Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

สลากกินแบ่งเตือน!! รับไปขายต่อออนไลน์​ ผิดระเบียบ​ โดนยึดสิทธิการจำหน่าย ย้ำ!! ต้องไปขายด้วยตัวเองเท่านั้น

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านออนไลน์โซเชียลมีเดียนั้น ขอเตือนตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และผู้ซื้อจองล่วงหน้าการนำสลากไปขายต่อนั้น

เป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา และหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่าย ตามที่กำหนดให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองล่วงหน้า มีหน้าที่ต้องไปขายด้วยตนเองทุกงวดตลอดอายุสัญญา และต้องขายในลักษณะขายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้น ห้ามนำไปขายส่ง หรือขายให้แก่ผู้ที่ซื้อสลากเพื่อนำไปขายต่อเป็นอันขาด รวมถึงห้ามขายเกินราคาที่กำหนดด้วย

หากตรวจพบว่าไม่ได้ขายด้วยตนเองจะถือว่าผิดสัญญา และสำนักงานสลากฯ จะบอกเลิกสัญญา รวมถึงยกเลิกสิทธิการลงทะเบียน กรณีเป็นผู้ซื้อจองล่วงหน้า และผู้ที่จำหน่ายสลากเกินราคา มีความผิดตามกฎหมายระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/2027145

'หมอวรงค์' เผยเอกสารสำคัญ​ 'กรณีไลฟ์วัคซีนของธนาธร' ถึงมือ 'กระทรวงดีอีเอส' แล้ว >> แอบงง!! เหตุที่ธนาธรทำไป​ เพราะอ้างปกป้องสถาบัน

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

#ธนาธรอ้างปกป้องสถาบัน

วันนี้ผมไปยื่นเอกสารสำคัญ ให้กระทรวงดีอีเอส กรณีนายธนาธร ไลฟ์เรื่องวัคซีน และกระทรวงขอให้ศาล มีคำสั่งลบคลิปนี้ เพราะมีข้อมูลบิดเบือน สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบัน

แต่นายธนาธรใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาล ผมจึงนำเอกสารสำคัญไปมอบให้ เพื่อให้กระทรวงดีอีเอสมอบต่อศาล ไปยื่นคัดค้านคำขอนายธนาธร

ที่สำคัญ สัญญาการซื้อขายวัคซีนนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล กับทางแอสตรา เซนิก้า ประเทศอังกฤษ และแอสตรา เซนิก้า จ้าง Siam Bioscience ผลิต ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ควรจะเป็นเรื่องของแอสตรา เซนิก้า กับทางรัฐบาล

แต่นายธนาธรกลับโยงไปที่บริษัทผู้ผลิต ซึ่งควรจะเป็นเรื่องของแอสตรา เซนิก้า ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง Siam Bioscience และในส่วนของSiam Bioscience ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ควรจะเป็นกรรมการบริษัท ที่รับผิดชอบ

แต่นายธนาธร กลับพุ่งเป้าไปที่ผู้ถือหุ้น ซึ่งโยงไปถึงในหลวง ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เขาโยงถึงในหลวงถึง 14 ครั้ง ทั้งๆที่ควรจะเป็นกรรมการบริษัท Siam Bioscience ที่ต้องรับผิดชอบ (ถ้ามีปัญหาใดๆ)

ทั้งนี้​ นพ.วรงค์​ ยังได้ทิ้งท้ายอีกว่า...

ข้อมูลแปลกๆ​ ที่ได้รับคือ การที่นายธนาธรทำแบบนี้ เพราะเขาคิดว่า เขาต้องการปกป้องสถาบัน...???


ที่มา: https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2841003249504041/

'หมอยง'​ ชี้ข้อดีของวัคซีน​ Sputnik V จากรัสเซีย สเป็กเดียวกับ​ AztraZeneca พร้อมประสิทธิภาพแตะ 91.6% >> ลบคำครหาวัคซีนห่วย

หมอยง หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เพื่อไขข้อสงสัยดังกล่าวโดยระบุว่า...

