Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

'ทิพานัน’ สวน ‘ช่อ’ บิดเบือน!! โยง EU ขัดแอสตราฯ ปมส่งวัคซีนสะดุด

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง กรณีที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด เพราะมีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักรตามมาตรา 14(3) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

แต่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช และคณะก้าวหน้า ตอบโต้ว่า สิทธิ เสรีภาพ และผูกขาดการใช้กฎหมาย เฉพาะประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช้หลักการ แต่ใช้เพียงหลักกูว่า น.ส.พรรณิการ์ ไม่ควรนำประเด็นของอียู มากล่าว อ้างสนับสนุนการกระทำของคณะก้าวหน้าว่ามีสิทธิทำได้ โดยสาเหตุหลักคืออียูขัดแย้งเรื่องการได้รับวัคซีนล่าช้า ไม่เป็นไปตามกำหนด จึงได้เปิดเผยสัญญาจัดซื้อที่เป็นความลับ และในข้อ16 ของสัญญากำหนดไว้เกี่ยวกับการรักษาความลับ ทางอียูได้เผยแพร่สัญญา โดยทำเครื่องหมายปิดข้อความบางส่วน 24 หน้า จาก 42 หน้า เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ ราคา วิธีการปรับขึ้นราคา กำหนดวันส่งมอบ การให้ทุนสนับสนุนต่างๆ ลิขสิทธิ์ เพื่อสนับสนุนข้อขัดแย้งเรื่องความล่าช้า ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดจากประเด็นต้องการตรวจสอบหรือเรียกร้องความโปร่งใสของรัฐบาลอียู ตามที่ น.ส. พรรณิการ์เข้าใจผิดและเอามาปะติดปะต่อ แบบอ่านไม่แตกแล้วนำไปบิดเบือน

“สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของนายธนาธรเกี่ยวกับวัคซีน ในเบื้องต้นศาลได้พิจารณาจากคำฟ้องและหลักฐาน เห็นว่ามีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร ฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว จึงขอให้ยุติการเผยแพร่ และแสดงให้เห็นว่าการใช้สิทธิตั้งคำถามของนายธนาธรไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐ ไม่ได้เป็นการใช้กฎหมายมาปิดปาก แต่เป็นเพราะการใช้ สิทธิที่เกินส่วนของนายธนาธร ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เป็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดผู้อื่น ขอให้ น.ส.พรรณิการ์ทำความเข้าใจและฝึกจิตเคารพคำสั่งศาล” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าถูกกฎหมายปิดปากในการแสดงความคิดเห็นทั้งที่ตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐนั้น ขอให้ย้อนดูตัวเองว่าเคยใช้กฎหมายฟ้องคดีเพื่อปิดปากประชาชนที่ใช้สิทธิโดยสุจริต ในการตรวจสอบความโปร่งใสของการใช้เงินโครงการ MaydayMaydayโดยเรียกร้องให้ประชาชนลบข้อความ ให้หยุดเผยแพร่โดยที่ไม่ได้ฟ้อง และได้รับคำสั่งศาล หรือไม่ ทำไมถึงใช้กฎหมายแบบผูกขาดเข้าข้างเฉพาะกรณีของตัวเองฝ่ายเดียว

‘แรมโบ้’ ดักทาง “ก้าวไกล" ชี้หากขับไล่ 2 ส.ส.สวนมติพรรค ไม่ลงชื่อแก้ ม.112 พ้นพรรค นับเป็นพรรคที่อ้างประชาธิปไตย แต่มีหัวใจเผด็จการ ยุส่ง 2 ส.ส.ย้ายพรรค หากยังอยากอยู่ในใจประชาชน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนของพรรคต้องแก้ไข มาตรา112 ว่า ขอชื่นชมนายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไข

ที่มีจุดยืนปกป้องสถาบัน มิให้ใครมาคิดร้ายหรือทำลายและมีความคิดเห็นว่าอะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ ไม่ได้ทำตามมติหัวหน้าหรือมติพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนพรรคก้าวไกล ควรเอาเวลาไปช่วยเหลือและคิดถึงปากท้องของประชาชน ไม่ใช่คิดแต่เรื่องแก้ไขมาตรา 112 จนประชาชนคิดว่าพรรคการเมืองนี้กระทำการก้าวล้วง จาบจ้วงสถาบัน ทำร้ายสถาบันเพียงอย่างเดียว

