จังหวัดฉะเชิงเทรา ผุดโครงการ ‘ไม่เผา เราทำได้’ ดันราชสาส์นโมเดล เป็นต้นแบบ รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร เพื่อลดปัญหาการเผาตอซังฟางข้าวของเกษตรกร ต้นตอปัญหาฝุ่น PM 2.5
นายเกรียงไกร ปัญญาพงศธร นายอำเภอราชสาส์น เป็นประธานเปิดกิจกรรม รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่เกษตรอำเภอราชสาส์น พ.ศ.2564 “ไม่เผา เราทำได้” จัดขึ้นที่หอประชุมอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งพร้อมด้วย สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา กรมควบคุมมลพิษ
และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติไทยพีบีเอส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. สำนักงานเกษตรอำเภอราชสาส์น สถานีตำรวจภูธรราชสาส์น ส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอราชสาส์น บริษัท ยันมา เอส พี จำกัด บริษัท ป.ต.ท. จำกัด (มหาชน) เกษตรกร และนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมพิธีเปิดอย่างพร้อมเพรียง
โดยสาเหตุหลักที่เกษตรกรมีการเผาในพื้นที่เกษตร เนื่องจากเกษตรกรมีต้นทุนน้อย การเผาเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และเกษตรยังไม่มี วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลการเกษตร ที่จะนำมาอัดฟาง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน การซื้อ - ขายฟาง มีข้อจำกัด ได้แก่ การซื้อไม่ทันเนื่องจากผู้ค้าน้อยราย การเข้าไม่ถึงแปลงที่ที่ต้องการซื้อ และที่สำคัญการประสานบูรณาการระหว่างหน่วยงาน และการบังคับใช้กฎหมายยังขาดประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ "ราชสาส์นโมเดล" จึงเป็นแนวทางลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ซึ่งมีการประชุมผู้เกี่ยวข้อง ทบทวนปัญหาที่ผ่านมา กำหนดแนวทาง การบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนงาน
ภายใต้โครงการรณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร อำเภอราชสาส์น มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกลดการเผาเสริมความรู้เทคนิควิธีทำนาโดยไม่ต้องเผา เช่น ไถกลบ การหมักตอซัง ขอความร่วมมือ สร้างแรงจูใจ เกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการฯ และทำข้อตกลง(MOU)หยุดเผา ซึ่งมีเกษตรกรที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์ไม่เผา เราทำได้ รวม 604 ราย ทั้งนี้ ยังได้มีแปลงสาธิต เพื่อสาธิตการไถกลบตอซัง และการปรับปรุงบำรุงดิน และได้มีการขอรับการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์
ทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน ตามมาตรการ ดึงฟางออกจากไฟ เป้าหมายคือ การนำฟางออกจากพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยหาผู้รับซื้อฟางให้เพียงพอต่อปริมาณฟาง และ ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการทั้งการซื้อ และการขนส่งฟาง โดยมีการจัดกิจกรรม Kick Off โครงการรณรงค์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร อำเภอราชสาส์น
พร้อมทั้งกำหนดมาตรการรับมือ ด้วยการจัดชุดเฝ้าระวัง และชุดระงับเหตุ และบังคับใช้กฎหมาย ติดตามประเมินผล เพื่อเป็นข้อมูลขับคลื่อนในปีต่อไป เช่น ผลผลิต รายได้เกษตรกรหลังเข้าร่วมโครงการ
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันพบว่าในประเทศไทยมีการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมเป็นปัญหาสำคัญ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดมลภาวะส่งผลต่อสุขภาพของประขาชนในพื้นที่แล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร ในส่วนของอำเภอราชสาส์นเอง มีพื้นที่ทำนาถึง 31,000 ไร่ หลังการเก็บเกี่ยว
โดยเฉพาะเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี มักพบการเผาตอชังฟางข้าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ อำเภอราชสาส์นจึงได้จัดทำโครงการ รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตร เพื่อลดสาเหตุของการเกิดมลภาวะโดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และเพิ่มทางเลือกเพื่อทดแทนการเผา เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ส่งผลต่อผลผลิต รายได้และความยั่งยืนของเกษตรกรต่อไป
ศักรินทร์ กิยาหัต รายงาน
