Monday, 21 April 2025
Softpower

‘กางเกงหอย’ ซอฟต์พาวเวอร์-อัตลักษณ์ ประจำหัวหิน นทท.แห่จอง-ซื้อติดมือเกลี้ยง เตรียมหยิบไปเล่นสงกรานต์

(29 มี.ค.67) นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม ประธานกลุ่มเราเพื่อนกัน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่า จากที่ กลุ่มเราเพื่อนกัน ร่วมกับ การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ อำเภอหัวหิน และเทศบาลเมืองหัวหิน

จัดกิจกรรม เดิน-วิ่ง ‘หัวหิน รักษ์เล#2 หัวหินถิ่นมีหอย HUA HIN THE CITY OF SHELLFISH’ ครั้งที่ 2 ขึ้น เมื่อเดือน ก.พ.67 ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดตัว ‘กางเกงหอย’ สื่อเรื่องราวหัวหินถิ่นมีหอยลงบนกางเกงในรูปแบบเดียวกับกางเกงช้าง โดยมีต้นแบบมาจากกางเกงแมวของโคราช

เพื่อให้เป็น Soft Power และเป็นอัตลักษณ์ของเมืองหัวหินอีกทางหนึ่ง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนนักท่องเที่ยว ทำให้มียอดจำหน่าย ‘กางเกงหอย’ ดีอย่างต่อเนื่องนับพันตัว และล่าสุดได้ไปเปิดจำหน่าย ‘กางเกงหอย’ ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าหัวหินมาร์เก็ต วิลเลจ และได้รับความสนใจจากประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สั่งจองและซื้อติดมือเพื่อไปเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

“ขณะนี้ทางกลุ่มฯ ได้สั่งเพิ่ม ‘กางเกงหอย” ไปกับทางโรงงานอีกราวหนึ่งพันตัว โดยจากเดิมที่เป็นสีเขียว จะมีสีน้ำตาลอ่อนเพิ่มอีกหนึ่งสี เพื่อเป็นทางเลือกของของผู้สวมใส่ เนื่องจากมีประชาชนสอบถามเป็นจำนวนมาก โดย ‘กางเกงหอย’ ล็อตใหม่คาดว่า จะได้ราวสิ้นเดือนเมษายนนี้ ขณะที่ในปีนี้ที่ อ.หัวหิน ได้จัดงานเทศกาลสงกรานต์

“สงกรานต์ คอกระเช้า เสื้อลายดอก สืบสานประเพณีอันดีงามของไทย รับมรดกโลก และมีกิจกรรมมากมาย ที่ตลาดนัดแพไม้ รวม 3 วัน ตั้งแต่ 11-13 เม.ย.นี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยวร่วมเล่นสาดน้ำสงกรานต์ได้ โดยเฉพาะคนที่สวมใส่ ‘กางเกงหอย หัวหิน’ มาเที่ยวภายในงาน ทางเราจะมีของที่ระลึกมอบให้ด้วย” นายนายกิติพงษ์ กล่าว

‘ชาวต่างชาติ’ ติดใจ!! ‘สายฉีดก้น’ ของไทย พร้อมยกให้เป็นที่หนึ่ง แถมกลับประเทศปุ๊บ รีบติดตั้งทันที ท่ามกลางชาวเน็ตแห่แนะนำวิธีใช้

(2 เม.ย.67) เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมห้องน้ำ สำหรับ ‘สายฉีดชำระ’ ที่คนไทยนิยมใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งสำหรับชาวไทยแล้วอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับชาวต่างชาตินั้นอาจจะไม่ใช่ เพราะคุ้นชินกับการใช้ทิชชูมากกว่า

ยกตัวอย่างจากผู้ใช้เรดดิทคนนี้ ที่ได้รีวิวสายฉีดชำระของไทย บอกเลยว่าเขาติดใจมาก ถึงขั้นกลับประเทศปุ๊บ ก็ติดตั้งสายฉีดชำระทันที นอกจากนี้ ยังเอ่ยชมไม่หยุดว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยสัมผัสในไทย

“พอกลับจากเมืองไทย ทิชชูมันก็เหมือนกับกระดาษทรายเลย มาอยู่ที่นี่ ฉันให้ความสำคัญกับการติดตั้งสายฉีด เพราะมันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยสัมผัสตอนอยู่ไทย ฉันคิดถึงมันจริง ๆ ห้องน้ำ (ไทย) เกือบทุกที่มีสายฉีดนี้ พอเทียบกับที่นี่แล้วมันไม่มีเลย”