โควิด 19 วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย

ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ 3 วัคซีน Sputnik V ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lancet กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึง 91.6%

วัคซีนของรัสเซียตั้งชื่อตามดาวเทียม ที่เคยสู่อวกาศเป็นเครื่องแรกของโลก

ข้อมูลประสิทธิภาพค่อนข้างชัดเจนมากในการศึกษาวิจัย

วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์​ แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีน

AstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ 2 เข็มเหมือนกัน

วัคซีน​ Sputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส 2 ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26

การฉีดใน 2 เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ 2 จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งก็มีเหตุผล

จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน การกระตุ้นเข็มที่ 2 ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า

ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ 1 และ 2 จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca

ข้อมูลที่ลงพิมพ์ในวารสาร Lancet ทำให้วัคซีนของรัสเซีย น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว 17 ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ 1 ประเทศ

ราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน 10 เหรียญ US ขึ้นอยู่กับการต่อรอง

เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วเป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง

(Sputnik 1-4 (I-IV) เป็นชื่อดาวเทียม ที่ส่งขึ้นก่อนใครในโลก Sputnik V รัสเซียต้องการตั้งเป็นนัย ว่าผลิตวัคซีนได้ก่อนใครในโลก จึงตั้งชื่อเดียวกับดาวเทียม 1-4 แล้วต่อตัวที่ 5 เป็นชื่อวัคซีนไปเลย) #หมอยง


ที่มา: https://m.facebook.com/story.phpstory_fbid=5193538847355357&id=100000978797641

อย่างนี้ต้อง​ไล่ออก!! >> 'ศรีสุวรรณ' จี้กองทัพไทยต้องไล่ออกสถานเดียว​ กรณีทหารเลวล่าสัตว์ป่า

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารอนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้หวังดีแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ท้องที่บ้านไทรโยคใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

และเมื่อนำกำลังไปตรวจค้นพบทหารยศ พันจ่าเอก สังกัดหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนหลายประเภท รวมทั้งอุปกรณ์ล่าสัตว์ต่างๆมากมาย ที่สำคัญพบซากนกเงือก จำนวน 7 ซาก ซากนกกาเหว่า จำนวน 2 ซาก ซากนกเขียวคราม จำนวน 1 ซาก รวมทั้งยังพบยาบ้าพร้อมอุปกรณ์เสพยา และกัญชาอัดแท่งอีกด้วยนั้น

หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ของทหารคนดังกล่าวที่ไม่ยี่หระต่อกฎหมาย และวินัยทหาร เพราะคิดว่าเป็นทหารมีอาวุธ จะทำอะไรก็ได้ จึงได้กล้ากระทำการดังกล่าวอันเป็นการเย้ยหยันคนไทยที่รักสัตว์ป่า รวมทั้งนักอนุรักษ์

และนักสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศเป็นอย่างมาก และน่าจะกระทำมาหลายต่อหลายครั้ง จนย่ามใจ และอาจชี้ให้เห็นว่าหน่วยงานต้นสังกัด ไม่ได้มีการฝึกอบรมหรือสั่งสอนให้มีความรับผิดชอบชั่วดี ให้เกิดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจของความเป็นทหารเลยแต่อย่างใด

กรณีที่เกิดขึ้นทหารคนดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ทั้งการฝ่าฝืน พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2562 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน 2490 พรบ.ยาเสพติดให้โทษ 2522

และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งล้วนเป็นข้อหาหนักซึ่งต้องถูกจำคุกก็ตาม แต่สำหรับโทษทางทหารนั้น นอกจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร 2476 แล้วยังมี พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการทหาร 2521 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม 2551 อีกด้วย

ซึ่งพฤติกรรมและหรือการกระทำดังกล่าวของพันจ่าเอก สังกัดหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ จะต้องถูกต้นสังกัด คือ “กองบัญชาการกองทัพไทย” สอบสวนและลงทัณฑ์โดยพลัน

ซึ่งโทษสูงสุดควรที่จะต้อง “ไล่ออก” จากความเป็นทหารเท่านั้น แต่หากมีการช่วยเหลือปกป้องให้กันและกัน ก็จะทำให้องค์กรในภาพรวมมัวหมองตามไปด้วย และผู้บังคับบัญชาก็จะต้องมีโทษเฉกเช่นผู้กระทำผิดตามไปด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/217846

