Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

ครม.ไฟเขียวแก้กฎกระทรวงให้ ใส่ชื่อตัวเอง บนแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ระบุให้ มีตัวอักษรผสมสระ และ วรรณยุกต์ ได้ เล็งเปิดประมูลเป็นการทั่วไป นำรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หลัง "ขนส่ง" ประกาศใช้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบหลักการกำหนดแผ่นป้ายทะเบียนรูปแบบพิเศษ โดยกำหนดให้ผู้ที่อยากมีป้ายทะเบียนรถยนต์ที่มีชื่อของตัวเองสามารถมีได้

หลังจากครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถและการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกจะไปออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมาย เป็นการกำหนดให้ลักษณะของแผ่นป้ายทะเบียนสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน มีตัวอักษรมากกว่า 2 ตัว หรือตัวอักษรผสมสระ หรือ วรรณยุกต์ หรือตัวเลขได้ เพื่อนำลักษณะแผ่นป้ายดังกล่าวและหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นที่นิยมหรือเป็นที่ต้องการของประชาชนออกเปิดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อนำรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

ทั้งนี้ในปัจจุบันได้มีการกำหนดลักษณะของแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จะแบ่งออกเป็น 2 บรรทัด บรรทัดที่ 1 ประกอบด้วยตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 1 ตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 2 และหมายเลขทะเบียนไม่เกิน4หลัก บรรทัดที่ 2 เป็นตัวอักษรแสดงชื่อจังหวัด

"อย่างเช่นชื่อไตรศุลี ก็สามารถใส่เป็น ไตรศุลี 1 ศรีสะเกษ ได้" นางสาวไตรศุลี กล่าวยกตัวอย่าง

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ โต้ ‘ณฐพร โตประยุร’ เลอะเทอะ ไร้สาระ หลังยื่น กกต.ยุบพรรคก้าวไกล เหตุส.ส.ของพรรคใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ชี้เป็นแค่คนในระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. ที่ออกมาหาเรื่องเท่านั้น

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นกกต.ยุบพรรคก้าวไกล ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 โดยระบุว่า

เลอะเทอะ

ผมได้ติดตามข่าวและได้อ่านเอกสารคำร้องที่คุณณฐพร โตประยูร ที่ได้ส่งให้ กกต. แล้ว ผมไม่มีอะไรจะพูดอะไรมาก นอกจากคำว่า ‘เลอะเทอะ’ และ ‘ไร้สาระ’

คุณณฐพร โตประยูร ชื่อคุ้นๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวของกับคดีฟอกเงินที่ดินคลองจั่นเกือบ 5 ร้อยล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. และเขาก็ยังเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่คดี ‘อิลูมินาติ’ ด้วย ซึ่งในคดีนั้นก็จบลงที่ศาลวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากไม่ได้มีการล้มล้างการปกครองหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแต่อย่างใด

คำร้องยุบพรรคที่คุณณฐพรเขียนมาวันนี้ ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างมาก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา ซึ่งอ่านทั้งหมดแล้วก็รู้สึกว่าไร้สาระยิ่งกว่าคดี ‘อิลูมินาติ’ เสียอีก ดังนั้น ทางผมและพรรคกำลังพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีกับคุณณฐพร โตประยูร ในความผิดมาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2560

ในข้อหาที่ว่า “ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น...”

สุดท้ายนี้ เมื่อดูภาพรวมประกอบบริบทสถานการณ์แล้ว การยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลแบบนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากความตั้งใจก่อกวนให้พวกเราเสียสมาธิในการทำงาน และเบี่ยงประเด็นกลบเกลื่อนความผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐบาล ที่จะถูกแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้

ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่าน อย่าลืมติดตามการประชุมสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป พรรคก้าวไกลพร้อมอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ พวกเรายืนยันจะทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ภาษีทุกบาททุกสตางค์ต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่าและโปร่งใส

‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ประกาศพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ในนามพรรคพลังประชารัฐอีกรอบ หวังล้างตาสำเร็จ

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 เดินทางมาเปิดตัวแสดงความพร้อม ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. นครศรีธรรมราช ว่า วันนี้มาแสดงความจำนง เพื่อขอลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม แทนนายเทพไท เสนพงศ์ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนที่กรรมการบริหารพรรคจะประชุมเพื่อเลือกตามขั้นตอน โดยพร้อมแข่งขันไม่ว่าจะเป็นกับพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ เพราะคือวิถีทางประชาธิปไตย ที่จะต้องมีการเลือกตั้ง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