นายสุภรณ์ กล่าวว่า "หากพรรคก้าวไกลคิดจะขับส.ส.2คนที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไข คือพรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นพรรคประชาธิปไตยแต่หัวใจคือเผด็จการ และอาจจะเป็นโชคดีของส.ส.ที่จะได้ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนโดยแท้จริง ถ้ายังอยู่พรรคก้าวไกล ประชาชนจะเลือกอีกหรือไม่ เพราะมีตัวอย่างคณะก้าวหน้า ที่แกนนำลงพื้นที่หาเสียง อบจ.จังหวัดใดก็โดนโห่ไล่ทุกที่"

"ทั้งนี้การแก้ไขมาตรา 112 อาจเป็นเพราะว่าอยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว มีหัวหน้าทีมหลักคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำพรรคก้าวหน้า สั่งการให้มีการเคลื่อนไหวจ้าบจ้วงสถาบัน ทำการบิดเบือนใส่ร้ายสถาบัน"

"แต่ไม่อยากให้ลูกสมุนมีความผิดและถูกดำเนินคดีเข้าคุกเข้าตาราง มีเป้าหมายต้องการล้มล้างสถาบันเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี ซึ่งแนวความคิดที่เป็นกบฏชัดเจน และเชื่อว่าส.ส. ส.ว.และคนไทยที่รักสถาบันคงไม่ยอม"

บ่าย 3 เจอกัน!! กลุ่มมวลชนอาสา (WEVO) นัดรวมพล ประนามก่อรัฐประหารพม่า

นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "มวลชนอาสา" หรือ WEVO โพสต์เฟซบุ๊กประกาศด่วน ว่า “ร่อนแถลงประณาม การก่อรัฐประหารในพม่า ย้ำ พลเมืองสมาชิกอาเซียนต้องไม่รับรองการรัฐประหารครั้งนี้”

พร้อมแชร์รูปภาพจากกลุ่มเพื่อเชิญชวนทำกิจกรรมหน้าสถานทูตเมียนมา วันนี้เวลา 15.30 เพื่อประณามและประกาศไม่รับรองการรัฐประหาร และรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หลังจากเกิดเหตุสถานการณ์ทหารประเทศเมียนมา ทำรัฐประหารเมื่อช่วงเช้ามืดพร้อมควบคุมตัวแกนนำรัฐบาลและนักการเมืองหลายคนไว้

สั่งทหารคุมเข้มแนวชายแดน หลังเมียนมารัฐประหาร ป้องกันคนลอบอพยพเข้าไทย

มทภ.3 สั่งทหารเฝ้าตรวจแนวชายแดนเข้ม หลังเมียนมารัฐประหาร ป้องกันคนลอบอพยพเข้าชายแดนไทย เชื่อไม่ถึงขั้นทะลัก ระบุไม่กังวลกองกำลังชนกลุ่มน้อย ขณะที่ด้านฝั่งเมืองกาญจน์ยังสงบ เหตุการณ์ปกติ

พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 (มทภ.3) กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมาว่า ขณะนี้ได้สั่งการใหัติดตามสถานการณ์ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หลังมีข่าวว่านางอองซาน ซูจี แกนนำรัฐบาลถูกควบคุมตัว โดยพล.อ.มิน อ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาได้ออกประกาศแถลงการณ์ยืนยันกองทัพก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจปกครองจากรัฐบาลพลเรือน  ซึ่งทางชายแดนไทย-เมียนมามีกองกำลังทหารไทยตรึงกำลังอยู่แล้ว ในการป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดฎหมายในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หากประชาชนจากเมียนมาทะลักข้ามเขตไทยเข้ามาก็จะถูกควบคุมตัว แต่เบื้องต้นคาดว่า คงไม่ถึงขั้นทะลักข้ามมายังฝั่งไทย โดยตนกำชับทุกหน่วยในพื้นที่ชายแดนให้ดูแลเข้มงวด

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนอาจมีการดำเนินการหลังจากที่ทหารเมียนมายึดอำนาจครั้งนี้ พล.ท. อภิเชษฐ์ กล่าวว่า แม้ว่าที่เมียนมาจะมีการรัฐประหาร แต่ก็คงจะไม่ส่งผลต่อชนกลุ่มน้อยตามชายแดน เพราะที่ผ่านมาก็มีการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายทหาร แต่ชะงักไปในช่วงสถานการณ์โรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19

