Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

‘2 ผัวเมียทะลุแก๊ส’ เจอคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมแก๊งป่วนปี 64 - ครอบครองยุทธภัณฑ์

(7 ก.ย. 66) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันมั่วสุมชุมนุมหมายเลขดำ อ596/2565 ที่พนักงานฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ฟ้องนายรังสรรค บุญพึ่ง และนางปราณี บุญพึ่ง สองสามีภรรยา เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ

โดยอัยการระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2564 เวลากลางวันถึงเวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ

จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันมีเสื้อเกราะป้องกันกระสุน จำนวน 1 ตัว อันเป็นยุทธภัณฑ์ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีหนังสติ๊ก ลูกแก้วไว้ใช้ประทุษร้ายร่างกาย แล้วจำเลยได้ร่วมกันขับขี่รถยนต์ ทะเบียน กษ 8960 ภูเก็ต ไปบริเวณถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยใช้หน้ากากอนามัย จำนวน 2 อันปิดบังแผ่นป้ายทะเบียนรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อันเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยวิธีใด ๆ หรือปิดบังทั้งหมดหรือแต่บางส่วนซึ่งแผ่นป้ายทะเบียนรถหรือเครื่องหมายประจำรถและเป็นการไม่แสดงแผ่นป้าย และเครื่องหมายครบถ้วนแล้ว

จำเลยร่วมกับพวกมากกว่า 25 คน จัดกิจกรรมชุมนุมมั่วสุม ที่บริเวณแยกใต้ทางด่วนดินแดงและถนนวิภาวดีรังสิตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยการชุมนุมทางการเมืองดังกล่าวไม่มีการจำกัดทางเข้า-ออก ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดต่อโควิด-19

ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้สั่งให้จำเลย และกลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่จำเลยทั้งสองกับพวก ขัดขืนไม่เลิกกระทำและจุดไฟเผายางรถยนต์และวัสดุอื่น ๆ รวมทั้งใช้กำลังประทุษร้ายขว้างปาเจ้าพนักงานด้วยประทัด ลูกแก้ว และของแข็งต่าง ๆ โดยเจตนาใช้ประทุษร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่อันเป็นการกระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ

ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15, 34, 42 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 215, 216, พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฯ

จำเลยให้การปฏิเสธฐานร่วมกันมั่วสุมชุมนุม แต่ข้อหาอื่นรับสารภาพ

พิพากษาว่าจำเลยทั้งสอง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์พ.ศ. 2530 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 42 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 60 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 35 (1), 53 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9, 18

การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันนำรถยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายและเครื่องหมายครบถ้วนถูกต้อง ปรับคนละ 2,000 บาท ฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คนในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อโรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม มาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฯ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ 1 ปี

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เฉพาะความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานร่วมกันนำรถยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษในความผิดทั้งสองฐานให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันนำรถยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ให้ถูกต้องครบถ้วน คงปรับคนละ 1,000 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา และปรับคนละ 1,000 บาท ริบเสื้อเกราะป้องกันกระสุนและหน้ากากอนามัยของกลาง ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

'เจ๊ไฝ' จับมือ Shin Ramyun รามยอนชื่อดังแห่งเกาหลีใต้ ส่งรามยอนต้มยำกุ้ง ดันอาหารไทยโกอินเตอร์ไปอีกขั้น

ในโลกออนไลน์แห่แชร์ภาพ Shin Ramyun รามยอนชื่อดังในประเทศเกาหลีใต้ ได้คอลแลบกับ ‘เจ๊ไฝ’ เชฟชาวไทยเจ้าของร้านสตรีตฟู้ดระดับ 1 ด้วยรสชาติใหม่ ‘ต้มยำกุ้ง’

โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ในโลกออนไลน์แห่แชร์ภาพ Shin Ramyun รามยอนชื่อดังในประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการคอลแลบกับ ‘เจ๊ไฝ’ เชฟชาวไทยเจ้าของร้านสตรีตฟู้ดระดับ 1 ดาวมิชลินที่โด่งดังไปทั่วโลกออกมาด้วยรสชาติใหม่ ‘ต้มยำกุ้ง’ และยังไม่ได้เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการในตอนนี้

