Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

'อดีตทูตนริศโรจน์' ซัด!! พวกตกใจป้ายภาษาจีนที่ห้วยขวาง ทีป้าย 'ฝรั่งอั้งม้อ-ญี่ปุ่น' เกลื่อนเต็มเมือง กลับไม่ติดใจ

(8 ก.ย.66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...


คนไทยบางคนตกใจกับป้ายภาษาจีนของห้างร้านย่านห้วยขวาง


อยากถามว่าไม่ตกใจกับป้ายฝรั่งอั้งม้อที่เต็มเมืองหรือ ? 


ไม่ตกใจป้ายญี่ปุ่นแถวสุขุมวิท บาร์ย่านถนนธนิยะ แถวสีลม ? 


ไม่ตกใจป้ายแถว Little India ที่พาหุรัด ? 


ไม่ตกใจป้ายภาษาอาหรับย่านนานา ? 


ประเทศไทยเป็นประเทศทำการค้าเสรี ตราบใดที่เขาทำอย่างถูกต้องจดทะเบียนการค้าตามกฎหมาย เขาก็ทำได้  


ในต่างประเทศที่ LA Sydney ยังมี Thai Town ป้ายภาษาไทยทั้งย่าน 


ผมแปลกใจกับพวกที่ตกใจป้ายภาษาจีนที่ห้วยขวาง แล้วที่ถนนเยาวราชทั้งเส้นล่ะ มีป้ายภาษาจีนเต็มสองฝากถนนมานานโขแล้ว ไม่ตกใจหรือ ?


 

‘ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา’ เกิดเหตุไฟไหม้ลุกลามทั้งตลาด ล่าสุดคุมเพลิงได้แล้ว เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย

(8 ก.ย.66) ศูนย์วิทยุสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้ตลาดน้ำ 4 ภาค ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถดับเพลิงกว่า 20 คันระดมเข้าระงับเพลิงไหม้ ที่เกิดเหตุพบต้นเพลิงอยู่กลางตลาดน้ำ 4 ภาค โดยไฟลุกโชนอย่างต่อเนื่อง พนักงานบางคนกระโดดน้ำหนีไฟไหม้ โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วไม่มีท่าทีว่าจะดับได้ ด้านเจ้าหน้าที่ได้กระจายจุดให้รถดับเพลิงเข้า โดยจุดที่ไฟไหม้อยู่ใจกลางของตลาดน้ำ

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนต้นเพลิงนั้นไม่มีท่าทีว่าจะดับ บวกกับพื้นที่มีลมกระโชก มีฝนโปรยปราย นอกจากนี้ยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

จากการสอบถามในเบื้องต้น พนักงานบอกยังไม่รู้ว่าจุดไหนที่เป็นต้นเพลิง โดยพื้นที่ทั้งหมดส่วนใหญ่แล้วเป็นไม้ หลังคามุงจาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ระดมใช้น้ำฉีดสกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลาม จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ อยู่ระหว่างตรวจสอบความเสียหาย

BYD เปลี่ยนรถคันใหม่ให้ลูกค้าที่ชาร์จรถ EV แล้วเกิดควัน ด้านเจ้าของรถเผย ยังเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าและจะใช้งานต่อไป

จากกรณี รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ BYD รุ่น ATTO3 เกิดควันจากฝากระโปรงหน้าขณะทำการชาร์จไฟฟ้า บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง บีวายดี และ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ BYD ได้ส่งทีมเข้าตรวจสอบ พร้อมออกแถลงการณ์ 2 ฉบับดังข่าวที่นำเสนอไปก่อนหน้า

(8 ก.ย.66) รายงานข่าวจากเพจ จส.100 ระบุว่า ทางเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุ ได้รับการติดต่อจากบีวายดีและเรเว่ ในการมอบรถยนต์ BYD รุ่น ATTO3 คันใหม่ให้เพื่อทดแทนคันเดิมที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น โดยระบุว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดโดยวิศวกร และแจ้งเบื้องต้นว่ารถคันดังกล่าวได้เปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหา ทำการสตาร์ทรถ และชาร์จทั้ง AC และ DC ได้เป็นปกติแล้ว แต่ทาง บริษัทฯ ก็ยังยืนยันจะมอบรถไฟฟ้า BYD Atto3 คันใหม่ให้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตกแต่งติดฟิล์มให้เหมือนคันเดิม ก่อนจะนัดส่งมอบในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.66 นี้