'บิ๊กตู่' อินเทรนด์!! อัด​ 'พอดแคสต์'​ แจงการบริหารโควิดของรัฐ >> ย้ำ!! สถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น​ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมเข้มต่อเนื่อง

6 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกรายการผ่านแอพพลิเคชั่น พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า โดยกล่าวในหัวข้อ ​"การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19" ว่า ย้ำว่าการแพร่ระบาดในขณะนี้เป็นการแพร่ระบาดใหม่ในประเทศ ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับการระบาดในรอบแรก โดยอยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่าการระบาดในปีที่แล้ว ด้วยความไม่ประมาทเจ็บแต่จบ

เราเลือกการล็อกดาวน์ เพราะทั้งไทยและชาวโลกต่างก็ไม่รู้จักโรคระบาดนี้มาก่อน แต่ก็เป็นการล็อคดาวน์ค่อยเป็นค่อยไปตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยคำนึงถึงสุขภาพและปากท้อง

จนเราประสบความสำเร็จ​ ในขณะที่หลายประเทศไม่กล้าปิดประเทศ หรือตัดสินใจเมื่อสายไป สุดท้ายก็ต้องล็อคดาวน์อยู่ดี แต่ก็ไม่สามารถควบคุมโรคได้จนถึงทุกวันนี้ที่มีการระบาดและรอบ 2 หรือ 3 สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง​ ดังนั้นเราต้องดูต่างประเทศด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทั้งนี้คนไทยมีคติภาษิตอยู่แล้วว่า เจ็บแล้วต้องจำ จึงบันทึกทุกอย่างเป็นบทเรียนและสถิติ พร้อมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเชื่อมั่นว่าเรารู้จักการรับมือโรคนี้มากขึ้น และปรับมาตรการต่าง ๆ​ ให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาด โดยต้องตั้งบนหลักวิชาการและบริบทของประเทศไทย เช่น​ การ​​ที่เราจะปิดสถานประกอบการใด​ ก็ต้องพิจารณาจากตัวเลขสถิติที่สะท้อนการแพร่ระบาดของโรค

ซึ่งศบค. พบว่า​การแพร่ระบาดร้อยละ 40 มาจากชุมชน ตลาดร้อยละ 4 สถานบันเทิงและบ่อนการพนันร้อยละ 3 ในขณะที่ร้านอาหารร้อยละ 1 ตัวเลขเหล่านี้จึงสะท้อนออกมาเป็นข้อกำหนดและมาตรการของ ศบค."

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนที่มีหลายคนอ้างว่าสั่งปิดตลาด​ แต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้าเอื้อเจ้าสัว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ตรรกะและไร้ข้อมูลสิ้นเชิง

นอกจากนี้จะเห็นว่าในครั้งนี้รัฐบาลเลี่ยงการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ​ โดยหันมาใช้การแบ่งโซนพื้นที่และกำหนดมาตรการควบคุมให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการให้สอดคล้องในแต่ละจังหวัด

อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ที่เราจะมีการฉีดวัคซีนนั้นก็เป็นมาตรการเสริมในการป้องกันและควบคุมโรค แต่มาตรการหลักทุกพื้นที่อย่างจำเป็น ต้องการ์ดไม่ตก และมีวินัยอย่างเต็มที่เหมือนเดิม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าทุกคนได้ติดตามการรายงานสถานการณ์จากศบค. อย่างใกล้ชิดทุกวัน จะเห็นว่าวันนี้เรามีพัฒนาการไปในทางที่ดียังอยู่ภายใต้การควบคุม ส่วนในช่วงแรกที่เกิดการระบาดใหม่ที่หนักหน่วงกว่าปีที่แล้วนั้น เพราะเกิดจากการระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าว งานรื่นเริงที่มีเครื่องดื่มมึนเมาและบ่อนการพนัน