สำหรับ รามยอน คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลี เมนูอาหารประเภทเส้น ที่นำไปต้มในน้ำร้อน เพียงเติมซอสและผงน้ำซุป ก็สามารถกินได้ง่าย ๆ โดยสามารถเติมเนื้อสัตว์และผักประเภทต่าง ๆ ลงไปได้ด้วย นอกจากนี้ ซีรีส์หลายเรื่องที่มักมีฉากอาหารเกาหลี รวมถึงภาพการกินรามยอนของศิลปินไอดอลชื่อดัง จนกลาย Soft Power (อำนาจอ่อน) ของเกาหลีใต้ ได้ส่งผลให้วัฒนธรรมอาหาร ‘รามยอน’ เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ไปทั่วโลก

ส่วนร้าน ‘เจ๊ไฝ’ เป็นร้านอาหารประเภทสตรีตฟู้ดเพียงแห่งเดียวที่ได้รับดาวจากมิชลิน โดยได้รับรางวัล 1 ดาว ตามมาตรฐานของมิชลินไกด์ และมีหลายเมนูที่ขึ้นชื่อ เช่น ไข่เจียวปู, ราดหน้าทะเล เป็นต้น จุดเด่นของร้านคือการปรุงอาหารด้วยเตาถ่าน และชื่อของ ‘เจ๊ไฝ’ นั้นโด่งดังในเกาหลีใต้จริง ๆ เพราะดาราและไอดอลเกาหลีหลายคนมากินร้านเจ๊ไฝกันอยู่บ่อยครั้ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์ เด็ก สตรี ครอบครัว พร้อมคณะต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา

วันที่ 7 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุม 3 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์ เด็ก สตรี ครอบครัว  พร้อมด้วย พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บังคับการตำรวจสีบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ และคณะ ได้ให้การต้อนรับ  MR.Matthew E. Wright Regional Attache Homeland Security Investigations Bangkok และ MR.Jacob T. Carlyle Assistant Attache Homeland Security Investigations Bangkok   เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา

โดยจุดประสงค์ในการเข้าพบครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ทาง HSI ได้ชื่นชมการทำงานทั้งในด้านการปราบปรามและป้องกันการค้ามนุษย์และ การปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลไทย ที่มีการพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดทั้งด้านการป้องกันและการปราบปราม รวมไปถึง ยังได้หารือและแลกเปลี่ยนแนวทางป้องกันและปราบปรามร่วมกัน เกี่ยวกับ ปัญหาการข่มขู่คุกคามทางเพศ หรือ Sectortion (การข่มขู่ทางเพศ) ซึ่งสถิติของทั่วโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้หารือ แนวทางการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในการทำงานทุกๆ ด้านอีกด้วย

‘ไฮโซน้ำหวาน’ จัดโปรแกรมทดลองตั้งครรภ์ให้ ‘นาวินต้าร์’ บอก!! อยากให้เข้าใจว่าตอนอุ้มท้องเหนื่อยขนาดไหน

เพราะกำลังจะใช้สเตตัสคุณแม่ลูก 3 งานนี้ไฮโซสาวโปรไฟล์หรู ‘น้ำหวาน พัสวี’ ภรรยาคนสวย ของศิลปินหนุ่ม ขวัญใจแฟนคลับยุค 90 ‘ดร.นาวิน เยาวพลกุล’ หรือ ‘นาวินต้าร์’ ก็เลยต้องจัดโปรแกรมพิเศษให้คุณสามีทดลองการใช้ชีวิตขณะอุ้มท้องดูบ้าง

โดยเจ้าตัวได้นำเอาคลิปวิดีโอโมเมนต์ดังกล่าวมาแชร์ผ่านอินสตาแกรม @numwanz พร้อมแคปชันว่า "สามีจะได้รู้ว่าการตั้งท้องมันเหนื่อยขนาดไหน นี่แค่ 2-3 ชม. นะ สามียังไม่ไหวเลย แล้วนี่ 3 คน" 

ซึ่งเผยให้เห็นภาพของ นาวินต้าร์ ในชุดคอสตูม ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง จากผลไม้ 2 ชนิดคือ แตงโม และ ส้มโอ เพื่อจำลองสภาพร่างกายให้มีความคล้ายคลึงกับผู้หญิงที่ต้องอุ้มท้องมากที่สุด

นอกจากนั้นแล้วในคลิปวิดีโอนี้เราก็จะได้เห็นด้วยว่า นาวินต้าร์ ต้องใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตัวเองแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ลุก-นั่ง ขึ้นบันได ก้มเก็บของ เข้ารถ ไปจนถึงลงแช่ตัวในสระน้ำ ซึ่งแต่ละท่วงท่านั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากและทุลักทุเลสุด ๆ

งานนี้ทำเอาแฟน ๆ รวมถึงบรรดาแม่ ๆ ที่ได้เห็นคลิปวิดีโอต่างก็เข้ามากดไลก์ให้กับไอเดียความน่ารักของ ไฮโซน้ำหวาน และ นาวินต้าร์ อย่างล้นหลาม แถมยังไม่ลืมคอมเมนต์แท็กเรียกคุณสามีเข้ามารับชมคลิปนี้ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย

เปิดปมสังหาร ‘สารวัตรหนุ่มอนาคตไกล’ หลังปฏิเสธ ‘กำนันนก’ ไม่จัดหาตำแหน่งให้หลานชาย ฉีกหน้ากลางงานเลี้ยงโชว์บารมี

(7 ก.ย. 66) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ ผู้มีอิทธิพลใน จังหวัดนครปฐม นั้น จากแนวทางสืบสวนพบเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ สนิทสนมใกล้ชิดกับอดีตนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ รู้จักตำรวจใหญ่ นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่มากมาย จึงมักนัดพบดื่มสังสรรค์กันที่บ้านพักกันประจำ ประกอบมีแผนการจะฝากฝังหลานชายที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ให้ได้ย้ายตำแหน่งหน้าที่ จึงวางแผนนัดหมายให้ พ.ต.ต.ศิวกร มาร่วมสังสรรค์ที่บ้านพักในวันนี้เพื่อจะโชว์บารมีว่าตนเองรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน คล้ายกับบีบให้ พ.ต.ต.ศิวกร ยอมทำตาม

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานอเนกประสงค์หน้าบ้าน มีการจัดโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร จำนวน 2 โต๊ะ โดยโต๊ะกลมเป็นสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่นั่ง มี นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม, พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสง ผกก.กก.2 บก.ทล., พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร. ผกก.สน.พญาไท, พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.ฝอ.กก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ด.ต.ชนาณัฐ วุฒิยากร ผบ.หมู่ บก.ทล. โดยมี จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. และ จ.ส.ต.เมทิศกร พันศ์สีจันทร์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. คอยบริการผสมเครื่องดื่มให้ ส่วนโต๊ะอีกโต๊ะหนึ่งจะเป็นโต๊ะยาวเรียงต่อกัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก กก.2 ทล., เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จากโรงพักใกล้เคียง รวมถึง นายธนัญชัย มือปืน และกลุ่มลูกน้องของ นายปวีณ คนอื่นๆ นั่งอยู่ ซึ่งงานดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 20.00 น.

กระทั่งผ่านไป 1 ชั่วโมง เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ผู้คนกำลังดื่มกินกันตามปกตินั้น นายประวีณ หรือ ‘กำนันนก’ ก็ได้เริ่มเปิดฉากพูดคุยกับ พ.ต.ต.ศิวกร เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการให้ช่วยสับเปลี่ยนตำแหน่ง จ.ส.ต.พิสิฐ หลานชาย ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร จากสายตรวจรถวิทยุ มาเป็นสายตรวจจักรยานยนต์ แต่ทาง พ.ต.ต.ศิวกร ได้ตอบปฏิเสธไปอ้างว่าต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำหน้าที่นั้นเกษียณก่อน ทำให้นายประวีณ ไม่พอใจและรู้สึกเสียหน้า ก่อนนายประวีณ จะพูดขึ้นมาในลักษณะไม่พอใจ ว่า “ขอมันคนเดียว มันเป็นหลานผม” แต่ทาง พ.ต.ต.ศิวกร ก็ยังแสดงทีท่าปฏิเสธอยู่ ยิ่งทำให้นายปวีณ ไม่พอใจหนักขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืน และ ตบโต๊ะ พร้อมย้ายไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งที่ลูกน้องของตัวเองนั่งอยู่

ระหว่างนั้น พ.ต.ต.ศิวกร และ จ.ส.ต.พิสิฐ เห็นท่าไม่ดีจึงลุกเข้าไปขอโทษนายประวีณ แต่นายประวีณ ก็ทำท่าทีไม่สนใจ พร้อมพูดไล่ให้ พ.ต.ต.ศิวกร กลับไป พ.ต.ต.ศิวกร จึงกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม ส่วน จ.ส.ต.พิสิฐ นั้นนั่งคุยกับนายประวีณ อยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วไหว้อำลา จากนั้นจึงเดินออกจากโต๊ะไปที่ลานจอดรถเพื่อกลับบ้าน