เรียกได้ว่ากระทู้เรดดิทครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก ชาวต่างชาติหลายคนต่างเห็นด้วยกับสิ่งนี้ พร้อมยกว่าสายฉีดชำระนั้นดีกว่ากระดาษทิชชูเป็นไหน ๆ

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางส่วนได้แนะว่า การใช้สายฉีดชำระต้องระวังให้ดี เพราะบางครั้งน้ำก็พุ่งแรงเกินไป ยิ่งใช้ในหน้าร้อนแล้วนั้น จากประสบการณ์สุดฟิน อาจกลายเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดได้เช่นกัน

‘หนองคาย’ โชว์ซอฟต์พาวเวอร์ ผุด ‘กางเกงบั้งไฟพญานาค’ ชูจุดเด่นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด ชี้!! ล็อตแรกมีจำนวนจำกัด

(10 เม.ย.67) นางสุกานดา พันธุ์เสือ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.หนองคาย ได้หารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของจังหวัดหนองคาย จัดทำเป็นกางเกง เพราะเห็นหลายจังหวัดเริ่มทำกันแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อหารือกันเพื่อพิจารณาจุดเด่นของจังหวัดหนองคาย จึงลงตัวที่จะผลิตกางเกงลายบั้งไฟพญานาค ออกแบบโดย อาจารย์ณัฎฐ์ จันทร์อ่วม ปราชญ์ด้านการออกแบบลายผ้าจังหวัดหนองคาย

โดยหัวกางเกงเป็นลายพญานาคใหญ่ ซึ่งจะไม่ใช้พญานาคมาเป็นลายบนผ้าเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พญานาคคนส่วนใหญ่ให้ความเคารพศรัทธา จึงควรเลือกวางตำแหน่งให้ถูกต้องเหมาะสม ดังนั้นจึงใช้ลายผ้าที่เรียกว่าลายนาคใหญ่ไว้ด้านบน ถัดลงมาเป็นรูปบั้งไฟพญานาค ดวงสีชมพู มีรถไฟวิ่งบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เนื่องจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่จังหวัดหนองคายเป็นสะพานเดียวที่มีรถไฟระหว่างประเทศแล่นผ่าน

สำหรับกางเกงลายบั้งไฟพญานาคนี้ จะมีให้เลือก 2 สี คือ สีส้มอิฐ ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดหนองคาย และ สีกรมท่าค่อนไปทางสีฟ้า ให้ความรู้สึกคล้ายสีของแม่น้ำ ผลิตจากผ้าไหมอิตาลี เพราะมีความพลิ้ว สวมใส่สบาย ซักแล้วไม่ต้องรีดก็ได้ ทรงกางเกงแบบจั๊ม เอวรูด ฟรีไซส์ ใส่ได้ทุกเพศ มีกระเป๋าด้านข้างทั้งสองข้าง ความยาวกางเกง 40 นิ้ว

โดยล็อตแรกนี้ตัดมาจำนวนจำกัดเพียง 200 ตัว ราคาตัวละ 250 บาท ผู้ที่สนใจเลือกซื้อได้แล้ววันนี้ที่บริษัทกานตนาทัวร์ อ.เมืองหนองคาย หรือ ร้านอินเตอร์สปอต อ.เมืองหนองคาย ช่องทางออนไลน์ ไอดีไลน์ nang9964 หรือโทรศัพท์ 091-5969964

‘รัฐบาล’ เล็งดัน NBT เป็นโทรทัศน์ซอฟต์พาวเวอร์ อาจปรับผังรายการ เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น

(9 พ.ค. 67) น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการโทรทัศน์ซอฟต์พาวเวอร์ ว่า จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อรองรับการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ เมื่อเราต้องการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลก็จำเป็นต้องมีที่ปล่อยของสื่อสารกับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยที่เล็งไว้คือสถานีโทรทัศน์ที่รัฐบาลกำกับดูแล เช่น ช่อง NBT ซึ่งต้องหารือในรายละเอียดอีกครั้ง และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่มีอยู่ 11 คณะ ว่าคณะไหน สาขาไหน มีศักยภาพ ต้องดึงขึ้นมาก่อนหรือไม่อย่างไร ยืนยันว่าเป็นการปรับผังรายการเท่านั้น ไม่ได้ตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่ จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรามีอยู่ เพื่อประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และเป็นประโยชน์ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล

ส่วนกรณีได้รับมอบงานให้กำกับดูแลบริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) และกรมประชาสัมพันธ์ มีนโยบายขับเคลื่อนอย่างไร น.ส.จิราพร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเชิญหน่วยงานมาหารือ อยากให้เป็นสื่อฯ สะท้อนนโยบายของรัฐบาล ขณะเดียวกันอยากให้สื่อสารนโยบายของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสื่อที่สะท้อนเสียงของประชาชน

ส่วนจะปรับเปลี่ยน 2 สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวให้มีความเป็นคนรุ่นใหม่หรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องคุยรายละเอียดที่มีค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หากช่อง NBT สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับซอฟต์พาวเวอร์ได้ จะมีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจากการพูดคุยกับคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ มีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีที่ให้ความสนใจอยากจะทำคอนเทนต์เกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรัฐบาลยินดีที่จะให้คอนเทนต์ เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาล และมีหลายภาคส่วน เช่น ภาคเอกชนที่อยากร่วมมือด้วย

ส่วนจะจ้างงานใหม่หรือไม่นั้น น.ส.จิราพร กล่าวว่า เป็นการให้ภาพใหญ่ในทิศทางการทำงาน ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างมีระเบียบที่หน่วยงานต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ส่วนงบประมาณดำเนินโครงการนี้กำลังหารือรายละเอียดอยู่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูงบประมาณเก่าว่า ส่วนที่ได้รับมาได้ใช้จ่ายไปในส่วนใดบ้าง หรือจะต้องหาความร่วมมือกับภาคเอกชนเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องดูก่อน

‘ดุริยางคศิลป์ มหิดล’ ติดอันดับ 35 มหาลัยดนตรีโลก ชี้!! ไทยมี ระบบการศึกษาดนตรีที่เข้มแข็ง แซง ‘สิงคโปร์-มาเลเซีย’

(11 พ.ค.67) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้กระทรวง อว. ได้รับการจัดอันดับที่ 35 ในสาขาดนตรี ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS Top Universities Ranking ประจำปี 2567 การจัดอันดับด้านดนตรีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นการจัดอันดับครั้งแรก โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ของไทยนับมีความโดดเด่นในการจัดอันดับสูงหลายๆ มหาวิทยาลัยในเอเชีย เช่น National University of Singapore ที่ได้อันดับที่ 38 และ University of Malaya, Malaysia ที่ได้อันดับที่ 95

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ตนมีนโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพของมหาวิทยาลัยไทยที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านที่แตกต่างกันมาโดยตลอด เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพทุกๆ ด้านให้กับประเทศ ซึ่งผลลัพธ์นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนทางดนตรีทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากความทุ่มเทของคณาจารย์ พนักงาน นักศึกษา และศิษย์เก่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีผลงานที่เคยเป็นที่ประจักษ์มาแล้วเมื่อวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้รับการจัดอันดับที่ 47 ในสาขา Performing Arts ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS Top Universities Ranking ประจำปี 2565 ซึ่งยังไม่มีมหาวิทยาลัยด้านดนตรีของไทยที่ขึ้นอันดับใน Top 50 ได้จนถึงปัจจุบัน

“ปีนี้วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาดนตรี และสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยการได้รับการจัดอันดับที่ 35 ของโลก เป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นในวงการศึกษาดนตรีโลก ว่าประเทศไทยมีระบบการศึกษาดนตรีที่เข้มแข็ง และช่วยส่งเสริม ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในด้าน Soft Power ในอนาคตอีกด้วย” น.ส.ศุภมาส กล่าว

‘มทร.พระนคร’ ผนึกกำลัง เครือข่ายบริการวิชาการ ‘อบต.โพนสว่าง’ ให้คำแนะนำชุมชนกลุ่ม ผลักดัน Soft Power เพิ่มศักยภาพด้านอาชีพ