โดยไม่ได้คิดว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือก ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น และส่วนตัวก็รู้จักนายเทพไท และน้องชายของนายเป็นอย่างดี เพราะทำงานในพื้นที่ก็ได้เจอกัน ส่วนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตนได้คะแนนห่างจากนายเทพไท ไม่มาก ในครั้งนี้จึงเชื่อมั่นว่าประชาชนจะไว้วางใจพรรคพลังประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่าบรรยากาศการเลือกตั้งจะดุเดือดหรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ประกาศจะรักษาแชมป์ไว้ให้ได้ นายอาญาสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นการรักษาแชมป์ เพราะไม่ใช่นักมวย แต่มองว่าเป็นเรื่องของการทำงาน วัดกันที่ความดี ความสามารถ และประชาชนให้ความเชื่อถือ จึงขอเสนอตัวลงแข่งขันในครั้งนี้ และไม่กังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง เพราะยึดหลักธรรมะ ปฏิบัติและพูดความจริง ไม่ไปกลั่นแกล้งใครและจะไม่ทำอะไรที่ขัดหลักประชาธิปไตย และขณะนี้ยังไม่ได้ไปแสดงตนที่จะลงสมัครกับพล.อ.ประวิตร เพียงแต่ทำตามขั้นตอนปฎิบัติเท่านั้น และไม่ทราบว่าพรรคจะเลือกใครลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ วันนี้เดินทางมาที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ก็เพื่อพบปะกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ และยังไม่ได้พบกับพล.อ.ประวิตร

ครม.ปรับเกณฑ์ ‘เราชนะ’ อีกรอบ เปิดให้ร้านธงฟ้า - รถเร่ขายของ - สามล้อถีบ ร่วมโครงการได้ ลงทะเบียนถึง 12 ก.พ. แต่ห้ามใช้ซื้อทองคำ - อัญมณี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบมาตรการเยียวยาประชาชนในโครงการ "เราชนะ" ซึ่งทางสภาพัฒน์ฯได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อย โดยสาระสำคัญคือ เดิมผู้ประกอบการที่เป็นธงฟ้าอาจจะมีข้อที่ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่า ถ้าเป็นนิติบุคคลจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนถ้าเป็นธงฟ้าในรูปนิติบุคคล สามารถเข้าร่วมโครงการได้

นอกจากนี้ ร้านค้าในโครงการคนละครึ่งสามารถเข้าร่วมโครงการเราชนะได้ และผู้ประกอบการของกองทุนหมู่บ้าน กองทุนชุมชนเมือง หรือผู้ประกอบการของชุมชนก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นเดียวกัน รวมถึงผู้ประกอบการที่สามารถตรวจสอบหลักแหล่งได้แต่เป็นประเภทรถ เช่น สามล้อถีบก็สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งทั้งหมดสามารถไปลงทะเบียนร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์เราชนะตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 นี้

นายอนุชา กล่าวว่า "สำหรับกรณีที่จะใช้เงินในโครงการเราชนะไปซื้อสินค้า เช่น ทองคำ หรือร้านค้าที่ขายของประเภทของเก่าที่ขายพวกเพชร พลอย ทอง นาค เงิน หรืออัญมณี อันนี้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการเราชนะได้ เนื่องจากดูแล้วไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพ"

EXIM BANK แจงรัฐประหารในเมียนมา ยังไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า และการค้าการลงทุนไทย - เมียนมา

นางวรรธนา มงคลศรี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้ติดตามสถานการณ์รัฐประหารในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และพบว่ายังไม่มีลูกค้า EXIM BANK ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศของเมียนมา

นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีบริการประกันการส่งออกคุ้มครองความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกไทยจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อหรือธนาคารผู้ซื้อในต่างประเทศ ทั้งจากสาเหตุทางการค้าและการเมือง รวมทั้งบริการประกันความเสี่ยงการลงทุน (Investment Insurance) คุ้มครองความเสี่ยงทางการเมือง

กรณีโครงการลงทุนได้รับความเสียหายจากการดำเนินนโยบาย กฎระเบียบ หรือการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลในประเทศที่เข้าไปลงทุน จนมีผลกระทบในทางลบต่อโครงการและความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ของนักลงทุน