ให้หลังจากนั้นไม่นานประมาณ 5 นาที นายธนัญชัย มือปืน ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินเข้าไปยืนทางด้านข้างของ พ.ต.ต.ศิวกร ห่างประมาณ 1 เมตร ก่อนชักอาวุธปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ พ.ต.ต.ศิวกร จำนวนหลายนัด จน พ.ต.ต.ศิวกร ล้มฟุบไป ขณะเดียวกันกระสุนยังถูก พ.ต.ท.วศิน ที่นั่งอยู่ติดกับ พ.ต.ต.ศิวกร ผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บไปด้วยอีกราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนตำรวจจึงเร่งช่วยกันพาตัว พ.ต.ต.ศิวกร และ พ.ต.ท.วศิน นำส่งโรงพยาบาลนครปฐม ก่อนที่ พ.ต.ต.ศิวกร จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนตัว นายธนัญชัย อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไป

ทั้งนี้ ล่าสุด ‘กำนันนก’ ได้เข้ามอบตัวแล้ว

ขายฝีมือ!! โซเชียลแห่ชม ชายนั่งเป่าลูกโป่งด้วยใจรัก เขียนป้ายบอก “แล้วแต่จะให้ ไว้เป็นค่าข้าว ดีกว่าเป็นโจร”

(7 ก.ย. 66) ทุกอาชีพมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ขอแค่ไม่ไปปล้น จี้ ใครมา อย่างเช่นผู้ชายคนนี้ ที่กำลังถูกแชร์บนโลกโซเชียล โดยเฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Rainbow Six’ ได้เผยภาพชายคนหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อในพื้นที่จังหวัดราชบุรี พร้อมเล่าว่า…

“#ความสุขของเขาจริงๆ ทำผมอิจฉาชีวิตเขานะ นั่งดูเขาเกือบชั่วโมง อดใจไม่ไหว ต้องเข้าไปคุย สรุปคือ ผู้ชายคนนี้ผ่านครับ ใช้ฝีมือแลกเงินของแท้ แล้วชิ้นงานลุงเขาสวย น่ารักมาก เขาบอกมันคือความสุขของเขา #เมืองราชบุรี ใครเจอตรงไหนก็อุดหนุนเขาได้เลย ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้แหละครับ สุดจริงชายคนนี้…”

โดยชายรายนี้ยังเขียนข้อความบนป้ายระบุว่า “แจกลูกโป่ง แล้วแต่จะให้ค่าข้าว ดีกว่าเป็นโจร”

‘ญี่ปุ่น’ ยิงจรวดขนส่งยาน ‘มูนสไนเปอร์’ ขึ้นสู่อวกาศ มุ่งหน้าทำภารกิจลงจอดดวงจันทร์ เป็นชาติที่ 5 ของโลก

(7 ก.ย. 66) สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ญี่ปุ่นได้ปล่อยจรวดขนส่ง ‘H-IIA’ เพื่อส่งยานสำรวจดวงจันทร์ ‘มูนสไนเปอร์’ ของญี่ปุ่น พร้อมดาวเทียม ‘X-Ray Imaging and Spectroscopy Mission’ (XRISM)

ออกจากฐานยิงบนเกาะทาเนกาชิมะ ทางตอนใต้ของประเทศ ขึ้นสู่อวกาศเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 7 กันยายน นับเป็นความพยายามครั้งที่ 4 หลังจากครั้งก่อนต้องล้มเหลว เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ในภารกิจส่งยานสำรวจมูนสไนเปอร์ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ ที่คาดว่ายานสไนเปอร์จะลงจอดภายในระยะ 100 เมตรจากตำแหน่งใกล้กับปล่อง Shioli บนด้านใกล้ของดวงจันทร์

โดยยานสไนเปอร์จะเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ภายใน 4 เดือนนับจากนี้ จากนั้นจะโคจรรอบดวงจันทร์ ก่อนพยายามลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในราวเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ญี่ปุ่น จะกลายเป็นประเทศที่ 5 ของโลก ที่ส่งยานสำรวจลงจอดบนดวงจันทร์สำเร็จ หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ อินเดีย ได้สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นชาติที่ 4 ของโลกนอกจากสหรัฐ รัสเซียและจีนที่ส่งยานสำรวจไปลงดวงจันทร์สำเร็จ