เมื่อวันที่ 29 - 30 พฤษภาคม 2567 รศ.ดร.นัฐโชติ รักไทยเจริญชีพ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และพัฒนาคณาจารย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการวิทยาลัยการบริหารแห่งรัฐ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร พร้อมด้วย รศ.ดร.ศุภวุฒิ เนตรโพธิ์แก้ว รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการบริหารแห่งรัฐ นำคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ ทำการประชาสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายการบริการวิชาการ ณ อบต.โพนสว่าง จังหวัดหนองคาย โดยมีนายกิตติพงษ์ ถิ่นศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสว่าง ร่วมให้การต้อนรับและนำลงพื้นที่ ดังนี้

1) กลุ่มสตรีจักสานบ้านสร้างพอก ศูนย์การเรียนรู้การจักสาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้

2) บริษัท กิตติพงษ์พลาสติก จำกัด แหล่งจ้างงานคนในชุมชน และ 

3) โครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้นกยูง บ้านโพนสว่าง อาชีพแห่งอนาคตของคนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง

ทีมผู้บริหารและคณาจารย์วิทยาลัยการบริหารแห่งรัฐ ได้ร่วมกันบริการสังคมโดยให้คำแนะนำแก่กลุ่มอาชีพดังกล่าว ในการขับเคลื่อนกลุ่มอาชีพแบบครบวงจร เพื่อส่งเสริม Soft power เพิ่มศักยภาพชุมชน และเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน อันนำไปสู่การเพิ่มรายได้และยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและการค้าชายแดนอย่างยั่งยืน

ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์!! ‘หลานม่า’ ทัชใจข้ามชาติ กระแสแรงในประเทศเอเชีย สร้างรายได้ถล่มทลาย จนชาติยุโรปเรียกร้องให้นำไปฉายบ้าง

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Watthana Saen-u-dom’ ได้โพสต์ข้อความตอกย้ำกระแสภาพยนตร์ ‘หลานม่า’ หลังโกอินเตอร์ออกไปฉายที่ต่างประเทศนั้น โดยระบุว่า…

*เวียดนามก็ไม่รอด!!! หนัง ‘หลานม่า’ เปิดตัวขึ้นอันดับ 1 Box Office ประเทศเวียดนาม กวาดรายได้ 3 วันไปกว่า 5 พันล้านดอง หรือ ประมาณ 7 ล้านบาท

*มาเลเซีย ฉายไป 1 สัปดาห์ กวาดไป 65 ล้านบาท คาดรายได้แตะ 100 ล้านบาท เร็ว ๆ นี้

*สิงคโปร์ ฉายไป 9 วัน กวาดรายได้ไปกว่า 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 27 ล้านบาท ล่าสุดเพิ่มโรงฉายเกือบเท่าตัว

*อินโดนีเซีย ยังคงเดินหน้าทำรายได้ต่อเนื่องคาดทะลุ 300 ล้านบาท ในอีกไม่กี่วัน และอาจแซงรายได้รวมในประเทศไทย

*ด้านประเทศจีน ทนกระแสทั่วเอเชียไม่ไหว ซื้อไปฉายอีกประเทศ คาดทุบสถิติหนังไทยทุกเรื่อง ที่ไปฉายในประเทศจีน

*ญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็ไม่น้อยหน้า ซื้อไปฉายแล้วต่อจากจีน

*และขณะนี้กระแสเริ่มลามไปทางฝั่งอเมริกา และยุโรป จากไวรัลในโซเชียล เรียกร้องให้ไปฉายเช่นกัน

‘ชิกิต้า BABYMONSTER’ สวมกางเกงแมวโคราช โชว์ซอฟต์พาวเวอร์บ้านเกิด อวดแฟนคลับทั่วโลก

(14 มิ.ย. 67) ทำเอาแฟนคลับประทับใจไปตาม ๆ กัน หลังจากที่ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ‘ชิกิต้า’ หรือ ‘แคนนี่’ น้องเล็กประจำวงเกิร์ลกรุ๊ปตัวตึงเจน 5 อย่าง ‘BABYMONSTER’ สังกัด ‘YG Entertainment’ ที่ล่าสุดในช่องยูทูบของสาว ๆ ได้ปล่อยคลิปวิดีโอ ‘BABYMONSTER - ‘SHEESH’ The LAST MUSIC SHOW BEHIND’ ซึ่งเป็นเบื้องหลังการซ้อมเพอร์ฟอร์แมนซ์เพลง SHEESH นอกจากจะเห็นความตั้งใจในการแสดงของสาว ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาแฟน ๆ คือ ‘กางเกงแมว’ ซอฟต์พาวเวอร์ประจำโคราช ที่ชิกิต้าหยิบมาสวมใส่เพื่อซ้อมเต้น 