ซึ่งเจ้าของรถคันดังกล่าวได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงแรกหลังเกิดเหตุมีความกังวลอยู่บ้าง แต่หลังจากนี้ มองว่าเป็นอุบัติเหตุและเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าและจะใช้งานต่อไป

‘ต้อม เป็นเอก’ เผย ชีวิตที่ปราศจาก ‘ความฝัน-ตัวตน’ เป็นเรื่องปกติ เปรียบเสมือน ‘เครื่องประดับ’ มีติดตัวไว้ก็เท่ดี แต่ถ้าไม่มี ‘ไม่เป็นไร’

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี BrandThinkme โพสต์คลิปวิดีโอ เป็นเอก รัตนเรือง หรือ ‘ต้อม เป็นเอก’ ผู้กำกับและนักเขียนบทภาพยนตร์ชาวไทย ที่ได้แชร์ข้อคิดดีๆ สำหรับ ‘ความฝัน’ และ ‘ตัวตน’ โดยระบุว่า…

“ผมไม่รู้สำหรับวาทกรรมที่บอกต้องหาตัวตนให้เจอ มีความฝันต้องตามฝัน…ผมไม่ทราบว่าวาทกรรมพวกนี้มาตอนไหน? มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความฝัน เพราะคนที่ ‘ไม่มีความฝัน’ ก็มีอยู่เต็มไปหมด”

“ดังนั้น ความฝันไม่มี ตัวตนไม่มี ไม่เป็นไร…หากตัวคุณแค่อยากทํางานแบงก์ไปวันๆ แล้วก็ซื้ออาหารถุง 20 บาท 2-3 ถุงเพื่อกลับมากินกับแฟนที่บ้าน แต่พอคุณไปอ่านเจอประเด็นนี้เข้า… ก็คงรู้สึกและตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘ความฝัน’ ของเราคืออะไร? แล้วมันกลายเป็นว่าเรามีปมด้อยหรือเปล่า? เพราะไม่มีความฝัน ไม่มีตัวตน”

“ความฝันมันดี…มันเป็น ‘Luxury’ แต่มันไม่ใช่ ‘Necessity’ ความฝันก็เปรียบเสมือนสิ่งของเครื่องประดับ อย่างกระเป๋า Louis Vuitton ถ้ามีมันก็เท่ดี และต่อให้ไม่พูดเรื่องเท่ กระเป๋า Louis Vuitton มันก็คงทนและดี แต่ยังยืนยันว่ามันไม่ใช่สิ่งจําเป็น….”

‘ฮ่องกง’ เจอน้ำท่วมใหญ่ ‘ถนน-สถานีรถไฟใต้ดิน-ห้าง’ ได้รับผลกระทบหนัก สั่งปิดรร.-ให้ปชช.ทำงานที่บ้าน พร้อมประกาศเตือนพายุฝนอยู่ระดับสูงสุด

(8 ก.ย.66) สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพีรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักบนเกาะฮ่องกง ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมสูงเป็นวงกว้างในฮ่องกง ทำให้ถนนหนทาง ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟใต้ดิน จมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ทางการฮ่องกงได้สั่งปิดโรงเรียน และขอให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้าน

ข่าวระบุว่า ฝนที่ตกลงมาถือว่าเป็นฝนที่ตกหนักที่สุดในรอบ 140 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติมาของฮ่องกง ส่งผลให้น้ำหลายสายไหลลงมาตามพื้นที่เนินเขา ขณะที่ทางการออกประกาศเตือนความเสี่ยงที่จะเกิดดินถล่ม

ทั้งนี้ มีคลิปวิดีโอที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นถนนหลายสายที่มีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ขณะที่อีกคลิปหนึ่ง เป็นภาพของเจ้าหน้าที่รถไฟใต้ดินต้องเดินลุยน้ำเข้าไปในสถานี เพื่อพยายามควบคุมไม่ให้น้ำจากถนนทะลักเข้าไปภายในสถานี

โดยมีรายงานว่า อุโมงค์ข้ามท่าเรือของฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักที่เชื่อระหว่างเกาะฮ่องกงกับเกาลูน ก็ถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน รวมไปถึงย่านแหล่งข้อปปิ้งอย่างไฉหว่าน ที่ก็ปรากฏภาพของน้ำท่วมสูงด้วย