“ยืนยันว่าไม่ต้องกังวลชาวเมียนมาจะไหลทะลักข้ามมายังฝั่งประเทศไทย เพราะเรามีกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

ทั้งนี้รายข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทยและเมียนมาฝั่งจ.กาญจนบุรียังคงเป็นไปด้วยเรียบร้อยปกติ ในส่วนของทหารทางพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังไม่ได้มีการสั่งการให้เพิ่มเติมกำลังพลบริเวณกองกำลังชายแดนแต่อย่างใด เพราะได้มีการเสริมกำลังไปแล้วตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และมีปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศไทย แต่ก็ได้มีการกำชับให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจุดผ่านแดนต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางธรรมชาติ ที่มีชุดตรวจเฝ้าระวังพิเศษของทหารทำหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเหตุความวุ่นวายจากฝ่ายที่ต่อต้านการยึดอำนาจจนทำให้คนทะลักชายแดนคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อีกทั้งกองกำลังชนกลุ่มน้อยขณะนี้ก็ยังมีความเรียบร้อย

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เล็งอุ้มแรงงานภาคท่องเที่ยว 4 แสนคน ชงรัฐบาลเสนอช่วยจ่ายเงินเดือน 50% เป็นเวลา 2 เดือน หวังช่วยต่อลมหายใจผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว คาดใช้เงิน 6 พันล้าน ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ให้หารือร่วม ‘คลัง - แรงงาน’ หาข้อสรุป

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน รับข้อเสนอภาคเอกชนท่องเที่ยวที่ขอให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 50% ของเพดานสูงสุด 15,000 บาท

ซึ่งเป็นระบบร่วมจ่ายหรือ Co-Payment ให้กับบุคลากรในธุรกิจท่องเที่ยวจำนวน 400,000 คนเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งรัฐจะใช้เงินร่วมจ่ายประมาณ 6,000 ล้านบาท ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน เพื่อหาข้อสรุป รวมถึงข้อเรียกร้องอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางในประเทศ ล่าสุดได้สั่งการให้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และรองผู้ว่า ททท. 8 คน ให้ชะลอการจัดอีเว้นท์เล็ก ๆ และสะสมเงินไปไว้จัดอีเว้นท์ขนาดใหญ่ลงไปในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยให้ทำเป็นปฏิทินในแต่ละเดือนว่าจัดที่ใดบ้าง

ส่วนการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น หากประเทศไทยได้รับวัคซีน 26 ล้านโดสแล้ว จะไปหารือกับนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้พิจารณาฉีดวัคซีนกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูงก่อน

ทั้งผู้ที่มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พนักงานโรงแรม พนักงานร้านอาหาร คนขับรถแท็กซี่ คนขับรถนำเที่ยว หมอนวด พนักงานสปา ให้ได้รับวัคซีนในกลุ่มแรกๆ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ซึ่งคาดว่ามีจำนวน 2.5 ล้านคน ใช้วัคซีน 5 ล้านโดส

คืบหน้า รัฐประหาร เมียนมา หลังกองทัพได้คุมตัว ‘ออง ซาน ซูจี’ที่ ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา และ ‘วิน มิ่นท์’ ประธานาธิบดีเมียนมา ล่าสุด ‘มิน อ่อง หล่าย’ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการเบ็ดเสร็จ พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน 1 ปี

หลังจากที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ระบบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา ถูกตัดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางไปยังบ้านของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีประจำภูมิภาคต่าง ๆ  รวมถึงนาง ออง ซาน ซูจี และประธานาธิบดี วินต์ มินต์ พร้อมแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ไปควบคุมตัวไว้

ล่าสุด พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี พร้อมเข้ายึดอำนาจทั้ง ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการทั้งหมด พร้อมแต่งตั้ง พล.อ. มิน ส่วย รองประธานาธิบดี เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

สำหรับปมใหญ่ที่ทำให้กองทัพเมียนมาใช้เป็นมูลเหตุแห่งการยึดอำนาจ มาจากการพบหลักฐานการทุจริตการเลือกตั้ง เช่น ปลอมบัญชีรายชื่อผู้ใช้สิทธิ์ ราว 8.6 ล้านรายชื่อจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 37 ล้านคน และมองว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.พม่า) เอื้อประโยชน์กับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( NLD)