ทั้งนี้ ภารกิจส่งยานสำรวจมูนสไนเปอร์ไปยังดวงจันทร์ ที่มีมูลค่าโครงการ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,562 ล้านบาท) มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของญี่ปุ่น ในการส่งยานอวกาศที่มีน้ำหนักเบาและใช้ต้นทุนต่ำไปลงจอดบนดวงจันทร์ได้

นอกจากนี้ จรวดขนส่ง ยังบรรทุกดาวเทียม X-Ray Imaging and Spectroscopy Mission (XRISM) ซึ่งติดกล้องโทรทรรศน์ขนาดเท่ารถบัสไว้ด้วย เพื่อจะไปศึกษาปรากฏการณ์ในอวกาศ เช่น หลุมดำ อันเป็นโครงการร่วมระหว่างหน่วยงานอวกาศของญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป

‘เจ๊ไฝ’ อวดภาพจับมือดาราหนุ่ม ‘พัค โบกอม’ เหล่าแฟนคลับแห่แซว “อยากเกิดเป็นเจ๊ไฝ”

ร้อนแรงกระหึ่มโซเชียล หลังเชฟชื่อดัง ‘เจ๊ไฝ’ เผยภาพจับมือสุดน่ารักกับ ‘โบกอม’ นักแสดงมากความสามารถจากแดนกิมจิ ผู้ครองใจสาว ๆ ทั่วโลก ทำแฟนคลับแห่อิจฉา ปนเอ็นดูในความน่ารักของทั้งคู่

แฟนคลับตื่นเต้นกันยกใหญ่ หลัง ‘เจ๊ไฝ สุภิญญา จันสุตะ’ เชฟชื่อดังของเมืองไทย เจ้าของร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ผู้รังสรรค์เมนูไข่เจียวปูจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ได้เผยภาพคู่หนุ่มหล่อ ‘พัค โบกอม’ นักแสดงแนวหน้าของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีผลงานโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเป็นภาพที่ถ่าย ณ ประเทศเกาหลีใต้ โดยทางเจ๊ไฝได้เดินทางไปเที่ยวและทำงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่นั่น

แต่สิ่งที่ทำเอาชาวเน็ต และเหล่าแฟน ๆ ของหนุ่มโบกอมรู้สึกอิจฉานั้น เป็นเพราะภาพดังกล่าวทั้งคู่กำลังจับมือกันอย่างน่ารักนั่นเอง ทั้งอิจฉา ทั้งรู้สึกประหลาดใจว่าทั้งสองไปรู้จักสนิทสนมกันได้ยังไง

และเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ทางอินสตาแกรมส่วนตัวของ ‘เจ๊ไฝ’ ที่ใช้ชื่อว่า jayfaibangkok ได้มีการโพสต์ภาพที่เจ๊ไฝได้จับมือกับโบกอม ผ่านสตอรี่ พร้อมระบุข้อความว่า “Lovely to see you again @bogummy #chefcares”

จากภาพและข้อความสุดน่ารักนี้ที่สื่อความได้ว่า ทั้งสองอาจเคยพบกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงเป็นเหตุให้ทั้งคู่สนิทสนมกันดังที่ปรากฏในภาพ ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงปีที่แล้ว เคยมีภาพของพระเอกหนุ่ม ‘พัค โบกอม’ เดินทางมากินอาหารที่ร้านของ ‘เจ๊ไฝ’ และเมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้งที่ประเทศเกาหลีจึงเกิดเป็นภาพน่ารัก ๆ ดังกล่าว

ทางด้านแฟนคลับแห่คอมเมนต์อยากเป็นเจ๊ไฝกันถ้วนหน้า สงสัยงานนี้เจ๊ไฝจะมีคู่แข่งทำไข่เจียวปูขายเพิ่มขึ้นอีกเพียบ เพราะใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ๊ไฝ

'เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า' กระหึ่มอาเซียน ปลื้ม หม้อแปลงไทย ลดพลังงาน - ลดคาร์บอน กระทรวงพลังงานอาเซียน ยอมรับ มอบรางวัลนวัตกรรม หม้อแปลงเทคโนโลยี ล้ำสมัย ASEAN Energy Awards (Energy Efficiency Building)

