กรมชลฯ เร่งระบายน้ำกันน้ำเค็มรุกสวนผลไม้ หลังพบค่าความเค็มสูงกว่าปกติ

กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำจากเขื่อน ช่วยป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร หลังพบค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง อยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ปกติ

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทาน ได้ทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลบ.ม.ต่อวินาที ไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. 2564 เพื่อเจือจางความเค็ม และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน โดยเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จาก 35 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 45 ลบ.ม.ต่อวินาที

ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. - 2 ก.พ. 2564 เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนบน และขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจรดอ่าวไทย ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

จากการติดตามการตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2564 เวลา 20.00 น. มีค่าความเค็มอยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง(บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี) และการเพาะปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น กรมชลประทาน ได้เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนพระรามหกจากเดิมระบาย 20 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 25 ลบ.ม.ต่อวินาที