ด้านสำนักงานสังเกตการณ์ฮ่องกง รายงานว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน จนถึงเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันที่ 8 กันยายน อยู่ที่ระดับ 158.1 มิลลิเมตร และว่า ฝนที่ตกหนักครั้งนี้ เกิดขึ้นจากร่องความกดอากาศน้ำที่เกี่ยวข้องกับส่วนที่เหลือจากไต้ฝุ่นไห่ขุย

โดยตอนใต้ของจีนเพิ่งจะเจอกับไต้ฝุ่น 2 ลูก คือ เซาลา และไห่ขุย ขณะที่ฮ่องกงเองไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากไต้ฝุ่นทั้งสองลูกดังกล่าว

ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนพายุฝนระดับ ‘สีดำ’ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และว่า จะมีฝนตกลงมากว่า 200 มิลลิเมตรบนเกาะหลักของฮ่องกง เกาลูน และบางส่วนของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของนิวเทอร์ริทอรีส์

นอกจากนี้ ยังมีรายงานปิดจุดผ่านแดนผู้โดยสารและสินค้าบางแห่ง ที่เชื่อมระหว่างฮ่องกับกับเมืองเสิ่นเจิ้นของจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากน้ำที่ท่วมสูง

‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ใส่ชุดครุยถ่ายรูปใต้น้ำ ฉลองเรียนจบแบบเก๋ๆ ด้าน ‘แม่กบ ปภัสรา’ รู้สึกภูมิใจ!! แวะมาเมนต์ชมลูกสาว “เลิศมาก”

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 ขอแสดงความยินดีกับ ‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ลูกสาวคนสวยของคุณแม่กบ ปภัสรา นักแสดงในตำนานที่หลาย ๆ ยังคงคิดถึง ขณะนี้น้องเหนือจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดจึงได้โพสต์ภาพถ่ายรูปฉลองเรียนจบสุดเก๋ ใส่ชุดครุยดำดิ่งลงใต้น้ำ ที่บอกเลยว่าปังมาก

หลังจากที่ ‘น้องเหนือ ดิสรยา เตชะไพบูลย์’ ลูกสาวคนเก่งของคุณแม่ ‘กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์’ จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดเธอก็ได้โพสต์ภาพถ่ายรูปเฉลิมฉลองการจบการศึกษา ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ในแบบที่ใคร ๆ ก็ต้องร้องว้าว เพราะเธอได้สวมชุดครุยลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ พร้อมโพสท่าสุดเก๋ อย่างกับนางแบบในนิตยสาร

ล่าสุด ‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรม ที่ใช้ชื่อว่า nurdesoraya ซึ่งเป็นภาพที่เธอสวมชุดครุย โพสท่าทางอยู่ใต้น้ำ พร้อมระบุข้อความว่า “waiting for you .”

ทางคุณแม่ ‘กบ ปภัสรา’ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมไอเดียแปลกใหม่ของลูกสาว ที่ได้ระบุว่า “เลิศมากลูกแม่” ซึ่งดูแล้วคุณแม่คงจะภูมิใจและก็ปลื้มใจในตัวลูกสาวคนเก่งคนนี้อยู่ไม่น้อย เหล่าแฟนคลับที่เข้ามากดถูกใจโพสต์ดังกล่าวก็ชื่นชมในความน่ารักของแม่ลูกคู่นี้อยู่ไม่น้อย

ต่อมา ‘น้องเหนือ ดิสรยา’ ก็ได้โพสต์คลิปสั้น ๆ เผยให้เห็นเบื้องหลังของการถ่ายทำภาพเซตใต้น้ำดังกล่าว อีกทั้งยังได้ระบุข้อความเพิ่มเติมว่า “a little behind the scene from ytd . thank you @mameawpcd for filming this video and for the inspiration na ka”

ทั้งเพื่อน ๆ ของน้องเหนือ รวมถึงเหล่าแฟนคลับขอคุณแม่ และเหล่าแฟนคลับของน้องเหนือก็ได้เข้ามาแสดงความคิดชื่นชมกันมากมาย อาทิ “น่ารักมากค่ะ”, “เลิศมากๆๆๆๆ” เป็นต้น

‘รังสิมา รอดรัศมี’ โวย!! ค่าอาหาร สส. 1 วัน 5 แสนบาท แนะ!! ให้ ‘บัตร 1 พันบาท’ สำหรับคนเข้าประชุมดีกว่า