แม้จะปรากฏในคลิปเพียงไม่กี่นาที แต่ก็สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเธอจะเป็นคนไทยที่เดบิวต์เป็นศิลปินที่ประเทศเกาหลีแล้ว แต่ยังคงสนับสนุนสินค้าจากประเทศไทย และจากจังหวัดบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันคลิปวิดีโอดังกล่าวมียอดผู้เข้าชมมากกว่า 1 ล้านวิวเป็นที่เรียบร้อย

โดย CHIQUITA (ชิกิต้า) หรือ แคนนี่ รริชา พรเดชาพิพัฒ สาวน้อยจากโคราช อายุ 15 ปี เธอเป็นสมาชิกสาวไทยที่มีอายุน้อยที่สุดของวง BABYMONSTER โดยเธอเดบิวต์ร่วมกับ ‘แพร ภริตา’ (PHARITA) หนึ่งในสมาชิกสาวไทยของวงเช่นเดียวกัน

ซึ่งชิกิต้าเริ่มต้นการเป็นเด็กฝึกหัดของค่ายตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ระยะเวลาในการฝึกทั้งหมด 1 ปี 9 เดือน อีกทั้งเธอยังเป็นน้องสาวของ ‘คอปเปอร์ เดชาวัต’ หรือ คอปเปอร์ วง BUS อีกด้วย

สำหรับ กางเกงแมวโคราชนั้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยการนำแมวสีสวาด หรือ ‘แมวโคราช’ มาพิมพ์ลายแบบโมโนแกรม (Monogram) หรือ KORAT Monogram ซึ่งใช้รูปแมวเป็นแบบพิมพ์บนกางเกง สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของเมืองโคราช และความเป็นโคราชอย่างชัดเจน โดยนครราชสีมาเป็นจังหวัดแรกของประเทศที่เริ่มพิมพ์ลายกางเกงประจำจังหวัด พร้อมกันนี้กางเกงลายแมวยังไปโผล่เป็นไอเทมในเกมส์ออนไลน์ชื่อดังอย่าง Free Fire อีกด้วย 

‘ภูมิธรรม’ เผย ‘Pride Month’ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ยัน!! รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ‘สมรสเท่าเทียม’

(15 มิ.ย.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการนำของท่านนายกรัฐมนตรี ประกาศสนับสนุนทุกความหลากหลาย ได้ผนึกกำลังภาครัฐและภาคเอกชนฉลองเทศกาล Pride Month เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ LGBTQIAN+ ตลอดช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า โอกาสในการขยายธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SME และสร้างมูลค่าเพิ่มทางการค้าโดยการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ด้วย

ซึ่งล่าสุด ได้รับรายงานจากนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ถึงการวิเคราะห์การจัดงาน Pride Month ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวและการค้า และการบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) ภายใต้นโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ของรัฐบาล ที่มุ่งกระจายการท่องเที่ยวสู่ 55 จังหวัด 'เมืองน่าเที่ยว' ที่มีศักยภาพเสริมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการเป็นศูนย์กลางการจัดงาน Event ระดับโลก ซึ่งการจัดงานเทศกาล Pride Month จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรของผู้บริโภคกลุ่ม LGBTQIAN+ (Pride Friendly Destination) ทั้งไทยและต่างชาติที่มีแนวโน้มจำนวนเพิ่มมากขึ้นและเป็นกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง

ข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด Ipsos ซึ่งทำการสำรวจประชาชน จำนวน 22,514 คน จาก 30 ประเทศในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2566 ระบุว่า ร้อยละ 9 ของประชากรโลกที่บรรลุนิติภาวะระบุตนเองว่าเป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และประชากรไทย ร้อยละ 9 ก็ระบุตนเองว่าเป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้จำนวนประชากรผู้มีความหลากหลายทางเพศในปัจจุบันอาจมีสัดส่วนไม่มากนัก แต่คาดการณ์ว่าประชากรที่อยู่ใน Gen Z (เกิดหลังปี 2540) มีแนวโน้มระบุตนเองเป็นผู้มีหลากหลายทางเพศมากกว่าประชากรกลุ่ม Millennial, Gen X และ Baby Boomer จึงเห็นได้ว่ากลุ่ม LGBTQIAN+ นี้ถือเป็นตลาดผู้บริโภคสำคัญที่สามารถมีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยได้ นอกจากนี้ ผลสำรวจของ LGBT Capital บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินยังพบว่า ในปี 2566 กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลกมีกำลังซื้อสูงถึง 4.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในไทยมีกำลังซื้อ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้การจัดงานยังมีส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจการจัดอีเวนต์ ธุรกิจบริการด้านอาหาร ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านการจัดกิจกรรมภายในงานเฉลิมฉลอง อาทิ การจัดนิทรรศการแสดงสินค้า แฟชั่นโชว์การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายในงานรวมทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการขนส่ง ที่ให้บริการรองรับผู้เข้าร่วมงานก็ยังได้ประโยชน์ร่วมด้วย และช่วยให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยไทยเริ่มจัดงานเฉลิมฉลอง Pride Month เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2542

และปัจจุบันมีการจัดงานอย่างแพร่หลายในจังหวัดต่าง ๆ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังชุมชนในทุกภูมิภาค สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวและการจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับท้องถิ่น โดยในปี 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน Pride Month มากกว่า 860,000 คน สามารถสร้าง เงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท

และเพื่อสนับสนุนให้ไทยมีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ World Pride 2030 และได้ประโยชน์สูงสุดในเชิงเศรษฐกิจ ต้องเดินหน้าส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการยอมรับและปฏิบัติต่อบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างเสมอภาคและยั่งยืน ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่พร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยเฉพาะการพัฒนายกระดับธุรกิจบริการของไทยให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการนำ Soft Power ของไทยมาใช้ดึงดูดและออกแบบการจัดงานของไทยให้โดดเด่น พร้อมกับการจำหน่ายสินค้าและบริการของไทย ตลอดจนส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและนันทนาการ อาทิ ซีรีส์วายและซีรีส์ยูริของไทยที่ได้รับการยอมรับจากตลาดต่างประเทศ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการแสดงถึงความเปิดกว้าง อีกทั้งเป็นกระบอกเสียงในการสร้างความรู้ความเข้าใจในประเด็นการส่งเสริมความเท่าเทียมของผู้มีความหลากหลายทางเพศที่สอดแทรกไปกับการผลักดันสินค้าและบริการชุมชนสู่ตลาดโลก และรัฐบาลเดินหน้า ผลักดัน พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมให้สำเร็จด้วย

‘ลิซ่า’ เตรียมปล่อยซิงเกิลใหม่ ‘Rockstar’ 28 มิ.ย.นี้ ผลงานแรกภายใต้ค่าย LLOUD - RCA Records

(19 มิ.ย.67) กระแสไวรัลในโลกออนไลน์กำลังฮือฮาสนั่นถึงสาว ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ซีอีโอสาวบริษัท LLOUD ได้ออกมาเปิดเผยวันปล่อยซิงเกิลใหม่ล่าสุดของเธอที่มีชื่อว่า ‘Rockstar’ โดยทุกคนเตรียมตัวรับความปังพร้อมกันในวันที่ 28 มิ.ย. 07.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ทั้งนี้ เพลง Rockstar จะเป็นเพลงแรกที่ได้ปล่อยภายใต้สัญญาข้อตกลงระหว่างบริษัท LLOUD และ RCA Records ซึ่งเป็นผลงานซิงเกิลที่ 4 ต่อจาก LALISA, MONEY และ SG โดยเพลงนี้ลิซ่าจะเป็นผู้ครองลิขสิทธิ์มาสเตอร์เองทั้งหมด

เท่านั้นไม่พอ เมื่อ 5 วันที่ผ่านมา ลิซ่าได้สปอยล์เพลงแบบเบา ๆ ผ่านบัญชีติ๊กต็อกส่วนตัวมีเสียงกระซิบเบา ๆ ว่า ‘Baby, I’m a rockstar’ ซึ่งลิซ่าทุบสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดส์ในการเข้าถึงผู้ติดตาม 1 ล้านคนภายใน 2 ชั่วโมง 18 นาที แถมยังมียอดวิว 82 ล้านวิวอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top