ทั้งนี้ หลังจากพรรค NLD ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว กองทัพเมียนมาและบรรดาพรรคฝ่ายค้านได้ออกมาคัดค้านผลการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง

โดยทางพรรค NLD ภายใต้การนำของนางซู จี ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 8 พ.ย. 2563 อย่างถล่มทลาย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่ 2 ด้วยการคว้าที่นั่งในสภาไปถึง 346 ที่นั่ง แบ่งเป็น สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง 258 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) และสภาชนชาติ หรือสภาสูง 138 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) ขณะที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ได้เสียงในสภาล่าง 26 ที่นั่ง และสภาชนชาติ 7 ที่นั่ง (ลดลงจากเดิมสภาละ 4 ที่นั่ง)

แม่สอด เปิดเรียนวันแรก ‘ผู้ว่าฯตาก’ แจ้งให้พ่อ-แม่กลับมารับบุตรหลานกลับบ้านด่วน หลังพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 อีก 5 ราย ที่ติดมาจากผู้ป่วยสูงอายุ ที่แพร่กระจายสู่พยาบาลด้วย จึงต้องสั่งปิดอีก 15 โรงเรียนกะทันหัน

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 64 หลังรัฐบาลผ่อนปรนให้มีการเปิดโรงเรียนได้ทั่วประเทศ แต่ที่อำเภอแม่สอด โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครแม่สอด เกิดเหตุอลเวงขึ้น เพราะตั้งแต่เช้าผู้ปกครองต่างรีบเร่งส่งบุตรหลานไปโรงเรียนตามปกติ

แต่กลับถูกเรียกให้มารับบุตรหลานกลับเป็นการด่วน เนื่องจาก นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก มีคำสั่งปิดโรงเรียนในเขตเทศบาลนครแม่สอดไม่มีกำหนด โดยไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ผู้ปกครองต้องกลับมารับบุตรหลานกลับแบบงง ๆ

มีรายงานจากเพจ โรงพยาบาลแม่สอด เรื่องด่วน เรื่องแจ้งประชาสัมพันธ์ แจ้งนักเรียนที่อาศัยอยู่ในชุมชนอิสลาม 1.ให้ นร.งดมาเรียน 2.นร.คนใดที่มา ผู้ปกครองมาส่งโรงเรียนแล้วให้ผู้ปกครองพาเด็กกลับบ้านไปก่อนจนกว่าการสอบสวนโรคในชุมชนจะชัดเจน

สาเหตุสืบเนื่องมาจากผู้ป่วยโควิดสูงอายุอยู่ในชุมชนอิสลาม อาชีพค้าขายของในตลาด ลูกหลานที่มีไทม์ไลน์ไปทั่วแม่สอด ซึ่งเป็นสาเหตุให้พยาบาลติดเชื้อและถูกกักตัว 25 คน และเมื่อคืนผลตรวจลูกหลานผู้ป่วย ติดเชื้ออีก 5 คน ทั้งนี้ผู้สูงอายุชาวอิสลามอาศัยในชุมชนอิสลาม แต่ไปค้าขายในตลาดเทศบาลนครแม่สอด ติดเชื้อโควิด-19 และนำเชื้อไปติดพยาบาลโรงพยาบาลแม่สอด

จนต้องมีการกักตัวพยาบาลมากถึง 25 คน นอกจากนี้นำเชื้อไปติดบุตรหลาน เพราะหลังจากหน่วยสอบสวนโรคทราบต้นตอได้ลงพื้นที่คัดกรองโรคพบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 5 ราย รวมเป็น 6 ราย จึงต้องสั่งปิดชุมชนอิสลามเพื่อทำการสอบสวนโรคและปิด โรงเรียนอีก 15 แห่ง


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/north/2023704

กรมชลฯ เร่งระบายน้ำกันน้ำเค็มรุกสวนผลไม้ หลังพบค่าความเค็มสูงกว่าปกติ

กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำจากเขื่อน ช่วยป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร หลังพบค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง อยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ปกติ

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทาน ได้ทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลบ.ม.ต่อวินาที ไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. 2564 เพื่อเจือจางความเค็ม และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน โดยเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จาก 35 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 45 ลบ.ม.ต่อวินาที

ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. - 2 ก.พ. 2564 เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนบน และขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจรดอ่าวไทย ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

จากการติดตามการตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2564 เวลา 20.00 น. มีค่าความเค็มอยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง(บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี) และการเพาะปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น กรมชลประทาน ได้เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนพระรามหกจากเดิมระบาย 20 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 25 ลบ.ม.ต่อวินาที

‘ก้าวไกล’ ประณาม ‘รัฐประหารเมียนมา’ เรียกร้องปล่อยตัว ‘ออง ซาน ซูจี’

แถลงการณ์ต่อกรณีการรัฐประหารในประเทศเมียนมา


พรรคก้าวไกล ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของประเทศเมียนมา ด้วยความห่วงใยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวว่ากองทัพเมียนมาจะทำการรัฐประหาร รัฐบาลพลเรือนที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างถล่มทลาย โดยอ้างเหตุผลว่าพรรครัฐบาลโกงการเลือกตั้ง
ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา แม้โครงสร้างการเมืองของเมียนมาจะยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ด้วยการกำหนดโควต้าผู้แทนและรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งให้กองทัพ แต่บนเส้นทางประชาธิปไตยของเมียนมา ประชาชนยังคงได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องและสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาชนได้


เป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่วันนี้ผู้นำทหารของเมียนมา ทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างขึ้นมา ทำลายพัฒนาการประชาธิปไตย และที่ร้ายแรงที่สุด คือการทำลายเจตจำนงของประชาชน ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กองทัพเมียนมาได้เข้าควบคุมตัวผู้นำของรัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ผู้นำชนกลุ่มน้อย และนักกิจกรรมหลายคน รวมทั้งตัดการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านการรัฐประหารของประเทศไทย ขอประณามการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ที่นำโดย พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพรรคก้าวไกลขอเรียกร้องต่อพรรคการเมือง และรัฐบาลในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประชาคมระหว่างประเทศและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ดังนี้


1.) เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาให้ปล่อยตัวนางซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, ประธานาธิบดีวิน มินต์, และผู้ที่ถูกกองทัพควบคุมตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข
2.) เรียกร้องให้ช่วยกันกดดันกองทัพเมียนมาไม่ให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชนเมียนมาที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร และต้องยุติการปิดกั้นการสื่อสารทุกชนิด ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน
3.) เรียกร้องให้พรรคการเมืองและรัฐบาลต่างๆ มีมาตรการคว่ำบาตรคณะรัฐประหารเมียนมาทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ


พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การรัฐประหารโดยกองทัพไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาทางการเมืองหรือวิธีการแก้ไขข้อบกพร่องในระบอบประชาธิปไตย กองทัพไม่มีสิทธิเหนือเสียงของประชาชนในการอ้างเหตุผลใดๆ เพื่อยึดอำนาจการปกครอง การรัฐประหารมีแต่จะทำให้ประเทศถอยหลังไม่แค่การเมือง แต่รวมถึงเศรษฐกิจ ดังที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่


พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้เพื่อนพรรคการเมืองในภูมิภาคที่เคารพในอำนาจสูงสุดและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกันประณามคณะรัฐประหารในเมียนมา เพื่อให้กลับไปใช้กระบวนการของระบบรัฐสภาแก้ปัญหาทางการเมืองและฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับมาโดยเร็วที่สุด


ด้วยความสมานฉันท์
พรรคก้าวไกล

ย้อนเวลาดูไทม์ไลน์ ‘อองซาน ซูจี’ กับการถูกกักบริเวณตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี จนถึงครั้งล่าสุด

เป็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกต่างจับตา สำหรับการก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี โดยกองทัพทหารเมียนมา ที่นำโดยพลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกแถลงการณ์แจ้งเหตุผลในการบุกควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี พร้อมประธานาธิบดีอู วิน มินต์ และแกนนำคนอื่น ๆ ของพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เนื่องจากเป็นการตอบโต้การโกงการเลืองตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

นอกจากนี้กองทัพเมียนมายังได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นางอองซาน ซูจี ถูกทางการ ‘ควบคุมตัว’ ตลอดระยะเวลาที่ก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองประเทศเมียนมา เธอถูกควบคุมตัวและถูกกักบริเวณมาแล้วถึง 3 ครั้ง The States Times รวบรวมไทม์ไลน์ ย้อนหลังเหตุการณ์การถูกกักบริเวณของอองซาน ซูจี จากอดีต จนถึงปัจจุบัน มาให้ได้ทราบกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top