ทั้งนี้ ในปี 2563 ไทยและเมียนมามีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 6,593 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปเมียนมา 3,798 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทยจากเมียนมา 2,795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเมียนมาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 17 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 1.6% ของมูลค่าส่งออกรวม ในปี 2563 ที่ผ่านมามูลค่าส่งออกของไทยไปเมียนมาหดตัว 13% เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้การค้าชายแดนมีอุปสรรคในการขนส่งสินค้าและความต้องการบริโภคของเมียนมาชะลอตัวลง

"EXIM BANK โดยสำนักงานผู้แทนในย่างกุ้ง เมียนมา จะติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อประเมินผลกระทบในระยะสั้นและระยะถัดไปต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับเมียนมา และช่วยเหลือดูแลด้านการเงิน

รวมถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าและผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อผ่อนคลายผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน" นางวรรธนา กล่าว

คนจะซวย ช่วยไม่ได้จริง ๆ เมื่อหนุ่มไต้หวัน ที่ขอเปิดเผยแค่ว่าชื่อนายเฉิน ถูกทางการไต้หวันปรับเงินถึง 1 ล้านเหรียญไต้หวัน เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรการกักตัว 14 วัน หลังจากที่เขาเพิ่งกลับจากฮ่องกงในวันที่ 30 ตุลาคมปีที่แล้ว

แต่ทว่า เรื่องราวนี้คดีพลิก เพราะนายเฉินอ้างว่าตัวเขาคือเหยื่อ ไม่ใช่จำเลยสังคมที่อยู่ดีๆก็ออกมาเดินเพ่นพ่านทั้ง ๆ ที่อยู่ในช่วงกักตัว

นายเฉินเล่าว่า ตัวเขาเพิ่งเดินทางกลับจากฮ่องกง และทำเรื่องว่าจะไปกักตัวเอง 14 วันที่บ้านเพื่อนในเมืองหนานโถว

แต่ระหว่างที่อยู่บ้านเพื่อน กลับพบนักทวงหนี้ จึงรู้ว่าเพื่อนของเขากำลังหนีเจ้าหนี้นอกระบบ แล้วนักทวงหนี้ก็เข้าใจว่าตัวเขาคือลูกหนี้ จึงเข้ามาข่มขู่รีดไถเอาเงิน และก็ยังทำร้ายร่างกายเขาอีก บังคับให้เขาจ่ายเงินให้ได้

นายเฉิน บอกว่านักทวงหนี้บีบให้เขาต้องรีบเดินทางกลับบ้านตัวเองเพื่อไปเอาเงิน และยังประกบติดตามตัวเขาตลอดเวลา หลังจากที่จ่ายเงินบางส่วนไป ก็เขารีบไปหาตำรวจ แต่กลับถูกจับ ปรับเงิน 1 ล้านเหรียญข้อหาฝ่าฝืนมาตรการกักตัว

สำหรับกฎระเบียบเรื่องการกักตัว 14 วันในไต้หวันถือเป็นกฎเหล็กสุดเข้ม หากใครฝ่าฝืนมีโทษปรับ 1 ล้านเหรียญไต้หวันทุกกรณี โดยไม่มีข้ออ้างว่าจะออกจากสถานที่กักตัวนานแค่ไหน และเพื่ออะไร

ดังตัวอย่างเช่น คนงานฟิลิปปินส์ที่ถูกกักตัวในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเกาสง แค่เดินออกจากห้องแต่ 8 วินาที ก็โดนปรับ 1 ล้านทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

แต่สำหรับเคสของนายเฉิน ทางการไต้หวันยังพอปรานีอยู่บ้าง ที่จะยกเว้นโทษปรับให้ จากคำให้การว่าเขาถูกบีบบังคับ และลักพาตัวให้ออกจากสถานที่กักตัว และกลายเป็นครั้งแรกที่ไต้หวันจะละเว้นโทษปรับนับล้านจากการฝ่าฝืนมาตรกสรกักตัวให้

แต่ทั้งนี้ ข้ออ้างเรื่องการถูกนักทวงหนี้ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย และรีดไถเงิน จะยังคงสืบสวนต่อว่าเป็นความจริงหรือไม่

หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าคำบอกเล่าของนายเฉินเป็นเรื่องจริงหล่ะก็ คงได้คดีพลิกอีกรอบ และนายเฉิน ก็เปิดบ้านรองานเข้าได้เลย เพราะนอกจากต้องจ่ายเงินล้านแล้ว ยังมีสิทธิ์คิดคุกข้อหาแจ้งความเท็จอีกกระทงด้วย


อ้างอิง

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4113852

https://edition.cnn.com/travel/article/taiwan-quarantine-kidnap-intl-hnk-scli/index.html