(8 ก.ย. 66) กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ได้สัมภาษณ์ ‘รังสิมา รอดรัศมี’ อดีต สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงประเด็นเรื่องงบประมาณข้าวของ สส. ว่า งบประมาณวันหนึ่ง 500,000 บาท เอาไปทิ้งๆ ขว้างๆ บางวันเหลือมากมาย บางวันอาหารยังมาไม่ถึง ประชุมล่ม อาหารเสียหมด เพราะเขาคิดเป็นรายหัว หัวละ 1,000 ต่อวันอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหน มีวุฒิสภาก็จะเป็น 750,000 บาท ตนจึงอยากฝากไปยัง คณะ สส. ชุดใหม่ ว่าใครอยู่กิจการสภา ให้เปลี่ยนแปลงการจ่ายเงิน สส. เช่น ถ้าใครมาให้ไปเซ็นชื่อ แล้วมีบัตรให้ 1,000 บาท เพื่อไปกินร้านอาหารต่างๆ เท่านี้ ถ้าเหลือเงินก็จะคืนเข้าคลังวันละ 4-5 แสนต่อวัน

นอกจากนี้ ยังฝากอีกว่า สส.บางคนให้ลูกน้องมากวาดไปทั้งชั้น ย้ำ เขาเอาไว้ให้ สส. ไม่ได้เอาให้เลี้ยงทั้งโคตร ทั้งตระกูล บาง สส. ไม่เข้าอภิปราย ไม่เคยจะอ้าปากพูดในสภา แต่ว่ารอจ้องอย่างเดียวอยู่แถว ๆ ห้องอาหาร เหลือเชื่อ ไม่มียางอาย ตนก็ไปตักเตือนไปว่าแทบจะตลอดเพราะคุณชวน หลีกภัย มอบหมายให้ไปจับตา แต่ก็เห็นจนชินตา

'สวนดุสิตโพล' เผยผลสำรวจ ‘ประชาชนอยากบอกอะไร ครม.เศรษฐา 1’ พบ!! ขอให้บริหารชาติด้วยความโปร่งใสและอย่าลืมเงินดิจิทัล 10,000

(8 ก.ย. 66) ‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ‘ประชาชนอยากบอกอะไร ครม.เศรษฐา 1’ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,042 คน (สำรวจทางภาคสนามและออนไลน์) ด้วยแบบสอบถามแบบปลายเปิด (ให้ผู้ตอบเขียนคำตอบด้วยตนเอง) สำรวจระหว่างวันที่ 4 - 7 กันยายน 2566 พบว่า

สิ่งที่อยากบอกกับนายกรัฐมนตรี คือ อยากให้บริหารประเทศด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ร้อยละ 45.99 ใช้ความสามารถในการเป็นผู้บริหารธุรกิจมาใช้ในการบริหารประเทศ ร้อยละ 31.02 และทำตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท ร้อยละ 28.10

สิ่งที่ประชาชนอยากบอกรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง อันดับ 1 มีดังนี้

1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำงานรวดเร็ว สื่อสารชัดเจน ร้อยละ 51.43

2.รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ร้อยละ 65.76

3.รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ควบคุมราคาสินค้ าไม่ให้แพงเกินไป ร้อยละ 65.47

4.รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง รับฟังความเห็นทุกฝ่าย ร้อยละ 48.90

5.รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มสิทธิสวัสดิการรักษาให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ร้อยละ 72.50

6.รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ยกระดับประเทศไทยสู่สากล สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับ ร้อยละ 61.11

7.รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ควบคุมราคาพลังงาน แก้ปัญหาราคาแพง ร้อยละ 68.25

8.รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง บริหารงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีวินัยทางการเงิน ร้อยละ 70.77

9.รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระตุ้นการท่องเที่ยวและการกีฬา ร้อยละ 40.96

10.รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ คนยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ร้อยละ 46.13

11.รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พัฒนาการวิจัยเทคโนโลยี นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ร้อยละ 42.26

12.รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ประกันราคา ร้อยละ 64.14

13.รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ขยายเส้นทาง เชื่อมต่อการคมนาคม ร้อยละ 54.79

14.รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แก้ปัญหามิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร้อยละ 42.51

