาสินค้า หลังจากที่ต้นทุนการขนส่งได้ปรับลดลง จากการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล โดยได้ทำการคำนวณต้นทุนสินค้าแต่ละรายการแล้ว แม้จะลดไม่ได้หมด แต่จะพยายามเอาส่วนต่างๆ มาลดให้ได้ โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชน ตัวไหนลดได้ จะลดทันที ตัวไหนที่ลดไม่ได้ จะพยายามตรึงราคาไว้ และมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน และถ้าหากมีปัจจัยเงื่อนไขอื่นที่สามารถลดราคาได้อีก ก็จะพยายามให้ปรับลดลง โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2566 นี้

ส่วนการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดนี้ เป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ทำคู่ขนานไป จากที่จะดูแลประชาชนในวงกว้าง ก็ทำการเปิดจุดจำหน่ายเจาะลึกไปยังแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีจำนวน 100 จุด โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ นำสินค้าราคาประหยัดถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 50-60% มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก โดยสินค้าที่นำมาลดราคา เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช หมูเนื้อแดง ไก่ นม อาหารต่างๆ ซองปรุงรส อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น และยังมีผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งตอนนี้เป็นมังคุด และลองกอง

สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูแล เพื่อให้มีจุดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ได้ โดยร้านธงฟ้า จะผลักดันให้เข้าในโครงการเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยที่กังวงเรื่องการเก็บภาษี มองว่าอย่าไปกังวล เพราะไม่ใช่เป้าหมายของรัฐบาล เป้าหมายของรัฐบาลคือ จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งผู้ได้ประโยชน์ คือทุกคนทั่วหน้าทุกฝ่าย ทั้งพี่น้องประชาชน ซึ่งถ้าเศรษฐกิจดีก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น การจับจ่ายใช้สอยก็จะดีขึ้น การจ้างงานต่างๆ จะเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง ก็จะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย หวังว่า 6 เดือนที่ใช้เงินจำนวนนี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้มันดีขึ้น ประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและการสร้างงาน

ส่วนกรณีนายทุนใหญ่มาฮุบตลาด ทำให้ผู้ค้ารายย่อยได้รับผลกระทบ จากการขายหมูถูกจากนายทุนใหญ่ และนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า จะมีการพูดคุยกับกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของการกำหนดราคาให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอนนี้เท่าที่ดูราคาหมูก็ได้มาตรฐานตามกลไกตลาดอยู่แล้ว ทางกระทรวงพาณิชย์เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็ก ถ้ากระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นต้นทางที่อยู่กับผู้ผลิตเสนอมาตนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ยินดีร่วมมือและช่วยเหลือ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็ได้มีการพูดคุยกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ถือเป็นต้นทุนอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตนจะพยายามลดราคาปุ๋ย และพยายามจะเพิ่มราคามันสำปะหลังและข้าวโพด ถ้าสิ่งเหล่านี้มีการประสานงานกันสิ่งที่คาดหวังก็อาจจะเกิดขึ้นได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top