ทำเสียชื่อกันสุด ๆ เมื่อพบแก๊งมิจฉาชีพชาวจีนแอบผลิตวัคซีน Covid-19 ปลอม โดยใส่น้ำเกลือธรรมดา อ้างสรรพคุณเป็นวัคซีน Covid-19 เตรียมจำหน่ายทั้งในจีน และต่างประเทศ

หลังจากที่มีการพบวัคซีนปลอม กระจายเกลื่อนในหลายเมืองของจีน ตำรวจจากมณฑลเจียงซู ปักกิ่ง และ ซานตง ได้ร่วมสรรพกำลังสืบสาวจนถึงต้นตอ เพื่อทลายแก๊งวัคซีนปลอมให้ได้ ล่าสุดพบตัวแล้ว สามารถจับกุมตัวได้มากกว่า 80 พร้อมของกลางที่ยึดได้พร้อมส่งอีกกว่า 3,000 โดส

แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ แก๊งวัคซีนปลอม มาจากโรงงานผลิตวัคซีนแห่งหนึ่ง ที่แหล่งข่าวจีนไม่ได้ระบุชื่อ และเริ่มทำธุรกิจหลอกขายวัคซีนปลอมมาตั้งแต่กันยายน 2020 ที่ผ่านมาแล้ว โดยใช้น้ำเกลือแทนตัวยาที่เป็นวัคซีนจริงๆ และจัดส่งไปขายแล้วหลายเมือง ในราคาสูง แถมเตรียมที่จะผลิต ล็อตใหญ่ส่งออกต่างประเทศด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะแอบลักลอบส่งวัคซีนปลอมไปขายในทวีปแอฟริกา

ซึ่งยังโชคดีที่ช่วงนี้ทางการจีนยังเข้มงวดเรื่องการเดินทางเข้า-ออก นอกประเทศ จึงเชื่อว่ายังไม่น่ามีวัคซีนปลอมกระจายออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ส่วนวัคซีนปลอมที่กระจายส่งภายในจีน ทางการจีนยืนยันว่าติดตามได้หมดแล้ว และหากแก๊งวัคซีนปลอมใช้น้ำเกลือในการผลิตทั้งหมด ก็จะไม่มีอันตรายกับผู้ที่รับวัคซีนปลอมไปแล้ว แต่ก็เป็นข่าวที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นไม่น้อยทีเดียว

เนื่องจากก่อนหน้าที่แก๊งวัคซีนปลอมจะถูกจับ ได้ส่งขายวัคซีนปลอมออกขายไปแล้วไม่ทราบจำนวน รวมๆไปกับวัคซีนแท้ ที่อาจเล็ดลอดการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากตอนนี้อยู่ในช่วงที่วัคซีน Covid-19 มีความต้องการสูงมากในท้องตลาด ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่า มีชาวญี่ปุ่นออกมาร้องเรียนว่าได้วัคซีน Covid-19 ที่เชื่อได้ว่าเป็นของปลอมจากจีน ที่เคยมีเรื่องมีราวกับทางสถานทูตจีนมาแล้ว ที่ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง

แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรกับผู้ต้องหาคดีวัคซีนปลอมในครั้งนี้ แต่หากอ้างอิงจากฎหมายว่าด้วยเรื่องยา และวัคซีนฉบับใหม่ของจีนระบุโทษไว้ว่า ผู้ที่ผลิตและจำหน่ายยา หรือวัคซีนปลอมมีโทษปรับสูงตั้งแต่ 15 - 50 เท่าของมูลค่าสินค้า ที่ต้องมาพิสูจน์กันอีกทีว่าจำหน่ายไปแล้วกี่ชุด

ซึ่งก็เคยมีคดีศึกษาของการผลิตยา หรือซีนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ที่เกิดขึ้นในบริษัทยาฉางชุน ฉางเฉอ ในมณฑลซานตง ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบจำนวน 250,000 ชุด ก็โดนโทษปรับไป 3.4 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับผลกำไรของบริษัทต่อปีที่สูงถึง 566 ล้านหยวน

ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงมีการปรับแก้กฎหมายใหม่เพิ่มโทษปรับให้สูงขึ้น แล้วก็โดนกับบริษัทยาเจ้าเดิม ที่ผลิตวัคซีนพิษสุนัขบ้าไม่ได้มาตรฐาน คราวนี้เจอโทษปรับไปถึง 9 พันล้านหยวน ซึ่งผู้บริหารก็ถูกจับกุม ดำเนินคดีด้วย