แต่ต่อมาได้ติดตามสอบสวนโรคอย่างไม่ลดละและมีการตรวจเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างแนวกันชนไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกนอกพื้นที่ เช่น​ ในโรงงานต่างๆ ในจ.สมุทรสาคร ได้ดำเนินการ “บับเบิ้ลแอนด์ซีล” (Bubble and Seal) โดยวิธีนี้ใช้ได้ผลมาก ทำให้ผู้ติดเชื้อลดลง​ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังได้ปรับมาตรการให้ยืดหยุ่นและผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้งกำชับหน่วยงานความมั่นคงให้ควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พร้อมระบบเข้าตรวจตามแนวชายแดนที่เข้มข้นมากขึ้นในยามวิกฤติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ถือเป็นพลังทางสังคมที่เป็นส่วนร่วม เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วยให้บ้านเมืองปลอดภัยในทุกมิติ ซึ่งหากเราช่วยกันเป็นยามเฝ้าแผ่นดินก็จะแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน และได้ผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากดีกว่าโทษกันไปมา เราต้องร่วมมืออย่าปล่อยให้คนไม่ดีคนชั่วหรือคนทำความผิดโจรผู้ร้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเรา โดยมีมาตรการทางสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "สำหรับข้อเน้นย้ำทุกพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยได้สร้างกลไกเสริมเชื่อมโยงกับ ศบค. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ สร้างโครงข่ายแบบรังผึ้ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมและตำรวจดูแลสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการเร่งตรวจค้นหาจับกุม บุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย

ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยต้องดำเนินคดีและส่งฟ้อง ขณะเดียวหันหากสถานประกอบการ ใดไม่สามารถดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดได้ ก็จะให้พิจารณาหยุดการดำเนินการ"

"หลักการทำงานของผมเน้นการป้องกันและเชิงรุกในทุกเรื่อง สิ่งสำคัญการแก้ปัญหาใดๆเราต้องแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เช่น กรณีวัคซีนเราก็ต้องไม่เป็นผู้ซื้อตลอดไปต้องแสวงหาโอกาสและช่องทางที่จะเป็นผู้ผลิตหรือผู้สร้างนวัตกรรมด้วยตนเองให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันหน้า

ส่วนการแก้ปัญหาโควิดก็ได้มีการตรวจเชิงรุก ควบคู่การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งในเรื่องการตรวจเชิงรุกบางคนก็บอกว่าไปตีรังแตนหรือไม่ เพราะทำให้ตัวเลขสถิติผู้ติดเชื้อสูง อาจสร้างความตระหนก แต่ผมมองว่าเป็นการดับไฟที่ต้นตอมากกว่า" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันบ้านเมืองเราโชคดีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนสามัคคีกัน ถือเป็นจุดแข็งของคนไทยที่เมื่อมีภัยเราก็ร่วมมือกัน และไม่ควรที่ใครโดยเฉพาะคนไทยด้วยกันจะมาดูแคลนคนไทยดูแคลนบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ส่วนใครที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วสื่อสารออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริง

ตนเชื่อว่าความจริงเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสบายใจและหันมาร่วมมือมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามนั้นย้ำว่ามีความจำเป็น เพื่อเป็นการแยกผู้ป่วยโควิดออกจากผู้ป่วยปกติอื่นๆ ไม่ให้มีความเสี่ยงและเป็นอันตราย

ซึ่งขณะนี้มีการเสียสละหลายพื้นที่และไม่มีใครต่อต้านแล้ว ทำให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามความจำเป็นของสถานการณ์ อีกทั้งยังได้รับการติดต่อจากภาคเอกชนในหลายจังหวัดในการสนับสนุนพื้นที่ จึงต้องขอขอบคุณประชาชนพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ช่วยกันเสียสละทุ่มเทเผชิญรับความเสี่ยงไปด้วย ตนขอให้ทุกคนปลอดภัยประชาชนและเจ้าหน้าที่ปลอดภัย นายกฯ​ และรัฐบาลก็จะสบายใจขึ้น

'ทวิตเตอร์' ปลิวอีกตัว​ >> กองทัพเมียนมาไล่บล็อกโซเชียลมีเดียไม่หยุด ล่าสุดถึงคิวทวิตเตอร์​ หวังกันแฮชแท็กปั่นต้านรัฐประหาร