15.รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ร้อยละ 59.45

16.รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ไม่รับสินบน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ร้อยละ 43.61

17.รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ร้อยละ 65.97

18.รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สืบสานวัฒนธรรมไทยให้สืบต่อไป ร้อยละ 53.98

19.รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายทุนเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ร้อยละ 53.09

20.รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมสินค้าอุตสาหกรรมไทย สินค้าการเกษตร ร้อยละ 45.45 

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลการสำรวจจะเห็นได้ว่า หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประชาชนก็อยากให้แต่ละกระทรวงทำงานบนความรับผิดชอบตามเนื้องานของแต่ละกระทรวงให้ดียิ่งขึ้น ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แก้และสะสางปัญหาเก่า พัฒนาสิ่งใหม่ ส่งเสริมจุดเด่นของประเทศไทยนำไปต่อยอด นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้มาตรฐานขั้นพื้นฐานในการทำงานคือต้องมีความซื่อสัตย์ โปร่งใส และทำเพื่อประเทศชาติ จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลใหม่จะสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมเพื่อพิสูจน์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไป

 

'มท.1' ขึงขัง!! สั่ง 'พ่อเมือง' ทำแบล็กลิสต์ 'ผู้มีอิทธิพล' หลังเกิดเหตุ 'กำนันดังนครปฐม' ลั่น!! จะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้

(8 ก.ย.66) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กทม. มีการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนางทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดาไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เป็นประธาน เข้าร่วมพบปะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศที่มาเข้าร่วมการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุมขับเคลื่อนฯว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่บ้านกำนันดัง นั้น ทุกคนก็เห็นและทราบดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้มีระบบเช่นนี้มาทำร้ายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ลูกน้องผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งถือปืนเข้ามาสังหารประชาชนชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งเหล่านี้ภายใต้ความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมืองจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้เราต้องไปดูว่า คนเหล่านี้เข้ามาเป็นกำนัน มาเป็นหัวหน้าผู้นำมวลชนได้อย่างไร และจะปล่อยให้มวลชนเดินตามสไตล์คนเหล่านี้แล้วชุมชนและประเทศจะเป็นอย่างไร

“เรื่องเหล่านี้ภายใต้การบริหารงานของพ่อเมืองจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของเราหรือ เราต้องไปดู ไปขึ้นบัญชี ไปดูประวัติและดูพฤติกรรม ใครที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ จะมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ มีที่เดียวที่คนเหล่านี้จะอยู่ได้ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยแต่ตอนนี้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว เราต้องส่งไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งปลายทางเขายินดีที่จะรับคนเหล่านี้ ไม่ให้ออกมารบกวนวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยที่เรารักสงบและมีแต่ความร่มเย็น” รมว.มหาดไทย กล่าว

‘เศรษฐา’ นำคณะลุยขอนแก่น สักการะศาลหลักเมืองเป็นสิริมงคล ชาวอีสานแห่ต้อนรับ ตะโกน “นายกฯ เศรษฐา พาไปเป็นเศรษฐี”

(8 ก.ย. 66) ที่จ.ขอนแก่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่พบปะชาวขอนแก่น โดยมี สส.ขอนแก่น และอดีต สส.ขอนแก่น ได้แก่ นายภาควัต ศรีสุรพล นายสิงหภณ ดีนาง นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ นายวันนิวัติ สมบูรณ์ นายชัชวาล พรอมรธรรม น.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ นายจตุพร เจริญเชื้อ และนางมุกดา พงษ์สมบัติ รวมทั้งนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าฯ ขอนแก่น ให้การต้อนรับ

เวลา 08.15 น. นายกฯ และคณะ ได้เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลหลักเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีกลุ่มชาวอีสาน 20 จังหวัดมารอต้อนรับ โดยได้ผูกผ้าขาวม้าและมอบพวงมาลัยให้กับนายกฯ พร้อมส่งเสียงตะโกนว่า “นายกฯ เศรษฐา พาไปเป็นเศรษฐี” ทั้งนี้ นายกฯ เดินทางมาด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีดำ ทะเบียน กล 5558 อุดรธานี

นายเศรษฐาและคณะ ได้เดินทางมารับประทานอาหารเช้าที่ร้านเอมโอช ซึ่งเป็นร้านไข่กระทะชื่อดังใน จ.ขอนแก่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top