ก็หวังว่าจีนจะเอาจริง ตามจับแก๊งวัคซีน Covid ปลอมได้หมดจดจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเสียชื่อสถาบันจีนหมด


อ้างอิง

https://www.globaltimes.cn/page/202102/1214637.shtml

https://www.scmp.com/news/china/politics/article/3120083/chinese-police-detain-80-selling-fake-covid-19-vaccines

https://edition.cnn.com/2021/02/01/asia/china-fake-covid-vaccines-intl/index.html

สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ยันรัฐประหารในประเทศเมียนมา ไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การค้าชายแดนฝั่งไทย ย้ำผู้ประกอบการค้า การพาณิชย์ และการอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการตามปกติ ไม่มีผลกระทบใด ๆ

นายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวถึงการรัฐประหารในประเทศเมียนมา ว่ายังไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การค้าชายแดนฝั่งไทย

ซึ่งในช่วงนี้ผลผลิต พืชไร่ ในเมียนมากำลังจะมีการนำเข้ามาฝั่งไทย และในส่วนของภาคอุตสาหกรรมนั้น ผู้ประกอบการค้า การพาณิชย์ และการอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการตามปกติ ไม่มีผลกระทบใด ๆ

นายสุชาติ ตรีรัตน์รัตนา ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก และผู้ประกอบการค้ารายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนแม่สอด กล่าวว่า ระยะแรก ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับระบบเศรษฐกิจธุรกิจ ที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ส่วนระยะยาวคงต้องดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา ล่าสุดเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ได้มีประชาชนได้มีการประท้วงกองทัพอย่างสงบ โดยแสดงออกถึงสัญญาลักษณ์การต่อต้านเท่านั้น

‘บรูไน’ ค่าครองชีพแพงแซงหน้า ‘ไทย’ ในอาเซียนเป็นรองแค่ ‘สิงคโปร์’ ที่ยังยืนหนึ่ง

คอลัมน์ เสียงจากเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ บรูไน

ถ้าหากพูดถึงความหรูหรา ฟู่ฟ่า และประเทศแห่งเจ้าชายหนุ่มหล่อหลายพระองค์ ในอาเซียน คงหนีไม่พ้นประเทศบรูไน หรือที่ชื่อทางการว่า เนอการาบรูไนดารุซซาลาม ประเทศที่เดินไปไหนก็กระทบไหล่กับเจ้าชายได้ง่ายๆ เพราะยังใช้ระบอบการปกครองแบบสมบูรณายาสิทธิราชย์

และด้วยความหรูหรา จากภาพในโลก Social Media ของเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชาย และข้อเท็จจริงทางด้านเศรษฐกิจ

ล่าสุดประเทศบรูไน  ได้รับการจัดอันดับจากเว็บไซท์ Numbeo ว่าเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพโดยเฉลี่ยแพงเป็นอันดับ 63 ของโลก จากจำนวนประเทศที่สำรวจ +139 ประเทศ แซงหน้าประเทศไทยไปเรียบร้อย ซึ่งไทยเราที่อยู่ในอันดับที่ 65

และในกลุ่มประเทศภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ก็ได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับที่ 19 แต่หากมองเฉพาะกลุ่มประเทศย่านอาเซียนจะกลายเป็นที่สอง รองจากสิงคโปร์เท่านั้น อู้หูวววว ใครคิดจะย้ายไปอยู่บรูไนละก็ ต้องหาเงินถุงเงินถังไปไม่น้อยเลย

ซึ่งการจัดอันดับนี้ วัดจากค่าเฉลี่ยของราคาสินค้า และบริการในแต่ละประเทศทั่วโลก อันดับล่าสุดของปี 2021 ชี้ว่าค่าครองชีพโดยเฉลี่ยของบรูไนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในย่านอาเซียน แต่ยังถูกกว่าค่าครองชีพของสิงคโปร์ สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ค่าครองชีพที่ถูกนะ แต่บริการด้านเศรษฐกิจของเขา ก็มีมาตรฐานเกือบจะเท่าสิงคโปร์เลยทีเดียว