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการเมียนมาสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระงับการให้บริการทวิตเตอร์และอินสตาแกรมในเมียนมาชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด หลังจากชาวเมียนมาพากันใช้โซเชยลมีเดียดังกล่าวต่อต้านการทำรัฐประหาร

หลังจากเฟซบุ๊คถูกปิดกั้นการใช้งานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชาวเมียนมาจึงตอร์หันไปใช้ทวิตเตอร์ในการแพร่กระจายข่าวสารต่างๆ และติดแฮชแท็กต่อต้านรัฐบาลทหาร อาทิ #RespectOurVotes, #HearTheVoiceofMyanmar และ #SaveMyanmar โดยบางแฮชแท็กมีการพูดถึงกว่าล้านครั้ง

แต่ราว 22.00 น.ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ผู้ใช้บางรายเริ่มเข้าใช้ทวิตเตอร์ไม่ได้ และบางคนยังบอกว่าแม้จะใช้อินเทอร์เน็ตจำลองส่วนตัว หรือวีพีเอ็น เพื่อหนีการบล็อคก็ยังเข้าใช้ทวิตเตอร์ไม่ได้

การบล็อคทวิตเตอร์ส่งผลให้ในเวลาต่อมาแฮชแท็ก #WeNeedDemocracy และ #FreedomFromFear ซึ่งเป็นคำพูดของอองซานซูจีติดเทรนด์ขึ้นมาอีกครั้ง ในเมียนมา

จากเอกสารของทางการเมียนมาที่สำนักข่าวเอเอฟพีได้เห็นซึ่งยังไม่มีการยืนยัน ทางการอ้างว่ามีการใช้ทวิตเตอร์และอินสตาแกรมเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนต่อสาธารณชน

ต่อมาทวิตเตอร์เผยถึงความเคลื่อนไหวนี้ว่า "เป็นการบ่อนทำลายการพูดคุยในที่สาธารณะและสิทธิของประชาชนในการส่งเสียงของพวกเขา...เราจะเดินหน้าสนับสนุนการเรียกร้องให้ยุติการปิดกั้นของรัฐบาลทหาร"

ด้าน NetBlocks องค์กรเอกชนที่ตรวจสอบความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตและเหตุขัดข้องของอินเทอร์เน็ตทั่วโลกยืนยันว่า แพลตฟอร์มอื่นในเครือของเฟซบุ๊ค อาทิ วอทส์แอพก็ถูกปิดกั้นเช่นกัน


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/644655

'ก.ยุติธรรม' เปิดประมูลโมเดลการ์ตูน​ในกลุ่มเครื่องมือแปรทรัพย์จากคดียาเสพติด​ >> ชี้เงินที่ได้​ สนับสนุนงานแก้ไขปัญหา-ปราบปราม ช่วยลดค่าใช้จ่ายรัฐบาล พร้อมย้ำ!! วางเป้าปี 64 ต้องยึดให้ได้ 6,000 ล้าน

รมว.ยุติธรรม เปิดงานประมูลโมเดลการ์ตูน 286 รายการยึดจากคดียาเสพติด ประเดิม 'ลูฟี่'​ ตัวแรก 111,000 บาท 'สมศักดิ์'​ ชี้นำเงินที่ได้ไปสนับสนุนงานแก้ไขปัญหา-ปราบปราม ช่วยลดค่าใช้จ่ายรัฐบาล ย้ำวางเป้าปี 64 ต้องยึดให้ได้ 6,000 ล้าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด​ (ป.ป.ส.) มีการจัดงาน การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ไม่เหมาะสมจะเก็บรักษา ครั้งที่ 1/2564 จากการยึดทรัพย์คดียาเสพติด ประเภทตุ๊กตาโมเดลจำนวน 286 รายการ โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน

พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมงาน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานประมูลจำนวนมาก ท่ามกลางมาตรการควบคุมโควิด-19 เว้นระยะห่างและมีจุดตรวจคัดกรองก่อนเข้างานอย่างเข้มงวด

นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ไม่เหมาะสมจะเก็บรักษา เป็นกระบวนการหนึ่งในมาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล และเป็นการดำเนินการต่อทรัพย์สินของนักค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติด พ.ศ.​ 2534 ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการกับทรัพย์สินของนักค้ายาและกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ฉะนั้นเพื่อเป็นการตัดวงจรและศักยภาพทางการเงิน ในวันนี้จึงได้นำทรัพย์สินที่ได้มาขายทอดตลาด​ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สินที่ไม่เหมาะในการเก็บรักษา โดยเป็นประเภทตุ๊กตาโมเดล ที่ตรวจยึดไว้ในคดียาเสพติดรายสำคัญ ที่นักค้ายาเสพติดนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายยาเสพติดไปแปรสภาพเป็นทรัพย์สินดังกล่าว

การขายทอดตลาดนี้เป็นการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์สินได้แล้ว จะยึดและเก็บรักษาเงินที่ได้จากขายทอดตลาดเอาไว้แทน โดยนำฝากกับสถาบันการเงิน หากศาลมีคำสั่งยกฟ้องในคดีอาญาหลัก

หรือยกคำร้องริบทรัพย์สิน คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินจะพิจารณามีมติคืนทรัพย์สินแก่เจ้าของทรัพย์สิน พร้อมดอกเบี้ยคืนให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน แต่หากศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จะส่งมอบเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นให้แก่กองทุนฯเพื่อนำไปดำเนินการบริหารจัดการต่อไป

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากศาลให้ริบทรัพย์สินตกเป็นของกองทุนฯ เราจะนำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในการสนับสนุนงบประมาณในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลได้วางเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินในปี 2564 ไว้ 6,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรก เดือน ต.ค.​ 2563 -ม.ค. 2564 ยึดทรัพย์ได้ 1,044 ล้านบาท และการดำเนินการกับคดีค้างเก่ามูลค่า 767 ล้านบาท รวมผลดำเนินการ 1,811 ล้านบาท

หรือคิดเป็นร้อยละ 30.19 หากต่อไปทรัพย์สินดังกล่าวศาลสั่งริบเป็นของกองทุน จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด 4 ด้าน คือ 1.ด้านการป้องกัน 2.ด้านปราบปราม 3. ด้านบำบัดฟื้นฟู และ4.ด้านบุคลากร รวมถึงช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนเป็นเงินสินบนรางวัล ทั้งนี้ตนขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้

จากนั้นนายสมศักดิ์และคณะผู้บริหารได้ร่วมรับชมการประมูล โดยรายการแรกเป็นการประมูล โมเดล 'ลูฟี่'​ จากการ์ตูนวันพีช โมเดล 1:1 ขนาดเท่าตัวจริง โดยผู้ชนะการประมูลได้ไปด้วยราคา 111,000 บาท

กรุงไทย'​ รับ 'เราชนะ'​ วันแรกระบบล่ม พบทำรายการซ้อนกันเพียบ

ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ธนาคารได้ปิดระบบการใช้สิทธิโครงการเราชนะของกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐชั่วคราวประมาณ 5 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิตามโครงการเราชนะเป็นวันแรก

พบว่า ระบบการใช้สิทธิขัดข้อง ในส่วนของระบบแอปพลิเคชันถุงเงิน และระบบ EDC โดยพบความผิดปกติจากการทำรายการที่ซ้ำซ้อนกันได้ จำนวนประมาณ 25,000 คน โดยมีการใช้จ่ายเกินวงเงินสิทธิรวมประมาณ 17 ล้านบาท หรือเกือบ 0.7% ของยอดใช้จ่าย

สำหรับรายการที่มีการใช้สิทธิซ้ำซ้อนกัน ธนาคารอยู่ระหว่างตรวจสอบและแยกแยะรายการที่ผิดปกติ โดยจะดำเนินการโอนเงินให้แก่ร้านค้าในส่วนที่มีการใช้สิทธิอย่างถูกต้อง ตรงตามเงื่อนไขโครงการฯก่อน