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด โดย คุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ นำหม้อแปลงไทย ลดพลังงาน - ลดคาร์บอน ได้รับรางวัลด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ระดับภูมิภาคอาเซียน ASEAN Energy Awards 2023 ณ Bali Nusa Dua Convention Center เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดย บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด ประเภท Cutting Edge Technology (เทคโนโลยีล้ำสมัย) จากผลงาน "หม้อแปลง Low Carbon" ด้านการอนุรักษ์พลังงานและการประหยัดพลังงาน พร้อมกันนี้ได้รับเกียรติจาก คุณกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย คุณประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ร่วมแสดงความยินดี

ดร. ประเสริฐ กล่าว ความสำเสร็จเหล่านี้เกิดจากทุกหน่วยงาน ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการลดใช้พลังงานและนี่ คือต้นทางแห่งความสำเร็จของหน่วยงานที่จะเป็นตัวอย่างในการขับเคลื่อน ผลักดัน และสานต่อนโยบานด้านพลังงานเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero)

คุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์  กล่าว ขอขอบพระคุณ ทางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)  โดยหม้อแปลงดังกล่าว ตอบโจทย์ การประหยัดพลังงาน ของภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการอาคารสถานที่ ที่สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 11.5% และลดคาร์บอนมากกว่า 100 ล้านตันคาร์บอน คืนทุนภายใน 2-5 ปี เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนสร้างความมั่นคงและความยืดหยุ่นด้านพลังงาน เพื่อผลัดดันการเปลี่ยนผ่านไป สู่พลังงานสะอาด ความยั่งยืนนี้จะส่งเสริมการเติบโตสีเขียวในภูมิภาค ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลต้องประกาศนโยบายการลดคาร์บอน โดยประกาศเป้าหมายความเป็นกลางของแผนลดก๊าซคาร์บอนในปี 2575 จะเห็นภาพการใช้พลังงานทั้งด้านอุตสาหกรรมและภาคประชาชน ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับการ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ดังนั้น หม้อแปลงที่กล่าวข้างต้นจึงตอบโจทย์ทุกหน่วยงาน ภาครัฐ และเอกชน ด้านการประหยัดพลังงานและลดคาร์บอน (คืนทุน 2-5 ปี) 

หม้อแปลง Low Carbon เป็นหม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงาน ที่บริหารจัดการสิ้นเปลืองให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเสถียรภาพกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้โรงงานอุตสาหกรรม ,อาคาร สถานประกอบการ ลดค่าไฟฟ้า 5-20% (Energy Saving) ลดคาร์บอน 5-20% (Low Carbon) มากกว่า 100 ล้านตัน ลดมลพิษ (Low Emission) ทำให้อุปกรณ์อายุการใช้งานยาวนานขึ้น (Long Life Equipment) เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้กับ ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เจ้าของอาคาร ตามนโยบายของรัฐบาล ในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน”

‘ปตท.’ จับมือ ‘RINA’ พัฒนาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนภาคเศรษฐกิจ สร้างโอกาสทางธุรกิจ รองรับการเติบโตของพลังงานแห่งอนาคต

เมื่อไม่นานนี้ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมแสดงความยินดีในพิธีลงนามความร่วมมือพัฒนาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในภาคเศรษฐกิจระหว่าง ปตท. โดย นายคมกฤช โล่ห์เพ็ชร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่วางแผน ปตท., นายยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม ปตท. และ ‘RINA’ โดย Mr. Andrea Bombardi, Executive Vice President, Carbon Reduction Excellence, RINA Mr. Enrico Beccaceci, Senior Technical Manager, ASEAN Engineering Integration, RINA เพื่อความร่วมมือในโครงการนำร่องการทดสอบการผสมก๊าซไฮโดรเจนในก๊าซธรรมชาติ ซึ่งครอบคลุมถึงการประเมินประสิทธิภาพการใช้งาน รองรับการพัฒนาการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในอนาคต

นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ในการพัฒนาห้องปฏิบัติการของสถาบันนวัตกรรม ปตท. ให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการการให้บริการเชิงเทคนิค ในการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงของประเทศไทยด้วย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการเติบโตในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต และเป้าหมาย Net Zero Emissions ของกลุ่ม ปตท. และประเทศไทยต่อไป


 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top