จะว่าไปนอกจากเจ้าชายและภาพแห่งความหรูหราฟู่ฟ่า  จากประเทศบรูไนแล้ว ผู้เขียนและเชื่อว่าอีกหลายคนก็ไม่ค่อยได้เห็นว่าวิถีของชาวบรูไนเป็นอย่างไร อาจจะด้วยระบอบการปกครอง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อโลกใบนี้ มีเครื่องมือสื่อสาร การเดินทางที่สะดวกสบาย สายสัมพันธ์ของผู้คนและวัฒนธรรม ก็เชื่อได้ว่า  การที่เราจะรู้จัก เข้าอกเข้าใจกัน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


อะมีนะห์

สาวไทยมุสลิม เกิดใจกลางกรุงเทพ ชีวิตผกผันแต่งงานกับหนุ่มบรูไน ตั้งรกรากปากกัดตีนถีบแต่มีความสุขดี ยังชีพกับการเผยแพร่อาหารไทย มีความรักผูกพันบ้านเกิดทุกลมหายใจ เลี้ยงลูกสองคน วันนึงจะพาลูกมารู้จักแผ่นดินที่เเม่เกิดให้มากขึ้น แนะนำเพื่อนบ้านบรูไนจากกรุงเสรีเบการ์วันให้คนไทยรู้จักมากขึ้น

ก.แรงงาน เปิดไทม์ไลน์ฝึกอบรม ก.พ. - มี.ค. ชงสถาบัน MARA เทรนสมองกล - หุ่นยนต์ สร้างคนอัจฉริยะป้อน EEC

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่เริ่มดีขึ้น หลายจังหวัดมีผู้ติดเชื้อน้อยลงหรือแทบไม่มีผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดอีกเลย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้กพร.เร่งดำเนินการ จัดฝึกอบรม ผลิตกำลังแรงงานป้อนสู่ตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการฝึกอบรมสาขาเทคโนโลยีการผลิตและหุ่นยนต์ ไปสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากยังมีความต้องการแรงานที่มีทักษะฝีมือจำนวนมากทั้งในระดับช่างปฏิบัติการและวิศวกร

ในส่วนนี้สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) ซึ่งเป็นศูนย์ Training Excellent Center ของกพร. จึงเร่งดำเนินการพัฒนากำลังแรงงานในสาขานี้ เพื่อให้มีศักยภาพรองรับนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง (High Technology) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

โดยล่าสุดสถาบัน MARA เปิดไทม์ไลน์โปรแกรมหลักฝึกอบรมช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 จำนวน 14 หลักสูตร ดังนี้...

(1) การใช้โปรแกรม PLC Basic PLC Gx Works

(2) PLC Advance

(3) การประยุกต์ใช้ PLC ในงานอุตสาหกรรม (Siemens)

(4) การประยุกต์ใช้ PLC ในงานอุตสาหกรรม (Omron)

(5) การประยุกต์ใช้ CC-Link ในงานอุตสาหกรรม (Mitsubishi)

(6) การใช้เทคโนโลยี Industrial Internet of Things ในงานอุตสาหกรรม ระดับ 1 เปิด 2 รุ่น สาขาหุ่นยนต์

(7) ช่างควบคุมหุ่นยนต์ FANUC

(8) การควบคุมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสำหรับการจับชิ้นงาน

(9) การบำรุงรักษาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม สาขาโปรแกรมการผลิต CAD/CAM/CAE

(10) การใช้โปรแกรม Solidworks CAD

(11) การใช้โปรแกรม NX CAD

(12) การจำลองขบวนการผลิตและวางแผนการผลิตด้วยโปรแกรม TECNOMATIX และสาขาเครื่องจักรกลการผลิต

(13) การใช้เครื่องมือวัดสามมิติ CMM ระดับ 1

(14) ช่างควบคุมเครื่องกัด CNC 5 แกน

ทั้ง 14 หลักสูตรเป็นไปตามความต้องการของนายจ้างและสถานประกอบกิจการในเขต EEC ที่ต้องการให้เปิดฝึกอบรมในการพัฒนากำลังแรงงานในสาขานี้อีกด้วย

“ทุกหลักสูตรจะใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง บางหลักสูตรมีฝึกอบรมเฉพาะวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานในสถานประกอบกิจการเข้ารับการฝึกอบรมได้สะดวกขึ้น รับสมัครจำนวนจำกัดเพียง 20 คนต่อหนึ่งหลักสูตร สร้างระยะห่างทางสังคมเป็นไปตามมาตรการที่กพร. กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังคงคุณภาพของการฝึกอบรมไว้เช่นเดิม เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dsd.go.th/mara และ www.facebook.com/dsdmara หรือติดต่อสอบถามที่เบอร์โทร 0 3827 6823” อธิบดีกพร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top