ส่วนรายการที่เป็นการใช้จ่ายไม่ตรงตามสิทธิ โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบางกลุ่มมีการใช้จ่ายซ้ำซ้อนกัน จนเกินวงเงินจากสิทธิที่ได้รับในโครงการเราชนะ

ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้วงเงินตามสิทธิที่ได้รับล่วงหน้านั้น โดยธนาคารจะตรวจสอบและดำเนินการปรับปรุงรายการให้ถูกต้อง และปรับปรุงการใช้สิทธิให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและร้านค้าต่อไป

เรื่องนี้น่าคิด!! 'เพื่อไทย' แนะ >> รัฐปล่อยกู้ 'SMEs'​ ภาคท่องเที่ยว ดอกเบี้ยต่ำ​ ช่วยฟื้นตลาดจ้างงาน

'เพื่อไทย'​ จี้ 'ประยุทธ์'​ เร่งช่วย SMEs ท่องเที่ยว ห่วง ขาดสภาพคล่อง ตัวเลขว่างงานพุ่ง แนะ เร่งฉีดวัคซีน ออกซอฟท์โลน และ สนับสนุนการจ้างงาน รวมทั้งรับฟังภาคธุรกิจท่องเที่ยว

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ในวิกฤติการณ์ไวรัสโควิดนี้ นักท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านคนที่เข้ามาเที่ยวไทยต้องหยุดการเดินทาง รายได้ที่เคยเข้าประเทศประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ต้องหายไป ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่รัฐบาลกลับไม่ได้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวแต่อย่างใด

"อยากให้รัฐบาลได้ฟังคำร้องขอของ นักธุรกิจใหญ่ทางด้านการท่องเที่ยว เช่น นายวิลเลียม ไฮนากี้ เจ้าของไมเนอร์กรุ๊ป และ นายแพทย์ปราเสริฐประสาททองโอสถ เจ้าของบางกอกแอร์เวย์ ที่ต้องออกมาโวยการบริหารของรัฐบาล เพื่อได้พิจารณาแก้ไข ซึ่งหลายประเด็นเป็นเรื่องน่าจะต้องนำมาพิจารณา" จักรพลกล่าว

ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ได้เร่งช่วยเหลือเยียวยา ธุรกิจ SMEs ด้านการท่องเที่ยวก่อนที่จะล้มหายตายจากกันหมด

"อยากให้รัฐบาลได้ประสานกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในการออกซอฟท์โลนแก่ธุรกิจ SMEs ท่องเที่ยวในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ หรือ 0% ได้จะยิ่งดี เพื่อให้ประคองให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติเศรษฐกิจช่วงนี้ไปได้ ก่อนที่การท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวกลับมา" จักรพลกล่าว

ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลช่วยอุดหนุนการจ้างงานของแรงงานภาคท่องเที่ยวด้วย เพราะย่ำแย่กันมานาน ห่วงว่าจะตกงานกันหมด

"โดยรัฐอาจจะพิจารณาช่วยออกค่าจ้าง 50% เพื่อประคองการจ้างงาน แทนที่รัฐบาลจะไปสร้างงานใหม่ 250,000 ตำแหน่งตามที่รัฐบาลเคยพูดไว้เอง​ แต่ไม่รู้จะจ้างไปทำอะไร ก็น่าจะนำเงินนี้มาช่วยรักษาการจ้างงานไม่ให้คนตกงานก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน"

นอกจากนี้การที่จะต้องเร่งนำเข้าวัคซีนเพื่อฉีดให้กับประชาชนโดยทั่วถึงก็จะเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพราะจะทำให้การท่องเที่ยวฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้มีข้อเสนอ 4 ข้อของนักธุรกิจใหญ่ด้านท่องเที่ยวคือ

1.) ให้เพิ่มกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการให้บริการเข้าไปในกลุ่มผู้รับวัคซีนระยะแรก

2.)พิจารณาทางเลือกเกี่ยวกับวัคซีนให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน

3.) เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพร้อมกับ “หนังสือเดินทางการวัคซีน” ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องนำมาพิจารณาเพื่อเร่งดำเนินการ ไม่ใช่ปล่อยผ่าน หรือเอาแต่คิดแล้วไม่เร่งทำ

4) เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพร้อมกับ “หนังสือเดินทางการวัคซีน” ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องนำมาพิจารณาเพื่อเร่งดำเนินการ ไม่ใช่ปล่อยผ่าน หรือเอาแต่คิดแล้วไม่เร่งทำ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทย และ รัฐบาล ได้ประโยชน์จากธุรกิจท่องเที่ยวที่ขยายตัวมาตลอดทำให้เศรษฐกิจไทยยังพอขับเคลื่ยนไปได้ แม้การส่งออกและการลงทุนจะไม่ดีนัก แต่เมื่อมาเจอกับวิกฤติไวรัสโควิด ทำให้การท่องเที่ยวหยุดชะงัก

"รัฐบาลจึงควรต้องหาทางช่วยเหลือเพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวนี้ผ่านพ้นไปได้ โดยเฉพาะประชาชนที่ทำงานในธุรกิจนี้ ที่รัฐบาลจะต้องช่วยให้พวกเขาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ อย่าปล่อยพวกเขาตามยถากรรมเพราะเดือดร้อนหนักเป็นอย่างมาก อย่าปล่อยให้พวกเขาเผชิญความลำบากโดยลำพังโดยรัฐบาลไม่เหลียวแล ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ทำไม่ได้ หรือ ไม่เข้าใจ ก็ควรจะเสียสละให้คนที่เขารู้เรื่องเข้ามาทำแทน ประชาชนจะได้ไม่ลำบากขนาดนี้" จักรพลกล่าว


ที่มา: https://www.matichon.co.th/politics/news_2565255

'ก.แรงงาน' อัพเดทไทม์ไลน์ โครงการ 'ม.33 เรารักกัน'​ >> ลงทะเบียน​ -​ ตรวจสิทธิ 21 ก.พ. - 7 มี.ค.64 >> เริ่มใช้จ่ายกับร้านค้าภายใต้โครงการเราชนะ 22 มี.ค. - 31 พ.ค.64

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยไทม์ไลน์ โครงการ ม.33 เรารักกัน​ที่ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้ว ภายหลังจากที่ได้ส่งหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง ซึ่งช่วงเวลาลงทะเบียนได้รับการยืนยันจากธนาคารกรุงไทยแล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ ม.33 เรารักกัน ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ช่วยดูแลพี่น้องแรงงานจากผลกระทบโควิด-19 รวมทั้งนายจ้างผู้ประกอบการให้เหมือนคนในครอบครัว

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย และได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อหาแนวทางการในการเพิ่มการเยียวยาแก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 ให้เท่าเทียมกับกลุ่มอื่นๆ ที่รัฐได้ช่วยเหลือไปแล้ว เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รัฐบาลจึงเยียวยารายละ 4,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

1.) ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย

2.) เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33

3.) ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

และ 4.) ไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินรวมกันเกิน 500,000 บาท

นายสุชาติ ยังกล่าวถึง ล่าสุดได้ส่งหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทยได้ยืนยันระยะเวลาการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว โดยกำหนดไทม์ไลน์ ดังนี้

1.) ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com และตรวจสอบการได้รับสิทธิ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-7 มี.ค.64

2.) ธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งประมวลผลคัดกรอง วันที่ 8-14 มี.ค.64

3.) กดใช้งานและกดยืนยันตัวผ่านแอพพลิเคชั่น​ "เป๋าตัง" วันที่ 15 - 21 มี.ค.64

4.) ได้วงเงินผ่าน "เป๋าตัง" 1,000 บาท ในวันที่ 22,29 มีนาคม และวันที่ 5,12 เม.ย.64

5.) เริ่มใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าภายในโครงการเราชนะ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. - 31 พ.ค.64

ทั้ง คาดว่าจะมีผู้ประกันตน ม.33 เข้าข่ายมีสิทธิได้รับเงินเยียวยาในครั้งนี้ จำนวน 9.27 ล้านคน ใช้วงเงินทั้งสิ้นประมาณ 37,100 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top